สิ่งที่ไม่ควรทำ หากมีเงินโอนเข้าบัญชีแต่ไม่รู้ที่มา
หลายคนยังสงสัยทางธนาคารเลยออกมาแนะนำเกี่ยวกับสิ่งที่ควรทำ และ สิ่งที่ไม่ควรทำถ้าหากมีเงินโอนเข้าบัญชีโดยที่เราไม่รู้ที่มา หรือ เกิดการโอนเงินผิดเข้าบัญชีธนาคารของเรา
สำหรับความชัดเจนซึ่งเป็นข้อมูลที่ได้มาจากทางธนาคารเลยเกี่ยวกับสิ่งที่ควรทำ และ ไม่ควรทำ หากมีเงินน่าสงสัยโอนเข้าบัญชีของเราโดยที่เราไม่รู้แหล่งที่มาของเงินนั้น หรือ เกิดการโอนเงินผิด ถ้าเกิดปัญหานี้ขึ้นมาให้ปฎิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้เพื่อป้องกันปัญหา และ ลดความเสี่ยงต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้น
สิ่งที่ไม่ควรทำ หากมีการโอนเงินผิดเข้าบัญชีของเรา
- ห้ามถอนเงินออกจากบัญชีโดยเด็ดขาด การถอนเงินอาจจะถูกมองว่ายอมรับเงินที่ไม่ได้มาจากแหล่งที่ถูกต้อง
- ห้ามโอนเงินคืนเองโดยเด็ดขาด หรือ โดยที่เราไม่ได้ปรึกษาธนาคารหรือเจ้าหน้าที่ธนาคาร เพราะอาจจะเข้าข่าวเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดได้
- การปฎิบัติตามขั้นตอนแหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงจากการโอนเงินผิด และ ป้องกันการเกิดปัญหาทางกฎหมายอื่นๆได้
สิ่งที่ควรทำ หากมีการโอนเงินผิดเข้าบัญชีธนาคารของเรา
- ตรวจสอบข้อมูลบัญชี แนะนำให้ตรวจสอบรายละเอียดการโอนที่แสดงในแอปธนาคาร หรือ สมุดบัญชีของคุณเพื่อตรวจสอบชื่อผู้โอน และ ข้อมูลอื่นๆ ว่าถูกโอนมาจากใคร
- ติดต่อเจ้าหน้าที่ธนาคาร ทันทีเพื่อขอล็อกบัญชี และ ขอคำแนะนำในการดำเนินธนาคาค อาจจะสามารถช่วยตรวจสอบการโอนนั้นได้
- หากไม่สามารถติดต่อผู้โอนได้ หรือสงสัยว่าเป็นการโอนผิดจากการฉ้อโกง แนะนำให้รีบแจ้งตำรวจให้ช่วยติดตามและดำเนินการ
แจกเงิน 10,000 บาทเฟส 4 กลุ่มคนทั่วไป อายุ 16-59 ปี
หนึ่งในโครงการที่ได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนมากที่สุดเลยก็ว่าได้กับโครงการ กระตุ้นเศรษฐกิจ แจกเงินดิจิทัลผ่านดิจิทัลวอลเล็ต แจกเงิน 10,000 ตอนนี้เข้ามาถึงเฟสที่ 4 แล้ว สำหรับการแจกเงินกลุ่มคนทั่วไปที่มีอายุ 16-59 ปี ทางรัฐบาลได้ออกมาอัปเดทความเครื่องไหวล่าสุด ว่าทางกระทรวงการคลังได้เปิดเผยถึงรายละเอียดสำหรับกลุ่มคนที่ไม่มีสมาร์ทโฟน และยังรอเงินหมื่นอยู่ว่าจะมีการเปิดให้มีการลงทะเบียนต่อไป ผา่นทางธนาคารของรัฐ โดยระยะเวลาประมาณ 2 เดือนเตรียมความพร้อมสำหรับระบบในการลงทะเบียน
สำหรับประชาชนในกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟน อาจจะมีไม่ถึง 1 ล้านคนซึ่งส่วนมากน่าจะอยู่ในกลุ่มเปราะบางจำนวน 14.5 ล้านบาท ซึ่งได้รับเงิน 10,000 บาท ผ่านโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจเฟส 1 ไม่นานระบบการลงทะเบียนจะพร้อมแต่ต้องนำเรื่องเข้าสู่คณะกรรมการเพื่อให้เห็นชอบก่อน ทางด้านรัฐมนตรีกระทรวงการคลังได้ออกมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตรวจสอบแยกกลุ่มสมาร์ทโฟนกับไม่มีสมาร์ทโฟน หลังจากนี้จะมีการประกาศเกี่ยวกับขั้นตอนว่าจะมีการดำเนินการอย่างไร ซึ่งจะใช้เวลาอีกไม่เกิน 2 เดือน รวมถึงรายละเอียดต่างๆ โดยยืนยันว่ากลุ่มผู้ไม่มีสมาร์ทโฟนจะได้รับเงิน 10,000 บาทอย่างแน่นอน ซึ่งไม่จำเป็นว่าจะต้องได้พร้อมกับกลุ่มเฟส 3
สถานที่ลงทะเบียน
- ธนาคารออมสิน
- ธนาคารกรุงไทย
- ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธ.ก.ส.
