แนะนำ 10 ของขวัญวันวาเลนไทน์ 2025
วันวาเลนไทน์ 2025 กำลังจะมาถึง หากคุณกำลังมองหา ของขวัญวันวาเลนไทน์ ที่สร้างความประทับใจให้คนรัก แต่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกอะไรดี วันนี้เรามีไอเดียของขวัญที่น่าสนใจ 10 อย่างที่ทั้งโรแมนติกและมีความหมาย เหมาะกับทุกสไตล์ความรัก พร้อมแนะนำวิธีเลือกให้เหมาะกับคู่ของคุณ
1. ดอกไม้สุดพิเศษ พร้อมข้อความแทนใจ
ดอกกุหลาบ เป็นของขวัญวันวาเลนไทน์สุดคลาสสิก แต่ถ้าคุณอยากให้พิเศษยิ่งขึ้น ลองเลือก ดอกไม้ที่มีความหมายเฉพาะตัว เช่น
- กุหลาบสีขาว (แทนความรักบริสุทธิ์)
- ดอกทิวลิป (แทนความรักที่สมบูรณ์แบบ)
- ดอกลิลลี่ (แทนความอ่อนโยนและจริงใจ)
อย่าลืมแนบ การ์ดข้อความบอกรัก เพื่อเพิ่มความประทับใจ
2. เครื่องประดับแทนใจ
เครื่องประดับ เป็นของขวัญที่สามารถใช้ได้ทุกวัน เช่น
- แหวนเงินแท้ สลักชื่อคนรัก
- สร้อยคอพร้อมจี้รูปหัวใจ
- กำไลข้อมือคู่รัก
เลือกเครื่องประดับที่เข้ากับสไตล์ของคนรัก รับรองว่าเขาหรือเธอจะต้องดีใจ
3. น้ำหอมกลิ่นเสน่ห์แห่งความรัก
กลิ่นหอมช่วยสร้างความทรงจำที่ดี เลือกน้ำหอมที่เข้ากับบุคลิกของคนรัก เช่น
- กลิ่นหอมหวาน (เหมาะกับสาวโรแมนติก)
- กลิ่นสดชื่น (เหมาะกับคนที่มีพลังและสดใส)
- กลิ่นอบอุ่น (เหมาะกับหนุ่มที่มีเสน่ห์และสุขุม)
4. ขนมหวานหรือช็อกโกแลตสุดพิเศษ
ช็อกโกแลต เป็นของขวัญยอดนิยมในวันวาเลนไทน์ แต่ถ้าอยากให้พิเศษขึ้น ลองเลือก:
- ช็อกโกแลตทำมือจากร้านพิเศษ
- มาการองหรือเค้กที่ตกแต่งเป็นธีมวาเลนไทน์
- ขนมที่คนรักชื่นชอบเป็นพิเศษ
5. ตุ๊กตาหมีแทนความอบอุ่น
ตุ๊กตาหมีหรือ ตุ๊กตาน่ารักๆ สามารถเป็นตัวแทนของความอบอุ่นและความรัก เหมาะกับคนที่ชอบความน่ารักและความอ่อนโยน
6. สมุดภาพหรืออัลบั้มความทรงจำ
หากต้องการของขวัญที่มีความหมาย ลองทำ สมุดภาพ DIY หรือ อัลบั้มรูป ที่รวมภาพถ่ายและเรื่องราวความรักของคุณสองคนไว้ด้วยกัน รับรองว่าคนรักจะต้องซาบซึ้ง
7. แพ็กเกจสปาหรือการนวดผ่อนคลาย
หากคนรักของคุณทำงานหนัก การให้ แพ็กเกจนวดหรือสปา เป็นของขวัญจะช่วยให้เขาหรือเธอได้พักผ่อนและผ่อนคลาย เป็นของขวัญที่แสดงถึงความใส่ใจได้เป็นอย่างดี
8. แกดเจ็ตหรืออุปกรณ์ไอทีที่มีประโยชน์
หากคู่ของคุณเป็นสายไอที ลองเลือก แกดเจ็ตที่ใช้งานได้จริง เช่น
- หูฟังไร้สาย
- สมาร์ทวอทช์
- ลำโพงบลูทูธ
- เครื่องอ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book Reader)
9. เซอร์ไพรส์ด้วยดินเนอร์สุดโรแมนติก
มื้อค่ำใต้แสงเทียน เป็นไอเดียที่โรแมนติกเสมอ คุณสามารถพาคนรักไปทานอาหารที่ร้านหรู หรือทำอาหารเองที่บ้านก็ได้ เพิ่มบรรยากาศด้วยเพลงและแสงไฟนุ่มๆ รับรองว่าสร้างความประทับใจได้แน่นอน
10. ทริปท่องเที่ยวสุดพิเศษ
หากคุณต้องการของขวัญที่เป็น ประสบการณ์ร่วมกัน ลองจัด ทริปสั้นๆ เช่น
- ทริปทะเลสุดโรแมนติก
- ทริปแคมป์ปิ้งชมดาว
- ทริปต่างประเทศที่คนรักใฝ่ฝัน
เลือกสถานที่ที่เหมาะกับสไตล์ของคู่ของคุณ และสร้างความทรงจำดีๆ ร่วมกัน
วิธีเลือกของขวัญวันวาเลนไทน์ให้โดนใจ
- เข้าใจบุคลิกและรสนิยม ของคู่ของคุณ
- เลือกของขวัญที่มีความหมายพิเศษ หรือเป็นสิ่งที่เขาหรือเธออยากได้
- ให้ของขวัญด้วยความจริงใจ พร้อมคำพูดที่ออกมาจากใจ
วันวาเลนไทน์ 2025 นี้ อย่าลืมมอบของขวัญที่สะท้อนความรักของคุณ ไม่ว่าจะเป็น ของขวัญแทนใจ หรือ ประสบการณ์พิเศษ ที่คุณสร้างร่วมกัน ของขวัญที่ดีที่สุดไม่ใช่ราคาแพง แต่เป็นของขวัญที่มาจากใจและสื่อถึงความรักได้อย่างแท้จริง
เงินอุดหนุนบุตร และ กลุ่มเปราะบาง ก.พ. 68 เข้าวันไหน
เปิดเผยข้อมูลจากทางกระทรวงการพัฒนาสังคม และ ความมั่นคงของมนุษย์ ประกาศรายละเอียดการจ่ายเงินกลุ่มเปราะบาง, เงินอุดหนุนบุตร และ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในเดือน กุมภาพันธ์ 2568 ประจำปีงบประมาณ 2568 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 นี้เงินเข้าวันไหนบ้าง สามารถเช็ครายละเอียดเพิ่มเติมได้ด้านล่าง
โอนเงินเข้าบัญชีที่ได้รับสิทธิ สำหรับ 3 กลุ่มเปราะบางในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 นี้หลายๆคนยังคงหาข้อมูลว่า ในเดือนนี้แต่ละกลุ่มได้รับเงินโอนวันไหนบ้าง ทางกระทรวงพัฒนาสังคม และ ความมั่นคงของมนุษย์ ได้แจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับเงินเยียวยาดังกล่าว ว่าจะเข้าวันไหน และ สามารถเช็คได้เมื่อไหร่ นอกจากนี้ขั้นตอนการลงทะเบียนรับเงินช่วยเหลือจากทางรัฐบาลด้วย
เงินอุดหนุนบุตร เบี้ยเด็ก กุมภาพันธ์ 2568 เงินเข้าวันไหน
- เงินเข้าบัญชี วันจันทร์ 10 กุมภาพันธ์ 2568
ทางกรมบัญชีกลาง ได้แจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับการโอนเงินอุดหนุนบุตร ว่าเงินจะเข้าบัญชีผู้ที่มีสิทธิในวันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 โดยหลักเกณฑ์ในการจ่ายเงิน จะยึดหลักเกณฑ์ว่าเงินจะเข้าบัญชีทุกวันที่ 10 ของทุกเดือน หากวันโอนตรงกับวันเสาร์-วันอาทิตย์ หรือ วันหยุดราชการ จะจ่ายเงินอุดหนุนบุตรล่วงหน้าก่อนวันหยุด
ขั้นตอนในการลงทะเบียน ขอรับเงินช่วยเหลือ เงินอุดหนุนบุตร, เบี้ยเด็ก กุมภาพันธ์ 2568
