สภาพอากาศวันนี้ อาการหนัก ฝนตกทั่ว 49 จังหวัด

กรมอุตุแจ้งเตือนฝนถล่ม 49 จังหวัด วันนี้ กรุงเทพมหานคร ไม่รอดตกหนักร้อยละ 70% ของพื้นที่ แถมยังแจ้งให้ระมัดระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากอีกด้วย

วันที่ 3 กรกฎาคม 2568 ทางด้านกรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณประเทศไทยมีฝนตกหนัก และ ฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และ ภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนในพื้นที่บริเวณดังกล่าว โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดต่างๆ ตามที่ระบุเอาไว้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจจะทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากร่องมรสุมกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนบน และ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาวตอนล่าง และ เวียดนามตอนกลาง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และ อ่าวไทย

คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทยมีกำลังปานกลางโดยทะเลอันดามันตอนบนจะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง และ อ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามัน และ อ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และ หลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองด้วย

พยากรณ์อากาศ สำหรับประเทศไทยตั้งแต่ 06.00 วันที่ 3 กรกฎาคม ถึง 06.00 วันที่ 4 กรกฎาคม 2568

  • ภาคเหนือมีฝนฟ้าคะนอง 70% ของพื้นที่ บางพื้นที่มีฝนตกหนักมากบางแห่ง
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนตกร้อยละ 70% ของพื้นที่ และ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง
  • ภาคกลางมีฝนตกร้อยละ 70% ของพื้นที่ และ มีฝนตกหนักบางแห่ง
  • ภาคตะวันออกมีฝนตกร้อยละ 80% ของพื้นที่ และ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง
  • ภาคใต้มีฝนตกร้อยละ 60% ของพื้นที่
  • ภาคใต้มีฝนตกร้อยละ 60% ของพื้นที่

จังหวัดภูเก็ต ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็วลม 20-35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดกระบี่ลงไป ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนตกมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

กรุงเทพ และ ปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70% ของพื้นที่ และ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กิโลมตรต่อชั่วโมง

เจาะลึกสิทธิประโยชน์ บัตรกดเงินสด KTC

ในยุคที่ความคล่องตัวทางการเงินเป็นสิ่งจำเป็น การมีบัตรกดเงินสดที่ตอบโจทย์จึงช่วยให้ใช้ชีวิตได้สะดวกขึ้นอย่างมาก KTC เป็นหนึ่งในสถาบันการเงินที่มีผลิตภัณฑ์บัตรกดเงินสดหลากหลายรุ่น ซึ่งเหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันของผู้ใช้แต่ละคน บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกทุกมุมมองของ บัตรกดเงินสด KTC ตั้งแต่สิทธิประโยชน์ รูปแบบการใช้งาน ไปจนถึงคำแนะนำว่ารุ่นไหนเหมาะกับคุณที่สุด

ทำไมต้องเลือกบัตรกดเงินสด KTC?

บัตรกดเงินสดจาก KTC มาพร้อมจุดเด่นหลักคือ “อนุมัติง่าย – รับเงินไว – ถอนใช้เมื่อไรก็ได้” จากการเช็คเบื้องต้นพบว่าทาง KTC แจ้งในระบบ หากสมัครตอนนี้ จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับทันทีภายใน 30 นาที ในช่วงวันและวันทำการ ซึ่งถือว่าเป็นบริการสุดว้าวที่ทำถึงจริงๆ การสมัครบัตรกดเงินสดเคทีซี สามารถทำได้โดยไม่จำเป็นต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน อีกทั้งยังสามารถเลือกผ่อนชำระขั้นต่ำได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด ทำให้เป็นทางเลือกยอดนิยมของคนที่ต้องการเงินด่วนแบบไม่ต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยหนักตั้งแต่วันแรก

ข้อดีหลัก ๆ ของบัตรกดเงินสด KTC

  • สมัครง่าย อนุมัติไว ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์
  • กดเงินสดได้จากตู้ ATM ทั่วประเทศ
  • เลือกผ่อนชำระขั้นต่ำได้ตั้งแต่ 3% หรือ 300 บาท
  • ไม่มีค่าธรรมเนียมในการกดเงินสด
  • รับวงเงินสูงสุดถึง 5 เท่าของรายได้

เปรียบเทียบบัตรกดเงินสด KTC รุ่นต่าง ๆ

ปัจจุบัน KTC มีบัตรกดเงินสดหลัก ๆ อยู่ 2 รุ่นที่ได้รับความนิยม ได้แก่ KTC PROUD และ KTC CASH ทั้งสองใบนี้ต่างก็มีจุดเด่นที่ตอบโจทย์ผู้ใช้แตกต่างกัน