- ธนาคารอาคารสงเคราะห์
- ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย
- ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลาง และ ขนาดย่อมแห่งประเทศไทย
วันที่เปิดให้ลงทะเบียน เงินดิจิทัลเฟส 4
คาดว่าจะมีการเปิดให้ประชาชนกลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟน ลงทะเบียนเงินดิจิทัลเฟส 3 ในเดือนมีนาคม 2568 และ จะได้รับเงินพร้อมกับกลุ่มเฟส 3
ช่องทางสอบถามข้อมูล
- ช่องทางหลักในการตรวจสอบสิทธิ และผลการได้รับเงินในโครงการแอปพลิเคชั่นทางรัฐ
- เว็บเพจรวบรวมข้อมูลข่าวสารประชาสัมพันธ์ของโครงการ เว็บไซต์กระทรวงการคลัง mof.go.th แบนเนอร์โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ
- Call Center สำหรับสอบถามข้อมูลโครงการ ศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน สายด่วน 1111
บัตรทองใช้สิทธิรับยาฟรีที่ เอ็กซ์ต้า พลัส
สิทธิใหม่ล่าสุดที่ถูกประกาศมาจาก สปสช. ให้ผู้มีสิทธิบัตรทอง สามารถใช้บัตรประชาชนใบเดียว รับยาฟรีได้ที่ร้านยา Xta Plus 7-Eleven ที่มีสัญลักษณ์ ร้านยาคุณภาพของฉัน ทั่วประเทศไทย ซึ่งครอบคุมความเจ็บป่วย 32 อาการ
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งข่าวดี สำหรับผู้ที่ถือบัตรทอง สามารถใช้บัตรประจำตัวประชาชนใบเดียวเข้ารับยารักษาโรคที่ป่วย 16 อาการได้ฟรี ที่เอ็กซ์ต้า พลัส 7-11 ที่มีสัญลักษ์ ร้านยาคุณภาพของฉัน ที่มีสาขามากกว่า 200 สาขาทั่วประเทศไทย
เปิดรายละเอียดสิทธิบัตรทอง
สำหรับสิทธิบัตรทองเป็นสิทธิที่ให้กับกลุ่มผู้สูงอายุในประเทศไทย แรงงานนอกระบบ รวมไปถึงผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ช่วยให้คนกลุ่มนี้ สามารถใช้บริการทางการแพทย์และยาได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ณ ร้านขายยา โดยสามารถทำการตรวจสอบสิทธิได้ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือที่เว็บไซต์ https://www.nhso.go.th/
เปิดเงื่อนไขรับยาฟรี ร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัง 7-11 สำหรับผู้ที่มีสิทธิบัตรทอง
- เป็นผู้ที่มีสิทธิบัตรทอง
- มีอาการเจ็บป่วยทั่วไป ครอบคลุม 16 อาการ
- บัตรประชาชนตัวจริง ไม่สามารถใช้สำเนาบัตรประชาชน หรือ ภาพถ่ายได้
32 อาการเจ็บป่วย ที่สามารถใช้สิทธิบัตรทองขอรับยาฟรีที่ เอ็กซ์ต้า พลัส 7-11
- ความผิดปกติต่างๆเกี่ยวกับหู
- ปวดข้อ
- ตกขาวผิดปกติ
- มีบาดแผล
- อาการทางผิวหนัง ผื่น คัน
- ความผิดปกติต่างๆเกี่ยวกับตา
- เจ็บกล้ามเนื้อ
- ปัสสาวะลำบาก
- ท้องเสีย
- ท้องผูก
- ปวดท้อง
- เวียนหัว
- ไอ
- มีไข้
- ปวดหัว
- เจ็บคอ
- ปวดประจำเดือน
- ปวดฟัน
- ท้องผูก ริดสีดวงทวาร
- ปัสสาวะแสบขัด
- ผื่นผิวหนัง
- ติดเชื้อโควิด 19
- เริมที่ปาก
- มีบาดแผลในปาก
- หิด เหา
- อาการชา เหน็บชา
- นอนไม่หลับ
- เมารถ เมาเรือ
- เบื่ออาหารโดยไม่มีโรคร่วม
- อาการแพ้ยา แพ้อาหาร หรือแมลงสัตว์กัดต่อย
- เจ็บป่วยจากการสูบบุหรี่
- เหงือกอัพเสบ มีกลิ่นปาก
ขั้นตอนในการขอรับยาฟรีที่ เอ็กซ์ต้าพลัส
- แสดงบัตรประชาชนที่ร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ที่มีสัญลักษ์ ร้านยาคุณภาพของฉัน
- เภสัชกรทำการเช็คสิทธิบัตรทอง
- เภสัชกรให้ยาและคำแนะนำในการใช้ยา เพื่อบรรเทาอการเบื้องต้น พร้อมให้คำแนะนำในการปฎิบัติตัว
- เมื่อครบ 3 วันเภสัชกรจะโทรติดตามอาการผู้ป่วย
ธนาคารออมสินเตือน ผ่อนบ้าน คอนโดน ต้องโอนชื่อเข้าทะเบียนบ้าน
สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจจะผ่อนบ้าน หรือ ผ่อนคอนโดอยู่ตอนนี้ แนะนำให้โอนชื่อเข้าทะเบียนบ้านด้วย ถ้าหากไม่อยากเสียสิทธิประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นค่าภาษีที่ติด และ สิ่งปลูกสร้าง, ค่าภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา, ค่าน้ำ, ค่าไฟ ฯลฯ
ธนาคารออมสินออกมาเตือน สำหรับใครที่กำลังผ่อนบ้าน หรือ ผ่อนคอนโดอยู่ แต่ยังไม่ได้ดำเนินการโอนชื่อเข้าทะเบียนบ้าน จะทำให้เสียสิทธิโปรโยชน์เยอะมาก ยกตัวอย่างเช่น ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา, ค่าน้ำค่าไฟ และ ค่าภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