การแจ้งลงทะเบียนขอรับเงินอุดหนุนบุตร เพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด และ เด็กที่มีสัญชาติไทย พ่อแม่ผู้ปกครอง สามารถยื่นคำร้องในพื้นที่ที่เด็กแรกเกิด และ ผู้ปกครองอาศัยอยู่จริง ไม่จำเป็นต้องเป็นที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน
- กรุงเทพฯ ลงทะเบียนได้ที่สำนักงานเขต
- เมื่องพัทยา ลงทะเบียนได้ที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา
- ส่วนภูมิภาค ลงทะเบียนได้ที่องค์การบริหารส่วนตำบลหรือเทศบาล
- ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่น “เงินเด็ก” ทั้งนี้ผู้ปกครองต้องพิสูจน์ และ ยืนยันตัวตนผ่าน แอปพลิเคชั่น ThaiD ของกรมการปกครองก่อน เมื่อตรวจสอบสิทธิผ่านแล้ว จะได้รับเงินมีผล ตั้งแต่เดือนที่ลงทะเบียนรับเงิน
เบี้ยผู้สูงอายุ เบี้ยคนชรา กุมภาพันธ์ 2568 เงินเข้าวันไหน
โอนเงินเข้าบัญชีวันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568
ตารางจ่ายเงินเบี้ยผู้สูงอายุ และ เบี้ยคนชรา
- อายุ 60-69 ปี รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 600 บาทต่อเดือน
- อายุ 70-79 ปี รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 700 บาทต่อเดือน
- อายุ 80-89 ปี รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 800 บาทต่อเดือน
- อายุ 90 ปีขึ้นไป รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 1,000 บาทต่อเดือน
เบี้ยคนพิการ กุมภาพันธ์ 2568 เงินเข้าวันไหน
โอนเงินเข้าบัญชี วันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568
- อายุต่ำกว่า 18 ปี รับเงินเบี้ยความพิการ จาก อปท. 800 บาทต่อเดือน รับเพิ่มอีก 200 บาทต่อเดือนรวมเป็นเงิน 1,000 บาท
- อายุ 18 ปีขึ้นไป ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ได้รับเงินเบี้ยความพิการจาก อปท. 800 บาทต่เดอืน และ สามารถกดเพิ่มจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอีก 200 บาทต่อเดือนรวมเป็น 1,000 บาท ต่อเดือน
- อายุ 18 ปีขึ้นไป แต่ไม่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ได้รับเบี้ยความพิการจาก อปท. 800 บาทต่อเดือน ก็จะไม่มีสิทธิได้รับเพิ่มอีก 200 บาทต่อเดือน
เตือนภัยมิจฉาชีพ จากทางกระทรวงดิจิทัลอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมบัญชีกลาง
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ได้ออกประกาศเตือนข้าราชการและผู้รับบำนาญเกี่ยวกับกลุ่มมิจฉาชีพที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมบัญชีกลาง เพื่อหลอกลวงเกี่ยวกับเงินค้างจ่าย กลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้มักใช้วิธีการต่าง ๆ เพื่อหลอกลวงเหยื่อ ดังนี้:
- การโทรศัพท์หลอกลวง: มิจฉาชีพจะโทรหาผู้รับบำนาญหรือครอบครัว โดยอ้างว่ามีเงินค้างจ่ายที่ต้องได้รับ และขอให้ดำเนินการบางอย่างเพื่อรับเงินดังกล่าว
- การแอดไลน์: มิจฉาชีพอาจขอให้เหยื่อเพิ่มบัญชีไลน์ของพวกเขาเพื่อสื่อสารเพิ่มเติม
- การสแกนใบหน้า: บางครั้งมิจฉาชีพจะขอให้เหยื่อสแกนใบหน้าผ่านแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ที่ไม่ปลอดภัย
- การดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน: มิจฉาชีพอาจแนะนำให้เหยื่อดาวน์โหลดแอปพลิเคชันที่ไม่เป็นทางการ ซึ่งอาจมีมัลแวร์หรือใช้เพื่อขโมยข้อมูลส่วนตัว
กรมบัญชีกลางได้ยืนยันว่าไม่มีนโยบายในการโทรหาผู้รับบำนาญหรือครอบครัว ไม่มีบัญชีไลน์ทางการ (Line Official Account) และไม่ส่งข้อความผ่าน SMS หรือ Facebook หากได้รับการติดต่อในลักษณะดังกล่าว ควรสงสัยว่าเป็นการหลอกลวง
ข้อควรปฏิบัติเมื่อสงสัยว่าถูกมิจฉาชีพแอบอ้าง:
- ตรวจสอบข้อมูล: หากได้รับการติดต่อที่น่าสงสัย ควรติดต่อ Call Center ของกรมบัญชีกลางที่หมายเลข 02 270 6400 เพื่อยืนยันข้อมูล
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ: หากจำเป็นต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ควรทำผ่าน App Store หรือ Google Play เท่านั้น เพื่อป้องกันการติดตั้งแอปพลิเคชันที่ไม่ปลอดภัย
- ระมัดระวังการให้ข้อมูลส่วนตัว: ไม่ควรให้ข้อมูลส่วนตัว เช่น หมายเลขบัตรประชาชน หรือข้อมูลทางการเงิน กับบุคคลที่ไม่รู้จักหรือไม่ได้รับการยืนยัน
หากพบว่าตนเองตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวง ควรรีบโทรอายัดบัญชีที่สายด่วน AOC หมายเลข 1441 ซึ่งให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
การเพิ่มความระมัดระวังและการตรวจสอบข้อมูลอย่างถี่ถ้วนจะช่วยป้องกันตนเองจากการตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ
เลือกสมัครบัตรกดเงินสด ที่ไหนดีในปี 2025
การมี บัตรกดเงินสด เป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับการบริหารจัดการเงินสดในยามฉุกเฉิน ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายเร่งด่วน ค่าเรียน ค่ารักษาพยาบาล หรือใช้เพื่อหมุนเวียนเงินสดในธุรกิจ การเลือก บัตรกดเงินสดที่เหมาะสม เป็นสิ่งสำคัญ เพราะอัตราดอกเบี้ย วงเงิน อัตราผ่อน และโปรโมชั่นต่าง ๆ สามารถช่วยให้คุณบริหารเงินได้มีประสิทธิภาพขึ้น
ในปี 2025 สถาบันการเงินหลายแห่งเสนอ บัตรกดเงินสด ที่ให้สิทธิพิเศษต่าง ๆ เช่น ฟรีค่าธรรมเนียม อนุมัติไว ผ่อน 0% และดอกเบี้ยต่ำ แต่การเลือกบัตรที่ดีที่สุดนั้นต้องพิจารณาจากปัจจัยหลายด้าน
ทำความเข้าใจบัตรกดเงินสด: ใช้อย่างไรให้คุ้มค่า?
