บัตร American Express Platinum สมัครยังไง

บัตร American Express บัตรมาตรฐานระดับโลก ที่แม้จะไม่ได้แมสในไทยมากเท่าไร แต่ถ้าพูดถึงสิทธิพิเศษ บอกได้เลยว่าไม่แพ้ใคร ในวันนี้เราจะพาไปดูสิทธิประโยชน์ว่าจะตอบโจทย์เข้ากับไลฟ์สไตล์คุณมากแค่ไหน และถ้าอยากเป็นเจ้าของ บัตร American Express Platinum สมัครยังไง มีคุณสมบัติแบบไหน ไปเริ่มกันเลย

แนะนำบัตร American Express Platinum Card

บัตรของอเมริกัน เอ็กซ์เพรส แต่ละใบก็จะมีสิทธิพิเศษที่แตกต่างกัน วันนี้เราจะมาสรุปจุดเด่นของบัตร American Express Platinum ซึ่งเด่นที่มีประกันการเดินทาง และการรับประกันสินค้ามาพร้อม โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • การสะสมแต้ม ทุก 25 บาท รับคะแนนทันที 1 แต้ม
  • การแลกรับของรางวัล สามารถเข้าร่วมรายการ Membership Reward Plus อัตโนมัติเพื่อรับสิทธิ์ในการแลกของรางวัลพิเศษได้มากมาย
  • ประกันการเดินทาง คุ้มครองตามข้อกำหนดการขอวีซ่าเชงเก้น มีการคุ้มครองอุบัติเหตุวงเงิน 25 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ฉุกเฉิน การยกเลิกเที่ยวบิน ความรับผิดชอบต่อ
  • บุคคลที่ 3 คุ้มครองความไม่สะดวกในการเดินทาง
  • ประกันสินค้า คุ้มครองสินค้าชดเชยสูงสุด 32,000 บาท มีแผนพิทักษ์การซื้อสินค้าคุ้มครองกว่า 480,000 บาท และรับประกันสินค้าชดเชยสูงสุด 32,000 บาท
  • สิทธิพิเศษในการเดินทาง ทั้งสิทธิพิเศษจากสายการบิน โรงแรม เรือสำราญ มีบริการให้ความช่วยเหลือขณะเดินทางต่างประเทศ หรือบนท้องถนน
  • สิทธิพิเศษไลฟ์สไตล์ รับสิทธิพิเศษจากทั้งโรงแรม ห้องอาหารชั้นนำ มี Platinum Network สำหรับสมาชิกบัตรใบนี้เท่านั้น
  • ค่าธรรมเนียมรายปี 35,000 บาท

บัตร American Express Platinum สมัครยังไง

เงื่อนไข

  • เป็นบุคคลทั่วไป
  • รายได้ 2 ล้าน 5 แสนบาท ขึ้นไปต่อปี และต้องเป็นผู้ที่ได้รับเชิญจากทางอเมริกัน เอ็กซ์เพรสเองเท่านั้น
  • อายุ 20 ปีขึ้นไป

วิธีการสมัคร AMEX

  • เข้าสู่เว็บไซต์สมัคร บัตร AMEX เลือกบัตรที่ต้องการจะสมัคร กรอกรายละเอียด จากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับภายใน 3-5 วันทำการ
  • กรอกรายละเอียดให้ครบถ้วนพร้อมลงลายมือชื่อ
  • กรณีที่ต้องการสมัครบัตร Platinum Card ที่ผู้ให้บริการจะเชิญเราไปสมัครเท่านั้น

สรุปแล้ว American Express Platinum สมัครยังไง คำตอบก็คือ หากคุณสมบัติครบถ้วน ตรงตามเงื่อนไข ผู้ให้บริการจะเชิญเราไปสมัครเท่านั้น ซึ่งความจริงแล้วเงื่อนไขก็เป็นไปตามทั่วไป แต่มีความพรีเมียมที่กำหนดรายได้ค่อนข้างสูง ถึงอย่างนั้นคนทั่วไปก็สามารถสมัครได้เหมือนกัน เอกสารที่ใช้ก็ทั่วไป อย่างสำเนาทะเบียนบ้าน หนังสือรับรองรายได้ สลิปเงินเดือน หรือสำเนาบัญชีล่าสุดย้อนหลัง 3 เดือน สำหรับใครที่สนใจก็ลองไปสมัครกัน

 

สมัครบัตรเครดิต Citi Cash Back

 

สมัครบัตรเครดิต Citi Cash Back – รับ Cashback คืนทันที 2,000 บาท*

รายได้ต่อเดือนผู้สมัคร = 15,000 บาท ขึ้นไป

สมัคร ซิตี้ แคชแบ็ค ออนไลน์ รับเงินคืน 2,000

 

สมัครออนไลน์ผ่านง่ายรู้ผลภายใน 1 วัน

➤ สมัครวันนี้รับเครดิตเงินคืน 2,000 บาท*
➤ โปรพิเศษเฉพาะสมัครบัตรผ่านทางออนไลน์เท่านั้น
➤ บัตรเครดิต ซิตี้ แคสแบ็ค รับคืน 10% ที่ BTS MRT Café Amazon และ 5% ที่ Grab และ 7-Eleven
➤ โปรพิเศษเมื่อสมัคร online
➤ คะแนนสะสมไม่มีวันหมดอายุ

สมัครบัตรเครดิตออนไลน์ บัตรกดเงินสด สมัครสินเชื่อบุคคล ออนไลน์ ได้ง่ายๆ เพียงกดที่ปุ่ม สมัครออนไลน์ ได้ทันที สมัครได้มากกว่า 1 ใบ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมด้านล่าง

 

บัตรเครดิต และ สินเชื่อที่สมัคร ออนไลน์ และ อนุมัติง่ายที่สุด

บัตรกดเงินสดซิตี้ เรดดี้ เครดิต

รายได้ต่อเดือนผู้สมัคร 15,000 บาท ขึ้นไป

กดเงินสดใช้ได้ตลอด สมัครบัตรกดเงินสด Citi Ready Credit

 

สมัคร ซิตี้ เรดดี้ เครดิต ฟรีกระเป๋าเดินทาง

สมัครออนไลน์ผ่านง่ายรู้ผลภายใน 1 วัน

➤ ฟรีดอกเบี้ย 0% 3 รอบบัญชีแรก
➤ ฟรีค่าธรรมเนียม ทุกตู้ ทุกที่
➤ กดเงินสดได้ตลอด 24 ชั่วโมง
➤ วงเงินสูงสุด 1 ล้านบาท
➤ ฟรี! กระเป๋าเดินทาง Premium Trolley Bag มูลค่า 5,890 บาท ขนาด 20 นิ้ว เมื่อสมัครบัตรกดเงินสด ซิตี้ เรดดี้เครดิต ผ่านทางออนไลน์

 

สมัครสินเชื่อ บุคคลซิตี้ ผ่านทางออนไลน์

สินเชื่อบุคคล ซิตี้ วงเงินสูงสุด 2 ล้านบาท ลดภาระหนี้หลักหมื่น เหลือหลักพัน

พนักงานประจำ รายได้ต่อเดือน 30,000 บาทขึ้นไป หากได้รับเงินเดือนต่อเดือน ต่ำกว่า 30,000 บาท จะไม่ผ่านการพิจารณา

ลดไปด้วยกัน⬇️⬇️ ลดภาระหนี้หลักหมื่น เหลือผ่อนจ่ายเพียงหลักพัน โปรแกรมรวมหนี้กับสินเชื่อบุคคลซิตี้

สมัคร สินเชื่อบุคคล ซิตี้ ออนไลน์

สมัครออนไลน์ผ่านง่ายรู้ผลภายใน 1 วัน

➤ ดอกเบี้ยต่ำสุด 13.99%*
➤ ผ่อนนานสูงสุด 60 เดือน*
➤ จ่ายเบาสุดเพียง 2 พันกว่าบาทต่อเดือน
➤ วงเงินสูงสุด 2 ล้านบาท*

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

 

บัตรเครดิต Citi Reward

สมัครบัตรเครดิต ซิตี้ รีวอร์ด

เป็นบัตรเครดิตที่เหมาะสมสำหรับคนรักการสะสมแต้มอีกใจที่น่าสนใจ เพราะบัตรใบนี้มอบคะแนนสะสมซิตี้ รีวอร์ด 5 เท่า เมื่อมีการใช้จ่ายผ่านบัตรในหมวดร้านอาหาร หมวดท่องเที่ยว และหมวดการใช้จ่ายด้วยสกุลเงินต่างประเทศ รวมถึงเมื่อช้อปปิ้งออนไลน์ที่ Lazada, Shopee และการใช้จ่ายที่ Rabbit LINE Pay นอกจากนี้ ยังรับคะแนนสะสมซิตี้ รีวอร์ดเพิ่มแบบจุก ๆ ถึง 7 เท่าในเดือนเกิด เรียกได้ว่าถ้าใช้บัตรเครดิตซิตี้ รีวอร์ด ในเดือนเกิดรอรับแต้มคืนเข้าบัตรกันไม่หวาดไม่ไหวเลยทีเดียว

คุณสมบัติผู้สมัครบัตรเครดิต Citi Reward
    • อายุ 20 ปีขึ้นไป
    • มีรายได้ขั้นต่ำ 15,000 บาทขึ้นไป
เอกสารที่ใช้ประกอบการสมัคร
  • สำเนาบัตรประชาชน
  • สำเนาทะเบียนบ้าน
  • หนังสือรับรองรายได้ / สลิปเงินเดือนเดือนล่าสุด

สมัครบัตรเครดิต Citi Reward ผ่านทางออนไลน์ รับเลยทันที !

  • รับเครดิตเงินคืน 2,000 บาท สำหรับการสมัครบัตรเครดิตซิตี้ รีวอร์ด ผ่านทางออนไลน์
  • เงื่อนไข: ใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ครบ 5,000 บาทขึ้นไป ภายใน 30 วัน หลังจากได้รับบัตรฯ และ สมัครรับใบแจ้งยอดบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ภายในรอบบัญชีแรก

สมัครบัตรเครดิต Citi Reward

  • รายละเอียดและข้อมูลเกี่ยวกับบัตรเครดิตหรือสินเชื่อที่ปรากฏบนเว็บไซต์นี้ ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการโปรโมทผลิตภัณฑ์ทางการเงินของบริษัทต่างๆ เท่านั้น
  • บริษัท/เว็บไซต์ของเรา (bookings.co.th) เป็นผู้รับผิดชอบในการจัดทำข้อมูลหรือรายละเอียดต่างๆ ขึ้นมาเอง โดยบริษัทบัตรเครดิตหรือสินเชื่อที่มีรายชื่อข้างต้นมิได้มีส่วนในการจัดทำข้อมูลดังกล่าวร่วมกับเรา

บัตรเครดิต ซิตี้ พรีเมียร์ (Citi Premier)

  • สำหรับบัตรเครดิต Citi Prestige สำหรับผู้ที่ถือบัตรเครดิตใบนี้ คุณจะได้รับคะแนนสะสม เป็นคะแนน ซิตี้รีวอร์ด 2 คะแนน เมื่อคุณมียอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต ครบทุก 25 บาท สำหรับการใช้ จ่ายภายในประเทศ นอกจากนี้ ยังรับคะแนน สะสมซิตี้ รีวอร์ด 3 คะแนน เมื่อคุณมียอดการใช้จ่าย ที่เป็นสกุลเงินต่างประเทศ

  • คุณสามารถรับคะแนน สะสมพิเศษ ประจำปี ตามยอดที่ใช้จ่ายตลอดทั้งปี สูงสุด 5%

 

สมัคร บัตรเครดิต ซิตี้ เพรสทีจ (Citi Prestige)

ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการนี้ ถูกนำเสนอโดยธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) และ/หรือ บริษัทในเครือที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้รับอนุญาตจากซิตี้กรุ๊ปให้ใช้เครื่องหมายทางการค้าเป็นการชั่วคราว โดยมีธนาคารซิตี้แบงก์ เอ็น.เอ. สาขากรุงเทพฯ เป็นผู้ให้บริการ

สมัครบัตรเครดิตคืนเงิน (Cash Back) 2021 ที่ไหนดีสุด

ด้วยความที่เราทุกคนมีไลฟ์สไตล์ไม่เหมือนกัน ดังนั้นสไตล์การจับจ่ายใช้สอยและสไตล์การใช้บัตรเครดิตจึงแตกต่างกันออกไปด้วย หลายคนชอบใช้บัตรเครดิตแบบที่สะสมคะแนนได้มาก ๆ แล้วนำคะแนนไปแลกรับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ นานา ไม่ว่าจะเป็นส่วนลด ของแถม ของฟรี ที่มีให้เลือกมากมาย แต่หลายคนก็ชอบบัตรเครดิตแบบเน้นการคืนเงินเพราะไม่อยากเสียเวลาสะสมคะแนน ชอบแบบซื้อของปั๊บก็มีสิทธิ์ได้รับเงินคืนเลยมากกว่าหรือที่มักเรียกกันติดปากว่า Cash Back นั่นเอง

 

บัตรเครดิต Cash Back ที่มีอยู่ในท้องตลาดตอนนี้กำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือด ประโยชน์จึงตกมาอยู่กับผู้ถือบัตรเครดิตอย่างเรา ๆ ค่อนข้างมาก หากจะให้ยกบัตรเครดิต Cash Back ตัวแรง ๆ ออกมาสัก 5 ใบ ก็น่าจะรวบรวมไว้ได้ตามนี้

 

บัตรเครดิต สิทธิประโยชน์ Cash Back ค่าธรรมเนียมรายปี

UOB YOLO Platinum

 

 

รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 10% หรือ 2,000 บาท/รอบบัญชี

 

ปีแรกฟรี ปีถัดไป 2,000 บาท

 

Citi Cash Back Platinum

 

รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 5% หรือ 2,500 บาท/รอบบัญชี

 

ปีแรกฟรี ปีถัดไป 2,000 บาท

 

TMB So Smart

 

 

รับเครดิตเงินคืน 1% จากทุกยอดการใช้จ่าย สูงสุด 2,000 บาท/รอบบัญชี

 

ฟรี

 

 

SCB Family Plus

รับเครดิตเงินคืน 1% จากทุกยอดการใช้จ่าย สูงสุด 2,000 บาท/รอบบัญชี

 

ปีแรกฟรี ปีถัดไป 2,000 บาท

 

KTC Cash Back Visa Platinum

 

 

รับเครดิตคืนสูงสุด 0.8% จากยอดใช้จ่ายรวมในแต่ละรอบบัญชี โดยไม่จำกัดยอดคืนเงินสูงสุด

 

ฟรี

 

 

 

 

จะสังเกตได้ว่า บัตรเครดิต Cash Back แต่ละใบนั้นมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป บ้างไม่จำกัดยอดเงินคืนสูงสุดต่อรอบบัญชี บ้างรับเงินคืนได้ทุกยอดการใช้จ่าย บ้างก็ใจดีให้ใช้ฟรีไม่คิดค่าธรรมเนียม

 

แต่ข้อมูลในตารางนั้นยังไม่ใช่รายละเอียดทั้งหมด หากจะตัดสินใจสมัครบัตรใบไหนจากข้อมูลในตารางเท่านั้น ขอเตือนว่าให้หยุดไว้ก่อน เอาไว้ตัดสินใจหลังจากอ่านรายละเอียดแท้จริงของบัตรแต่ละใบด้านล่างนี้จบแล้วก็ยังไม่สาย

 

Citi Cash Back Platinum

  •  รับเครดิตเงินคืน 5% เมื่อใช้จ่ายที่ รถไฟฟ้า Grab, ร้านบู๊ทส์, และร้านวัตสัน
  • รับเครดิตเงินคืน 1% จากการใช้จ่ายอื่น ๆ
  • ฟรี บริการเลขาส่วนตัว ตลอด 24 ชั่วโมง
  • สิทธิในการคุ้มครองอุบัติเหตุระหว่างการเดินทางสูงสุด 7,000,000 บาท เมื่อชำระค่าโดยสารผ่านบัตร
  • วงเงินชดเชยสูงสุด 7,000 บาท ต่อผู้ถือบัตร หากเที่ยวบินหรือกระเป๋าเดินทางล่าช้า
  • วงเงินชดเชยสูงสุด 24,500 บาท ต่อผู้ถือบัตร หากกระเป๋าเดินทางสูญหาย
  • สำหรับโปรโมชั่นสมัครบัตรใหม่ รับเครดิตเงินคืน 1,000 บาท สำหรับการสมัครบัตรผ่านทางออนไลน์ โดยต้องสมัครรับใบแจ้งยอดบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ภายในรอบบัญชีแรก และใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ครบ 5,000 บาทขึ้นไป ภายใน 30 วัน หลังจากได้รับบัตร

 

 

UOB YOLO Platinum

  • รับเครดิตเงินคืน 10%ที่รถไฟฟ้า และ MRT ร้านบูทส์ และร้านวัตสัน ร้านมัตสึโมโตะ คิโยชิ ร้านแฟมิลี่มาร์ท เบอร์เกอร์ คิง , Shopee, Grab, Uber, Uber Eats
  • รับเครดิตเงินคืน 1% จากการใช้จ่ายอื่นๆ
  • สำหรับยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตยูโอบี โยโล่ แพลทินัม 10,000 บาทเป็นต้นไป/เซลส์สลิป เมื่อมียอดใช้จ่ายในหมวดท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศเฉพาะที่อยู่ใน MCC Code Travel หรือใช้จ่ายออนไลน์ทั้งในและต่างประเทศ จะได้รับสิทธิ์แบ่งชำระ 0% นาน 3 เดือน
  • เมื่อซื้อบัตรชมภาพยนตร์ที่โรงภาพยนตร์ในเครือ SF ผ่านบัตรเครดิตยูโอบี โยโล่ แพลทินัมจำนวน 1 ที่นั่ง รับฟรีอีก 1 ที่นั่ง

 

 

KTC Cash Back Visa Platinum

  • รับเครดิตคืนจากยอดใช้จ่ายรวมในแต่ละรอบบัญชีตามเรทต่อไปนี้
    • ยอดรวมค่าใช้จ่ายแต่ละรอบบัญชี น้อยกว่า 30,0001 บาท รับเครดิตเงินคืน 0.4%
    • ยอดรวมค่าใช้จ่ายแต่ละรอบบัญชี 30,0001 – 80,000 บาท รับเครดิตเงินคืน 0.6%
    • ยอดรวมค่าใช้จ่ายแต่ละรอบบัญชี น้อยกว่า 80,0000 บาท รับเครดิตเงินคืน 0.8%
  • คุ้มครองสูงสุด 8,000,000 บาทสำหรับประกันการเดินทาง
  • คุ้มครองสูงสุด 40,000 บาท/ครั้ง สำหรับประกันกระเป๋าเดินทางสูญเสียและสูญหายจากการเดินทาง
  • ส่วนลดตั๋วเครื่องบินภายในประเทศ 4% จากราคาเต็มของตั๋วปกติ ที่ KTC WORLD TRAVEL SERVICE
  • ฟรี บริการเลขาส่วนตัว ตลอด 24 ชั่วโมง

 

 

 

TMB So Smart

  • รับเงินคืน 1% เข้าบัญชีเงินฝากไม่ประจำ ทีเอ็มบี ดอกเบี้ยสูง จากทุกยอดการใช้จ่ายผ่านบัตร สูงสุด 2,000 บาท/บัตร/รอบบัญชี
  • สำหรับเงินคืน 1% ผู้สมัครต้องมีบัญชีเงินฝากไม่ประจำ ทีเอ็มบี ดอกเบี้ยสูง โดยเงินคืนของบัตรเสริมจะถูกโอนเข้าบัญชีเงินฝากฯ ของเจ้าของบัตรหลัก หากธนาคารไม่สามารถโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากไม่ประจำ ทีเอ็มบี ดอกเบี้ยสูง ธนาคารจะทำการเครดิตยอดเงินคืนดังกล่าวเข้าบัญชีบัตรเครดิต TMB So Smart (ของบัตรที่นำยอดค่าใช้จ่ายมาคำนวณ) ให้แทนโดยอัตโนมัติ
  • ฟรี ค่าธรรมเนียมแรกเข้าและค่าธรรมเนียมรายปี
  • รับความคุ้มครองประกันภัยอุบัติเหตุในการเดินทาง ด้วยวงเงินรวมสูงสุด 7,000,000 บาท
  • รับค่าชดเชย ในกรณีความล่าช้าของเที่ยวบิน ความล่าช้าของกระเป๋าเดินทาง การสูญหายของกระเป๋าเดินทาง การลดจำนวนวันเดินทาง ด้วยวงเงินรวมสูงสุด 17,500 บาท
  • ระยะปลอดดอกเบี้ยนานสุดถึง 50 วัน
  • เลือกผ่อนชำระขั้นต่ำ 10% ของยอดเงินตามใบแจ้งยอดค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนได้ แต่ต้องไม่น้อยกว่า 1,000 บาท

 

 

 

SCB Family Plus

  • รับเครดิตเงินคืน 1% สำหรับทุกยอดการซื้อสินค้าและบริการ ยอดผ่อนชำระดีจังรายงวด(ทุกประเภท) ยกเว้น ยอดใช้จ่ายที่สถานีบริการน้ำมัน ซุปเปอร์มาร์เก็ต และค่าเบี้ยประกันจะได้รับเงินคืน 0.25%
  • ฟรีประกันอุบัติเหตุการเดินทางต่างประเทศ ด้วยวงเงินคุ้มครองสูงสุด 1,500,000 บาท กรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ สายตา หรือ ทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง (อบ.1) จากอุบัติเหตุขณะกำลังขึ้นหรือกำลังลงหรือขณะโดยสารอยู่ใน
    • อากาศยานที่จดทะเบียนเพื่อบรรทุกผู้โดยสาร และ ประกอบการโดยสารการบินพาณิชย์
    • ยานพาหนะทางบกสาธารณะ
    • ยานพาหนะทางน้ำสาธารณะ
  • ฟรีค่ารักษาพยาบาลจากการบาดเจ็บหรือเจ็บป่วย ขณะเดินทางอยู่ในต่างประเทศ (สูงสุดต่อครั้ง) 10,000 บาท
  • รับเครดิตเงินคืนพิเศษเพิ่ม 3% เมื่อมียอดใช้จ่ายสะสม 5,000 บาทขึ้นไป ในวันคล้ายวันเกิด
  • รับเครดิตเงินคืนพิเศษ เพิ่ม 4% เมื่อใช้จ่ายทุก 1,000 บาทขึ้นไปต่อเซลล์สลิปในหมวดร้านอาหาร (ยกเว้นร้านอาหารในโรงแรม) ใน 4 วันพิเศษสำหรับครอบครัวได้แก่ วันเด็ก (เสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคม) วันครอบครัว (14 เมษายน) วันแม่ (12 สิงหาคม) และวันพ่อ (5 ธันวาคม)

 

อ่านจบแล้ว ถ้าจะรู้สึกว่าอยากได้มาครอบครองไว้ทั้ง 5 ใบ ก็ไม่น่าแปลกใจนัก เพราะสิทธิประโยชน์มากมายไม่แพ้กันและมีความโดดเด่นที่แตกต่างกันออกไป หากต้องเลือกแค่หนึ่งหรือไม่กี่ใบ ลองเลือกโดยสังเกตจากนิสัยการใช้จ่ายและไลฟ์สไตล์ของตัวเองดู อาจช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น และขอให้สนุกกับการใช้งานบัตรเครดิต Cash Back กันทุกคน

เปิดเทคนิคการใช้บัตรเครดิตแบบมือโปร

สำหรับมือโปรการใช้บัตรเครดิตให้คุ้มค่าและได้ประโยชน์สูงสุดคงไม่ใช่เรื่องยาก แต่สำหรับมือใหม่จะทำบัตรเครดิตอย่างไรให้คุ้มค่าที่สุดล่ะ ดังนั้นเราจึงมีคำแนะนำในการใช้บัตรเครดิตอย่างมือโปร ที่มือใหม่ก็นำไปใช้ได้ไม่ยาก มาแนะนำกัน

 

1. เช็คโปรโมชั่นก่อนรูดซื้อสินค้า

       ไม่เฉพาะสินค้าที่เป็นชิ้นเป็นอันเท่านั้น แม้แต่การรูดบัตรเครดิตเพื่อจ่ายค่าอาหารก็เช่นกัน เพราะแท้ที่จริงแล้ว ประโยชน์ของบัตรเครดิตไม่ได้มีแค่ใช้แทนเงินสด หรือดึงเงินในอนาคตมาใช้เท่านั้น แต่ยังมีสิทธิประโยชน์ในรูปแบบของการลด แลก แจก แถม อีกมากมาย ซึ่งเรามักจะเห็นโปรโมชั่นที่อัพเดทสุดๆ ได้จากหน้าเคาน์เตอร์แคชเชียร์ หรือบนโต๊ะอาหารนั่นเอง

        ตัวอย่างโปรโมชั่นที่พบเห็นได้บ่อย ได้แก่ หากใช้บัตรเครดิตของธนาคารนี้จ่ายค่าอาหาร จะได้รับเมนูแนะนำของทางร้านฟรี และได้รับส่วนลดเพิ่มอีก 10% หรือเมื่อรูดบัตรเครดิตของธนาคารนี้รูดบัตรซื้อสินค้าชิ้นนี้ จะได้รับส่วนลดพิเศษเพิ่มอีก 200 บาท หรือมีโปรโมชั่นผ่อนสินค้านานสุด 10 เดือนด้วยอัตราดอกเบี้ย 0% ฟังแค่ตัวอย่างก็น่าสนใจแล้วใช่ไหม ดังนั้นอย่าลืมสังเกตก่อนจ่ายค่าสินค้าและค่าอาหารสักนิด เพื่อประโยชน์สูงสุดของคุณเอง

 

2. หมั่นอัพเดทข่าวสารโปรโมชั่นที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคุณ

       อย่างที่กล่าวถึงไปแล้วในข้อก่อนหน้า ว่าบัตรเครดิตไม่ได้มีประโยชน์เพียงรูดซื้อสินค้าเท่านั้น แต่ยังมีสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมมากมาย ดังนั้นจึงควรอัพเดทข่าวสารอยู่เสมอ เพราะหากมีโปรโมชั่นแรงๆ โดนๆ ที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคุณแล้วล่ะก็ จะได้รีบคว้าไว้ได้ทันเวลา

       เช่นถ้าหากคุณเป็นคนชอบเดินทางท่องเที่ยว ควรส่องโปรโมชั่นใหม่ๆ ที่ออกมาเกี่ยวกับตั๋วเครื่องบิน โรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร ฯลฯ แต่หากคุณเป็นสายรักสุขภาพและการดูแลตัวเอง ควรส่องโปรโมชั่นดีๆ ที่เกี่ยวกับสปา ฟิตเนส สินค้าสุขภาพ และยิ่งถ้าเป็นสายบันเทิง บัตรเครดิตหลายใบจัดโปรโมชั่นดูหนังฟรี หรือใช้แต้มแลกตั๋วหนังฟรีอยู่บ่อยๆ เชื่อเถอะว่าการอัพเดทโปรโมชั่นของบัตรเครดิต ไม่ใช่เรื่องเสียเวลาหรือเสียเปล่า เรามักจะได้อะไรดีๆ กลับมาเสมอ

3. สะสมแต้มแลกของ gift voucher และส่วนลดต่างๆ

       การใช้บัตรเครดิตทุกครั้ง จะมีแต้มคะแนนสะสมเพิ่มขึ้น ซึ่งแต้มคะแนนสะสมเหล่านี้ เราสามารถนำไปแลกหรือใช้เพื่อสิทธิประโยชน์ต่างๆได้อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นส่วนลดสุดพิเศษ gift voucher แทนเงินสดเพื่อซื้อสินค้าในห้างสรรพสินค้าหรือร้านอาหาร รวมถึงแลกข้าวของเครื่องใช้ต่างๆในบ้าน ดังนั้นมือโปรหลายคนจึงขยันใช้บัตรเครดิตเพื่อสะสมแต้ม แต่เมื่อใช้แล้วก็กันเงินสดส่วนนั้นไว้เพื่อจ่ายเต็มในรอบบิลถัดไป ทำให้ได้แต้มคะแนนสะสม แต่ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยให้กับทางธนาคารเลย และยังสะสมแต้มเอาไปแลกสิทธิประโยชน์อื่นๆอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยได้อีก ถือเป็นวิธีที่ดีมากโดยเฉพาะกับผู้ที่มีวินัยทางการเงิน

 

4. จ่ายเกินขั้นต่ำ

      สำหรับใครก็ตามที่ไม่สามารถจ่ายเต็มได้ทุกรอบบิล บางครั้งอาจจะแอบจ่ายตามขั้นต่ำที่บัตรกำหนดยอดไว้ให้บ้าง แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ควรทำเมื่อไม่สามารถจ่ายเต็มรอบบิลได้ ก็คือการจ่ายมากกว่าขั้นต่ำ จะจ่ายมากกว่าเท่าไรก็ได้ แต่ขอให้จ่ายมากเกินกว่าขั้นต่ำเข้าไว้ เพราะการจ่ายเท่ากับยอดขั้นต่ำของรอบบิลนั้นๆ  เท่ากับว่าเราจะต้องรับภาระดอกเบี้ยสูงที่สุดเท่าที่ทางธนาคารจะสามารถเรียกเก็บจากเราได้ แต่หากเราจ่ายเกินขั้นต่ำ ไม่ว่าจะเกินมามากหรือน้อยก็ตาม จะทำให้ภาระดอกเบี้ยของเราลดน้อยลง และมีโอกาสที่จะหลุดพ้นจากภาระหนี้บัตรเครดิตได้เร็วมากขึ้น (อย่างไรก็ตามทางเราขอแนะนำว่าจ่ายเต็มให้ได้ทุกรอบดีว่านะ)

 

  1. ตรวจสอบรายการชำระเงินถ้ามีอะไรแปลกต้องแจ้งทางธนาคารทันที

       บางคนอาจเลือกช่องทางการรับใบแจ้งหนี้ผ่านทางไปรษณีย์ บางคนอาจเลือกช่องทางการรับใบแจ้งหนี้ผ่านอีเมล แต่สิ่งสำคัญคือ คุณได้ดูรายการค่าใช้จ่ายที่ปรากฏในใบแจ้งหนี้บ้างหรือไม่ สำหรับคนที่เลือกจ่ายบัตรด้วยตัวเอง อาจจะได้ดูรายการผ่านตาบ้าง แต่สำหรับใครก็ตามที่เลือกจ่ายบัตรผ่านการหักบัญชี ไม่ควรละเลยการตรวจสอบใบแจ้งหนี้อย่างเด็ดขาด เพราะมีโอกาสที่จะมีค่าใช้จ่ายแปลกปลอมปะปนเข้ามา หรือมีค่าธรรมเนียมที่ไม่ควรเกิดแทรกเข้ามาซึ่งเป็นการเสียประโยชน์อย่างยิ่ง สำหรับคนที่เคยมีประสบการณ์เจอรายการแปลกๆ แทรกเข้ามาอยู่ในรายการใช้จ่าย อาจจะพอทราบดีว่าเราสามารถทักท้วงว่าค่าใช้จ่ายนั้นไม่ใช่ของเราได้

       ดังนั้นการใช้บัตรเครดิตโดยไม่ตรวจสอบรายการใช้จ่าย จึงถือเป็นการถือบัตรเครดิตที่อันตรายและประมาทอย่างมาก ควรตรวจสอบรายการใช้จ่ายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรักษาสิทธิ์และประโยชน์ของตัวเราเอง

 

  1. ค่าธรรมเนียมบางอย่าง สามารถขอยกเว้นได้

       โดยปกติบัตรเครดิตแต่ละใบจะมีการกำหนดค่าธรรมเนียมเอาไว้แล้ว แต่ก็มีเงื่อนไขยกเว้นให้ด้วย เช่น หากใช้บัตรเครดิตยอดเกินกว่า 300,000 บาทใน 1 ปี จะได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปี หรือหากใช้บัตรเครดิตยอดเท่าไรก็ได้ เป็นจำนวนมากกว่า 12 ครั้ง จะได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปี ซึ่งหากใครไม่รู้เงื่อนไขนี้ ก็อาจตกเป็นผู้เสียประโยชน์ได้

       ในขณะเดียวกันสำหรับคนที่ใส่ใจดูรายการค่าใช้จ่าย และสังเกตเห็นว่ามีรายการของค่าธรรมเนียมรายปีเกิดขึ้น สามารถโทรเข้าคอลเซ็นเตอร์เพื่อติดต่อขอยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปี หรือที่มักเรียกกันติดปากว่า ขอเวฟค่าธรรมเนียมรายปี ได้ การ0tยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีนั้น ก็ขึ้นอยู่กับทางเจ้าหน้าที่และนโยบายของทางธนาคาร ว่าจะยกเว้นให้ได้ในทันที หรือจะยกเว้นให้ต่อเมื่อนำบัตรเครดิตไปรูดใช้จ่ายเพิ่มอีกกี่ครั้ง แต่ยังไม่เคยเจอกรณีที่ทางธนาคารไม่ยกเว้นให้ หากผู้ถือบัตรเป็นผู้ติดต่อเข้าไปเอง ดังนั้นจึงอยากให้ทุกคนได้ทราบถึงเรื่องนี้โดยทั่วกัน เพื่อจะได้ไม่เสียประโยชน์ของตนไปโดยง่าย

 

อ่านมาถึงตรงนี้ คงจะพอเข้าใจและได้ไอเดียการใช้บัตรเครดิตให้เป็นแบบมือโปรมากขึ้นแล้ว ซึ่งจะใช้ให้ได้แบบมือโปรก็ต้องอาศัยความใส่ใจ การสังเกต และวินัยทางการเงินอยู่ด้วย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินกว่าจะทดลองทำ เชื่อเถอะว่าหากได้ทดลองทำตามดูแล้ว จะยิ่งเห็นประโยชน์และมีวินัยทางการเงินที่ดีติดตัวไปด้วยอย่างแน่นอน

 

 

 

ปัจจุบันพวกเรากำลังอยู่ในโลกยุคดิจิตอล หลายสิ่งหลายอย่างเริ่มสะดวกมากขึ้น จากที่เคยต้องไปทำธุรกรรมด้วยตัวเองที่ธนาคาร ทุกวันนี้เรามี internet banking ใช้ มี mobile application ของแต่ละธนาคารบริการอย่างเต็มที่ เพื่อความสะดวกของพวกเราทุกคน แม้กระทั่งการสมัครบัตรที่ดูจะยุ่งยากและเสียเวลา หลายธนาคารก็ผุดบริการสมัครบัตรผ่านทางออนไลน์ขึ้นมา เพื่อเพิ่มกลุ่มลูกค้าและชยายเป้าหมายกว้างออกไป

 

ขั้นตอนการสมัครบัตรแบบเดิมๆ

 

 

ไปที่ธนาคาร แจ้งว่าต้องการสมัครบัตร

ฟังโปรโมชั่นและรายละเอียดชองบัตรต่างๆที่ธนาคารมี

รับใบสมัครกลับมากรอก พร้อมกลับมาเตรียมเอกสารไปยื่น

เตรียมเอกสารทั้งหมดไปยื่น พร้อมใบสมัครที่กรอกเสร็จแล้ว

รอทางสาขาส่งเอกสารยื่นเรื่องไปที่สำนักงานที่รับผิดชอบ

สำนักงานที่รับผิดชอบ พิจารณาและตรวจสอบเอกสาร

อนุมัติบัตร

แจ้งผลการอนุมัติผ่านทาง SMS หรือไม่มีการแจ้ง

บัตรถูกส่งถึงผู้สมัครทางไปรษณีย์

 

 

จากขั้นตอนในข้างต้น เราจำเป็นต้องไปที่ธนาคารทั้งหมดกี่ครั้ง เวลาในการเดินทาง เวลาที่ใช้ในการรอคิว รวมถึงค่าเดินทาง คือสิ่งที่ผู้สมัครเป็นฝ่ายเสียทั้งสิ้น

 

 

งั้นเราลองมาเปรียบเทียบกับขั้นตอนการสมัครบัตรผ่านทางออนไลน์ดูกันสักหน่อย

 

อ่านข้อมูลบัตรเครดิตต่างๆในเว็บไซต์

เลือกบัตรที่ต้องการสมัคร แล้วคลิกสมัครออนไลน์ เพื่อกรอกข้อมูล

เจ้าหน้าที่ธนาคารติดต่อกลับ เพื่อสอบถามเพิ่มเติมและนัดส่งแมสเสนเจอร์เข้ารับเอกสาร

อนุมัติบัตร

แจ้งผลการอนุมัติผ่านทาง SMS

บัตรถูกส่งถึงผู้สมัครทางไปรษณีย์

 

ในกรณีที่ต้องการเอกสารเพิ่มเติมจากที่ยื่นไปในครั้งแรก การสมัครแบบเดิมๆคุณจะต้องนำเอกสารไปยื่นด้วยตัวเองที่สาขาธนาคารอีกครั้ง แต่สำหรับการสมัครบัตรผ่านทางออนไลน์ ทางเจ้าหน้าที่อาจให้คุณส่งผ่านทางอีเมล หรือนัดให้แมสเสนเจอร์มารับอีกครั้ง หรือหากคุณสะดวกและต้องการจะส่งเอกสารผ่านทางไปรษณีย์มากกว่า ทางเจ้าหน้าที่ก็จะแจ้งที่อยู่ในการจัดส่งอย่างละเอียดให้กับคุณ นี่เป็นอีกข้อดีของการสมัครบัตรผ่านช่องทางออนไลน์ ที่หลายคนยังไม่รู้มาก่อน

 

ไหนๆ เราก็คุยกันถึงเรื่องของการสมัครบัตรผ่านช่องทางออนไลน์กันแล้ว ก็ไปให้สุด ด้วยการเผยข้อดีทั้งหลายของการสมัครบัตรออนไลน์ให้เห็นกันจะจะเลยดีกว่า

 

 

ข้อดีของการสมัครบัตรผ่านช่องทางออนไลน์

 

  1. มีโอกาสเปรียบเทียบข้อมูลก่อนตัดสินใจ

การไปที่เคาน์เตอร์ของสาขาธนาคาร เพื่อรับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ธนาคารหรือรับโบรชัวร์กลับมาอ่านเอง อาจไม่ได้รับข้อมูลอย่างเต็มที่ และหากต้องการเปรียบเทียบกับบัตรของธนาคารอื่นๆอีกหลายแห่ง ก็อาจต้องเสียเวลาเดินทางและเสียเวลารอคิวเข้ารับบริการอีกหลายนาทีหลายชั่วโมง หรืออาจจะหลายวัน แต่การเปรียบเทียบข้อมูลของบัตรต่างๆของธนาคารแต่ละแห่งผ่านช่องทางออนไลน์นั้น สามารถทำได้โดยใช้เวลาไม่นานและไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง ไม่เสียค่าเดินทางใดๆอยู่ที่ไหน ในเวลาทำการหรือนอกเวลาทำการก็สามารถตรวจสอบข้อมูลเพื่อเปรียบเทียบได้ทันที เรียกได้ว่าสะดวกสุดใจและได้เปรียบกว่าการตระเวนไปตามธนาคารต่างๆอย่างเห็นได้ชัด

 

  1. ได้ทราบรายละเอียดของบัตรอย่างครบถ้วน

การรับฟังคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่โดยตรง อาจไม่ละเอียดเท่าการได้เห็นตารางค่าธรรมเนียมและตารางสิทธิประโยชน์ หรืออัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆด้วยตัวเองในเว็บไซต์ ต้องยอมรับว่าเจ้าหน้าที่ที่หน้าเคาน์เตอร์ อาจไม่สามารถแนะนำอย่างลงรายละเอียดลึกและอัพเดทใหม่ล่าสุดได้เท่ากับเว็บไซต์ของแต่ละธนาคารและเว็บไซต์ที่อัพเดทเกี่ยวกับโปรโมชั่นของบัตรเครดิตที่เราพบเห็นกันอยู่ทั่วไปได้ ด้วยรายละเอียดที่มีมากมายและมีความแตกต่างกันในเงื่อนไขของบัตรแต่ละใบ แต่หากจะเอาตารางและข้อมูลต่างๆมาแปะวางเรียงเปรียบเทียบ หรือใช้โปรแกรมเปรียบเทียบบัตรเครดิตในเว็บไซต์ที่มีฟีเจอร์นี้ให้ใช้ ก็จะทำได้รวดเร็วและง่ายกว่ามาก

 

  1. สมัครได้ทุกที่ทุกเวลา

การสมัครบัตรผ่านช่องทางออนไลน์ สามารถสมัครได้ตลอดเวลา ทุกสถานที่ที่มีอินเตอร์เนต ไม่จำเป็นต้องรอให้สาขาธนาคารเปิดทำการ ไม่ต้องกดคิวรอเจ้าหน้าที่เรียก ไม่ต้องเสียเวลาฟังเรื่องอื่นๆที่เจ้าหน้าที่อาจอธิบายแถมให้เพราะอยากขายเพิ่ม เรียกได้ว่าสะดวกมากแถมยังไม่ลำบากใจ

 

  1. ไม่เสียเวลาเดินทางและไม่เสียค่าเดินทาง

เราทุกคนมีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากัน แต่ทุกคนมีธุระปะปังที่มากน้อยต่างกัน การจัดการเวลาในชีวิตประจำวัน อะไรก็ตามที่สามารถย่อให้ใช้เวลาได้สั้นลงได้ก็ควรทำ เพราะเราอาจมีธุระอื่นที่ควรค่าแก่การใช้เวลามากกว่า ดังนั้นหากประหยัดเวลาเดินทางและประหยัดค่าเดินทางลงได้ หลายคนจะแฮปปี้มากเชื่อเถอะ แทนที่จะเอาเวลามาเดินทางและเอาเงินมาจ่ายเป็นค่าเดินทาง นั่งสมัครผ่านช่องทางออนไลน์สวยๆหล่อๆอยู่ในห้องแอร์ดีกว่า ได้งานได้เงินและได้สมัครบัตรด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกทั้งรัง

 

  1. โปรโมชั่นและสิทธิประโยชน์สุดพิเศษที่ทางธนาคารเตรียมไว้ให้เฉพาะผู้สมัตรบัตรออนไลน์เท่านั้น

หลายคนยังไม่รู้ ว่าทางธนาคารมักมีโปรโมชั่นและสิทธิประโยชน์สุดพิเศษ เตรียมไว้ให้สำหรับผู้ที่สมัครบัตรผ่านช่องทางออนไลน์อยู่เสมอ โปรโมชั่นเก่าหมดอายุ โปรโมชั่นใหม่ที่อาจพิเศษกว่าก็จะมารอจ่อคิวอยู่บ่อยๆทำไมทางธนาคารถึงส่งเสริมให้คนมาสมัครบัตรผ่านช่องทางออนไลน์มากมายขนาดนี้ ก็เพราะการสมัครบัตรออนไลน์ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้กับธนาคารได้นั่นเอง

 

จากประสบการณ์ตรงที่เคยสมัครบัตรผ่านทั้งสาขาธนาคารและทางออนไลน์ ประทับใจการสมัครบัตรผ่านช่องทางออนไลน์เป็นการส่วนตัว เพราะเมื่อสมัครบัตรออนไลน์แล้วรู้สึกว่าได้รับความสะดวกมากกว่า ประหยัดเวลามากกว่า และได้รับการเอาอกเอาใจมากกว่า ไม่ต้องหอบเอกสารไปให้ที่สาขาธนาคารด้วยตนเอง ไม่ต้องเป็นฝ่ายเดินทางเข้าไปหาเอง แต่มีทั้งเจ้าหน้าที่และแมสเสนเจอร์ติดต่อและเข้ามาให้การบริการเป็นอย่างดี แต่สำหรับใครก็ตามที่สะดวกส่งเอกสารผ่านช่องทางไปรษณีย์ ก็สามารถแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ได้เช่นกัน ส่วนใครก็ตามที่ยังไม่เคยสมัครบัตรผ่านช่องทางออนไลน์ก็อยากให้ได้ลอง แล้วจะได้รู้ว่าการสมัครบัตรผ่านช่องทางออนไลน์นั้นสะดวกกว่า ประหยัดเวลากว่า ให้ความรู้สึกที่ดีกว่า และอาจมีโปรโมชั่นที่ดีกว่ารออยู่

 

 

หลายคนกังวลใจกับการสมัครบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสด นึกกลัวไปต่างๆ นานา วิตกลว่าสมัครไปแล้วจะผ่านไหม กังวลว่าการสมัครบัตรไม่ผ่านจะทำให้ประวัติในเครดิตบูโรเสียหรือไม่ รวมถึงคนที่เคยสมัครบัตรไม่ผ่านมาก่อนแล้ว ก็อาจกังวลว่าจะทำให้การสมัครบัตรในครั้งต่อมาไม่ผ่านไปด้วย แต่นั่นอาจเป็นการวิตกกังวลมากเกินไป เพราะแท้ที่จริงแล้ว การสมัครบัตรเครดิตหรือบัตรกดเงินสดนั้น ไม่ใช่เรื่องยากมากขนาดนั้น หากเรามีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์และรู้เคล็ดลับต่าง ๆ ก็สามารถช่วยให้สมัครบัตรผ่านได้แบบหายห่วง

 

วิธีที่จะสมัครบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดให้ผ่านนั้น ควรใช้หลายวิธีควบคู่กันไปให้ได้มากที่สุด เพราะยิ่งทำได้มากข้อเท่าไร ยิ่งมีความเป็นไปได้ที่จะสมัครบัตรผ่านได้สูงมากเท่านั้น

 

1. ศึกษาเงื่อนไขแต่ละบัตรเพื่อเปรียบเทียบกัน

บัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดแต่ละใบ มีเงื่อนไขที่แตกต่างกัน หลายใบเปิดโอกาสให้ผู้มีรายได้ประจำต่อเดือนไม่มาก มีอายุงานยังไม่นาน สามารถสมัครบัตรได้ ดังนั้นก่อนอื่นควรศึกษาเปรียบเทียบเงื่อนไขของบัตรหลาย ๆ ใบ ก่อนตัดสินใจยื่นสมัคร สำหรับบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดที่ขึ้นชื่อว่าสมัครง่าย ได้แก่ ยูเมะพลัส อีออน เฟิร์สชอยส์ หากไม่มั่นใจในคุณสมบัติของตนเอง ก็ลองสมัครจากบัตรที่มีเงื่อนไขง่าย ๆ ก่อน แต่อย่างไรก็ตาม คุณสมบัติที่จำเป็นต้องมี โดยรวมแล้ว ได้แก่

• มีรายได้ประจำตามที่เงื่อนไขกำหนดไว้

• มีอายุงานตามที่เงื่อนกำหนดไว้

• สามารถติดต่อได้ทั้งมือถือและที่ทำงาน

คุณสมบัติที่นอกเหนือจากนี้ ก็แล้วแต่เงื่อนไขและข้อกำหนดของแต่ละบัตร ซึ่งขอกระซิบสักเล็กน้อยว่า หากสมัครบัตรใบแรกผ่าน และไม่ทำประวัติกับบัตรใบแรกเสียซะก่อน โอกาสที่จะสมัครบัตรใบต่อ ๆ มาได้อย่างผ่านฉลุย ก็มีมากขึ้น

 

2. มีประวัติในเครดิตบูโร

โดยทั่วไป สถาบันการเงินจะพิจารณาคุณสมบัติของผู้สมัครบัตร จากรายได้ ความมั่นคงในงาน และกำลังในการจ่ายชำระหนี้ รวมถึงประวัติการชำระหนี้ที่ผ่านมาในอดีตด้วย ดังนั้นสำหรับผู้ที่ไม่เคยมีประวัติการชำระหนี้ในอดีตให้ตรวจสอบทางสถาบันการเงินอาจพิจารณาให้การสมัครบัตรครั้งนั้นไม่ผ่านได้ เพราะไม่มั่นใจในวินัยการชำระหนี้ของผู้สมัคร วิธีที่จะป้องกันการสมัครบัตรไม่ผ่านเพราะไม่มีข้อมูลในเครดิตบูโร คือการสร้างข้อมูลให้แสดงในเครดิตบูโรนั่นเอง อาจเริ่มด้วยการสมัครบัตรเสริมจากบัตรหลักของคนในครอบครัว และใช้งานให้มีการเคลื่อนไหวจริง ก่อนจะสมัครบัตรหลักเป็นของตัวเองก็ได้ สำหรับใครที่เคยหรือกำลังมีสินเชื่อบ้านหรือสินเชื่อรถอยู่ และผ่อนชำระตามปกติ นั่นหมายความว่าคุณมีประวัติดีในเครดิตบูโรแล้วเรียบร้อย ไม่จำเป็นต้องสร้างประวัติเพิ่ม

 

3. แจ้งฝ่ายบุคคลหรือเพื่อนร่วมงานว่าคุณสมัครบัตรไว้

ข้อนี้อาจต้องอาศัยความสัมพันธ์ดี ๆ กับเพื่อนร่วมงานหรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลสักหน่อย ใครก็ตามที่คุณคิดว่าเขาจะเป็นคนรับสายเมื่อเจ้าหน้าที่ของสถาบันการเงินโทรมา ควรแจ้งเขาว่าคุณสมัครบัตรเอาไว้ และอาจมีเจ้าหน้าที่จากสถาบันการเงินโทรติดต่อเข้ามา เพื่อที่พวกเขาจะได้ให้ความร่วมมือและตอบข้อซักถามของเจ้าหน้าที่สถาบันการเงินได้อย่างไม่ผิดพลาด เพราะหลายกรณี เจ้าหน้าที่มักจะโทรมาตามเบอร์ที่ทำงานที่คุณให้ไว้ และสอบถามถึงรายละเอียดต่าง ๆ เช่น ขอสายพูดกับคุณ หรือถามถึงตำแหน่งและหน้าที่ของคุณ จำนวนเงินเดือนที่คุณได้รับ รวมถึงอายุงานของคุณด้วย

 

4. กรอกข้อมูลในใบสมัครตามที่เห็นสมควร

ใบสมัครที่ต้องกรอก อาจต้องการข้อมูลแบบละเอียดยิบย่อยมาก ดังนั้นควรกรอกข้อมูลตามสมควร ได้แก่

• หัวข้อไหนที่ทางสถาบันการเงินสามารถตรวจสอบได้ เช่น รายได้ ก็ควรกรอกข้อมูลให้ตรงและถูกต้อง

• สำหรับข้อมูลใด ๆ ที่ทางสถาบันการเงินไม่สามารถตรวจสอบได้อย่างเป็นรูปธรรม เช่น รายจ่ายเรื่องค่าเช่าบ้าน ค่าเช่าคอนโด อาจเลือกตอบว่าอาศัยอยู่บ้านญาติ หรือลดค่าเช่าลงครึ่งหนึ่งเพราะเช่าอยู่กับเพื่อนก็ได้ เนื่องจากช่องรายจ่ายเหล่านี้ ทางสถาบันการเงินจะนำไปพิจารณาว่าจะให้บัตรผ่านหรือไม่ อนุมัติวงเงินเท่าไรดังนั้นหากกรอกเป็นจำนวนเงินไม่สูง จะทำให้มีโอกาสสมัครบัตรผ่านและได้วงเงินสูงอย่างที่ควรจะเป็น

• ข้อมูลที่สอบถามว่ามีบัตรกี่ใบ หากคุณมีบัตรเครดิตหรือบัตรกดเงินสดอื่นอยู่ แต่ยังถือบัตรได้ไม่ถึง 1 เดือน ก็สามารถกรอกว่าไม่มีบัตรได้ เพราะระยะเวลายังไม่ถึง 1 เดือน ข้อมูลยังไม่แสดงในเครดิตบูโร สาเหตุที่หลายคนแนะนำให้ตอบเช่นนี้ เนื่องจากจำนวนบัตรที่ถือครองอยู่ก็มีส่วนในการพิจารณาเช่นกัน

 

5. ยื่นสมัครบัตรพร้อมกันทีละหลายๆ ใบ

สาเหตุของบางคนที่สมัครบัตรเครดิตไม่ผ่าน คือ ทางสถาบันการเงินเห็นข้อมูลเครดิตบูโรของคุณแล้วว่ามีบัตรหลายใบ และพิจารณาว่าขณะนี้คุณมีบัตรเยอะเกินไป จึงไม่อนุมัติบัตรให้ผ่าน เพราะไม่มั่นใจในกำลังการชำระหนี้ของคุณ การสมัครบัตรพร้อมกันทีเดียวหลาย ๆ ใบ จึงเป็นวิธีที่หลายคนเคยทำและได้ผลดี เพราะการยื่นสมัครบัตรพร้อมกันทีเดียวหลายใบ กับสถาบันการเงินหลายแห่ง ข้อมูลจะยังไม่ขึ้นในเครดิตบูโร ให้สถาบันการเงินต่าง ๆ ตรวจสอบได้

 

อย่างไรก็ตาม วิธีเหล่านี้เป็นเพียงวิธีที่ช่วยให้สมัครบัตรเครดิตและบัตรเงินสดได้ผ่านเท่านั้น แต่หลังจากที่สมัครได้ผ่านแล้ว ก็ควรใช้บัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดอย่างมีวินัย ไม่ทำให้ข้อมูลเครดิตบูโรของตนเองเสียหาย เพราะหากมีประวัติเสีย หลังจากนี้เมื่อจะยื่นขออะไร ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด สินเชื่อรถ สินเชื่อบ้าน สินเชื่อส่วนบุคคล ก็จะลำบากและมีโอกาสผ่านได้น้อย หรืออาจไม่ผ่านเลยต่อเนื่องอีกเป็นปี