สิทธิประโยชน์ที่เสีย ถ้าหากซื้อบ้าน และ คอนโด แล้วไม่ทำการบย้ายชื่อเข้าทะเบียนบ้าน
ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
- หากไม่ย้ายชื่อเข้าทะเบียนบ้านจะเสียสิทธิ์ในการได้รับยกเว้นค่าภาษีที่ดิน และ สิ่งปลูกสร้าง ในกรณีที่ดิน และ สิ่งปลูกสร้างมีมูลค่ารวม 50 ล้านบาทแรก
สิทธิประโยชน์ทางภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
- ไม่สามารถใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษีดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยได้ วงเงินสูงสุด 100,000 บาทต่อปี เนื่องจากเงื่อนไขกำหนดเอาไว้ว่าต้องเป็นที่อยู่อาศัยหลัก
ค่าน้ำ-ค่าไฟ
- ค่าน้ำจะถูกคิดในเรทราคาของธุรกิจขนาดใหญ่ ซึ่งมีอัตราขั้นต่ำ 300 บาทต่อเดือน และหากใช้น้ำเกิน 15 ลบ.ม. ราคาน้ำต่อหน่วยจะถูกคิดในเรทของธุรกิจขนาดใหญ่
- ค่าไฟ หากเป็นที่อยู่อาศัยที่ไม่มีทะเบียนบ้าน หรือ ไม่ได้แสดงว่าเป็นที่อยู่อาศัย จะถูกคิดในเรทของไฟฟ้าชั่วคราว หน่วยละ 6.8025 บาท ซึ่งมีราคาสูงกว่าค่าไฟฟ้าปกติ
สิทธิประโยชน์ในด้านอื่นๆ
- ไม่ได้รับสิทธิรัฐ เช่นค่าเบี้ยยังชีพม ค่าไฟฟ้าฟรี เป็นต้น
- การติดต่อกับหน่วยราชการ บางแห่งอาจจะพิจารณาที่อยู่ในทะเบียนบ้านสำหรับการพิจารณาสิทธิเช่น การลงทะเบียนเรียนกับโรงเรียนในพื้นที่
การไม่ย้ายชื่อเข้าทะเบียนบ้านสำหรับผู้ที่กำลังผ่อนบ้าน ผ่อนคอนโด หรือซื้อบ้านซื้อคอนโดใหม่ อาจจะมีผลกระทบในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านภาษี และ ค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภค รวมไปถึงอาจจะเสียสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีบางรายการ เช่นการลดหย่อยดอกเบี้ยเงินกู้เป็นต้น
พลาดสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง หากไม่โอนชื่อเข้าบ้าน หรือ คอนโด
- ค่าภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เสียสิทธิยกเว้นค่าภาษีที่ดิน และ สิ่งปลูกสร้างในกรณีมีมูลค่ารวม 50 ล้านบาทแรก
- ค่าน้ำ-ค่าไฟฟ้า: ค่าน้ำจะถูกคิดเรทราคาธุรกิจขนาดใหญ่ โดยมีอัตราขั้นต่ำ 300 บาทต่อเดือน และ ค่าไฟฟ้าจะถูกคิดเรทของไฟฟ้าชั่วคราวหน่วยละ 6.8025 บาท
- สิทธิประโยชน์ทางภาษี เงินได้บุคคลธรรมดา ไม่สามารถใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษีดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยได้ วงเงินสูงสุด 100,000 บาทต่ปี เนื่องจากเงื่อนไขกำหนดว่าต้องเป็นที่อยู่อาศัยหลัก
- สิทธิประโยชน์ด้านอื่น ไม่ได้รับสิทธิรัฐเช่น ส่วนลดค่าไฟฟ้า และ ค่าเบี้ยยังชีพ รวมไปถึงการติดต่อราชการ
หวยเกษียณ แก้คนไร้เงินออม เตรียมส่งร่างกฎหมายเข้าสภาแล้ว
จากการเปิดเผยรายละเอียด มาตรการที่จะออกมาช่วยแก้ไขกลไกคนไทยไร้เงินออม เปิดเผยกฤษฎีกาตรวจร่างกฎหมายเสร็จแล้ว เตรียมเข้าสู่สภา
สำหรับปัญหาที่รัฐบาลกำลังเร่งแก้ไขตอนนี้ก็คือปัญหาแก่ไปไร้เงินออม ยังคงเป็นภัยเงียบ และ ยังคงเป็นสิ่งที่วิกฤตเงียบของสังคมไทย สาเหตุหลักมาจากรายได้ต่ำทำให้การออมเงินกลายเป็นเรื่องรองนอกจากนี้ยังขาดทักษะความรู้ทางด้านการเงิน ที่ส่งผลให้คนไทยหลายๆคน ต้องหันไปพึ่งลูกหลาน, กู้หนี้ยืมสิน, รัฐสวัสดิการ รวมไปถึงผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตในช่วงวัยเกษียณ
การออมถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างรากฐานเศรษฐกิจที่มั่นคง ทั้งในระดับบุคคล และ ระดับประเทศ ถ้าหากว่าคนไทยมีเงินออมไม่พอ ก็จะไม่สามารถช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตได้แบบยั่งยืน และเพื่อเป็นการกระตุ้นการออมของคนไทย รัฐบาลได้ออกมาตรการเพื่อดำเนินโครงการ สลากออมทรัพย์ เพื่อการดำรงชีพในวัยชราภาพ หรือ วันเกษียณนั่นเอง โดยมาตรการนี้เรียกว่า “หวยเกษียณ” เป็นกลไกที่ผูกความชอบของคนไทยบวกกับพฤติกรรมของการซื้อหวย เพื่อจูงใจให้เกิดการออม
ความคืบหน้าล่าสุด หวยเกษียณ