บัตรกดเงินสดเป็น สินเชื่อหมุนเวียน ที่อนุมัติวงเงินให้ผู้ถือบัตรสามารถกดเงินจากตู้ ATM หรือโอนเข้าบัญชีเพื่อใช้จ่าย โดยแตกต่างจากบัตรเครดิตตรงที่
✅ ไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปี
✅ กดเงินสดได้เต็มวงเงิน ที่ได้รับอนุมัติ
✅ ไม่มีขั้นต่ำในการใช้จ่าย – เบิกเท่าที่จำเป็น
✅ สามารถผ่อนชำระขั้นต่ำได้
การใช้บัตรกดเงินสดให้คุ้มค่า ควรเลือกบัตรที่ ดอกเบี้ยต่ำสุด วงเงินสูง และสมัครง่าย เพื่อช่วยให้การกู้ยืมมีภาระดอกเบี้ยน้อยที่สุด
4 อันดับบัตรกดเงินสดที่ดีที่สุดในปี 2025
1. บัตรกดเงินสด KBank Xpress Cash – อนุมัติไว วงเงินสูง
✅ อนุมัติเร็วภายใน 15 นาที สำหรับผู้มีบัญชี KBank
✅ วงเงินสูงสุด 1.5 ล้านบาท หรือ 5 เท่าของรายได้
✅ ฟรีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปี
✅ อัตราดอกเบี้ยต่ำสุด 18% ต่อปี
✅ ถอนเงินผ่าน K-PLUS ได้ ไม่ต้องใช้บัตร
📌 เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการวงเงินสูงและต้องการอนุมัติไว
2. บัตรกดเงินสด SCB Speedy Cash – ดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือน
✅ สมัครง่ายผ่านแอป SCB EASY
✅ ดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือนแรก (เฉพาะลูกค้าใหม่)
✅ วงเงินสูงสุด 1 ล้านบาท
✅ ผ่อนสบาย เริ่มต้น 300 บาท/เดือน
✅ กดเงินสดได้จากทุกตู้ ATM ฟรีค่าธรรมเนียม
📌 เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการกู้ยืมระยะสั้นโดยไม่มีดอกเบี้ยในช่วง 3 เดือนแรก
3. บัตรกดเงินสด UOB Cash Plus – ฟรีดอกเบี้ย 60 วัน
✅ ดอกเบี้ย 0% นาน 60 วัน สำหรับการกดเงินครั้งแรก
✅ ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์หรือผู้ค้ำประกัน
✅ วงเงินสูงสุด 5 เท่าของรายได้
✅ ถอนเงินได้ตลอด 24 ชั่วโมงผ่านตู้ ATM ทุกธนาคาร
✅ มีโปรแกรมแบ่งจ่ายรายเดือน 0% นานสูงสุด 12 เดือน
📌 เหมาะสำหรับ: คนที่ต้องการกดเงินโดยไม่เสียดอกเบี้ยในช่วงแรก
4. บัตรกดเงินสด First Choice – ผ่อนนานสูงสุด 36 เดือน
✅ ดอกเบี้ยเริ่มต้น 19.99% ต่อปี
✅ กดเงินสดได้จากทุกตู้ ATM ทั่วประเทศ
✅ เลือกระยะเวลาผ่อนชำระได้นานสูงสุด 36 เดือน
✅ ฟรีค่าธรรมเนียมรายปีตลอดชีพ
✅ มีโปรโมชั่นผ่อน 0% สำหรับบางรายการ
📌 เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการแผนการผ่อนระยะยาวเพื่อควบคุมค่าใช้จ่าย
วิธีเลือกบัตรกดเงินสดที่เหมาะกับคุณ
💡 1. เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย – บัตรที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดจะช่วยให้คุณจ่ายน้อยลงในระยะยาว
💡 2. ตรวจสอบวงเงินอนุมัติ – เลือกบัตรที่ให้วงเงินเหมาะสมกับรายได้ของคุณ
💡 3. ดูเงื่อนไขการผ่อนชำระ – ถ้าคุณต้องการผ่อนนาน ให้เลือกบัตรที่มีโปรแกรมผ่อนสบาย
💡 4. เช็คโปรโมชั่นและสิทธิพิเศษ – เช่น ดอกเบี้ย 0% ในช่วงแรก หรือโปรแกรมสะสมแต้ม
สมัครบัตรกดเงินสดที่ไหนดี?