KTC PROUD

KTC PROUD เป็นบัตรกดเงินสดยอดนิยมที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อคนที่ต้องการใช้วงเงินสำรองในระยะสั้น มาพร้อมกับฟีเจอร์สำคัญอย่างการผ่อนชำระรายเดือนแบบยืดหยุ่น และมีบริการโอนเงินเข้าบัญชีโดยตรง

  • คุณสมบัติเด่น: วงเงินสูงสุด 5 เท่าของรายได้ กดเงินสดได้ 24 ชั่วโมง ไม่มีค่าธรรมเนียมเบิกถอน
  • เหมาะกับใคร: พนักงานประจำหรือเจ้าของกิจการที่ต้องการเงินด่วนหมุนเวียน
  • จุดเด่น: ผ่อนชำระขั้นต่ำเริ่มต้น 300 บาท หรือ 3%

สมัครบัตรกดเงินสด KTC Proud ออนไลน์ได้ที่นี่

KTC CASH

KTC CASH เหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้เงินเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะอย่าง เช่น ซ่อมบ้าน ซื้อของ หรือเป็นค่าใช้จ่ายที่วางแผนไว้แล้ว เพราะมีโปรแกรมผ่อนรายเดือนอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า

  • คุณสมบัติเด่น: ผ่อนรายเดือนด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ เริ่มต้นที่ 0.93% ต่อเดือน (แบบลดต้นลดดอก)
  • เหมาะกับใคร: ผู้ที่มีแผนใช้เงินในระยะกลางถึงยาว ต้องการความคุ้มค่าเรื่องดอกเบี้ย
  • จุดเด่น: มีช่องทางเบิกถอนหลายแบบ ทั้งโอนเงินเข้าบัญชี หรือสั่งจ่ายเช็ค

ควรเลือกบัตรรุ่นไหนดี?

การเลือกบัตรกดเงินสดให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของคุณนั้น ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้เงินเป็นหลัก

เหมาะกับคนที่ต้องการเงินด่วนใช้ทันที ถ้าคุณมีความจำเป็นเร่งด่วน หรือมักต้องการใช้เงินในสถานการณ์ไม่คาดฝัน KTC PROUD อาจเหมาะที่สุด เพราะสามารถกดเงินได้ทันที และไม่มีค่าธรรมเนียมในการกด

เหมาะกับคนที่มีแผนใช้งานล่วงหน้า

หากคุณมีแผนจะใช้เงินอยู่แล้ว และต้องการผ่อนชำระอย่างมีระบบ KTC CASH คือทางเลือกที่คุ้มค่ากว่า เนื่องจากมีดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับรุ่นอื่น ๆ

คำแนะนำก่อนสมัครบัตรกดเงินสด

  • ตรวจสอบรายได้ขั้นต่ำที่กำหนด โดยทั่วไปอยู่ที่ 12,000 – 15,000 บาทต่อเดือน
  • เตรียมเอกสารให้ครบ เช่น สำเนาบัตรประชาชน, สลิปเงินเดือน, รายการเดินบัญชี
  • เลือกบัตรให้ตรงกับพฤติกรรมการใช้เงินของคุณ
  • เปรียบเทียบดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมอย่างละเอียด

บัตรกดเงินสด KTC ทั้งสองรุ่นต่างมีจุดเด่นและกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน หากคุณต้องการความคล่องตัวสูงในการใช้วงเงิน KTC PROUD คือตัวเลือกที่ตอบโจทย์ แต่หากคุณต้องการผ่อนรายเดือนแบบประหยัด ควบคุมดอกเบี้ยได้ง่าย KTC CASH อาจเป็นคำตอบที่ใช่ ก่อนสมัคร ควรพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ และลักษณะการใช้จ่ายของตนเองอย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้เกิดภาระทางการเงินในระยะยาว

เดือนกรกฎาคม 2568 บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จ่ายค่าอะไรบ้าง?

เงินเข้าบัญชีเรียบร้อยแล้ว สำหรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเดือนกรกฎาคม 2568 ทางด้านกรมบัญชีกลางออกมาชี้แจงเกี่ยวกับการจ่ายเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568 ซึ่งเป็นเงินช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ในเดือนกรกฎาคม 2568 นี้ว่าได้รับค่าอะไรบ้างและวงเงินซื้อของเช่น ค่าก๊าซหุงต้ม, ค่าเดินทาง ว่ามีการจ่ายทั้งหมดกี่บาทใช้สิทธิผ่านบัตรประชาชนใบเดียว นอกจากนี้เบี้ยคนพิการ จะได้รับเป็น 1,000 บาท

เปิดเผยข้อมูลจากทางด้านรองอธิบดีกรมบัญชีกลางในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐในปี 2565 ผู้ที่มีสิทธิใช้สิทธิผ่านบัตรประจำตัวประชาชนแบบ Smart Card ซึ่งในเดือนกรกฎาคม 2568 จะได้รับสิทธิ์นี้เช่นเดียวกัน

วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เป็นวงเงินสิทธิที่ไม่สามารถถอนออกมาเป็นเงินสดได้ และ ไม่สามารถสะสมเพื่อใช้ในเดือนถัดไปได้

  • วงเงินซื้อสินค้า 300 ต่อคนต่อเดือน
  • วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 80 บาท ต่อคนต่อ 3 เดือน ตั้งแต่ กรกฎาคม – กันยายน 2568
  • วงเงินค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ 750 บาทต่อคนต่อเดือน
  • ระบบขนส่งสาธาณะ ประกอบด้วย บขส. รถไฟ ขสมก. รถไฟฟ้า และ รถโดยสารเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ

วันที่ 18 กรกฎาคม 2568 เงินเพิ่มเบี้ยความพิการ 200 บาท ต่อเดือน

  • สำหรับผู้ที่มีสิทธิที่เป็นคนพิการ มีบัตรประจำตัวคนพิการและได้รับเบี้ยความพิการ 800 บาทต่อเดือน
  • เงินจะถูกโอนเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารที่ผูกพร้อมเพย์ด้วยเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก ของผู้ที่มีสิทธิ หรือ บัญชีเงินฝากของธนาคาร ของผู้ที่มีสิทธิ หรือ ผู้รับมอบอำนาจ ที่ใช้รับเงินเบี้ยความพิการ 800 บาท

ภาพรวมการใช้จ่าย สวัสดิการแห่งรัฐ ตั้งแต่ 1 – 30 มิถุนายน 2568

  • สวัสดิการพื้นฐาน ต่อเนื่อง
  • รวมทั้งหมด 4,034.80 ล้านบาท
  • สินค้าอุปโภคบริโภค 3,880.76 ล้านบาท
  • ค่าหุงต้ม 18.48 ล้านบาท
  • ระบบขนส่งสาธารณะ 135.56 ล้านบาท

สวัสดิการที่ให้ผ่านระบบพร้อมเพย์ ด้วยเลขบัตรประชาชน หรือ บัญชีเงินฝากธนาคาร

  • รวม 260.03 ล้านบาท
  • เพิ่มเบี้ยความพิการ ตามมติ ครม. 260.03 ล้านบาท

สำหรับผู้ที่มีข้อสงสัย หรือ ต้องการสอบถามคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามไปได้ที่ Call Center ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 02-109-2345 หรือ Call Center กรมบัญชีกลาง 02-270-6400 ในวันเวลาราชการ

 

 

เที่ยวไทยคนละครึ่งทำพิษ คนลงทะเบียนไม่ได้รับ OTP ยืนยัน

ใครสมัครเที่ยวไทยคนละครึ่งแล้วไม่ได้ OTP บ้างยกมือขึ้น เชื่อว่าเมื่อวานนี้จนถึงวันนี้ มีหลายคนเจอปัญหาเดียวกัน นั่นก็คือการกรอกข้อมูลลงทะเบียน เที่ยวไทยคนละครึ่งแล้วไม่ได้รับรหัส OTP ทำให้ไม่สามารถลงทะเบียนเที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568 ได้ ล่าสุดทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดให้ประชาชนเข้าระบบแอป Amazing Thailand แล้ว สามารถเข้าไปใช้สิทธิ์จองด่วนได้เลย แนะนำให้ดูแผนวันหยุดยาวในเดือนกรกฎาคม 2568 เผื่อเอาไว้ด้วย

โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้มีการเปิดให้ลงทะเบียนรับสิทธิ์วันแรก เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 แต่เจอกับปัญหาใหญ่ เนื่องจากมีผู้ใช้งานจำนวนมาก ไม่สามารถรับรหัส OTP หรือ One Time Password ผ่านทาง Email ที่ลงทะเบียนเอาไว้ได้ หลังจากที่แอปพลิเคชั่น Amazing Thailand เคยล่มมาแล้วในช่วงเช้าของเมื่อวานนี้

เปิดสาเหตุทำไมลงทะเบียนแล้วไม่ได้รับ OTP

สำหรับสาเหตุที่คนไทยลงทะเบียนเที่ยวไทยคนละครึ่งแล้วไม่ได้รับ OTP เนื่องจากปัญหาของ Domain ททท. ถูก Google Block ชั่วคราว สาเหตุเพราะว่ามีการส่งอีเมลในจำนวนมาก และ ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของทาง Google

แจ้งความคืบหน้าล่าสุด เกี่ยวกับโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568 โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้มีการเปิดระบบแอป Amazing Thailand ให้สามารถลงทะเบียนเที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568 เพื่อให้ประชาชน สามารถจองใช้สิทธิ์ได้เป็นวันแรก ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไปจำนวน 500,000 สิทธิเท่านั้น โดยทางรัฐบาลจะสนับสนุนค่าที่พักในเมืองท่องเที่ยวหลัก วันธรรมดาในอัตรา 50% ไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องหรือคืน และในวันหยุดสนับสนุน 40% สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องหรือคืนเช่นกัน

OTP คืออะไร?

OTP หรือที่เรียกว่า One Time Password คือรหัสผ่านที่สามารถใช้ได้ครั้งเดียวมีตัวเลข 6 หลัก ซึ่งระบบจะสร้างขึ้นเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการทำธุรกรรมออนไลน์ โดยจะส่งไปยังอีเมล หรือ SMS โทรศัพท์มือถือของผู้ใช้งาน เพื่อใช้ตรวจสอบและยืนยันการเป็นเจ้าของบัญชีก่อนการเข้าถึง หรือ เปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนตัว สำหรับรหัส OTP มีอายุการใช้งานจำกัด และไม่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ ถือว่าเป็นส่วนสำคัญเพื่อลดความเสี่ยงจากการถูกเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต

DGA จับมือ แอปทางรัฐ ร่วมมือกับ ธปท. เปิดให้ประชาชนขอประวัติน้ำ-ไฟ

สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล หรือDGA จับมือแอปทางรัฐ ร่วมกับหน่วยงานบริการสาธารณูปโภคหลัก โดยมีการไฟฟ้านครหลวง, การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค, การประปานครหลวง และ การประปาส่วนภูมิภาค เปิดตัวบริการดิจิทัลใหม่ล่าสุด

แจ้งขอประวัติการใช้ และ ชำระค่าน้ำ – ค่าไฟ ผ่านแอปทางรัฐได้ฟรี

ข้อมูลที่ได้รับการรับรองด้วยลายเซ็นดิจิทัล หรือ Digital Signature เพื่อความปลอมภัย และ ป้องกันการปลอมแปลง ช่วยเพิ่มโอกาสให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยเฉพาะกับผู้ที่ไม่มีรายได้ประจำ บริการนี้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Your Data ที่เปิดโอกาสให้ประชาชน ใช้สิทธิในข้อมูลของตัวเอง เพื่อเข้าถึงบริการทางการเงินที่ตรงความต้องการมากยิ่งขึ้น

การขอประวัติการใช้และชำระค่าน้ำ-ค่าไฟ คืออะไร?

บริการการขอประวัติการใช้น้ำ และ ใช้ไฟ ผ่านการชำระค่าบริการค่าน้ำ-ค่าไฟ ผ่านทางแอปพลิเคชั่น ทางรัฐ สำหรับส่งให้ผู้ให้บริการทางเพื่อ เพื่อใช้ประกอบการสมัครบริการทางการเงิน ยกตัวอย่างเช่น การสมัครสินเชื่อ โดยประชาชนสามารถเข้าไปขอเพื่อใช้บริการได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

  • ขอประวัติค่าน้ำ-ค่าไฟ ย้อนหลัง 6 เดือนในที่เดียว ด้วยรูปแบบดิจิทัล
  • ขอเอกสาร ประวัติได้ง่ายๆ รับได้ไว และ สามารถนำไปใช้ได้เลย ไม่มีค่าใช้จ่าย
  • เพิ่มโอกาสในการขอสินเชื่อผ่านจากทางธนาคาร

ประโยชน์ต่อผู้ให้บริการสินเชื่อ

สำหรับผู้ให้บริการสินเชื่อ หรือ สถาบันการเงิน ที่ได้รับข้อมูลประวัติดังกล่าว จากประชาชน สามารถนำข้อมูลไปประมวลผลได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งมีการรับรองด้วยลายมือชื่อดิจิทัล หรือ Digital Signature สามารถตรวจสอบได้ว่าข้อมูลไม่ถูกปลอมแปลงแก้ไข และ มีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการให้บริการทางเงินกับประชาชนโดยรวม

ขั้นตอนการใช้งาน

  • สมัครใช้งานผ่านแอปพลิเคชั่นทางรัฐ และ ทำการยืนยันตัวตน โดยมีขั้นตอนในการสมัครใช้งานแอปพลิเคชั่น
  • เปิดแอปพลิเคชั่น ทางรัฐ
  • เข้าหมวดหมู่ การเงิน/ประกัน และ เลือกขอเอกสารประกอบการสมัครทางการเงิน
  • เลือกหน่วยงานและมิเตอร์ที่ต้องการขอประวัติ
  • ตรวจสอบข้อมูล และ กดขอเอกสาร โดยเอกสาจะถูกเก็บในมือถือ
  • นำเอกสารที่เก็บในมือถือไปยื่นสมัครสินเชื่อตามช่องทางที่ผู้ให้บริการสินเชื่อกำหนด

 

 

เตือนภัยผู้สูงอายุ ต้องระวังคำพูดดูสวย แต่หลอกดูดเงินในบัญชี

แจ้งเตือนภัยสำหรับผู้สูงอายุ หรือ บุตรหลานที่มีผู้สูงอายุอยู่ที่บ้าน อย่าหลงเชื่อ หรือ หรือหลงกลพวกมิจฉาชีพ จากการปลอมแปลง และ แอบอ้าง เพื่อใช้ประโยชน์จากความไม่รู้ของผู้สูงอายุ

  1. แจ้งว่าเป็นผู้โชคดีได้รับรางวัลใหญ่ แต่หลอกให้โอนเงินมาก่อน โดยอ้างว่า เป็นค่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย
  2. แจ้งว่าติดหนี้บัตรเครดิต ถ้าไม่ชำระภายในวันนี้ จะถูกขึ้นบัญชีดำ กลับกันถ้าไม่มีบัตรเครดิต มิจฉาชีพจะบอกว่า ข้อมูลส่วนตัวของคุณถูกขโมยไปสมัครบัตรเครดิต
  3. ชวนให้ลงทุน และทำภารกิจ เพื่อที่จะได้รับผลตอบแทนที่สูง ความจริงแล้วคือกลโกงอย่างนึงของพวกมิจฉาชีพ
  4. ญาติห่างๆทิ้งเงินประกันชีวิตให้ อ้างว่ามีอีกฝ่ายยังส่งเบี้ยประกันไม่ครบ พร้อมกับหลอกให้โอนเงินส่วนที่เหลือ แลกกับได้รับค่าประกันทั้งหมดเป็นผลตอบแทน
  5. ปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร โทรมาแจ้งว่า บัญชีเงินฝากถูกอายัด จำเป็นต้องใช้ข้อมูลส่วนตัวเพื่อดำเนินการ เช่น เลขที่บัตรประชาชน เลขที่บัญชี ไปจนถึงรหัส ATM

บัตรเครดิต กับ บัตรเดบิต ต่างกันยังไง

หลายคนอาจเคยถือทั้ง บัตรเครดิต และ บัตรเดบิต อยู่ในกระเป๋าโดยไม่แน่ใจว่าใช้อะไรต่างกัน หรืออะไรเหมาะกับสถานการณ์ไหนมากกว่ากัน บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจความแตกต่าง ข้อดีข้อเสียของแต่ละแบบ รวมถึงแนวทางการเลือกใช้บัตรให้เหมาะกับสไตล์การใช้จ่ายของคุณ

บัตรเครดิตคืออะไร?

บัตรเครดิต (Credit Card) คือเครื่องมือทางการเงินที่ให้คุณ “ยืมเงิน” จากธนาคารหรือสถาบันการเงินไปใช้จ่ายล่วงหน้า โดยมีวงเงินกำหนดไว้ และคุณต้องชำระคืนตามรอบบิล หากชำระครบภายในระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย ก็จะไม่มีค่าธรรมเนียมหรือดอกเบี้ยเพิ่มเติม

ข้อดีของบัตรเครดิต

  • สามารถผ่อนสินค้า 0% หรือจ่ายขั้นต่ำได้
  • มีสิทธิพิเศษ เช่น คะแนนสะสม, เงินคืน, ไมล์สะสม
  • เหมาะกับการซื้อของออนไลน์หรือจองตั๋ว
  • มีระบบความปลอดภัยสูง และประกันภัยเดินทางในหลายกรณี

ข้อเสียของบัตรเครดิต

  • หากไม่ควบคุมการใช้ อาจเกิดหนี้สะสม
  • ดอกเบี้ยสูงมากหากชำระไม่เต็มจำนวน
  • ต้องมีคุณสมบัติในการสมัคร เช่น รายได้ขั้นต่ำ

บัตรเดบิตคืออะไร?

บัตรเดบิต (Debit Card) เป็นบัตรที่เชื่อมกับบัญชีเงินฝากของคุณโดยตรง ทุกครั้งที่ใช้จ่าย เงินจะถูกหักจากบัญชีทันที เหมือนการใช้เงินสดในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์

ข้อดีของบัตรเดบิต

  • ควบคุมงบประมาณได้ง่าย เพราะใช้ได้เท่าที่มี
  • ไม่เสี่ยงเป็นหนี้จากการใช้จ่ายเกินตัว
  • สมัครง่าย เพียงเปิดบัญชีธนาคาร
  • ใช้ถอนเงิน หรือชำระค่าสินค้าผ่านระบบ EDC ได้ทันที

ข้อเสียของบัตรเดบิต

  • ไม่มีคะแนนสะสมหรือสิทธิพิเศษเท่าบัตรเครดิต
  • ใช้จองโรงแรมหรือเช่ารถอาจมีข้อจำกัด
  • ไม่มีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย เพราะใช้เงินจริงทันที

เปรียบเทียบบัตรเครดิต vs บัตรเดบิต

หัวข้อ บัตรเครดิต บัตรเดบิต
วิธีการใช้ ยืมเงินล่วงหน้า ใช้เงินในบัญชีของตนเอง
วงเงิน ตามที่ธนาคารกำหนด เท่ากับยอดเงินในบัญชี
ดอกเบี้ย คิดเมื่อชำระไม่เต็มจำนวน ไม่มีดอกเบี้ย
สิทธิพิเศษ มีคะแนน, ผ่อน 0%, เงินคืน มีบ้าง แต่อาจจำกัด
ความเสี่ยง เสี่ยงเป็นหนี้ หากใช้เกินตัว ควบคุมง่าย เพราะใช้เท่าที่มี

ควรเลือกใช้แบบไหนดี?

การเลือกใช้บัตรขึ้นอยู่กับนิสัยการใช้เงินและวัตถุประสงค์เป็นหลัก หากต้องการสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม เช่น ผ่อนสินค้า หรือสะสมไมล์บิน บัตรเครดิตอาจเหมาะกว่า แต่หากคุณต้องการควบคุมรายจ่าย ใช้จ่ายแบบไม่มีหนี้ บัตรเดบิตย่อมตอบโจทย์

แนะนำสำหรับผู้เริ่มต้น

  • หากเป็นนิสัยใช้จ่ายมีวินัย ควรเริ่มต้นใช้บัตรเครดิตอย่างระมัดระวัง
  • หากกลัวหนี้สะสม บัตรเดบิตจะช่วยฝึกวินัยการเงินได้ดีกว่า
  • สามารถมีทั้งสองแบบ แล้วใช้ให้เหมาะสมในแต่ละสถานการณ์

เข้าใจให้ลึก เลือกใช้ให้ถูก

บัตรเครดิตและบัตรเดบิตต่างก็มีจุดเด่นที่เหมาะกับผู้ใช้ในแต่ละกลุ่ม การทำความเข้าใจข้อดีข้อเสีย รวมถึงข้อแตกต่างอย่างละเอียด จะช่วยให้คุณวางแผนทางการเงินได้ดีขึ้น และลดความเสี่ยงในการใช้จ่ายผิดพลาด

ปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาท เริ่ม 1 ก.ค. 68

เปิดเผยข้อมูลจากทางด้านรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดรายละเอียดเกี่ยวกับการประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่องอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ โดยเห็นชอบให้มีการปรับค่าแรงขั้นต่ำรอบใหม่ 400 บาท ต่อวัน ซึ่งขั้นตอนจากนี้ จะประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568

สำหรับการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทต่อวันล่าสุด ตามมติคณะกรรมการค่าจ้าง ได้กำหนดให้ปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในท้องที่กรุงเทพฯทุกพื้นที่ เพิ่มในอัตรา 28 บาท เป็นอัตราวันละ 400 บาท จากเดิม 372 บาท ในขณะเดียวกันให้มีการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ในประเภทกิจการโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรมเฉพาะโรงแรมประเภท 2 ซึ่งเป็นโรงแรมที่มีห้องพัก 50 ห้องขึ้นไป หรือ มีห้องพัก และ ห้องอาหารหรือสถานที่ ประกอบอาหาร และ ห้องประชุมสัมมนา ทั่วประเทศ เป็นอัตราวันละ 400 บาท

การประกาศดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 สำหรับพื้นที่กรุงเทพฯ สำหรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในอำเภอ และ จังหวัดอื่นๆ ซึ่งจะยังคงอัตราค่าจ้างขั้นต่ำไว้ตามประกาศจากคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่องอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ในการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ หรือ ค่าแรงขั้นต่ำ รอบใหม่ในครั้งนี้ มีการคาดการตัวเลขออกมาว่าจะมีแรงงานได้รับประโยชน์จากการปรับขึ้นค่าจ้างครั้งนี้ประมาณ 700,000 แสนคน

 

ขยายเวลาปลดล็อกหนี้ 2 ล้านบัญชีในโครงการ คุณสู้ เราช่วย

เปิดเผยข้อมูลจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้แจกภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ว่าคณะรัฐมนตรี มีมติอนุมัติ และ ขยายคุณสมบัติรวมถึงมาตรการในโครงการ คุณสู้ เราช่วย เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ให้ครอบคลุมและหลากหลายมากขึ้น แถมยังตั้งเป้าลดภาระหนี้ให้กับประชาชนเพิ่มเติมกว่า 1.8 ล้านราย หรือ 2 ล้านบัญชี คิดเป็นยอดสินเชื่อคงค้างรวม 310,000 ล้านบาท โดยจะมีการขยายระยะเวลารับสมัครเข้าร่วมโครงการไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2568

การขยายโครงการครั้งนี้จะช่วยให้ลูกหนี้ทุกกลุ่มเข้าถึงความช่วยเหลือได้ง่ายขึ้น รวมไปถึงมาตรการที่ปรับให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ของแต่ละบุคคลตามรายละเอียดที่ให้มาด้านล่าง

  1. จ่ายตรง คงทรัพย์: มาตรการนี้ขยายให้ครอบคลุมถึงลูกหนี้ที่ค้างชำระมากกว่า 365 วัน และ ลูกหนี้ที่ค้างชำระตั้งแต่ 1-30 วัน ซึ่งเคยมีการปรับโครงสร้างหนี้มาแล้ว โดยยังคงประเภทลูกหนี้ และวิธีการช่วยเหลือเหมือนเดิม ประเภทลูกหนี้ได้แก่สินเชื่อบ้าน และ สินเชื่อส่วนบุคคล ที่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน หรือ Home for Cash วงเงินรวมต่อสถาบันการเงินไม่เกิน 5 ล้านบาทสินเชื่อเช้าซื้อรถยนต์ หรือ สินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ หรือ Car for Cash วงเงินรวมต่อสถาบันการเงินไม่เกิน 800,000 บาท และ สินเชื่อซื้อรถจักรยานยนต์ หรือ Car for Cas วงเงินรวมต่อสถาบันการเงิน 50,000 บาทสินเชื่อธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการ SMEs บุคคลธรรมดา และ นิติบุคคล วงเงินรวมต่อสถาบันการเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท วิธีการช่วยเหลือ ลดการผ่อนชำระค่างวดในช่วง 3 ปีโดยในปีแรกชำระ 50% ของค่างวดเดิม และ ปีที่ 2 ชำระ 70% และ ปีที่ 3 ชำระ 90% พร้อมยกเว้นดอกเบี้ยหากลูกหนี้ปฎิบัติตามเงื่อนไข ครบ 3 ปี
  2. ขยายยอดคงค้างหนี้ และ ประเภทหนี้ตามมาตรการ จ่าย ปิด จบ: มาตรการนี้ออกมาเพื่อให้ครอบคลุมภาระหนี้ สำหรับสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันหรือ Unsecured Loan ยอดหนี้คงค้าง 10,000 บาท และ สินเชื่อที่มีหลักประกัน Secured Loan ยอดหนี้คงค้าง 30,000 บาท โดยวิธีการช่วยเหลือยังคงเหมือนเดิม คือลูกหนี้ จ่ายเพียง 10% ของยอดหนี้ เพื่อที่จะปิดบัญชีได้ทันที
  3. เพิ่มมาตรการใหม่ จ่าย ตัด ต้น: เป็นมาตรการใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามาช่วยเหลือลูกหนี้ NPLs หรือที่เรียกกันว่า Non-Performing Loans ที่มีสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน Unsecured Loan และ มียอดหนี้คงค้างไม่เกิน 50,000 บาทต่อบัญชี การปรับโครงสร้างหนี้ ลูกหนี้จะได้รับเงื่อนไข การผ่อนชำระคืนเป็นงวด  หรือ Term Loan โดยกำหนดอัตราผ่อนชำระขั้นต่ำที่ 2% ของยอดคงค้างเป็นระยะเวลา 3 ปี และ ยกเว้นดอกเบี้ย ให้ทันทีหากลูกหนี้สามารถปฎิบัติตามเงื่อนไขได้ครบ 3 ปี

การขยายโครงการ คุณสู้ เราช่วย ในครั้งนี้คาดว่าจะช่วยเหลือผู้ที่มีภาระหนี้สิ้นซึ่งเป็นประชาชนอีกกว่า 1.8 ล้านราย หรือ อีก 2 ล้านบัญชี ที่มียอดเงินคงค้างรวม 310,000 ล้านบาทส่งผลดีต่อกำลังซื้อ และ ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้พื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง

เริ่มแล้วการแข่งขันลงทะเบียนเที่ยวไทยคนละครึ่งแต่ แอปล่ม

เปิดฉากลงทะเบียนโครงการจากทางรัฐบาลเพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศไทย รวมถึงเป็นการกระตุ้นการใช้จ่าย ภายในประเทศผ่านโครงการ เที่ยวไทยคนละครึ่ง กลับเจอปัญหาใหญ่ที่คนไทยที่ต้องการลงทะเบียนออกมาบ่นเป็นจำนวนมากเนื่องจากไม่สามารถลงทะเบียนขอรับสิทธิได้ เพราะว่าแอปพลิเคชั่นล่มนั่นเอง สำหรับแอปพลิเคชั่น Amazing Thailand ที่เปิดให้ลงทะเบียนเที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568 วันแรกก็เปิดปัญหามีข้อผิดพลาดเข้าไม่ได้ทั่วประเทศไทย ทำให้คนไทยออกมาวิจารณ์ในทางลบเป็นจำนวนมาก ทางด้าน Application ThaID ก็พังเช่นเดียวกัน ประชาชนลงทะเบียน ใช้บัตรประชาชน และ สแกนหน้าไปแล้วกลับเด้งไปหน้าลงทะเบียนใหม่ ถือว่าพังทั่วไทยจริงๆสำหรับโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งครั้งนี้

วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เป็นวันแรกที่มีการเปิดให้ลงทะเบียน เที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568 มีการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. ได้ร่วมมือกับทางรัฐบาลไทยจัดตั้งโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ ได้เปิดให้ประชาชนเริ่มลงทะเบียนเพื่อขอรับสิทธิ์เป็นวันแรก ตั้งแต่เวลา 08.00 น. แต่คนลงทะเบียนกลับเจอสถานการณ์วุ่นวายสุด เนื่องจากแอป Amazing Thailand ที่ใช้สำหรับลงทะเบียนกลับพังไม่เป็นท่า เข้าไม่ได้กันทั่วประเทศ ทำให้คนที่ต้องการลงทะเบียนขอรับสิทธิ์ เที่ยวไทยคนละครึ่งต่างออกมาบ่น และ ต่อว่าผ่าน Social Media เป็นจำนวนมาก

ThaID ก็พังไม่ใช่แค่ Amazing Thailand แอปเท่านั้น

นอกจากแอปที่ใช้ลงทะเบียนขอรับสิทธิ์อย่าง Amazing Thailand แล้วทางแอป ThaID ก็พังเช่นเดียวกัน ซื้อแอปนี้มีส่วนที่สำคัญ เพราะว่าเป็นแอปที่ใช้ยืนยันตัวตนของผู้ลงทะเบียนนั่นเอง ปัญหาที่เจอก็คือ ผู้ที่ลงทะเบียนไปแล้ว กลับเด้งไปให้ลงทะเบียนใหม่แล้วก็เกิดข้อผิดพลาดเยอะมาก ไม่สามารถยืนยันตัวตนได้ ทำให้การลงทะเบียนหยุดลง และส่งผลให้ประชาชนที่ตั้งใจจะจองเพื่อขอรับสิทธิ์ท่องเที่ยว ต้องผิดหวังไปตามๆกัน เนื่องจากการเข้าใช้งานของแอปพลิเคชั่นไม่สามารถทำได้ จากปัญหาดังกล่าว สะท้อนถึงความไม่พร้อมของระบบ ที่ไม่สามารถใช้เพื่อรองรับการเข้าใช้งานเป็นจำนวนมากของผู้ที่สนใจลงทะเบียนได้

แม้จะมีการเปิดให้ลงทะเบียนพร้อมกันในวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เวลา 8.00 น. แต่จากการตรวจสอบสิทธิ พบว่าสิทธิ เที่ยวไทยคนละครึ่งยังคงเหลือเต็มจำนวน 500,000 สิทธิ์ แบ่งเป็นสิทธิ์สำหรับเมืองหลัก 22 จังหวัด จำนวน 300,000 สิทธิ์ และ สิทธิ์สำหรับเมืองน่าเที่ยว 55 จังหวัด อีก 200,000 สิทธิ์ สาเหตุที่สิทธิ์ยังเหลือเต็มจำนวนเนื่องจากแอปพลิเคชั่นที่ใช้สำหรับลงทะเบียน Amazing Thailand และ ThaID ที่ใช้สำหรับยืนยันตัวตนเจอปัญหาล่มไปซะก่อนทำให้ไม่สามารถเข้าใช้งานได้ทั่วประเทศ ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมานั่นเอง ทำให้ยังไม่มีใครสามารถลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ได้แต่แม้คนเดียว