สภาพอากาศวันนี้ อาการหนัก ฝนตกทั่ว 49 จังหวัด
กรมอุตุแจ้งเตือนฝนถล่ม 49 จังหวัด วันนี้ กรุงเทพมหานคร ไม่รอดตกหนักร้อยละ 70% ของพื้นที่ แถมยังแจ้งให้ระมัดระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากอีกด้วย
วันที่ 3 กรกฎาคม 2568 ทางด้านกรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณประเทศไทยมีฝนตกหนัก และ ฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และ ภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนในพื้นที่บริเวณดังกล่าว โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดต่างๆ ตามที่ระบุเอาไว้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจจะทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากร่องมรสุมกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนบน และ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาวตอนล่าง และ เวียดนามตอนกลาง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และ อ่าวไทย
คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทยมีกำลังปานกลางโดยทะเลอันดามันตอนบนจะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง และ อ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามัน และ อ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และ หลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองด้วย
พยากรณ์อากาศ สำหรับประเทศไทยตั้งแต่ 06.00 วันที่ 3 กรกฎาคม ถึง 06.00 วันที่ 4 กรกฎาคม 2568
- ภาคเหนือมีฝนฟ้าคะนอง 70% ของพื้นที่ บางพื้นที่มีฝนตกหนักมากบางแห่ง
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนตกร้อยละ 70% ของพื้นที่ และ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง
- ภาคกลางมีฝนตกร้อยละ 70% ของพื้นที่ และ มีฝนตกหนักบางแห่ง
- ภาคตะวันออกมีฝนตกร้อยละ 80% ของพื้นที่ และ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง
- ภาคใต้มีฝนตกร้อยละ 60% ของพื้นที่
- ภาคใต้มีฝนตกร้อยละ 60% ของพื้นที่
จังหวัดภูเก็ต ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็วลม 20-35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดกระบี่ลงไป ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนตกมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
กรุงเทพ และ ปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70% ของพื้นที่ และ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กิโลมตรต่อชั่วโมง
เจาะลึกสิทธิประโยชน์ บัตรกดเงินสด KTC
ในยุคที่ความคล่องตัวทางการเงินเป็นสิ่งจำเป็น การมีบัตรกดเงินสดที่ตอบโจทย์จึงช่วยให้ใช้ชีวิตได้สะดวกขึ้นอย่างมาก KTC เป็นหนึ่งในสถาบันการเงินที่มีผลิตภัณฑ์บัตรกดเงินสดหลากหลายรุ่น ซึ่งเหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันของผู้ใช้แต่ละคน บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกทุกมุมมองของ บัตรกดเงินสด KTC ตั้งแต่สิทธิประโยชน์ รูปแบบการใช้งาน ไปจนถึงคำแนะนำว่ารุ่นไหนเหมาะกับคุณที่สุด
ทำไมต้องเลือกบัตรกดเงินสด KTC?
บัตรกดเงินสดจาก KTC มาพร้อมจุดเด่นหลักคือ “อนุมัติง่าย – รับเงินไว – ถอนใช้เมื่อไรก็ได้” จากการเช็คเบื้องต้นพบว่าทาง KTC แจ้งในระบบ หากสมัครตอนนี้ จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับทันทีภายใน 30 นาที ในช่วงวันและวันทำการ ซึ่งถือว่าเป็นบริการสุดว้าวที่ทำถึงจริงๆ การสมัครบัตรกดเงินสดเคทีซี สามารถทำได้โดยไม่จำเป็นต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน อีกทั้งยังสามารถเลือกผ่อนชำระขั้นต่ำได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด ทำให้เป็นทางเลือกยอดนิยมของคนที่ต้องการเงินด่วนแบบไม่ต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยหนักตั้งแต่วันแรก
ข้อดีหลัก ๆ ของบัตรกดเงินสด KTC
- สมัครง่าย อนุมัติไว ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์
- กดเงินสดได้จากตู้ ATM ทั่วประเทศ
- เลือกผ่อนชำระขั้นต่ำได้ตั้งแต่ 3% หรือ 300 บาท
- ไม่มีค่าธรรมเนียมในการกดเงินสด
- รับวงเงินสูงสุดถึง 5 เท่าของรายได้
เปรียบเทียบบัตรกดเงินสด KTC รุ่นต่าง ๆ
ปัจจุบัน KTC มีบัตรกดเงินสดหลัก ๆ อยู่ 2 รุ่นที่ได้รับความนิยม ได้แก่ KTC PROUD และ KTC CASH ทั้งสองใบนี้ต่างก็มีจุดเด่นที่ตอบโจทย์ผู้ใช้แตกต่างกัน
KTC PROUD
KTC PROUD เป็นบัตรกดเงินสดยอดนิยมที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อคนที่ต้องการใช้วงเงินสำรองในระยะสั้น มาพร้อมกับฟีเจอร์สำคัญอย่างการผ่อนชำระรายเดือนแบบยืดหยุ่น และมีบริการโอนเงินเข้าบัญชีโดยตรง
- คุณสมบัติเด่น: วงเงินสูงสุด 5 เท่าของรายได้ กดเงินสดได้ 24 ชั่วโมง ไม่มีค่าธรรมเนียมเบิกถอน
- เหมาะกับใคร: พนักงานประจำหรือเจ้าของกิจการที่ต้องการเงินด่วนหมุนเวียน
- จุดเด่น: ผ่อนชำระขั้นต่ำเริ่มต้น 300 บาท หรือ 3%
สมัครบัตรกดเงินสด KTC Proud ออนไลน์ได้ที่นี่
KTC CASH
KTC CASH เหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้เงินเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะอย่าง เช่น ซ่อมบ้าน ซื้อของ หรือเป็นค่าใช้จ่ายที่วางแผนไว้แล้ว เพราะมีโปรแกรมผ่อนรายเดือนอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า
- คุณสมบัติเด่น: ผ่อนรายเดือนด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ เริ่มต้นที่ 0.93% ต่อเดือน (แบบลดต้นลดดอก)
- เหมาะกับใคร: ผู้ที่มีแผนใช้เงินในระยะกลางถึงยาว ต้องการความคุ้มค่าเรื่องดอกเบี้ย
- จุดเด่น: มีช่องทางเบิกถอนหลายแบบ ทั้งโอนเงินเข้าบัญชี หรือสั่งจ่ายเช็ค
ควรเลือกบัตรรุ่นไหนดี?
การเลือกบัตรกดเงินสดให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของคุณนั้น ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้เงินเป็นหลัก
เหมาะกับคนที่ต้องการเงินด่วนใช้ทันที ถ้าคุณมีความจำเป็นเร่งด่วน หรือมักต้องการใช้เงินในสถานการณ์ไม่คาดฝัน KTC PROUD อาจเหมาะที่สุด เพราะสามารถกดเงินได้ทันที และไม่มีค่าธรรมเนียมในการกด
เหมาะกับคนที่มีแผนใช้งานล่วงหน้า
หากคุณมีแผนจะใช้เงินอยู่แล้ว และต้องการผ่อนชำระอย่างมีระบบ KTC CASH คือทางเลือกที่คุ้มค่ากว่า เนื่องจากมีดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับรุ่นอื่น ๆ
คำแนะนำก่อนสมัครบัตรกดเงินสด
- ตรวจสอบรายได้ขั้นต่ำที่กำหนด โดยทั่วไปอยู่ที่ 12,000 – 15,000 บาทต่อเดือน
- เตรียมเอกสารให้ครบ เช่น สำเนาบัตรประชาชน, สลิปเงินเดือน, รายการเดินบัญชี
- เลือกบัตรให้ตรงกับพฤติกรรมการใช้เงินของคุณ
- เปรียบเทียบดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมอย่างละเอียด
บัตรกดเงินสด KTC ทั้งสองรุ่นต่างมีจุดเด่นและกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน หากคุณต้องการความคล่องตัวสูงในการใช้วงเงิน KTC PROUD คือตัวเลือกที่ตอบโจทย์ แต่หากคุณต้องการผ่อนรายเดือนแบบประหยัด ควบคุมดอกเบี้ยได้ง่าย KTC CASH อาจเป็นคำตอบที่ใช่ ก่อนสมัคร ควรพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ และลักษณะการใช้จ่ายของตนเองอย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้เกิดภาระทางการเงินในระยะยาว
เดือนกรกฎาคม 2568 บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จ่ายค่าอะไรบ้าง?
เงินเข้าบัญชีเรียบร้อยแล้ว สำหรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเดือนกรกฎาคม 2568 ทางด้านกรมบัญชีกลางออกมาชี้แจงเกี่ยวกับการจ่ายเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568 ซึ่งเป็นเงินช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ในเดือนกรกฎาคม 2568 นี้ว่าได้รับค่าอะไรบ้างและวงเงินซื้อของเช่น ค่าก๊าซหุงต้ม, ค่าเดินทาง ว่ามีการจ่ายทั้งหมดกี่บาทใช้สิทธิผ่านบัตรประชาชนใบเดียว นอกจากนี้เบี้ยคนพิการ จะได้รับเป็น 1,000 บาท
เปิดเผยข้อมูลจากทางด้านรองอธิบดีกรมบัญชีกลางในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐในปี 2565 ผู้ที่มีสิทธิใช้สิทธิผ่านบัตรประจำตัวประชาชนแบบ Smart Card ซึ่งในเดือนกรกฎาคม 2568 จะได้รับสิทธิ์นี้เช่นเดียวกัน
วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เป็นวงเงินสิทธิที่ไม่สามารถถอนออกมาเป็นเงินสดได้ และ ไม่สามารถสะสมเพื่อใช้ในเดือนถัดไปได้
- วงเงินซื้อสินค้า 300 ต่อคนต่อเดือน
- วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 80 บาท ต่อคนต่อ 3 เดือน ตั้งแต่ กรกฎาคม – กันยายน 2568
- วงเงินค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ 750 บาทต่อคนต่อเดือน
- ระบบขนส่งสาธาณะ ประกอบด้วย บขส. รถไฟ ขสมก. รถไฟฟ้า และ รถโดยสารเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ
วันที่ 18 กรกฎาคม 2568 เงินเพิ่มเบี้ยความพิการ 200 บาท ต่อเดือน
- สำหรับผู้ที่มีสิทธิที่เป็นคนพิการ มีบัตรประจำตัวคนพิการและได้รับเบี้ยความพิการ 800 บาทต่อเดือน
- เงินจะถูกโอนเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารที่ผูกพร้อมเพย์ด้วยเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก ของผู้ที่มีสิทธิ หรือ บัญชีเงินฝากของธนาคาร ของผู้ที่มีสิทธิ หรือ ผู้รับมอบอำนาจ ที่ใช้รับเงินเบี้ยความพิการ 800 บาท
ภาพรวมการใช้จ่าย สวัสดิการแห่งรัฐ ตั้งแต่ 1 – 30 มิถุนายน 2568
- สวัสดิการพื้นฐาน ต่อเนื่อง
- รวมทั้งหมด 4,034.80 ล้านบาท
- สินค้าอุปโภคบริโภค 3,880.76 ล้านบาท
- ค่าหุงต้ม 18.48 ล้านบาท
- ระบบขนส่งสาธารณะ 135.56 ล้านบาท
สวัสดิการที่ให้ผ่านระบบพร้อมเพย์ ด้วยเลขบัตรประชาชน หรือ บัญชีเงินฝากธนาคาร
- รวม 260.03 ล้านบาท
- เพิ่มเบี้ยความพิการ ตามมติ ครม. 260.03 ล้านบาท
สำหรับผู้ที่มีข้อสงสัย หรือ ต้องการสอบถามคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามไปได้ที่ Call Center ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 02-109-2345 หรือ Call Center กรมบัญชีกลาง 02-270-6400 ในวันเวลาราชการ
เที่ยวไทยคนละครึ่งทำพิษ คนลงทะเบียนไม่ได้รับ OTP ยืนยัน
ใครสมัครเที่ยวไทยคนละครึ่งแล้วไม่ได้ OTP บ้างยกมือขึ้น เชื่อว่าเมื่อวานนี้จนถึงวันนี้ มีหลายคนเจอปัญหาเดียวกัน นั่นก็คือการกรอกข้อมูลลงทะเบียน เที่ยวไทยคนละครึ่งแล้วไม่ได้รับรหัส OTP ทำให้ไม่สามารถลงทะเบียนเที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568 ได้ ล่าสุดทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดให้ประชาชนเข้าระบบแอป Amazing Thailand แล้ว สามารถเข้าไปใช้สิทธิ์จองด่วนได้เลย แนะนำให้ดูแผนวันหยุดยาวในเดือนกรกฎาคม 2568 เผื่อเอาไว้ด้วย
โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้มีการเปิดให้ลงทะเบียนรับสิทธิ์วันแรก เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 แต่เจอกับปัญหาใหญ่ เนื่องจากมีผู้ใช้งานจำนวนมาก ไม่สามารถรับรหัส OTP หรือ One Time Password ผ่านทาง Email ที่ลงทะเบียนเอาไว้ได้ หลังจากที่แอปพลิเคชั่น Amazing Thailand เคยล่มมาแล้วในช่วงเช้าของเมื่อวานนี้
เปิดสาเหตุทำไมลงทะเบียนแล้วไม่ได้รับ OTP
สำหรับสาเหตุที่คนไทยลงทะเบียนเที่ยวไทยคนละครึ่งแล้วไม่ได้รับ OTP เนื่องจากปัญหาของ Domain ททท. ถูก Google Block ชั่วคราว สาเหตุเพราะว่ามีการส่งอีเมลในจำนวนมาก และ ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของทาง Google
แจ้งความคืบหน้าล่าสุด เกี่ยวกับโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568 โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้มีการเปิดระบบแอป Amazing Thailand ให้สามารถลงทะเบียนเที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568 เพื่อให้ประชาชน สามารถจองใช้สิทธิ์ได้เป็นวันแรก ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไปจำนวน 500,000 สิทธิเท่านั้น โดยทางรัฐบาลจะสนับสนุนค่าที่พักในเมืองท่องเที่ยวหลัก วันธรรมดาในอัตรา 50% ไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องหรือคืน และในวันหยุดสนับสนุน 40% สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องหรือคืนเช่นกัน
OTP คืออะไร?
OTP หรือที่เรียกว่า One Time Password คือรหัสผ่านที่สามารถใช้ได้ครั้งเดียวมีตัวเลข 6 หลัก ซึ่งระบบจะสร้างขึ้นเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการทำธุรกรรมออนไลน์ โดยจะส่งไปยังอีเมล หรือ SMS โทรศัพท์มือถือของผู้ใช้งาน เพื่อใช้ตรวจสอบและยืนยันการเป็นเจ้าของบัญชีก่อนการเข้าถึง หรือ เปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนตัว สำหรับรหัส OTP มีอายุการใช้งานจำกัด และไม่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ ถือว่าเป็นส่วนสำคัญเพื่อลดความเสี่ยงจากการถูกเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต
DGA จับมือ แอปทางรัฐ ร่วมมือกับ ธปท. เปิดให้ประชาชนขอประวัติน้ำ-ไฟ
สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล หรือDGA จับมือแอปทางรัฐ ร่วมกับหน่วยงานบริการสาธารณูปโภคหลัก โดยมีการไฟฟ้านครหลวง, การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค, การประปานครหลวง และ การประปาส่วนภูมิภาค เปิดตัวบริการดิจิทัลใหม่ล่าสุด
แจ้งขอประวัติการใช้ และ ชำระค่าน้ำ – ค่าไฟ ผ่านแอปทางรัฐได้ฟรี
ข้อมูลที่ได้รับการรับรองด้วยลายเซ็นดิจิทัล หรือ Digital Signature เพื่อความปลอมภัย และ ป้องกันการปลอมแปลง ช่วยเพิ่มโอกาสให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยเฉพาะกับผู้ที่ไม่มีรายได้ประจำ บริการนี้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Your Data ที่เปิดโอกาสให้ประชาชน ใช้สิทธิในข้อมูลของตัวเอง เพื่อเข้าถึงบริการทางการเงินที่ตรงความต้องการมากยิ่งขึ้น
การขอประวัติการใช้และชำระค่าน้ำ-ค่าไฟ คืออะไร?
บริการการขอประวัติการใช้น้ำ และ ใช้ไฟ ผ่านการชำระค่าบริการค่าน้ำ-ค่าไฟ ผ่านทางแอปพลิเคชั่น ทางรัฐ สำหรับส่งให้ผู้ให้บริการทางเพื่อ เพื่อใช้ประกอบการสมัครบริการทางการเงิน ยกตัวอย่างเช่น การสมัครสินเชื่อ โดยประชาชนสามารถเข้าไปขอเพื่อใช้บริการได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
- ขอประวัติค่าน้ำ-ค่าไฟ ย้อนหลัง 6 เดือนในที่เดียว ด้วยรูปแบบดิจิทัล
- ขอเอกสาร ประวัติได้ง่ายๆ รับได้ไว และ สามารถนำไปใช้ได้เลย ไม่มีค่าใช้จ่าย
- เพิ่มโอกาสในการขอสินเชื่อผ่านจากทางธนาคาร
ประโยชน์ต่อผู้ให้บริการสินเชื่อ
สำหรับผู้ให้บริการสินเชื่อ หรือ สถาบันการเงิน ที่ได้รับข้อมูลประวัติดังกล่าว จากประชาชน สามารถนำข้อมูลไปประมวลผลได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งมีการรับรองด้วยลายมือชื่อดิจิทัล หรือ Digital Signature สามารถตรวจสอบได้ว่าข้อมูลไม่ถูกปลอมแปลงแก้ไข และ มีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการให้บริการทางเงินกับประชาชนโดยรวม
ขั้นตอนการใช้งาน
- สมัครใช้งานผ่านแอปพลิเคชั่นทางรัฐ และ ทำการยืนยันตัวตน โดยมีขั้นตอนในการสมัครใช้งานแอปพลิเคชั่น
- เปิดแอปพลิเคชั่น ทางรัฐ
- เข้าหมวดหมู่ การเงิน/ประกัน และ เลือกขอเอกสารประกอบการสมัครทางการเงิน
- เลือกหน่วยงานและมิเตอร์ที่ต้องการขอประวัติ
- ตรวจสอบข้อมูล และ กดขอเอกสาร โดยเอกสาจะถูกเก็บในมือถือ
- นำเอกสารที่เก็บในมือถือไปยื่นสมัครสินเชื่อตามช่องทางที่ผู้ให้บริการสินเชื่อกำหนด
เตือนภัยผู้สูงอายุ ต้องระวังคำพูดดูสวย แต่หลอกดูดเงินในบัญชี
แจ้งเตือนภัยสำหรับผู้สูงอายุ หรือ บุตรหลานที่มีผู้สูงอายุอยู่ที่บ้าน อย่าหลงเชื่อ หรือ หรือหลงกลพวกมิจฉาชีพ จากการปลอมแปลง และ แอบอ้าง เพื่อใช้ประโยชน์จากความไม่รู้ของผู้สูงอายุ
- แจ้งว่าเป็นผู้โชคดีได้รับรางวัลใหญ่ แต่หลอกให้โอนเงินมาก่อน โดยอ้างว่า เป็นค่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย
- แจ้งว่าติดหนี้บัตรเครดิต ถ้าไม่ชำระภายในวันนี้ จะถูกขึ้นบัญชีดำ กลับกันถ้าไม่มีบัตรเครดิต มิจฉาชีพจะบอกว่า ข้อมูลส่วนตัวของคุณถูกขโมยไปสมัครบัตรเครดิต
- ชวนให้ลงทุน และทำภารกิจ เพื่อที่จะได้รับผลตอบแทนที่สูง ความจริงแล้วคือกลโกงอย่างนึงของพวกมิจฉาชีพ
- ญาติห่างๆทิ้งเงินประกันชีวิตให้ อ้างว่ามีอีกฝ่ายยังส่งเบี้ยประกันไม่ครบ พร้อมกับหลอกให้โอนเงินส่วนที่เหลือ แลกกับได้รับค่าประกันทั้งหมดเป็นผลตอบแทน
- ปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร โทรมาแจ้งว่า บัญชีเงินฝากถูกอายัด จำเป็นต้องใช้ข้อมูลส่วนตัวเพื่อดำเนินการ เช่น เลขที่บัตรประชาชน เลขที่บัญชี ไปจนถึงรหัส ATM
บัตรเครดิต กับ บัตรเดบิต ต่างกันยังไง
หลายคนอาจเคยถือทั้ง บัตรเครดิต และ บัตรเดบิต อยู่ในกระเป๋าโดยไม่แน่ใจว่าใช้อะไรต่างกัน หรืออะไรเหมาะกับสถานการณ์ไหนมากกว่ากัน บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจความแตกต่าง ข้อดีข้อเสียของแต่ละแบบ รวมถึงแนวทางการเลือกใช้บัตรให้เหมาะกับสไตล์การใช้จ่ายของคุณ
บัตรเครดิตคืออะไร?
บัตรเครดิต (Credit Card) คือเครื่องมือทางการเงินที่ให้คุณ “ยืมเงิน” จากธนาคารหรือสถาบันการเงินไปใช้จ่ายล่วงหน้า โดยมีวงเงินกำหนดไว้ และคุณต้องชำระคืนตามรอบบิล หากชำระครบภายในระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย ก็จะไม่มีค่าธรรมเนียมหรือดอกเบี้ยเพิ่มเติม
ข้อดีของบัตรเครดิต
- สามารถผ่อนสินค้า 0% หรือจ่ายขั้นต่ำได้
- มีสิทธิพิเศษ เช่น คะแนนสะสม, เงินคืน, ไมล์สะสม
- เหมาะกับการซื้อของออนไลน์หรือจองตั๋ว
- มีระบบความปลอดภัยสูง และประกันภัยเดินทางในหลายกรณี
ข้อเสียของบัตรเครดิต
- หากไม่ควบคุมการใช้ อาจเกิดหนี้สะสม
- ดอกเบี้ยสูงมากหากชำระไม่เต็มจำนวน
- ต้องมีคุณสมบัติในการสมัคร เช่น รายได้ขั้นต่ำ
บัตรเดบิตคืออะไร?
บัตรเดบิต (Debit Card) เป็นบัตรที่เชื่อมกับบัญชีเงินฝากของคุณโดยตรง ทุกครั้งที่ใช้จ่าย เงินจะถูกหักจากบัญชีทันที เหมือนการใช้เงินสดในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์
ข้อดีของบัตรเดบิต
- ควบคุมงบประมาณได้ง่าย เพราะใช้ได้เท่าที่มี
- ไม่เสี่ยงเป็นหนี้จากการใช้จ่ายเกินตัว
- สมัครง่าย เพียงเปิดบัญชีธนาคาร
- ใช้ถอนเงิน หรือชำระค่าสินค้าผ่านระบบ EDC ได้ทันที
ข้อเสียของบัตรเดบิต
- ไม่มีคะแนนสะสมหรือสิทธิพิเศษเท่าบัตรเครดิต
- ใช้จองโรงแรมหรือเช่ารถอาจมีข้อจำกัด
- ไม่มีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย เพราะใช้เงินจริงทันที
เปรียบเทียบบัตรเครดิต vs บัตรเดบิต
| หัวข้อ | บัตรเครดิต | บัตรเดบิต |
|---|---|---|
| วิธีการใช้ | ยืมเงินล่วงหน้า | ใช้เงินในบัญชีของตนเอง |
| วงเงิน | ตามที่ธนาคารกำหนด | เท่ากับยอดเงินในบัญชี |
| ดอกเบี้ย | คิดเมื่อชำระไม่เต็มจำนวน | ไม่มีดอกเบี้ย |
| สิทธิพิเศษ | มีคะแนน, ผ่อน 0%, เงินคืน | มีบ้าง แต่อาจจำกัด |
| ความเสี่ยง | เสี่ยงเป็นหนี้ หากใช้เกินตัว | ควบคุมง่าย เพราะใช้เท่าที่มี |
ควรเลือกใช้แบบไหนดี?
การเลือกใช้บัตรขึ้นอยู่กับนิสัยการใช้เงินและวัตถุประสงค์เป็นหลัก หากต้องการสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม เช่น ผ่อนสินค้า หรือสะสมไมล์บิน บัตรเครดิตอาจเหมาะกว่า แต่หากคุณต้องการควบคุมรายจ่าย ใช้จ่ายแบบไม่มีหนี้ บัตรเดบิตย่อมตอบโจทย์
แนะนำสำหรับผู้เริ่มต้น
- หากเป็นนิสัยใช้จ่ายมีวินัย ควรเริ่มต้นใช้บัตรเครดิตอย่างระมัดระวัง
- หากกลัวหนี้สะสม บัตรเดบิตจะช่วยฝึกวินัยการเงินได้ดีกว่า
- สามารถมีทั้งสองแบบ แล้วใช้ให้เหมาะสมในแต่ละสถานการณ์
เข้าใจให้ลึก เลือกใช้ให้ถูก
บัตรเครดิตและบัตรเดบิตต่างก็มีจุดเด่นที่เหมาะกับผู้ใช้ในแต่ละกลุ่ม การทำความเข้าใจข้อดีข้อเสีย รวมถึงข้อแตกต่างอย่างละเอียด จะช่วยให้คุณวางแผนทางการเงินได้ดีขึ้น และลดความเสี่ยงในการใช้จ่ายผิดพลาด
ปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาท เริ่ม 1 ก.ค. 68
เปิดเผยข้อมูลจากทางด้านรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดรายละเอียดเกี่ยวกับการประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่องอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ โดยเห็นชอบให้มีการปรับค่าแรงขั้นต่ำรอบใหม่ 400 บาท ต่อวัน ซึ่งขั้นตอนจากนี้ จะประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568
สำหรับการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทต่อวันล่าสุด ตามมติคณะกรรมการค่าจ้าง ได้กำหนดให้ปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในท้องที่กรุงเทพฯทุกพื้นที่ เพิ่มในอัตรา 28 บาท เป็นอัตราวันละ 400 บาท จากเดิม 372 บาท ในขณะเดียวกันให้มีการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ในประเภทกิจการโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรมเฉพาะโรงแรมประเภท 2 ซึ่งเป็นโรงแรมที่มีห้องพัก 50 ห้องขึ้นไป หรือ มีห้องพัก และ ห้องอาหารหรือสถานที่ ประกอบอาหาร และ ห้องประชุมสัมมนา ทั่วประเทศ เป็นอัตราวันละ 400 บาท
การประกาศดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 สำหรับพื้นที่กรุงเทพฯ สำหรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในอำเภอ และ จังหวัดอื่นๆ ซึ่งจะยังคงอัตราค่าจ้างขั้นต่ำไว้ตามประกาศจากคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่องอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ในการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ หรือ ค่าแรงขั้นต่ำ รอบใหม่ในครั้งนี้ มีการคาดการตัวเลขออกมาว่าจะมีแรงงานได้รับประโยชน์จากการปรับขึ้นค่าจ้างครั้งนี้ประมาณ 700,000 แสนคน
ขยายเวลาปลดล็อกหนี้ 2 ล้านบัญชีในโครงการ คุณสู้ เราช่วย
เปิดเผยข้อมูลจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้แจกภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ว่าคณะรัฐมนตรี มีมติอนุมัติ และ ขยายคุณสมบัติรวมถึงมาตรการในโครงการ คุณสู้ เราช่วย เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ให้ครอบคลุมและหลากหลายมากขึ้น แถมยังตั้งเป้าลดภาระหนี้ให้กับประชาชนเพิ่มเติมกว่า 1.8 ล้านราย หรือ 2 ล้านบัญชี คิดเป็นยอดสินเชื่อคงค้างรวม 310,000 ล้านบาท โดยจะมีการขยายระยะเวลารับสมัครเข้าร่วมโครงการไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2568
การขยายโครงการครั้งนี้จะช่วยให้ลูกหนี้ทุกกลุ่มเข้าถึงความช่วยเหลือได้ง่ายขึ้น รวมไปถึงมาตรการที่ปรับให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ของแต่ละบุคคลตามรายละเอียดที่ให้มาด้านล่าง
- จ่ายตรง คงทรัพย์: มาตรการนี้ขยายให้ครอบคลุมถึงลูกหนี้ที่ค้างชำระมากกว่า 365 วัน และ ลูกหนี้ที่ค้างชำระตั้งแต่ 1-30 วัน ซึ่งเคยมีการปรับโครงสร้างหนี้มาแล้ว โดยยังคงประเภทลูกหนี้ และวิธีการช่วยเหลือเหมือนเดิม ประเภทลูกหนี้ได้แก่สินเชื่อบ้าน และ สินเชื่อส่วนบุคคล ที่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน หรือ Home for Cash วงเงินรวมต่อสถาบันการเงินไม่เกิน 5 ล้านบาทสินเชื่อเช้าซื้อรถยนต์ หรือ สินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ หรือ Car for Cash วงเงินรวมต่อสถาบันการเงินไม่เกิน 800,000 บาท และ สินเชื่อซื้อรถจักรยานยนต์ หรือ Car for Cas วงเงินรวมต่อสถาบันการเงิน 50,000 บาทสินเชื่อธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการ SMEs บุคคลธรรมดา และ นิติบุคคล วงเงินรวมต่อสถาบันการเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท วิธีการช่วยเหลือ ลดการผ่อนชำระค่างวดในช่วง 3 ปีโดยในปีแรกชำระ 50% ของค่างวดเดิม และ ปีที่ 2 ชำระ 70% และ ปีที่ 3 ชำระ 90% พร้อมยกเว้นดอกเบี้ยหากลูกหนี้ปฎิบัติตามเงื่อนไข ครบ 3 ปี
- ขยายยอดคงค้างหนี้ และ ประเภทหนี้ตามมาตรการ จ่าย ปิด จบ: มาตรการนี้ออกมาเพื่อให้ครอบคลุมภาระหนี้ สำหรับสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันหรือ Unsecured Loan ยอดหนี้คงค้าง 10,000 บาท และ สินเชื่อที่มีหลักประกัน Secured Loan ยอดหนี้คงค้าง 30,000 บาท โดยวิธีการช่วยเหลือยังคงเหมือนเดิม คือลูกหนี้ จ่ายเพียง 10% ของยอดหนี้ เพื่อที่จะปิดบัญชีได้ทันที
- เพิ่มมาตรการใหม่ จ่าย ตัด ต้น: เป็นมาตรการใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามาช่วยเหลือลูกหนี้ NPLs หรือที่เรียกกันว่า Non-Performing Loans ที่มีสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน Unsecured Loan และ มียอดหนี้คงค้างไม่เกิน 50,000 บาทต่อบัญชี การปรับโครงสร้างหนี้ ลูกหนี้จะได้รับเงื่อนไข การผ่อนชำระคืนเป็นงวด หรือ Term Loan โดยกำหนดอัตราผ่อนชำระขั้นต่ำที่ 2% ของยอดคงค้างเป็นระยะเวลา 3 ปี และ ยกเว้นดอกเบี้ย ให้ทันทีหากลูกหนี้สามารถปฎิบัติตามเงื่อนไขได้ครบ 3 ปี
การขยายโครงการ คุณสู้ เราช่วย ในครั้งนี้คาดว่าจะช่วยเหลือผู้ที่มีภาระหนี้สิ้นซึ่งเป็นประชาชนอีกกว่า 1.8 ล้านราย หรือ อีก 2 ล้านบัญชี ที่มียอดเงินคงค้างรวม 310,000 ล้านบาทส่งผลดีต่อกำลังซื้อ และ ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้พื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง
เริ่มแล้วการแข่งขันลงทะเบียนเที่ยวไทยคนละครึ่งแต่ แอปล่ม
เปิดฉากลงทะเบียนโครงการจากทางรัฐบาลเพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศไทย รวมถึงเป็นการกระตุ้นการใช้จ่าย ภายในประเทศผ่านโครงการ เที่ยวไทยคนละครึ่ง กลับเจอปัญหาใหญ่ที่คนไทยที่ต้องการลงทะเบียนออกมาบ่นเป็นจำนวนมากเนื่องจากไม่สามารถลงทะเบียนขอรับสิทธิได้ เพราะว่าแอปพลิเคชั่นล่มนั่นเอง สำหรับแอปพลิเคชั่น Amazing Thailand ที่เปิดให้ลงทะเบียนเที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568 วันแรกก็เปิดปัญหามีข้อผิดพลาดเข้าไม่ได้ทั่วประเทศไทย ทำให้คนไทยออกมาวิจารณ์ในทางลบเป็นจำนวนมาก ทางด้าน Application ThaID ก็พังเช่นเดียวกัน ประชาชนลงทะเบียน ใช้บัตรประชาชน และ สแกนหน้าไปแล้วกลับเด้งไปหน้าลงทะเบียนใหม่ ถือว่าพังทั่วไทยจริงๆสำหรับโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งครั้งนี้
วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เป็นวันแรกที่มีการเปิดให้ลงทะเบียน เที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568 มีการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. ได้ร่วมมือกับทางรัฐบาลไทยจัดตั้งโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ ได้เปิดให้ประชาชนเริ่มลงทะเบียนเพื่อขอรับสิทธิ์เป็นวันแรก ตั้งแต่เวลา 08.00 น. แต่คนลงทะเบียนกลับเจอสถานการณ์วุ่นวายสุด เนื่องจากแอป Amazing Thailand ที่ใช้สำหรับลงทะเบียนกลับพังไม่เป็นท่า เข้าไม่ได้กันทั่วประเทศ ทำให้คนที่ต้องการลงทะเบียนขอรับสิทธิ์ เที่ยวไทยคนละครึ่งต่างออกมาบ่น และ ต่อว่าผ่าน Social Media เป็นจำนวนมาก
ThaID ก็พังไม่ใช่แค่ Amazing Thailand แอปเท่านั้น
นอกจากแอปที่ใช้ลงทะเบียนขอรับสิทธิ์อย่าง Amazing Thailand แล้วทางแอป ThaID ก็พังเช่นเดียวกัน ซื้อแอปนี้มีส่วนที่สำคัญ เพราะว่าเป็นแอปที่ใช้ยืนยันตัวตนของผู้ลงทะเบียนนั่นเอง ปัญหาที่เจอก็คือ ผู้ที่ลงทะเบียนไปแล้ว กลับเด้งไปให้ลงทะเบียนใหม่แล้วก็เกิดข้อผิดพลาดเยอะมาก ไม่สามารถยืนยันตัวตนได้ ทำให้การลงทะเบียนหยุดลง และส่งผลให้ประชาชนที่ตั้งใจจะจองเพื่อขอรับสิทธิ์ท่องเที่ยว ต้องผิดหวังไปตามๆกัน เนื่องจากการเข้าใช้งานของแอปพลิเคชั่นไม่สามารถทำได้ จากปัญหาดังกล่าว สะท้อนถึงความไม่พร้อมของระบบ ที่ไม่สามารถใช้เพื่อรองรับการเข้าใช้งานเป็นจำนวนมากของผู้ที่สนใจลงทะเบียนได้
แม้จะมีการเปิดให้ลงทะเบียนพร้อมกันในวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เวลา 8.00 น. แต่จากการตรวจสอบสิทธิ พบว่าสิทธิ เที่ยวไทยคนละครึ่งยังคงเหลือเต็มจำนวน 500,000 สิทธิ์ แบ่งเป็นสิทธิ์สำหรับเมืองหลัก 22 จังหวัด จำนวน 300,000 สิทธิ์ และ สิทธิ์สำหรับเมืองน่าเที่ยว 55 จังหวัด อีก 200,000 สิทธิ์ สาเหตุที่สิทธิ์ยังเหลือเต็มจำนวนเนื่องจากแอปพลิเคชั่นที่ใช้สำหรับลงทะเบียน Amazing Thailand และ ThaID ที่ใช้สำหรับยืนยันตัวตนเจอปัญหาล่มไปซะก่อนทำให้ไม่สามารถเข้าใช้งานได้ทั่วประเทศ ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมานั่นเอง ทำให้ยังไม่มีใครสามารถลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ได้แต่แม้คนเดียว