📍 หากคุณต้องการ อนุมัติไว → KBank Xpress Cash หรือ Citi Ready Credit
📍 หากต้องการ ดอกเบี้ย 0% → SCB Speedy Cash หรือ UOB Cash Plus
📍 หากต้องการ ผ่อนนาน → First Choice
📍 หากต้องการ วงเงินสูง → SCB Speedy Cash หรือ KBank Xpress Cash
สมัครง่าย ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ของแต่ละธนาคาร ใช้เอกสารไม่ยุ่งยาก และ อนุมัติรวดเร็ว
บัตรกดเงินสด เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการเงินสดหมุนเวียนในชีวิตประจำวันหรือใช้ในยามฉุกเฉิน โดยในปี 2025 สถาบันการเงินต่าง ๆ นำเสนอเงื่อนไขที่ดีกว่าเดิม ทั้งในเรื่อง ดอกเบี้ยต่ำ วงเงินสูง และโปรโมชั่นพิเศษ
หากคุณกำลังมองหา บัตรกดเงินสดที่ดีที่สุด ในปีนี้ อย่าลืมเปรียบเทียบเงื่อนไขและเลือกบัตรที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของคุณ เพื่อให้ทุกการใช้จ่าย คุ้มค่า และไม่เป็นภาระทางการเงินในระยะยาว 🎯
📌 พร้อมสมัครบัตรกดเงินสด? เลือกบัตรที่ใช่แล้วสมัครเลยวันนี้! 🚀
บัตรเครดิตยูโอบีสำหรับคะแนนสะสม: ตัวเลือกที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
การเลือกบัตรเครดิตที่มอบคะแนนสะสมสูงสุดเป็นวิธีที่ชาญฉลาดในการเพิ่มความคุ้มค่าให้กับทุกการใช้จ่าย ธนาคารยูโอบี (UOB) นำเสนอหลากหลายบัตรเครดิตที่ตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นสายช้อปปิ้ง ท่องเที่ยว หรือทำธุรกรรมออนไลน์
1. บัตรเครดิตยูโอบี เวิลด์
สิทธิพิเศษที่คุณไม่ควรพลาด
- รับ เครดิตเงินคืน 2,000 บาท เมื่อเปิดบัตรเครดิตยูโอบี เวิลด์
- สะสมคะแนนยูโอบี รีวอร์ด 5 เท่า สำหรับการใช้จ่ายในหมวดออนไลน์, e-wallet, ร้านอาหาร, ท่องเที่ยว และสกุลเงินต่างประเทศ
- รับคะแนนสะสมยูโอบี รีวอร์ด 2 เท่า สำหรับการใช้จ่ายในหมวดอื่น ๆ
จุดเด่น: เหมาะสำหรับคนที่ชอบทำธุรกรรมออนไลน์และการเดินทางต่างประเทศ
2. บัตรเครดิตยูโอบี ซีนิท
สัมผัสประสบการณ์ที่เหนือระดับ
- สะสมคะแนนยูโอบี รีวอร์ด 3 เท่า สำหรับการใช้จ่ายในสกุลเงินต่างประเทศ
- รับคะแนนยูโอบี รีวอร์ด 2 เท่า สำหรับการใช้จ่ายภายในประเทศ
- รับสิทธิพิเศษการเดินทาง เช่น บริการรถลิมูซีน รับ-ส่งสนามบินในเอเชียแปซิฟิก และ ห้องพักรับรองพิเศษ Priority Pass™ แบบไม่จำกัดจำนวนครั้ง
จุดเด่น: บัตรนี้ออกแบบมาเพื่อผู้ที่ชื่นชอบการเดินทางและต้องการบริการที่หรูหรา
3. บัตรเครดิตยูโอบี พรีเฟอร์
สิทธิพิเศษที่ตอบโจทย์การใช้จ่ายประจำวัน
- รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 2,000 บาท เมื่อสมัครบัตรครั้งแรก
- รับ เครดิตเงินคืน 15% เมื่อใช้จ่ายที่ร้านค้าชั้นนำ เช่น Shopee, Lazada, Cafe Amazon, GRAB, Line Pay
- สะสมคะแนน The1 X3 สำหรับการใช้จ่ายที่ Central, Robinson, Tops, และ Central Food Hall
จุดเด่น: บัตรนี้เหมาะสำหรับสายช้อปปิ้งที่ชื่นชอบการใช้จ่ายในห้างสรรพสินค้า
4. บัตรเครดิตยูโอบี เมอร์เซเดส
ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรักรถหรู
- รับคะแนนสะสมยูโอบี รีวอร์ด 20,000 คะแนน เมื่อลงทะเบียนบัตร
- รับคะแนนสะสมสูงสุด 20 เท่า สำหรับทุกการใช้จ่าย 25 บาท
- รับส่วนลดเพิ่ม 20% เมื่อใช้คะแนนสะสมเท่ากับยอดใช้จ่ายที่ตัวแทนจำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์
จุดเด่น: เหมาะสำหรับผู้ขับขี่รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่ต้องการสิทธิพิเศษสุดคุ้ม
5. บัตรเครดิตยูโอบี แกร็บ
ตัวช่วยที่ดีที่สุดสำหรับสายเดินทางและบริการ Grab
- รับรวมสิทธิพิเศษสูงสุด 3,900 บาท (เครดิตเงินคืน 1,500 บาท + ส่วนลด Grab มูลค่า 2,400 บาท)
- รับคะแนนสะสมยูโอบี รีวอร์ด 10 เท่า สำหรับการใช้จ่ายในบริการ Grab
- รับคะแนนสะสมยูโอบี รีวอร์ด 3 เท่า สำหรับการใช้จ่ายในหมวดร้านอาหาร, ร้านค้าออนไลน์, แฟชั่น, และโรงพยาบาล
จุดเด่น: เหมาะสำหรับผู้ใช้งาน Grab เป็นประจำ
6. บัตรเครดิตยูโอบี แม็คโคร
เพื่อนคู่ใจของนักช้อปแม็คโคร
- รับคะแนนสะสมยูโอบี รีวอร์ดสูงสุด 12,000 คะแนน พร้อมรับบัตรกำนัลมูลค่า 1,000 บาท
- รับ 2 คะแนนสะสม ทุกวันที่ 16 ของเดือน
- รับ 1 คะแนนสะสม สำหรับทุก 100 บาทที่ใช้จ่ายในแม็คโคร หรือ 25 บาทของการใช้จ่ายในหมวดอื่น
จุดเด่น: ตอบโจทย์ผู้ที่ชอบซื้อสินค้าจำนวนมากและต้องการคะแนนสะสมเพิ่ม
ทำไมต้องเลือกบัตรเครดิตยูโอบีสำหรับคะแนนสะสม?
- ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์: ยูโอบีนำเสนอหลากหลายบัตรเครดิตที่ออกแบบมาเพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลาย เช่น ช้อปปิ้ง การเดินทาง หรือการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
- คะแนนสะสมที่คุ้มค่า: ทุกการใช้จ่ายของคุณสามารถเปลี่ยนเป็นคะแนนสะสมที่แลกได้ทั้งสินค้า บริการ หรือสิทธิพิเศษ
- โปรโมชั่นที่น่าสนใจ: ธนาคารยูโอบีจัดโปรโมชั่นตลอดทั้งปีเพื่อเพิ่มความคุ้มค่าให้กับสมาชิกบัตรเครดิต
บัตรเครดิตยูโอบีสำหรับคะแนนสะสมเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มมูลค่าให้กับทุกการใช้จ่าย ด้วยสิทธิพิเศษหลากหลายที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง คุณสามารถเลือกบัตรเครดิตที่เหมาะกับคุณ และเริ่มต้นประสบการณ์การใช้จ่ายที่คุ้มค่าได้แล้ววันนี้!
สมัครบัตรเครดิต UOB ออนไลน์ รับสิทธิพิเศษที่นี่
Deepseek คืออะไร ทำไมกระทบกลุ่มเทคโนโลยีอย่างหนัก
DeepSeek คือบริษัทสตาร์ทอัปจากประเทศจีนที่เน้นการพัฒนาโมเดลปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านที่เกี่ยวข้องกับการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพของโมเดล AI ในตลาด บริษัทตั้งอยู่ในเมืองหางโจว และเริ่มก่อตั้งในปี 2023 DeepSeek AIได้รับความสนใจอย่างมากในระดับโลกหลังจากเปิดตัวโมเดล AI ที่มีชื่อว่า DeepSeek-V3 และ DeepSeek-R1 ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงในขณะที่ใช้ต้นทุนการพัฒนาที่ต่ำกว่าคู่แข่งในตลาด เช่น OpenAI
จุดเด่นของ DeepSeek คือ:
- ประสิทธิภาพสูง: โมเดลของ DeepSeek ถูกออกแบบมาให้ทำงานได้ดีเทียบเท่าหรือเหนือกว่าคู่แข่งชั้นนำในตลาด เช่น ChatGPT และ Gemini จาก Alphabet
- ต้นทุนต่ำ: การพัฒนาของ DeepSeek ใช้ชิปที่มีต้นทุนต่ำ เช่น Nvidia H800 ซึ่งเป็นชิปที่ได้รับการปรับแต่งสำหรับจำหน่ายในจีน โมเดล R1 มีต้นทุนต่ำกว่า OpenAI o1 ถึง 20-50 เท่า
- ใช้งานในวงกว้าง: โมเดลของบริษัทเน้นการใช้งานบนอุปกรณ์ทั่วไป เช่น โทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล แทนที่จะพึ่งพาศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่
- ได้รับการยอมรับในระดับสากล: แม้จะเป็นสตาร์ทอัปขนาดเล็ก แต่โมเดลของ DeepSeek ได้รับการยอมรับจากผู้เชี่ยวชาญในซิลิคอนแวลลีย์ว่ามีคุณภาพและประสิทธิภาพเทียบเท่ากับบริษัทชั้นนำในอเมริกา
DeepSeek กลายเป็นหัวข้อที่น่าสนใจในวงการเทคโนโลยี เนื่องจากเป็นตัวอย่างของนวัตกรรม AI ที่มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในจีน และส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นและวงการ AI ในระดับโลก เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2568 ตลาดหุ้นทั่วโลกเผชิญกับการเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอย่างหนัก เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับโมเดลปัญญาประดิษฐ์ (AI) ต้นทุนต่ำจากประเทศจีนที่อาจเข้ามาแข่งขันกับผู้นำตลาดอย่าง Nvidia เหตุการณ์นี้ส่งผลให้หุ้นของ Nvidia ลดลงถึง 17% และมูลค่าตลาดหายไปถึง 593,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นการสูญเสียมูลค่าตลาดภายในวันเดียวมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของตลาดหุ้นวอลล์สตรีท
บริษัทสตาร์ทอัปจากจีนชื่อ DeepSeek ได้เปิดตัวผู้ช่วย AI ที่สามารถใช้งานได้ฟรี โดยอ้างว่าใช้ฐานข้อมูลและต้นทุนที่ต่ำกว่าโมเดล AI อื่น ๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน เมื่อวันที่ 27 มกราคม โมเดล AI ของ DeepSeek ได้มียอดดาวน์โหลดทาง App Store แซงหน้า ChatGPT จากสหรัฐอเมริกา
ผลกระทบจากความนิยมของ DeepSeek ทำให้ดัชนี Nasdaq ลดลง 3.1% ในวันเดียวกัน โดยนอกจากหุ้นของ Nvidia ที่ลดลงอย่างมากแล้ว หุ้นของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่อื่น ๆ ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน เช่น Broadcom ลดลง 17%, Microsoft ผู้สนับสนุนหลักของ ChatGPT ลดลง 2.1% และ Alphabet บริษัทแม่ของ Google ลดลง 4.2%
ไบรอัน เจค็อบสัน นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจาก Annex Wealth Management ในรัฐวิสคอนซิน กล่าวว่า “หาก DeepSeek เป็นนวัตกรรมที่ดีกว่า (better mousetrap) จริง ๆ มันอาจจะสร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ต่อเครื่องมือ AI ทั้งหมดที่เคยเป็นตัวขับเคลื่อนตลาดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา” เขายังเสริมว่า “มันอาจจะทำให้อุปสงค์ชิปลดลง ลดความต้องการสร้างแหล่งพลังงานขนาดใหญ่เพื่อมาใช้กับโมเดลเหล่านี้ และลดความจำเป็นในการสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ด้วย”
หลังจากที่ Baidu ได้เปิดตัวโมเดล AI จีนตัวแรกที่ถือเป็นคู่แข่งของ ChatGPT ก็มีความผิดหวังเกิดขึ้นในจีนเกี่ยวกับช่องว่างด้านศักยภาพ AI ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ที่ยังห่างกันอยู่ อย่างไรก็ตาม คุณภาพและประสิทธิภาพต้นทุนของโมเดล AI จาก DeepSeek ได้เปลี่ยนมุมมองนี้ และได้รับการยอมรับจากผู้บริหารบริษัทชั้นนำในซิลิคอนแวลลีย์หลายคน
DeepSeek เป็นบริษัทสตาร์ทอัปขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ในเมืองหางโจว ก่อตั้งขึ้นในปี 2023 ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่ Baidu เปิดตัวโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ตัวแรกของจีน แม้ว่าจะมีบริษัทเทคโนโลยีจีนจำนวนมากพัฒนาโมเดล AI ขึ้นเอง แต่ DeepSeek เป็นรายแรกที่ได้รับการยอมรับจากอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสหรัฐฯ ว่ามีประสิทธิภาพทัดเทียมหรือแม้แต่เหนือกว่าโมเดลชั้นนำของยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีอเมริกัน
ปัจจุบัน ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ DeepSeek คือ เหลียง เหวินเฟิง ผู้ร่วมก่อตั้งกองทุนป้องกันความเสี่ยงเชิงปริมาณ High-Flyer
ทีมนักวิจัยของ DeepSeek ระบุว่า โมเดล DeepSeek-V3 ซึ่งเปิดตัวเมื่อวันที่ 10 มกราคม ใช้ชิป H800 ซึ่งเป็นรุ่นที่ Nvidia “ลดสเปก” ลงเพื่อจำหน่ายให้จีนในการฝึกฝน AI และใช้ต้นทุนเพียงไม่ถึง 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับโมเดล DeepSeek-R1 ที่ปล่อยออกสู่ตลาดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ใช้ต้นทุนต่ำกว่าโมเดล o1 ของ OpenAI ประมาณ 20-50 เท่า โดยขึ้นอยู่กับภารกิจที่ AI ได้รับมอบหมาย
มาร์ก อันเดรสเซน นักลงทุนในซิลิคอนแวลลีย์ ระบุในโพสต์บน X เมื่อวันที่ 26 มกราคม ว่า โมเดล R1 ของ DeepSeek เป็นเสมือน “ช่วงเวลาสปุตนิก” แห่งวงการ AI โดยอ้างถึงการปล่อยดาวเทียมของสหภาพโซเวียตซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการแข่งขันด้านอวกาศในช่วงปลายทศวรรษ 1950 เขากล่าวว่า “DeepSeek R1 เป็นการเปิดตัวสิ่งใหม่ที่น่าประทับใจที่สุดครั้งหนึ่งเท่าที่ผมเคยเห็นมา และด้วยความเป็นโอเพนซอร์ส ก็ถือเป็นของขวัญที่ยอดเยี่ยมสำหรับทั่วโลกด้วย”
ด้าน แดเนียล มอร์แกน ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโออาวุโสจาก Synovus Trust Company ซึ่งถือหุ้นเกือบ 1 ล้านหุ้นใน Nvidia ชี้ว่าแรงเทขายในตลาดหุ้นเทคโนโลยีเมื่อวันที่ 27 มกราคม อาจเป็นการตอบสนองที่เกินจริง เขาตั้งข้อสังเกตว่าการที่โมเดล AI ของ DeepSeek ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานในโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ PC เป็นหลักมากกว่าศูนย์ข้อมูล ทำให้มันกลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวสำหรับ ChatGPT และ Gemini ของ Alphabet
การเปิดตัวโมเดล AI ของ DeepSeek ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นเทคโนโลยี แต่ยังเป็นสัญญาณว่าประเทศจีนกำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในวงการ AI ระดับโลก ความสามารถในการพัฒนาโมเดล AI ที่มีประสิทธิภาพและต้นทุนต่ำของ DeepSeek อาจเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในอุตสาหกรรมนี้ ในอนาคต การแข่งขันในด้าน AI ระหว่างประเทศต่าง ๆ คาดว่าจะเข้มข้นขึ้น
อัพเดทล่าสุด เงินดิจิทัลเฟส 3 รัฐจ่ายเมื่อไหร่
มาตรการล่าสุดจากทางรัฐบาล กับโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 3 สำหรับคนทั่วไป รัฐจ่ายเงินวันไหน แล้วใครได้รับเงินบ้าง มีคำตอบ และในส่วนของ เงินดิจิทัลเฟส 2 ซึ่งมีการโอนจ่ายไปแล้วในวันจันทร์ที่ 27 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา และ กลุ่มคนอายุ 16-60 ปี ให้รอดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งจะเสร็จทันแน่นอนในช่วงเดือน เมษายน 2568 จะมีการทยอยจ่าย สำหรับโครงการแจกเงินดิจิทัล เป็นโครงการที่ถูกออกแบบมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ สำหรับผู้ที่ได้รับสิทธิสามารถตรวจสอบรายชื่อ ซึ่งจะขึ้นข้อความแสดงสถานะได้เงิน ผ่านทางแอปทางรัฐ สำหรับคนที่ไม่มีมือถือรัฐบาลเปิดให้ลงทะเบียนได้เมื่อไหร่ มีคำตอบ สามารถดูเพิ่มเติมได้ด้านล่าง
เงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เฟส 3 กลุ่มคนอายุ 16-60 ปีได้เงินวันไหน
จากการเปิดเผยข้อมูลล่าสุด ทางด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้ออกมาเปิดเผยถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดึตนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวบนเวทีหาเสียงผู้สมัคร นายก อบจ. ว่าการแจกเงิน ดิจิทัลเฟส 3 สำหรับกลุ่มคนอายุ 16-60 ปีนั้น จะมีการทำจ่ายผ่านทาง ดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งจะเสร็จประมาณเดือนมีนาคม – เมษายน 2568 โดยตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการพัฒนาระบบ
วิธีตรวจสอบ รายชื่อคนได้เงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท จะรู้วันโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร เฟส 2 และ เฟส 3 ล่าสุด จะขึ้นข้อความแสดงสถานะ
- เปิดแอปทางรัฐ และทำการเข้าสู่ระบบให้เรียบร้อย จากนั้นกดที่ปุ่มตรวจสอบสถานะ
- ระบบจะขออนุญาตเข้าถึงข้อมูล และขอยืนยันเบอร์โทรศัพท์มือถือ เพื่อใช้ในการยืนยันตัวตนให้กดที่ปุ่มยืนยันข้อมูล
- ทำการกรอกเบอร์โทรศัพท์ และ กดปุ่มรับรหัสทาง SMS (OTP)
- กรอกรหัส OTP และ กดปุ่มยืนยันโทรศัพท์มือถือ
- กดปุ่มอนุญาต ให้แอปพลิเคชั่นเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล
- ระบบจะทำการแสดงผลสถานะในการรับสิทธิตามโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่าน Digital Wallet ว่าอยู่ในขั้นตอนไหน
สถานะเงินดิจิทัล ผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท
- สถานะขึ้นตอนที่ 3 คือระบบอยู่ระหว่างการตรวจสอบสิทธิ
- สถานะขึ้นตอนที่ 4 คือไม่ได้รับสิทธิ
- สถานะขึ้นตอนที่ 5 คือได้รับสิทธิตามโครงการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท
โปรโมชั่นสมัครบัตรเครดิต UOB ล่าสุดรับฟรี 2 ต่อ
สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจว่าจะสมัครบัตรเครดิตอยู่ตอนนี้ ลองอัพเดทโปรโมชั่น สำหรับลูกค้าใหม่ที่ต้องการสมัครบัตรเครดิตดูก่อนเลย อย่างล่าสุดทาง UOB มีโปรโมชั่น สำหรับลูกค้าใหม่ที่ต้องการสมัครบัตรเครดิต ยูโอบี ได้รับสิทธิพิเศษถึง 2 ต่อด้วยกัน สามารถอัพเดทรายละเอียดสิทธิพิเศษได้ด้านล่าง
รับ 2 ต่อ Special Deal เมื่อสมัครบัตรเครดิต UOB และ ยูโอบี แคชพลัสผ่านทางออนไลน์
- ต่อที่ 1 รับกระเป๋าเดินทาง Snoopy Trolley Bag 4 ล้อขนาด 20 นิ้วมูลค่า 6,800 บาท
- ต่อที่ 2 รับ Starbucks e-Voucher มูลค่า 300 บาท
โปรโมชั่นพิเศษ สำหรับลูกค้าใหม่ที่สมัครบัตรเครดิต UOB ผ่านช่องทางออนไลน์ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารยูโอบีกำหนด สำหรับลูกค้าใหม่ที่สมัครผ่านทางออนไลน์ และ มียอดใช้จ่าย 1 ครั้งภายใน 30 วัน โดยบัตรเครดิตจะต้องได้รับการอนุมัติภายในวันที่ 30 มีนาคม 2568
สมัครบัตร UOB World มีข้อดีอะไรบ้าง
- รับคะแนนสะสมยูโอบี รีวอร์ด 5 เท่า ทุกการใช้จ่าย 25 บาท สำหรับการใช้จ่ายออนไลน์ และ e-wallet
- รับคะแนนสะสมยูโอบี รีวอร์ด 5 เท่า ทุกการใช้จ่าย 25 บาท ในหมวดร้านอาหาร, หมวดท่องเที่ยว และ เงินสกุลต่างประเทศ
- รับคะแนนสะสมยูโอบี รีวอร์ด 2 เท่า ทุกๆการใช้จ่าย 25 บาท สำหรับยอดการใช้จ่ายอื่นๆ หรือ การใช้จ่ายที่เกินจากที่กำหนด
สมัครบัตรเครดิต UOB รับสิทธิ์ 2 ต่อ ที่นี่เท่านั้น
27 มกราคม – 9 กุมภาพันธ์ 2568
เงื่อนไขการสมัคร:
- สมัครทั้งบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล Cash Plus (บัตรเครดิตต้องได้รับการอนุมัติ)
- บัตรเครดิตต้องได้รับการอนุมัติภายในวันที่ 30 มีนาคม 2568
- ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต 1 ครั้งภายใน 30 วันหลังจากวันที่บัตรได้รับการอนุมัติ
- ลูกค้าต้องไม่เคยถือบัตรเครดิต UOB / บัตรแบรนด์ Citi มาก่อน หรือปิดบัตรดังกล่าวเกิน 12 เดือนมาแล้ว
บัตรเครดิต ใช้เท่าที่จำเป็น และ ชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี บัตรยูโอบี แคสพลัส: กู้เท่าที่จำเป็น และ ชำระคือไหว อัตราดอกเบี้ย 25% ต่อปี
ความแตกต่างระหว่างบัตร Visa และ บัตร Mastercard
เมื่อพูดถึงบัตรเครดิต หลายคนอาจสงสัยว่า Visa และ Mastercard แตกต่างกันอย่างไร และควรเลือกบัตรแบบไหนที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของตนเอง ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับความแตกต่างระหว่างบัตรเครดิตทั้งสองประเภท พร้อมแนะนำวิธีเลือกบัตรที่ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างเหมาะสมที่สุด
Visa และ Mastercard คืออะไร?
ทั้ง Visa และ Mastercard เป็นเครือข่ายการชำระเงินระดับโลกที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างธนาคาร ผู้ออกบัตร และร้านค้าต่าง ๆ ทั่วโลก โดยเครือข่ายนี้จะช่วยให้การทำธุรกรรมทางการเงินระหว่างผู้ถือบัตรและร้านค้าดำเนินไปอย่างราบรื่น
สิ่งสำคัญที่ควรรู้คือ Visa และ Mastercard ไม่ได้เป็นผู้ออกบัตรเครดิต แต่เป็นผู้ให้บริการเครือข่าย ธนาคารต่าง ๆ จะเป็นผู้ที่กำหนดเงื่อนไข เช่น อัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม และสิทธิประโยชน์ของบัตรเครดิต
ความคล้ายคลึงกันระหว่าง Visa และ Mastercard
ทั้ง Visa และ Mastercard มีจุดร่วมที่คล้ายกันหลายประการ เช่น:
- เครือข่ายการใช้งานที่ครอบคลุมทั่วโลก
- Visa และ Mastercard สามารถใช้งานได้ในกว่า 200 ประเทศทั่วโลก
- รองรับร้านค้าหลายล้านแห่ง ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าปลีก ร้านอาหาร หรือแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์
- บริการความปลอดภัย
- ทั้งสองเครือข่ายมีระบบความปลอดภัยระดับสูง เช่น การเข้ารหัสข้อมูล และบริการป้องกันการทุจริต
- ให้บริการตรวจสอบการใช้งานแบบเรียลไทม์เพื่อป้องกันการใช้บัตรโดยไม่ได้รับอนุญาต
- การรองรับบัตรหลากหลายประเภท
- ทั้ง Visa และ Mastercard มีบัตรหลายระดับ เช่น บัตรคลาสสิก บัตรแพลตินัม บัตรโกลด์ และบัตรระดับพรีเมียม
- แต่ละระดับมอบสิทธิพิเศษแตกต่างกัน เช่น การสะสมคะแนน เงินคืน หรือประกันการเดินทาง
ความแตกต่างระหว่าง Visa และ Mastercard
แม้จะมีความคล้ายคลึงกัน แต่ Visa และ Mastercard ก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันในบางด้าน:
- สิทธิประโยชน์พิเศษ
- Visa: มักมุ่งเน้นสิทธิพิเศษที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง เช่น ส่วนลดการจองโรงแรม ตั๋วเครื่องบิน และประกันการเดินทาง
- Mastercard: โดดเด่นด้านโปรโมชั่นในหมวดร้านอาหารและความบันเทิง เช่น ส่วนลดร้านอาหาร การจองกิจกรรมท่องเที่ยว หรือบริการดูหนัง
- จำนวนร้านค้าที่รับบัตร
- Visa อาจมีร้านค้าที่รับบัตรมากกว่าในบางประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา
- Mastercard มีเครือข่ายการรับบัตรที่กว้างขวางในยุโรปและเอเชีย
- ระบบการสะสมคะแนนและแลกรางวัล
- Visa และ Mastercard มีโปรแกรมสะสมคะแนนที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับธนาคารผู้ออกบัตร
- บางครั้ง Mastercard อาจให้ข้อเสนอที่หลากหลายในหมวดสินค้าหรือบริการเฉพาะกลุ่ม
- โปรโมชั่นระดับท้องถิ่น
- โปรโมชั่นของ Visa และ Mastercard มักแตกต่างกันขึ้นอยู่กับข้อตกลงกับธนาคารและร้านค้าในพื้นที่นั้น ๆ
เลือกบัตร Visa หรือ Mastercard ดี?
การเลือกบัตรระหว่าง Visa และ Mastercard ขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณ เราได้รวบรวมคำแนะนำเบื้องต้นเพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น:
- หากคุณชอบเดินทาง
- บัตร Visa อาจตอบโจทย์คุณมากกว่า เพราะมีสิทธิพิเศษเกี่ยวกับการเดินทาง เช่น ประกันการเดินทาง ส่วนลดตั๋วเครื่องบิน และสิทธิ์เข้าใช้ห้องรับรองสนามบิน
- หากคุณเน้นไลฟ์สไตล์ในเมือง
- Mastercard มักมีโปรโมชั่นในหมวดร้านอาหารและกิจกรรมความบันเทิง เช่น ส่วนลดร้านอาหาร การจองบัตรคอนเสิร์ต หรือการดูหนังในราคาพิเศษ
- หากคุณช้อปออนไลน์บ่อย
- ทั้ง Visa และ Mastercard รองรับการช้อปปิ้งออนไลน์อย่างครอบคลุม แต่คุณอาจพิจารณาเลือกบัตรที่ให้ส่วนลดหรือเงินคืนในแพลตฟอร์มที่คุณใช้งานบ่อย
- หากคุณต้องการสะสมคะแนนหรือไมล์
- เลือกบัตรที่มีระบบสะสมคะแนนหรือไมล์ที่เหมาะสมกับการใช้จ่ายของคุณ โดยตรวจสอบว่าบัตรใดให้คะแนนสูงกว่าในหมวดที่คุณใช้จ่ายบ่อย
ข้อควรระวังในการเลือกบัตร
- เปรียบเทียบเงื่อนไขธนาคาร: แม้จะเลือก Visa หรือ Mastercard คุณควรพิจารณาอัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม และสิทธิพิเศษที่ธนาคารแต่ละแห่งมอบให้
- ตรวจสอบความพร้อมในการใช้งาน: หากคุณเดินทางไปต่างประเทศบ่อย ให้ตรวจสอบว่าประเทศปลายทางรับบัตรของเครือข่ายใดมากกว่า
- อ่านข้อกำหนดและเงื่อนไข: บางสิทธิพิเศษอาจมีเงื่อนไขซ่อนเร้น เช่น การใช้จ่ายขั้นต่ำ หรือค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม
Visa กับ Mastercard อันไหนดีกว่า?
จริง ๆ แล้ว Visa และ Mastercard ไม่มีแบบใดดีกว่าแบบใดในภาพรวม เพราะขึ้นอยู่กับความต้องการส่วนบุคคล หากคุณเน้นการใช้งานในหมวดที่เฉพาะเจาะจง เช่น การเดินทาง ร้านอาหาร หรือช้อปปิ้ง คุณควรเลือกบัตรที่มอบสิทธิพิเศษในหมวดนั้น ๆ
Visa และ Mastercard เป็นเครือข่ายการชำระเงินที่มีจุดเด่นและสิทธิประโยชน์ที่แตกต่างกัน การเลือกบัตรเครดิตที่เหมาะสมควรเริ่มจากการประเมินความต้องการของตัวเอง พร้อมเปรียบเทียบโปรโมชั่นและข้อเสนอจากธนาคารที่ออกบัตรเพื่อให้คุณได้บัตรที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และการใช้จ่ายของคุณ
แนะนำบัตรเครดิต น่าสมัครที่สุดในปี 2025
ในปี 2025 ตลาดบัตรเครดิตในประเทศไทยเต็มไปด้วยตัวเลือกหลากหลายที่น่าสนใจ แต่การเลือกบัตรเครดิตที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์และความต้องการของคุณอาจเป็นเรื่องท้าทาย หากคุณกำลังมองหาบัตรเครดิตที่คุ้มค่า นี่คือคำแนะนำเพื่อช่วยให้คุณเลือกบัตรเครดิตที่ดีที่สุดในปีนี้
1. เข้าใจความต้องการของตัวเองก่อนเลือกบัตรเครดิต
ก่อนที่จะเลือกบัตรเครดิต สิ่งสำคัญที่สุดคือการประเมินว่าคุณต้องการใช้บัตรเครดิตเพื่ออะไร เช่น:
- สำหรับสะสมคะแนน: หากคุณชอบสะสมแต้มเพื่อนำไปแลกสิทธิพิเศษต่าง ๆ ให้มองหาบัตรเครดิตที่มีโปรแกรมสะสมคะแนนที่หลากหลาย
- สำหรับการเดินทาง: เลือกบัตรที่มีสิทธิพิเศษสำหรับการเดินทาง เช่น สะสมไมล์บิน ประกันการเดินทาง หรือสิทธิ์เข้าใช้ห้องรับรองสนามบิน
- สำหรับคืนเงิน: หากคุณต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน บัตรเครดิตที่มีโปรโมชั่นคืนเงินสด (Cashback) อาจเป็นตัวเลือกที่ดี
- สำหรับช้อปปิ้งออนไลน์: บัตรที่มอบส่วนลดหรือสิทธิพิเศษในการช้อปออนไลน์จะช่วยคุณประหยัดได้มากขึ้น
2. บัตรเครดิตแนะนำในปี 2025
เราได้รวบรวมบัตรเครดิตที่น่าสนใจในปี 2025 มาแนะนำ เพื่อให้คุณเลือกตามความต้องการของคุณ:
บัตรเครดิตสำหรับสะสมคะแนน
- UOB Rewards Credit Card
- สะสมคะแนนสูงถึง 5 เท่าเมื่อใช้จ่ายในหมวดร้านอาหาร ช้อปปิ้ง และเดินทาง
- แลกคะแนนได้ง่ายในหมวดสินค้าและบริการยอดนิยม
- เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบสะสมคะแนนและใช้สิทธิพิเศษจากคะแนนที่สะสมได้
- KBank Credit Card X
- รับคะแนนสะสม 2 เท่าเมื่อใช้จ่ายทุก ