คู่มือเที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568 ลงทะเบียนแล้วใช้สิทธิได้ทันที

โอกาสทองของคนอยากเที่ยวมาแล้ว สำหรับใครที่บ่นก่อนหน้าว่าลงทะเบียน เที่ยวไทยคนละครึ่งไม่ได้ ลงแล้วมีปัญหาไม่ได้รับ OTP บ้างหรือปัญหาในการลงทะเบียนต่างๆนาๆ ตอนนี้เปิดให้ลงทะเบียนใหม่แล้ว ทาง ททท. หรือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้ออกมาแจ้งข่าวดีเกี่ยวกับโครง เที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568 หรือ Amazing Thailand ลงทะเบียนแล้วเที่ยวได้ทันที ให้ค่าที่พักฟรี 3,000 บาท จ่ายถูกลงแถมได้รับส่วนลดอีก 500 บาท สำหรับโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวในประเทศ สามารถเดินทางไปใช้สิทธิ วางแผนเที่ยวในประเทศกับโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เที่ยวเมืองหลัก เมืองรอง เมืองน่าเที่ยวได้แล้ววันนี้

โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568

หนึ่งในโครงการที่ได้รับเสียงตอบรับเยอะมากๆเป็นโครงการจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เป็นโครงการที่จัดขึ้นมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวภายในประเทศ เที่ยวเมืองหลัก และ เที่ยวเมืองรอง ให้คนไทยได้เที่ยวในประเทศแบบคุ้มๆที่พักฟรีสูงสุด 3,000 บาท รับสิทธิสนับสนุนค่าที่พักสูงสุด 3,000 บาท จำนวน 5 สิทธิ์ สำหรับรายละเอียดโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ด้านล่าง

  • จ่ายถูกลงเยอะมาก
  • เที่ยวเมืองหลักรับส่วนลดค่าที่พัก 50% สำหรับการเข้าพักวันธรรมดา และ 40% สำหรับวันหยุด รับได้ 3 สิทธิ์
  • เมืองน่าเที่ยว รับส่วนลดที่พัก 50% ทุกวัน รับ 2 สิทธิ์
  • รับ E-Coupon 500 บาท ได้รับ E-Coupon มูลค่า 500 บาท จำนวน 5 สิทธิ์ เพื่อใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยว

เปิดขั้นตอนการลงทะเบียน เที่ยวไทยคนละครึ่ง ล่าสุด

  • ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่น Amazing Thailand หรือเว็บไซต์ เที่ยวไทยคนละครึ่ง.com
  • การยืนยันตัวตน อย่าลืมยืนยันตัวตนผ่านแอป ThaID
  • ตรวจสอบข้อมูล เพื่อความสะดวกรวดเร็ว ตรวจสอบความถูกต้องของ Email ก่อนกดยืนยันข้อมูล เพื่อป้องกันปัญหา หากไม่ได้รับรหัส OTP

 

 

 

หยุดยาววันอาสาฬหบูชา เข้าพรรษา คนไทยแห่เที่ยวทำเงินหมุด 1.3 หมื่นล้านบาท

เปิดเผยข้อมูลจากทางผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศของคนไทย ช่วงวันหยุดยาวในเดือนกรฎาคม 2568 ถึงแม้ว่าคนไทยส่วนใหญ่จะเลือกเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ โดยเฉพาะในเอเชียอย่างญี่ปุ่น และ เวียดนาม แต่การท่องเที่ยวในประเทศไทยของเรายังคงมีทิศทางที่ดี โดยคาดการณ์ว่าจะมีคนไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศถึง 3.13 ล้านคนต่อครั้ง สร้างรายได้หมุนเวียนประมาณ 13,670 ล้านบาท และมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 64% ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยถึง 39%

เปิดภาพรวมการเดินทาง และ ปัจจัยที่ส่งผล

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มีการประเมินสถานการณ์ไปในทิศทางเดียวกันว่าในช่วงวันหยุดนี้คนไทยส่วนใหญ่เลือกที่จะเดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดตัวเอง และ จังหวัดใกล้เคียง ซึ่งมากกว่าการเดินทางข้ามภูมิภาค โดยเป็นการท่องเที่ยวในจังหวัดตัวเองสูงถึง 34% และเดินทางไปจังหวัดใกล้เคียงโดยไม่พักค้างคืน 4% สำหรับคนที่พักค้างคืนในจังหวัดใกล้เคียงมีประมาณ 3% ขณะที่การเดินทางข้ามภาคมีประมาณ 3%

ในส่วนของปัจจัยที่เป็นอุปสรรคสำคัญ สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวช่วงหยุดยาวนี้ คือความระมัดระวังในการใช้จ่ายของประชาชน ซึ่งเกิดจากความกังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจ, ปัญหาค่าครองชีพ, และ ระดับหนี้สินครัวเรือนที่ยังคงสูง ทำให้ครัวเรือนต้องลดค่าใช้จ่ายไม่เป็นจำ สะท้อนจากดัชนีความเหมาะสมการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวที่มีการปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่เดือนมกราคม ไปจนถึงเดือนพฤษภาคม โดยลดลงจาก 90.6 หรือ 80.0 ตามลำดับ

เดือนกรกฎาคม 2568 การที่วันเข้าพรรษาไม่ได้เป็นวันหยุดของภาคเอกชน ทำให้วันหยุดไม่ต่อเนื่อง เลยไม่ได้เอื้อต่อการเดินทางแบบพักค้างคืนที่ยาว และเดือนกรกฎาคม ถึงสิงหาคม 2568 ทำให้มีวันหยุดยาวใกล้กันถึง 3 ช่วงด้วยกัน ทำให้ประชาชนมีโอกาสวางแผนการเลือกการเดินทางได้มากขึ้น ส่วนภาคใต้ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลสำคัญถือว่าเป้นช่วงนอกฤดูการท่องเที่ยว หรือ Low Season โดยทางกรมอุทยานห่งชาติทางทะเลฝั่งอันดามันหลายแห่งจะปิดการเข้าชมเพื่อฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ อีกทั้งยังเป็นช่วงฤดูฝนที่ไม่เหมาะกับการทำกิจกรรมทางทะเล และส่งผลให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าภาคใต้ในช่วงวันหยุดยาวน้อยกว่าภูมิภาคอื่นๆ

เปิดอัตราการเข้าพักสูงสุดในช่วงวันหยุดยาวนี้

สำหรับจังหวัดที่คาดว่าจะมีอัตราการเข้าพักสูงสุดในช่วงวันหยุดยาวเดือนกรกฎาคม 2568 นี้ สามารถดูรายละเอียดด้านล่าง

  • อุบลราชธานี 87% เป็นคนไทย 86%
  • ประจวบคีรีขันธ์ 84% เป็นคนไทย 75%
  • สมุทรสาครม 77% เป็นคนไทย 75%
  • บำกาฬ 76% เป็นคนไทย 75%
  • สุพรรณบุรี 76% เป็นคนไทย 75%

จากการคาดการณ์ ข้อมูลเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงเศรษฐกิจภายในประเทศ และ แนวโน้มการเดินทางไปต่างประเทศ แต่การท่องเที่ยวภายในประเทศยังคงเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในภูมิภาคและจังหวัดที่มีจุดเด่นด้านวัฒนธรรม และ กิจกรรมทางศาสนา

 

 

รู้หรือไม่ ลูกค้าบัตรเครดิต UOB สมัครบัตรเพิ่ม เสร็จภายใน 1 นาทีเท่านั้น

สำหรับลูกค้าบัตรเครดิต UOB ที่ต้องการสมัครบัตรเครดิต UOB เพิ่มในบัตรอื่นๆสามารถทำได้ผ่านช่องทางออนไลน์ง่ายๆ ไม่ต้องยื่นเอกสารเพิ่ม เพียงกรอกข้อมูลให้เสร็จภายใน 1 นราทีเท่านั้น สำหรับผู้ที่เป็นเจ้าของบัตรเครดิต UOB แล้วต้องการสมัครใบใหม่ จะได้รับสิทธิพิเศษเพียบ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ด้านล่าง

  • ฟรีค่าธรรมเนียมรายปี ปีแรก
  • ไม่ต้องยื่นเอกสารเพื่อประกอบการสมัคร
  • สะดวก รวดเร็วมาก ใช้เวลากรอกข้อมูลภายใน 1 นาทีเท่านั้น
  • รับบัตรเครดิตใบใหม่ทันใจภายใน 7 วันทำการ

ขั้นตอนในการสมัครบัตรเครดิต UOB ผ่านทางออนไลน์

  1. สมัครผ่านทางเว็บไซต์ หรือคลิกที่นี่ >> สมัครบัตรเครดิต UOB
  2. เลือกบัตรเครดิตที่คุณต้องการสมัครเพิ่มเติม เช่น UOB Privimiles, UOB Premier, UOB World, UOB One, UOB Lady’s, UOB Krisflyer, UOB Grab, UOB Makro ฯลฯ
  3. หลังจากเลือกบัตรเครดิต UOB ที่ต้องการสมัครเรียบร้อยให้ทำการกรอกข้อมูล เช่น ชื่อ, นามสกุล, หมายเลขโทรศัพท์, อีเมล, ช่วงรายได้ต่อเดือน และ บัตรที่เลือกสมัคร
  4. กดยอดรับเงื่อนไข
  5. กดที่ปุ่ม ส่งข้อมูล

แค่ 5 ข้อง่ายๆ สำหรับลูกค้าบัตรเครดิต UOB ก็จะได้รับัตรเครดิตใบใหม่ภายใน 7 วันทำการเท่านั้น ถือว่าเป็นอีกหนึ่งบริการดีๆที่ธนาคารยูโอบีจัดให้กับลูกค้าเก่าที่ถือบัตรเครดิต UOB อยู่สามารถดูรายละเอียดการสมัครเพิ่มเติมได้ด้านล่าง

สมัครบัตรเครดิต UOB ได้ที่นี่

 

หุ้นสหรัฐในปี 2025 ยังน่าลุงทุนหรือไม่ถึงแม้มีราคาแพงมาก

ตลาดหุ้นสหรัฐ ยังเป็นเป้าหมายหลักๆ สำหรับนักลงทุน เนื่องจากยังมีหุ้นที่น่าสนใจอยู่เยอะมาก ถึงแม้จะมีราคาที่แพงกว่าหุ้นจากประเทศอื่นๆก็ตามที่ แม้ตลาดหุ้นสหรัฐจะถูกมองว่า มีราคาแพง แต่ยังมีปัจจัยบวกหลายอย่างที่ให้การสนับสนุนการเติมโต ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มของเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง รวมไปถึงการลดดอกเบี้ย และการเติมโตในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีอย่าง AI ที่โดดเด่นและเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลก

จากมุมมองของนักวิเคราะห์ตลาดหุ้น มีการคาดการณ์ออกมาว่าในระยะ 12 เดือนข้างหน้า ตลาดหุ้นสหรัฐยังสามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจได้ ถึงแม้ภาพรวมยังมีความตึงอยู่ก็ตาม แนะนำให้เลือกลงทุนรายกลุ่ม หรือ รายตัวก็ Save กว่า จากกูรูทั้งหลายที่ออกมาบอกว่า หุ้นสหรัฐนั้นมีราคาที่แพง แต่จากการวิเคราะห์ พบว่ามีหลายปัจจัยที่ยังคงสนับสนุนการเติมโตต่อเนื่องถึงแม้ว่าจะมีความไม่แน่นอนด้านการค้าที่เริ่มลดลงอย่างชัดเจนตั้งแต่กลางเมษายน 2568 ที่ผ่านมา แต่ก็มีสัญญาณที่ดีขึ้นจากหลายประเทศที่เกี่ยวกับข้อตกลงการค้าที่กำลังออกมา แม้บางประเทศยังไม่มีข้อตกลงสำเร็จ แต่โดยรวมแล้วออกมาดี

นักเศรษฐศาสตร์ได้ออกมาแจ้งเกี่ยวกับ GDP ของสหรัฐในไตรมาส 2-3 นี้ว่าจะมีการปรับเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับเดือนก่อนโดยคาดว่า GDP สิ้นปีจะเติมโตได้ถึง 1.5% จากเดิมอยู่ที่ 1.3% ทำให้มองได้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะไม่ได้ชะลอตัวอย่างที่ใครหลายๆคนกังวล คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐหรือ FED จะมีการลดดอกเบี้ยประมาณ 2 ครั้งในช่วงครึ่งปีหลัง และตลาดอาจจะไปถึง 3 ครั้ง หากมีสถานการณ์ที่เพิ่มความไม่แน่นอน หรือว่าเสี่ยงต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ในขณะที่ผลประกอบการ S&P 500 มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมากถึง 6% โดยรอบนี้กลุ่มอุตสาหกรรมเป็นภาคส่วนที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุดถึง 12.4% รองลงมาคือกลุ่มบริการด้านการสื่อสาร และกลุ่มธนาคาร ซึ่งการที่กลุ่มอุตสาหกรรมนำตลาดสะท้อนความพยายามของ โดนัลด์ ทรัมป์ ในการดึงฐานผลิตกลับไปยังสหรัฐอเมริกา เพื่อกระตุ้นให้ต่างประเทศลงทุนในสหรัฐ

สำหรับหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์จากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเกี่ยวกับ AI ได้รับผลประโยชน์เต็มๆ เนื่องจากเป็นรอบลงทุนครั้งใหม่ และมีขนาดที่ใหญ่ทั่วโลก ทุกให้นักลงทุนสนใจซื้อหุ้นในสหรัฐ ในส่วนของทิศทางตลาดในอีก 12 เดือนข้างหน้านั้น มีการพิจารณาเป็นรายตัวว่าจะง่ายกว่าจากภาพรวมตัวเลขเศรษฐกิจโดยรวมสหรัฐที่ไม่สวยแต่บริษัทขนาดใหญ่ของสหรัฐมีรายได้ระดับโลก การเติมโตในหุ้นสหรัฐอเมริกาครั้งนี้จะเน้นในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ การเติมโตกำไรสูง และเน้นการเลือกรายกลุ่ม และหาจังหวะเข้าลงทุน หากมีกำไรมีการอัปเกรดตลาดจะเริ่มย่อตัวลงมา สำหรับกลุ่มที่น่าสนใจ ได้แก่กลุ่มการเงิน ซึ่งในระยะ 12 เดือนข้างหน้ากลุ่มดังกล่าวจะได้รับประโยชน์โดยตรงจากการลดหย่อนกฎเกณฑ์เรื่องเงินกองทุนสำรอง และการที่อัตราดอกเบี้ยลงช้า

 

 

 
 

 

เงินเยียวยา 3 กลุ่มเปราะบาง เดือนกรกฎาคม 2568

เปิดรายละเอียดเงินเยียวยากลุ่มเปราะบางประจำเดือนกรกฎาคม 2568 ทางรัฐบาล จ่ายเงินช่วยเหลือค่าครองชีพ 3 กลุ่มเปราะบางอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ เงินอุดหนุนบุตร, เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และ เบี้ยผู้พิการ โดยในเดือนกรกฎาคม 2568 เงินจะเข้าบัญชีเร็วขึ้นกว่าเดิม นั่นก็คือวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 เพราะว่าวันที่ 10 กรกฎาคม 2568 ตรงกับวันอาสาฬหบูชา เป็นวันหยุดราชการ

เงินอุดหนุนบุตรเดือนกรกฎาคม 2568

  • เด็กแรกเกิด จนถึงอายุ 6 ขวบ รับเงินอุดหนุนบุตรจำนวน 600 บาท

เงินอุดหนุนบุตร ผู้ปกครองลงทะเบียนยื่นคำร้อง ขอรับเงินเด็ก และ ผู้ปกครองรายใหม่ ลงทะเบียนรับเงินอุดหนุนบุตรได้ในพื้นที่เด็กแรกเกิดและผู้ปกครอบอาศัยอยู่

  • กรุงเทพมหานคร ลงทะเบียนได้ที่สำนักงานเขต
  • เมืองพัทยา ลงทะเบียนได้ที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา
  • ส่วนภูมิภาค ลงทะเบียนได้ที่องค์การบริหารส่วนตำบล หรือ เทศบาล

สามารถลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่นเงินเด็ก โดยผู้ปกครองจะต้องพิสูจน์ และทำการยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชั่น ThaID ของกรมการปกครองก่อน เมื่อทำการตรวจสอบสิทธิผ่านแล้ว จะได้รับเงินซึ่งมีผลตั้งแต่เดือนที่ลงทะเบียนรับเงิน

เบื้ยยังชีพผู้สูงอยุ จ่ายเป็นแบบขั้นบันได เดือนกรกฎาคม 2568

  • ผู้สูงอายุ 60-69 ปี รับเบี้ยยังชีพจำนวน 600 บาท
  • ผู้สูงอายุ 70-79 ปี รับเบี้ยยังชีพจำนวน 700 บาท
  • ผู้สูงอายุ 80-89 ปี รับเบี้ยยังชีพจำนวน 800 บาท
  • ผู้สูงอายุ 90 ปีขึ้นไป รับเบี้ยยังชีพจำนวน 1,000 บาท

ลงทะเบียนเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 2569 ได้ตั้งแต่วันนี้ถึงเดือนกันยายน 2568

  • เป็นผู้สูงอายุรายใหม่
  • เป็นบุคคลที่มีสัญชาติไทย
  • เป็นผู้ที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ ในปีงบประมาณ 2569 นับอายุจนถึงวันที่ 1 กันยายน 2568

เบี้ยผู้พิการเดือนกรกฎาคม 2568 

  • ผู้พิการที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป รับเบี้ยยั
  • งชีพจำนวน 800 บาท
  • ผู้พิการที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี รับเบี้ยยังชีพจำนวน 1,000 บาท

ตรวจสอบสิทธิการรับเงินเยียวยางวดประจำเดือนกรกฎาคม 2568 ได้ผ่านหลากหลายช่องทางตามรายละเอียดด้านล่าง

  • แอปพลิเคชั่นทางรัฐ
  • แอปพลิเคชั่นเงินเด็ก
  • กรมบัญชีกลาง ติดต่อได้ที่ Call Center 02-270-6400 หมายเลขโทรศัพท์กลาง 02-127-7000
  • ศูนย์ปฎิบัติการโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด โทรติดต่อ 082-017245, 082-0379767
  • ศูนย์ช่วยเหลือสังคม กระทรวง พม. โทร 1300 ตลอด 24 ชั่วโมง
  • กรมกิจการผู้สูงอายุ โทรศัพท์ 02-642-4336-9
  • กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีพวิตคนพิการ โทรศัพท 02-354-3388 ต่อ 311 หรือ 313

ยืมเงินแล้วไม่คืน มีความผิดหรือเปล่า

หลายคนอาจเคยประสบเหตุการณ์ “เพื่อนยืมเงินแล้วไม่คืน” หรือ “ให้ญาติยืมเงินไปนานแล้วเงียบหาย” ทำให้เกิดคำถามขึ้นว่า แบบนี้เราสามารถแจ้งความได้หรือไม่? และถ้าผู้ยืมไม่คืนเงินจริง ๆ จะมีความผิดตามกฎหมายหรือไม่? บทความนี้จะพาไปหาคำตอบแบบละเอียด พร้อมแนะนำแนวทางการดำเนินการตามกฎหมายในกรณีที่เกิดหนี้ค้างชำระ

ยืมเงินไม่คืน ผิดกฎหมายหรือไม่?

การยืมเงินระหว่างบุคคลถือเป็น “สัญญากู้ยืมเงิน” ตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 โดยจะถือว่าเป็นภาระหนี้ที่ผู้กู้ต้องชำระคืนตามกำหนด หากไม่คืนเงินตามที่ตกลงไว้ เจ้าหนี้สามารถฟ้องร้องทางแพ่งได้ทันที

กฎหมายแพ่ง vs กฎหมายอาญา: เข้าใจให้ชัด

  • กฎหมายแพ่ง: กรณียืมเงินแล้วไม่คืนถือเป็นคดีแพ่ง ไม่ใช่คดีอาญา กล่าวคือ เป็นเรื่องของหนี้สินที่เจ้าหนี้สามารถฟ้องร้องเรียกคืนเงินได้
  • กฎหมายอาญา: หากไม่มีพฤติกรรมหลอกลวง เช่น การปลอมเอกสารหรือแสดงเจตนาฉ้อโกงตั้งแต่ต้น การไม่คืนเงินจะไม่เข้าข่ายคดีอาญา จึงไม่สามารถแจ้งความจับได้

แจ้งความได้หรือไม่?

หากไม่มีการฉ้อโกง เช่น ไม่มีเจตนาหลอกยืมเงินแต่แรก การแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจอาจไม่สามารถดำเนินคดีอาญาได้ เจ้าหน้าที่จะมักแนะนำให้ไปฟ้องร้องทางแพ่งแทน

ข้อยกเว้น: กรณีที่อาจแจ้งความได้

มีบางกรณีที่อาจเข้าข่ายความผิดทางอาญา ได้แก่:

  • แสดงเจตนาหลอกลวง เช่น แอบอ้างโครงการหรือชื่อบุคคลอื่นเพื่อให้หลงเชื่อและยืมเงิน
  • ปลอมเอกสาร เช่น สลิปโอนเงิน ใบรับรอง หรือสัญญาปลอม
  • ยืมเงินแล้วหนีติดต่อไม่ได้ตั้งแต่ต้น

ในกรณีเหล่านี้สามารถแจ้งความในข้อหาฉ้อโกงหรือปลอมแปลงเอกสารได้ ซึ่งเป็นความผิดทางอาญา

หากจะฟ้องร้อง ต้องเริ่มต้นอย่างไร?

หากตัดสินใจดำเนินการทางแพ่งเพื่อเรียกคืนเงิน เจ้าหนี้ควรเตรียมเอกสารและหลักฐานให้ครบถ้วน เช่น:

  • ข้อความแชทที่แสดงการตกลงยืมเงิน
  • สลิปโอนเงิน
  • สัญญาเงินกู้ (ถ้ามี)
  • พยานบุคคล (ถ้ามี)

ขั้นตอนการฟ้องร้องในศาลแพ่ง

  1. ยื่นฟ้องที่ศาลแพ่งในพื้นที่ที่ลูกหนี้อยู่ หรือที่สัญญาถูกทำขึ้น
  2. ชำระค่าธรรมเนียมศาล โดยคิดจากยอดเงินที่ต้องการเรียกคืน
  3. หากศาลรับฟ้อง จะนัดทั้งสองฝ่ายมาไกล่เกลี่ยหรือสืบพยานตามกระบวนการ
  4. หากศาลพิพากษาให้ลูกหนี้ต้องคืนเงินและลูกหนี้ไม่ยอมชำระ เจ้าหนี้สามารถขอบังคับคดี เช่น อายัดเงินเดือน ยึดทรัพย์ ได้

หมดอายุความหรือยัง? รู้ไว้ก่อนสาย

ตามกฎหมายแพ่ง การฟ้องร้องเรียกคืนหนี้จากการกู้ยืมเงินมีอายุความ 10 ปี นับจากวันที่ครบกำหนดชำระ (ถ้ามีการกำหนดวัน) หรือ 10 ปีนับจากวันที่ให้กู้ (หากไม่ได้กำหนดวันชำระ)

หากปล่อยไว้เกิน 10 ปีโดยไม่ดำเนินการใด ๆ เจ้าหนี้จะไม่สามารถฟ้องร้องได้อีก ถือว่าหนี้ขาดอายุความ

ควรทำอย่างไรเมื่อเจอปัญหานี้?

1. พยายามเจรจาเป็นอันดับแรก

แนะนำให้ติดต่อผู้กู้เพื่อเจรจาขอคืนเงินก่อนเสมอ เพราะการดำเนินคดีมีค่าใช้จ่ายและใช้เวลานาน การพูดคุยอาจได้ผลดีกว่า

2. รวบรวมหลักฐานไว้ให้ครบ

แม้ยังไม่ตัดสินใจฟ้อง ก็ควรรวบรวมหลักฐานไว้ล่วงหน้า เพราะเมื่อถึงเวลาที่ต้องใช้ จะได้มีข้อมูลพร้อม

3. ขอคำปรึกษาจากทนาย

หากไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นอย่างไร หรือกรณีมีความซับซ้อน เช่น เกี่ยวข้องกับต่างจังหวัด ต่างประเทศ หรือมูลหนี้จำนวนมาก การปรึกษาทนายความจะช่วยให้วางแผนได้ชัดเจน

ยืมเงินไม่คืน ไม่ใช่คดีอาญาแต่ฟ้องแพ่งได้

การยืมเงินแล้วไม่คืนโดยทั่วไปไม่ถือเป็นคดีอาญา แต่เป็นคดีแพ่งที่เจ้าหนี้สามารถฟ้องร้องเรียกเงินคืนได้ หากมีพฤติกรรมหลอกลวงหรือปลอมแปลงเอกสารอาจเข้าข่ายคดีอาญาได้ การเตรียมหลักฐานและดำเนินการอย่างเป็นขั้นตอนจะช่วยให้คุณเรียกเงินคืนได้สำเร็จ และลดความเสี่ยงจากการเสียเปรียบทางกฎหมาย หากคุณกำลังเผชิญปัญหาคนยืมเงินไม่คืน อย่าเพิ่งท้อใจ เพราะกฎหมายให้สิทธิ์คุณในการเรียกร้องคืนทรัพย์สินที่คุณสมควรได้รับ

ตามติดสถานการณ์แผ่นดินไหว 2 ประเทศเพื่อนบ้าน เวียดนาม และ เมียนมา

อัพเดทสถานการณแบบตามติดๆเลยสำหรับข่าวแผ่นดินไหว ซึ่งล่าสุด 2 ประเทศเพื่อนบ้านได้แก่ เวียดนาม และ เมียนมา ได้เจอแผ่นดินไหวครั้งใหม่แรงสุด 3.4 แมกนิจูด ห่างจากชายแดนไทยที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน และ อุบลราชธานี ทางกองเฝ้าระวังแผนดินไหว ทางกรมอุตุนิยมวิทยา ได้จับตาความเคลื่อนไหว และ สถานการณ์ ซึ่งทางกองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว แจ้งว่าประชาชนคนไทย ไม่ต้องตื่นตระหนก แต่แนะนำให้ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด

วันที่ 9 กรกฎาคม 2568 กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว ทางกรมอุตุนิยมวิทยา รายงานสถานการณ์แผ่นดินไหว ที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านโดยตรวจพบสัญญาณการเกิดแผ่นดินไหวขนาด 3.4 แมกนิจูดใน 2 ประเทศใกล้กับประเทศไทย ได้แก่เวียดนาม และ เมียนมา แผ่นดินไหวครั้งนี้ถึงแม้จะไม่มีความรุนแรงมาก แต่ด้วยระยะทางที่ห่างจากชายแดนไทยไม่มากนัก ทำให้เกิดความสนใจ และ เป็นที่จับตาของประชาชน

แผ่นดินไหวเวียดนาม ห่างอุบลฯแค่ 343 กิโลเมตร

ตามเวลาประเทศไทย ประมาณ ตี 4.14 เกิดเหตุแผ่นดินไหวในประเทศเวียดนาม วัดขนาดได้ 3.4 แมกนิจูด มีความลึกอยู่ 10 กิโลเมตร ซึ่งจุดแผ่นดินไหวอยู่ห่างจากทิศตะวันออกเฉียงใต้ของอำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ประมาณ 343 กิโลเมตร แม้จะอยู่ในระยที่ห่างพอสมควร แต่ก็ทำให้หลายคนเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดขึ้น

แผ่นดินไหวในเมียนมา ใกล้แม่ฮ่องสอน 308 กิโลเมตร

เวลา 9.29 ในช่วงเช้าของประเทศไทย ได้แก่เหตุแผ่นดินไหวอีกครั้งในประเทศเมียนมา โดยมีขนาดความรุนแรงเท่ากับ 3.4 แมกนิจูด มีความลึก 10 กิโลเมตร จุดแผ่นดินไหวในเมียนมาอยู่ห่างจากทิศตะวันตกเฉียงเหนือของอำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประมาณ 308 กิโลเมตร ถือว่าใกล้กับชายแดนไทย

จับตาสถานการณ์แผ่นดินไหวอย่างใกล้ชิดจากกองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว

ทางกองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา ได้ติดตามสถานการณ์แผ่นดินไหวทั้ง 2 เหตุการณ์นี้อย่างใกล้ชิด พร้อมกับการประเมินสถานการณ์อย่างตอเนื่องเพื่อแจ้งเตือนประชาชนในกรณีที่มีความเสี่ยงหรือจำเป็นต้องดำเนินการใดๆ

เช็กด่วนรัฐจ่ายเงินช่วยเหลือเดือนกรกฎาคม 2568 เข้าแล้ว

เดือนกรกฎษคม 2568 สำหรับใครที่ลงทะเบียน เงินอุดหนุนบุตร เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และ เงินคนพิการ เช็คบัญชีที่ลงทะเบียนด่วนเนื่องจากตอนนี้เงินเข้าบัญชีเรียบร้อยแล้ว ได้รับเงินสูงสุด 1,000 บาท ใครได้รับบ้างดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ด้านล่างเลย

3 กลุ่มเปราะบาง เงินเข้าบัญชีแล้วเตรียมรับเงินเยียวยาประจำเดือนกรกฎาคม 2568 พร้อมกันวันนี้

วันที่ 9 กรกฎาคม 2568 เป็นอีกหนึ่งวันที่มีข่าวดี สำหรับกลุ่มเปราะบางที่ได้ลงทะเบียนขอรับสิทธิ์ รับเงินช่วยเหลือจากทางรัฐบาล ทางกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง และ กระทรวงการพัฒนาสังคม และ ความมั่นคงของมนุษย์ ได้ยืนยันกำหนดการโอนเงินเยียวยาประจำเดือนกรกฎาคม 2568 ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มด้วยกันตามรายละเอียดด้านล่าง

  • เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
  • เงินคนพิการ
  • เงินอุดหนุนบุตร

สำหรับการโอนเงินจะดำเนินการพร้อมกัน สำหรับผู้ที่ได้ลงทะเบียนไว้เรียบร้อยแล้ว ในส่วนของรายละเอียดการจ่ายเงินช่วยเหลือในเดือนกรกฎาคม 2568 นั้นจะแบ่งตามเกณฑ์ที่กำหนดเอาไว้ เพื่อให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายแล้วความจำเป็นของผู้ที่ได้รับเงิน โดยมีรายละเอียดตามด้านล่าง

เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เดือนกรกฎาคม 2568

สำหรับผู้สูงอายุ รัฐบาลยังคงจ่ายเบี้ยยังชีพตามเกณฑ์ อายุแบบขั้นบันได เพื่อช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน โดยมีอัตราการจ่ายตามรายละเอียดด้านล่าง

  • อายุ 60-69 ปี ได้รับเงิน 600 บาท
  • อายุ 70-79 ปี ได้รับเงิน 700 บาท
  • อายุ 80-89 ปี ได้รับเงิน 800 บาท
  • อายุ 90 ปี ขึ้นไปได้รับเงิน 1,000 บาท

เงินอุดหนุนบุตร เดือนกรกฎาคม 2568 ช่วยเหลือเด็กแรกเกิด 6 ขวบ

โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ยังคงเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุสครอบครัวที่มีบุตรเล็ก โดยในเดือนกรกฎาคม 2568 นี้ เด็กแรกเกิดจนถึงอายุครบ 6 เดือน จะได้รับเงินอุดหนุนจำนวน 600 บาท โดยมีเงื่อนไขว่าสมาชิกครอบครัวเรือน มีรายได้เฉลี่ยไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปี

เงินคนพิการ เดือนกรกฎาคม 2568 จ่ายตามเกณฑ์อายุสูงสุด 1,000 บาท

ผู้พิการยังคงได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาล เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่าย โดยมีการแบ่งอัตราการจ่ายตามเกณฑ์อายุตามรายละเอียดด้านล่าง

  • ผู้พิการที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไป รับเบี้ยยังชีพจำนวน 800 บาท
  • ผู้พิการที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี รับเบี้ยยังชีพจำนวน 1,000 บาท

 

 

เทรนด์อัตราดอกเบี้ยระยะยาว: อนาคตของการออมและการลงทุนในประเทศไทย

ในโลกการเงินและเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ยถือเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมการออม การลงทุน และต้นทุนทางการเงินของภาคธุรกิจอย่างลึกซึ้ง บทความนี้จะพาไปสำรวจแนวโน้มของ อัตราดอกเบี้ยระยะยาว ในประเทศไทย พร้อมทั้งวิเคราะห์ผลกระทบต่อกลุ่มผู้ฝากเงิน นักลงทุน และเศรษฐกิจในภาพรวม

อัตราดอกเบี้ยระยะยาวคืออะไร?

อัตราดอกเบี้ยระยะยาว หมายถึง อัตราดอกเบี้ยของตราสารหนี้หรือสินเชื่อที่มีอายุเกิน 5 ปีขึ้นไป เช่น พันธบัตรรัฐบาล 10 ปี, สินเชื่อบ้าน หรือเงินฝากประจำ 5 ปีขึ้นไป โดยอัตราดอกเบี้ยประเภทนี้มักสะท้อนความคาดหวังในเรื่อง เงินเฟ้อ, การเติบโตทางเศรษฐกิจ และ นโยบายการเงินในอนาคต

แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยระยะยาวในประเทศไทย

1. ดอกเบี้ยผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว?

ในช่วงปี 2563–2565 ประเทศไทยเผชิญกับภาวะดอกเบี้ยต่ำเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากผลกระทบจากโควิด-19 และการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แต่หลังจากปี 2566 เป็นต้นมา ดอกเบี้ยเริ่มปรับตัวขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อควบคุมเงินเฟ้อที่สูงขึ้นจากราคาสินค้าและพลังงาน

2. การขึ้นดอกเบี้ยของประเทศพัฒนาแล้วส่งผลต่อไทย

เมื่อสหรัฐฯ และยุโรปทยอยขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้เกิดแรงกดดันให้ประเทศไทยต้องปรับดอกเบี้ยระยะยาวให้สูงขึ้นตาม เพื่อรักษาเสถียรภาพของค่าเงินบาทและป้องกันเงินทุนไหลออก นอกจากนี้ยังมีผลต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยที่ต้องแข่งขันกับประเทศอื่น

3. โครงสร้างเศรษฐกิจและภาระหนี้ภาครัฐ

แม้จะมีแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น แต่ปัจจัยด้านภาระหนี้ภาครัฐ และการเติบโตของเศรษฐกิจที่ยังไม่แน่นอน อาจจำกัดเพดานการขึ้นของดอกเบี้ยในระยะยาว เพราะการเพิ่มดอกเบี้ยมากเกินไป อาจกระทบต้นทุนการคลังและภาคครัวเรือน

ผลกระทบของดอกเบี้ยระยะยาวต่อการออม

1. เงินฝากมีแนวโน้มให้ผลตอบแทนดีขึ้น

เมื่อดอกเบี้ยขยับขึ้น ธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ ก็เริ่มปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากให้สูงขึ้น โดยเฉพาะเงินฝากประจำ 12 เดือน หรือ 24 เดือน ทำให้ผู้ที่ถือเงินสดอยู่ในระบบสามารถเริ่มกลับมาใช้การฝากเงินเป็นทางเลือกในการรักษามูลค่าทรัพย์สิน

2. ความเสี่ยงของเงินเฟ้อยังเป็นปัจจัยสำคัญ

แม้ดอกเบี้ยจะสูงขึ้น แต่หากอัตราเงินเฟ้อยังสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากจริง (Real Interest Rate ติดลบ) ก็ยังทำให้ “การออม” แบบเดิม ๆ ไม่สามารถรักษามูลค่าทรัพย์สินในระยะยาวได้ ดังนั้นต้องพิจารณาร่วมกับเครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ

ผลกระทบของดอกเบี้ยระยะยาวต่อการลงทุน

1. หุ้นกลุ่มเติบโตอาจเผชิญแรงกดดัน

เมื่ออัตราดอกเบี้ยระยะยาวสูงขึ้น ค่าใช้จ่ายของบริษัทโดยเฉพาะในกลุ่มที่มีภาระหนี้สูงจะเพิ่มขึ้น อีกทั้งราคาหุ้นกลุ่มเติบโต (Growth Stocks) มักจะได้รับผลกระทบจากการคิดลดกระแสเงินสดในอนาคต ทำให้มูลค่าปรับลง

2. พันธบัตรและตราสารหนี้น่าสนใจขึ้น

นักลงทุนที่เน้นความมั่นคงเริ่มหันกลับมาลงทุนในพันธบัตรหรือกองทุนตราสารหนี้ระยะยาวที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้นตามอัตราดอกเบี้ย โดยเฉพาะตราสารหนี้เอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถือดี

3. ทองคำและสินทรัพย์ปลอดภัยอาจผันผวน

การขึ้นดอกเบี้ยในหลายประเทศทำให้ต้นทุนในการถือทองคำเพิ่มขึ้น (ไม่มีดอกเบี้ย) และทำให้ความน่าสนใจของทองคำลดลงบ้าง แต่ยังถือเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงระยะยาวในสถานการณ์เศรษฐกิจไม่แน่นอน

กลยุทธ์การวางแผนการเงินในยุคดอกเบี้ยขาขึ้น

1. กระจายพอร์ตตามอายุและความเสี่ยง

สำหรับผู้ที่ใกล้เกษียณอาจพิจารณาเพิ่มสัดส่วนตราสารหนี้คุณภาพดี ส่วนคนวัยทำงานควรเน้นหุ้นที่มีความสามารถสร้างกำไรระยะยาว และยังสามารถทนทานต่อความผันผวนของตลาด

2. เลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่ปรับตัวตามเงินเฟ้อ

การเลือกกองทุนอสังหาริมทรัพย์ (REITs), หุ้นปันผลสูง หรือธุรกิจที่มีอำนาจในการตั้งราคาสินค้าและบริการ อาจช่วยรักษาผลตอบแทนในภาวะที่เงินเฟ้อยังคงสูง

3. ติดตามนโยบายธนาคารกลางอย่างใกล้ชิด

การประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และทิศทางของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เป็นสิ่งที่ต้องจับตา เพราะส่งผลโดยตรงต่อดอกเบี้ยไทยในระยะยาว

ดอกเบี้ยระยะยาวกำหนดทิศทางการเงินทั้งระบบ

แม้อัตราดอกเบี้ยระยะยาวจะมีการเคลื่อนไหวตามปัจจัยมหภาคและนโยบายของภาครัฐ แต่ในฐานะผู้บริโภค นักลงทุน หรือผู้วางแผนทางการเงิน การเข้าใจเทรนด์และปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ จะช่วยให้สามารถรักษาความมั่งคั่งและสร้างโอกาสในอนาคตได้อย่างมั่นคง

เปิดรายละเอียด 3 เงื่อนไข รับสิทธิ์ รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย คุม 8 สาย

คมนาคมประกาศนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสาย พร้อมให้ลงทะเบียนผ่านแอปทางรัฐ ภายในเดือน สิงหาคม 2568 มาตรการดังกล่าวใช้เงินสนับสนุนจากกองทุนตั๋วร่วม หรือแหล่งเงินอื่นตามมติ ครม.

จากการเปิดเผยข้อมูลจากทาง อธิบดีกรมการขนส่งทางรางได้ออกมาเปิดเผยว่าตามที่ได้มอบหมายจากนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีคมนาคม ให้เร่งดำเนินการนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสายเพื่อต้องการลดค่าครองชีพประชาชน และ ส่งเสริมการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะอย่างเต็มรูปแบบ ขณะนี้มีความคืบหน้าของนโยบายซึ่งใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยปัจจุบันสายสีม่วง และ สีแดง เริ่มใช้สิทธิ์ 20 บาท ส่วนสายอื่น จะใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2568 หรือ ตามมติคณะรัฐมนตรี

เงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการ รถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสาย

ประชาชนที่ต้องการใช้บริการ ต้องทำการลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่นทางรัฐ ซึ่งจะเปิดให้ลงทะเบียนภายในวันที่ 20 สิงหาคม 2568 โดยลงทะเบียนเพื่อยืนยันตัวบุคคลที่มีสัญชาติไทย โดยระบุเลขที่บัตรประชาชน 13 หลัก, บัตรเครดิต, บัตรเดบิต และ บัตรโดยสาร Rabbit Card ที่ลงทะเบียน ซึ่งจะใช้งานกับระบบรถไฟฟ้า ผ่านแอปพลิเคชั่นทางรัฐ ทั้งนี้การยืนยันการลงทะเบียนจะได้สิทธิโดยอัตโนมัติ เมื่อใช้งานหลังจากเริ่มโครงการตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2568 หรือตามมติคณะรัฐมนตรี ซึ่งจะครอบคลุมทั้งโครงข่ายรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ประกอบด้วยรถไฟฟ้าสายสีเขียว, รถไฟฟ้าสายสีทอง, รถไฟฟ้าสายสีเหลือง, รถไฟฟ้าสายสีชมพู, รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน, รถไฟฟ้าสายสีม่วง, รถไฟฟ้าสายสีแดง และ สายแอร์พอร์ต เรล ลิงก์

ทางหน่วยงานแจ้งย้ำว่า ประชาชนที่จะใช้สิทธิ รถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสายต้องปฎิบัติตามเงื่อนไข 3 อย่าง

  1. ลงทะเบียนยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชั่น ทางรัฐ โดยใช้เลขบัตรประชาชน 13 หลัก
  2. ผูกบัญชีหรือบัตรที่ใช้ชำระเงินได้แก่ บัตรเครดิต, บัตรเดบัติ หรือบัตรโดยสาร Rabiit Card
  3. ต้องระบุข้อมูลให้ครบทุกส่วน หากไม่กรอกข้อมูลตามเงื่อนไขให้ครบถ้วน จะไม่ได้รับสิทธิ์ใช้ค่าโดยสาร 20 บาท ทั้งนี้ แอปพลิเคชั่นทางรัฐ ประชาชนสามารถดาวห์โหลดได้ผ่านระบบ iOS และ Android

สำหรับประชาชนที่ไม่ได้ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่นทางรัฐ หรือ ไม่ได้ผูกใช้งานกับบัตรที่ได้ลงทะเบียนเอาไว้ จะต้องจ่ายค่าโดยสารตามอัตราปกติสำหรับการใช้บริการรูปแบบบัตร Rabbit Card ใช้ได้กับสายสีเขียว, สีทอง, สีเหลือง, สีชมพู, Airport Rail Link ซึ่งไม่รวมสายสีทอง และ สายสีเขียว คาดว่าในอนาคต จะมีการเปิดระบบสแกน QR Code ในมือถือแทนการใช้บัตร เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนในทุกส่วน

จากแนวทางที่รัฐบาลใช้เงินสนับสนุนจากกองทุนตั๋วร่วมหรือแหล่งเงินอื่นตามที่มติครม. ทั้งนี้กรมการขนส่งทางรางพร้อมรับนโยบาย และเร่งดำเนินการอย่างเต็มความสามารถเพื่อให้้นโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาท ตลาดสายนั้นสามารถใช้ได้อย่างเต็มรูปแบบ และช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชน และ สนับสนุนให้ใช้ระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้น