รัฐบาลแจ้งความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา ทางด้านคณะกรรมการกฤฎีกาได้มีการปรับแก้ พ.ร.บ. กอช. เสร็จแล้วปัจจุบันกำลังส่งร่าง พ.ร.บ. กอช. เข้าสู่สภา สำหรับหวยเกษียณ จะมาในรูปแบบสลากขูดดิจิทัล ใบละ 50 บาท ซื้อได้ไม่เกิน 3,000 บาทต่อเดือนและออกรางวัลทุกวันศุกร์เวลา 17.00
รางวัลหวยเกษียณ
- รางวัลที่ 1 มูลค่า 1,000,000 บาท จำนวน 5 รางวัล
- รางวัลที่ 2 มูลค่า 1,000 บาท จำนวน 10,000 รางวัล
รายละเอียดผู้ที่ซื้อสลาก กอช. จะได้รับเงินออมรวมผลประโยชน์คืนเมื่อ
- มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์
- กรณีอายุเกิน 60 ปีครบกำหนดเวลา 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ซื้อสลาก กอช. ในครั้งนั้น
- ทุพพลภาพ
- เสียสัญชาติไทย
อัปเดต iOS iPhone ด่วนก่อนใช้แอปกรุงไทยไม่ได้
ธนาคารกรุงไทยได้ออกมาแจ้งเตือนคนใช้ iPhone ให้เตรียมตัวอัพเดต iOS เพื่อความปลอดภัยในการใช้ Mobile Banking ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2568 ก่อนที่จะใช้ App Krungthai NEXT เป๋าตัง และ ถุงเงินไม่ได้
เพื่อเป็นการยกระดับความปลอดภัยทางธนาคารกรุงไทยได้ออกมาแจ้งเตือนให้คนที่ใช้ iPhone ออกมาอัปเดตระบบปฎิบัติการ iOS เพื่อความปลอดภัยที่มากขึ้นสำหรับการใช้โมบาย แบงก์กิ้งตั้งแต่เดือนมีนาคม 2568 เป็นต้นไป ก่อนที่จะไม่สามารถใช้ Krungthai NEXT เป๋าตัง และถุงเงินไม่ได้หากไม่ทำการอัปเดต
ขั้นตอนในการอัปเดตระบบปฎิบัติการของโทรศัพท์ ก่อนเข้าใช้งาน Krungthai NEXT ไม่ได้ในเดือนมีนาคม 2568
- ไปที่เมนูตั้งค่า (Setting)
- ไปที่เมนูทั่วไป (General)
- ไปที่รายการอัปเดตซอฟต์แวร์ (Software Update)
- กดดาวน์โหลดและติดตั้ง (Update Now)
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อ Krungthai Contact Center โทร 02-111-1111 ตลอด 24 ชั่วโมง
ตรวจสอบสิทธิผู้ประกันตน เปลี่ยนโรงพยาบาลประกันสังคมได้แล้ววันนี้
ผู้ประกันตนสามารถเช็คสิทธิ เปลี่ยนโรงพบาบาลประกันสังคมได้ที่เว็บไซต์ www.sso.go.th รู้ผล 2 วัน สำหรับผู้ประกันตนที่ถามกันเข้ามาเกี่ยวกับการย้ายสิทธิประกันสังคมออนไลน์ สามารถย้ายได้ถึงวันไหน และ ประกาศรายชื่อโรงพยาบาลประกันสังคม 2568 ว่ามีที่ไหนบ้าง สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ด้านล่างเลย
เช็คสิทธิประกันสังคม 2568 เข้าเว็บไซต์ www.sso.go.th ใหกับผู้ประกันตน สามารถเปลี่ยนโรงพยาบาลประกันสังคมได้แล้ววันนี้ แจ้งสิทธิแล้วสามารถตรวจสอบสิทธิได้ภายใน 2 วัน การย้ายสิทธิประกันสังคมสามารถย้ายผ่านทางออนไลน์ได้
ประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ได้ออกมาเปิดเผยว่า ผู้ประกันตนสามารถเปลี่ยนโรงพยาบาลตามสิทธิประจำปี 2568 ได้ง่ายๆตามขั้นตอนด้านล่าง
- เข้าไปที่ Line @ssothai
- กดลงทะเบียน ที่มุมขวาล่าง
- เลือก เปลี่ยนโรงพยาบาล
- เลือกโรงพยาบาลที่ต้องการ แล้วกดยืนยัน
- เสร็จแล้วรอผลภายใน 2 วัน
** ผู้ประกันตนสามารถใช้สิทธิโรงพยาบาลใหม่ได้ภายในวันที่ 1 หรือ 16 ของเดือน
สิทธิประกันสังคม 2568 การเปลี่ยนสถานพยาบาล
- ผู้ประกันตนสามารถใช้สิทธิเปลี่ยนโรงพยาบาลประกันสังคม สามารถดำเนินการได้ระหว่างวันที่ 16 ธันวาคม 2567 ไปจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2568
- การเปลี่ยนโรงพยาบาลประกันสังคมระหว่างปี กรณีมีเหตุจำเป็นเช่น ย้ายที่พัก, ย้ายที่อยู่อาศัย, ย้ายสถานที่ทำงาน หรือ พิสูจน์ทราบว่าผู้ประกันตนไม่ได้มีทางเลือกสถานพยาบาลด้วยตนเอง ให้ยื่นเปลี่ยนสถานพยาบาลในระยะเวลา 30 วัน
ขั้นตอนในการเปลี่ยนโรงพยาบาลตามสิทธิ สำนักงานประกันสังคม เลือกได้ 4 วิธีให้ผู้ประกันตนทุกคนเลือกเปลี่ยนได้อย่างที่ตนเองสะดวก
- เข้าไปที่เว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม www.sso.go.th
- แอปพลิเคชั่น SSO Plus
- สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานคร
- ทำรายการผ่าน Line Official SSO โดยเพิ่มเพื่อน @ssothai
เปลี่ยนโรงพยาบาลใหม่ ย้ายสิทธิประกันสังคมออนไลน์ได้ถึงเมื่อไหร่?
- สามารถเปลี่ยนได้แล้วตั้งแต่วันนี้ถึง 31 มีนาคม 2568
ช่องทางติดต่อสำนักงานประกันสังคม
- สอบถามข้อมูลประกันสังคมได้ที่ www.sso.go.th
- โทรสายด่วน 1506 ให้บริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
อัพเดทค่าเงินบาท 21 ก.พ. 68 เปิดตลาดแข็งค่า
ค่าเงินบาทวันนี้ วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 เปิดตลาดแข็งค่าที่ 33.55 บาท ต่อดอลลาร์ ทางด้านกรุงไทย ชี้ตามเงินเยน ที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น บวกกับราคาทองที่รีบาวด์ มองเงินบาทวันนี้จะอยู่ระหว่าง 33.45 ถึง 33.75 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทปัจจุบันทยอยแข็งค่าขึ้นซึ่งใกล้จะเข้าโซนแนวรับสำคัญที่ 33.50 บาท ต่อดอลลาร์ ซึ่งจะอยู่ในกรอบ 33.52 ถึง 33.69 บาทต่อดอลลาร์ ปัจจัยสำคัญก็คือ ค่าเงินดอลลาร์ที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลง มาพร้อมกับการย่อตัวของบอนด์ยีลด์ 10 ปีสหรัฐ โดยคำกว่าวของบรรดาเจ้าที่เฟด ของสหรัฐสนับสนุนให้เฟดชะลอการลดดอกเบี้ย ท่ามกลางความไม่แน่นอนของนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาล Trump จากมาตรการดังกล่าวไม่ได้ช่วยหนุนเงินดอลลาร์เลย
เฟดสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง หรือ 50bps ในปีนี้ การทยอยแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องจองบรรดาสกุลเงินหลัก โดยเฉพาะเงินเยนญี่ปุ่น ที่ล่าสุดแข็งค่าขึ้นหลุดแนวรับสำคัญที่ 150 เยนต่อดอลลาร์ ท่ามกลางมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่หวังว่าธนาคารญี่ปุ่น หรือ Bank of Japan จะสามารถเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้อีกอย่างน้อย 1 ครั้ง เป็นส่วนทำให้มีการกดดันเงินดอลลาร์ และเป็นปัจจัยที่ทำให้ดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลง
แนวโน้มค่าเงินบาท
เงินบาททยอยแข็งค่าขึ้นซึ่งใกล้สู่แถวรับสำคัญแล้วเช่นกันที่ 33.50 บาทต่อดอลลาร์ในช่วงคืนที่ผ่านมา เป็นการประเมินที่เหนือความคาดหมาย ภายหลังบรรดาสกุลเงินหลักอย่างเงินเยนของญี่ปุ่น ยังคงแข็งค่าขึ้นทะลุแนวรับสำคัญที่ 150 เยนต่อดอลลาร์ อีกทั้งราคาทองยังสามารถรีบาวด์อีกด้วย
ตลาดค่าเงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลง พร้อมกับกดดันโดยรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาผสมกับผู้เล่นในตลาดที่ออกมาประเมินว่าราวๆ 52% ที่เฟดจะสามารถลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ แถมตอนนี้เงินดอลลาร์ถูกกดดันจากการแข็งค่าขึ้นของบรรดาสกุลเงินหลัก โดยเฉพาะเงินเยนของญี่ปุ่นที่แข็งค่าทะลุโซนแนวรับ 150 เยนต่อดอลลาร์ จากมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่เชื่อว่าธนาคารญี่ปุ่นจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยอีกอย่างน้อย 1 ครั้งในปีนี้ ทำให้โดยรวมเงินดอลลาร์ย่อตัวลงไปในโซน 106.4 จุด ส่วนราคาทองคำถึงแม้ว่าจะมีแรงเทขายออกมาทำกำไรของผู้เล่นในตลาด แต่ภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินโดยรวม ยังพอช่วยหนุนให้ราคาทองคำยังคงแกว่งในโซน
บัตรเครดิตที่สามารถสมัครผ่านออนไลน์ มีกี่ประเภท
การเลือกบัตรเครดิตที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดและจัดการการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการใช้บัตรเครดิตในการบริหารการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของคุณ ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ เนื่องจากบัตรเครดิตจะช่วยให้เราสามารถตรวจสอบการใช้จ่ายของเราย้อนหลังได้ แถมยังทำให้เราสามารถควบคุมการใช้เงินของเราได้ดีมากอีกด้วย นอกจากนี้บัตรเครดิตแต่ละประเภทยังมีข้อดีแตกต่างกันออกไป บางประเภทใช้แล้วได้รับเงินคือหรือที่เราเรียกว่า Cash Back หรือบางประเภทใช้แล้วจะได้คะแนนสะสมเป็น Reward Point เพื่อนำไปใช้เป็นส่วนลด หรือ เครดิตเงินคืนเพื่อช่วยเราประหยัดได้อีกด้วย
ประเภทของบัตรเครดิต
-
บัตรเครดิตทั่วไป (Standard Credit Card): บัตรเครดิตพื้นฐานที่ใช้สำหรับการซื้อสินค้าและบริการ โดยผู้ถือบัตรจะต้องชำระเงินคืนตามรอบบิล
-
บัตรเครดิตรางวัล (Rewards Credit Card): บัตรที่มอบคะแนนสะสมหรือเงินคืนเมื่อใช้จ่าย ซึ่งคะแนนเหล่านี้สามารถแลกของรางวัลหรือส่วนลดได้
-
บัตรเครดิตสำหรับการเดินทาง (Travel Credit Card): บัตรที่มอบสิทธิประโยชน์เกี่ยวกับการเดินทาง เช่น ไมล์สะสม ประกันการเดินทาง หรือสิทธิ์เข้าใช้ห้องรับรองพิเศษ
-
บัตรเครดิตสำหรับธุรกิจ (Business Credit Card): บัตรที่ออกแบบมาสำหรับเจ้าของธุรกิจ เพื่อจัดการค่าใช้จ่ายและเงินสดหมุนเวียน
-
บัตรเครดิตนักเรียน (Student Credit Card): บัตรที่ออกแบบมาสำหรับนักศึกษา โดยมีวงเงินและเงื่อนไขที่เหมาะสม
เคล็ดลับในการเลือกบัตรเครดิต
-
วิเคราะห์พฤติกรรมการใช้จ่าย: เลือกบัตรที่มอบสิทธิประโยชน์ตรงกับการใช้จ่ายของคุณ
-
ตรวจสอบค่าธรรมเนียมและดอกเบี้ย: เปรียบเทียบค่าธรรมเนียมรายปีและอัตราดอกเบี้ยของบัตรต่าง ๆ
-
พิจารณาโปรโมชั่นและโบนัส: บางบัตรมีโปรโมชั่นพิเศษหรือโบนัสเมื่อสมัครหรือใช้จ่ายตามเงื่อนไข
-
อ่านรีวิวและความคิดเห็น: ศึกษาประสบการณ์ของผู้ใช้จริงเพื่อประกอบการตัดสินใจ
5 ประสบการณ์การใช้งานจากผู้ใช้จริง
จากการสอบถามความคิดเห็นของผู้ใช้บัตรเครดิตที่มีประสบการณ์จริง หลายคนแชร์ข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับประเภทของบัตรที่พวกเขาเลือกใช้ โดยแบ่งออกเป็นหมวดหมู่หลัก ๆ ดังนี้:
1. ผู้ที่เน้นการใช้จ่ายเพื่อรับคะแนนสะสมและของรางวัล
ประสบการณ์:
“ใช้บัตรเครดิตสะสมคะแนนมาหลายปี การนำคะแนนไปแลกเป็นตั๋วเครื่องบินและของรางวัลต่างคุ้มมากๆ ควรเลือกบัตรที่มีอัตราการแลกเปลี่ยนคะแนนที่คุ้มค่า และไม่มีวันหมดอายุของคะแนน เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุด”
คำแนะนำ:
- เลือกบัตรที่มีอัตรา 1 บาท = 1 คะแนน หรือดีกว่า
- ตรวจสอบว่าคะแนนมีวันหมดอายุหรือไม่
- ใช้จ่ายให้ตรงกับหมวดหมู่ที่ให้คะแนนพิเศษ เช่น ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า หรือการเดินทาง
2. ผู้ที่ต้องการเงินคืน (Cashback) เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
ประสบการณ์:
“ชอบบัตรที่ให้ Cashback เพราะช่วยลดค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนได้จริง ใช้บัตรเครดิตซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ต และได้คืนประมาณ 5% ซึ่งถือว่าช่วยได้เยอะ”
คำแนะนำ:
- เลือกบัตรที่มี Cashback สูงสุดในหมวดที่คุณใช้บ่อย เช่น ค่าอาหาร น้ำมัน หรือช้อปปิ้งออนไลน์
- ตรวจสอบเงื่อนไขการรับเงินคืน เช่น วงเงินคืนสูงสุดต่อรอบบิล
- บางบัตรต้องลงทะเบียนก่อนจึงจะได้รับสิทธิ์เงินคืน
3. ผู้ที่เดินทางบ่อย และต้องการสิทธิประโยชน์ด้านไมล์สะสม
ประสบการณ์:
“เดินทางบ่อยและใช้บัตรสะสมไมล์ ตอนแรกคิดว่าไม่คุ้ม แต่พอลองใช้จริง ๆ พบว่าช่วยลดค่าใช้จ่ายเรื่องตั๋วเครื่องบินได้เยอะมาก และยังได้สิทธิ์ใช้ห้องรับรองที่สนามบินฟรีอีกด้วย”
คำแนะนำ:
- เลือกบัตรที่มีอัตราสะสมไมล์ที่คุ้มค่า เช่น 20 บาท = 1 ไมล์
- ตรวจสอบว่าสามารถแลกไมล์กับสายการบินที่คุณใช้บ่อยได้หรือไม่
- เลือกบัตรที่ให้สิทธิพิเศษอื่น ๆ เช่น Fast Track, Lounge Access, Travel Insurance
4. ผู้ที่ใช้บัตรเครดิตเพื่อบริหารค่าใช้จ่ายในธุรกิจ
ประสบการณ์:
“บัตรเครดิตธุรกิจช่วยให้จัดการค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น โดยเฉพาะการแยกค่าใช้จ่ายส่วนตัวกับธุรกิจ นอกจากนี้ยังได้สิทธิพิเศษ เช่น เครดิตเงินคืน และประกันสินค้า”
คำแนะนำ:
- เลือกบัตรที่มีโปรแกรมพิเศษสำหรับธุรกิจ เช่น เครดิตเงินคืนจากค่าใช้จ่ายสำนักงาน
- ตรวจสอบว่าบัตรมีรายงานสรุปค่าใช้จ่ายรายเดือนเพื่อช่วยบริหารบัญชีหรือไม่
- เลือกบัตรที่ให้เครดิตเทอมยาวเพื่อช่วยกระแสเงินสดในธุรกิจ
5. ผู้ที่เป็นนักศึกษา และใช้บัตรเครดิตเพื่อสร้างเครดิตสกอร์
ประสบการณ์:
“ตอนเป็นนักศึกษา ใช้บัตรเครดิตที่สมัครง่ายและไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี เพื่อฝึกวินัยทางการเงินและสร้างเครดิตสกอร์ให้ดี เผื่อในอนาคตจะสมัครสินเชื่อหรือบัตรที่ดีกว่า”
คำแนะนำ:
- เลือกบัตรที่สมัครง่าย และไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี
- ใช้บัตรอย่างมีวินัย และจ่ายเต็มจำนวนตรงเวลาทุกเดือน
- หลีกเลี่ยงการใช้วงเงินเกิน 30% ของเครดิตที่ได้รับ
เงินเดือน 100,000 สมัครบัตรเครดิตใบไหนดี?
สำหรับผู้ที่มีรายได้ต่อเดือนตั้งแต่ 100,000 บาทขึ้นไป การเลือกบัตรเครดิตที่เหมาะสมสามารถเพิ่มความสะดวกสบายและมอบสิทธิประโยชน์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคุณได้อย่างเต็มที่ ในบทความนี้ เราขอแนะนำบัตรเครดิตที่น่าสนใจสำหรับผู้มีรายได้ระดับนี้ พร้อมรายละเอียดและสิทธิประโยชน์ที่ควรพิจารณา
1. บัตรเครดิต KTC X VISA SIGNATURE
บัตรเครดิต KTC X VISA SIGNATURE ออกแบบมาสำหรับผู้ที่ต้องการสิทธิประโยชน์ที่หลากหลายและคุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นการสะสมคะแนน การใช้บริการห้องรับรองพิเศษที่สนามบิน หรือส่วนลดพิเศษในร้านอาหารและโรงแรมชั้นนำ
สิทธิประโยชน์ที่น่าสนใจ:
- คะแนนสะสม KTC FOREVER: รับคะแนนสูงสุด x3 เมื่อใช้จ่ายตามเงื่อนไขที่กำหนด
- บริการห้องรับรองพิเศษ: สิทธิ์การใช้บริการห้องรับรองพิเศษ MIRACLE LOUNGE 2 ครั้งต่อปี เมื่อเดินทางระหว่างประเทศด้วยสายการบินไทย
- ส่วนลดร้านอาหารและโรงแรม: รับส่วนลดตลอดปีที่ห้องอาหารในโรงแรมชั้นนำทั่วประเทศ
- ประกันการเดินทาง: คุ้มครองอุบัติเหตุการเดินทางทั้งในและต่างประเทศด้วยวงเงินสูงสุด 20 ล้านบาท
เงื่อนไขการสมัคร:
- รายได้ขั้นต่ำ: 50,000 บาทต่อเดือน
ค่าธรรมเนียม:
- ค่าธรรมเนียมรายปี 5,000 บาท (ไม่รวม VAT) ยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีในปีถัดไปเมื่อมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรรวมกันไม่ต่ำกว่า 600,000 บาทภายใน 12 เดือน
2. บัตรเครดิต KTC X WORLD REWARDS MASTERCARD
บัตรเครดิต KTC X WORLD REWARDS MASTERCARD เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินทางและต้องการสะสมคะแนนเพื่อแลกสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ
สิทธิประโยชน์ที่น่าสนใจ:
- คะแนนสะสม KTC FOREVER: รับคะแนนสูงสุด x3 เมื่อใช้จ่ายตามเงื่อนไขที่กำหนด
- บริการห้องรับรองพิเศษ: สิทธิ์การใช้บริการห้องรับรองพิเศษ MIRACLE LOUNGE 2 ครั้งต่อปี
- สิทธิพิเศษในการเข้าพักโรงแรม: รับสิทธิ์พักฟรี 1 คืนที่โรงแรมในเครือที่ร่วมรายการ
- ประกันการเดินทาง: คุ้มครองอุบัติเหตุการเดินทางด้วยวงเงินสูงสุด 20 ล้านบาท
เงื่อนไขการสมัคร:
- รายได้ขั้นต่ำ: 50,000 บาทต่อเดือน
ค่าธรรมเนียม:
- ค่าธรรมเนียมรายปี 5,000 บาท (ไม่รวม VAT) ยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีในปีถัดไปเมื่อมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรรวมกันไม่ต่ำกว่า 600,000 บาทภายใน 12 เดือน
3. บัตรเครดิต KTC X – BANGKOK AIRWAYS VISA SIGNATURE
สำหรับผู้ที่เดินทางกับสายการบินบางกอกแอร์เวย์สเป็นประจำ บัตรเครดิต KTC X – BANGKOK AIRWAYS VISA SIGNATURE มอบสิทธิประโยชน์พิเศษที่คุ้มค่า
สิทธิประโยชน์ที่น่าสนใจ:
- การแลกคะแนนสะสม: ใช้คะแนน 1.5 คะแนน KTC FOREVER แลก 1 คะแนนฟลายเออร์โบนัส
- บริการห้องรับรองพิเศษ: สิทธิ์การใช้บริการ Blue Ribbon Club Lounge ฟรี 4 ครั้งต่อปี
- ส่วนลดพิเศษ: รับส่วนลด 15% เมื่อใช้คะแนนฟลายเออร์โบนัสแลกรางวัลบัตรโดยสาร
- ประกันการเดินทาง: คุ้มครองอุบัติเหตุการเดินทางด้วยวงเงินสูงสุด 20 ล้านบาท
เงื่อนไขการสมัคร:
- รายได้ขั้นต่ำ: 50,000 บาทต่อเดือน
ค่าธรรมเนียม:
- ค่าธรรมเนียมรายปี 5,000 บาท (ไม่รวม VAT) ยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีในปีถัดไปเมื่อมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรรวมกันไม่ต่ำกว่า 600,000 บาทภายใน 12 เดือน
4. บัตรเครดิต KTC X – AGODA WORLD REWARDS MASTERCARD
บัตรเครดิต KTC X – AGODA WORLD REWARDS MASTERCARD เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการจองที่พักผ่าน Agoda
สิทธิประโยชน์ที่น่าสนใจ:
- สิทธิ์ Agoda VIP Platinum: รับส่วนลดสูงสุด 25% เมื่อจองห้องพักที่ร่วมรายการ
- คะแนนสะสม KTC FOREVER: รับคะแนนเพิ่ม 400 คะแนนเมื่อใช้จ่ายที่ Agoda ตามเงื่อนไข
- บริการห้องรับรองพิเศษ: สิทธิ์การใช้บริการห้องรับรองพิเศษ MIRACLE LOUNGE 2 ครั้งต่อปี
- ประกันการเดินทาง: คุ้มครองอุบัติเหตุการเดินทางด้วยวงเงินสูงสุด 20 ล้านบาท
เงื่อนไขการสมัคร:
- รายได้ขั้นต่ำ: 50,000 บาทต่อเดือน
ค่าธรรมเนียม:
- ค่าธรรมเนียมรายปี 5,000 บาท (ไม่รวม VAT)
- ยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีในปีถัดไปเมื่อมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรรวมกันไม่ต่ำกว่า 600,000 บาทภายใน 12 เดือน
5. บัตรเครดิต American Express Platinum
บัตรเดียวที่คุ้มที่สุด สำหรับคนที่ชอบเดินทางท่องเที่ยว หรือมี Business Trip บ่อยๆบอกเลยว่าบัตรเครดิต American Express Platinum เป็นบัตรเครดิตระดับพรีเมี่ยม ที่มอบสิทธิประโยชน์สูงสุดๆให้คุณได้สัมผัสความสะดวกสบายที่เหนือระดับ มีบริการพิเศษที่ช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้กับทุกท่านสามารถเดินทางพร้อมบริการที่เหนือกว่า
สิทธิประโยชน์ที่น่าสนใจ:
- รับ่สวนลดและข้อเสนอพิเศษกว่า 40 แพลทินัมพาร์ตเนอร์
- กรมธรรม์ประกันภัยการเดินทางที่ให้ความคุ้มครอง สูงสุด 25 ล้านบาท
- บริการลีมูซีนรับ-ส่งสนามบินทั้งไปและกลับสำหรับทุกการเดินทาง
- สามารถลงทะเบียนเพื่อรับคะแนนสะสม Membership Reward 5 เท่าจากยอดใช้จ่ายต่างประเทศ
- พบกับห้องอาหารกว่า 1,400 แห่งใน 20 ประเทศที่ร่วมรายการ รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 7,000 บาท เมื่อรับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารที่ร่วมรายการในประเทศไทย
- ฟรีที่พัก 1 คืนในห้อง Deluxe Premier Room โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ
เงื่อนไขในการสมัคร:
- รายได้ขั้นต่ำต่อปี 1,200,000 บาท
ค่าธรรมเนียม
- ค่าธรรมเนียมรายปี 40,000 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว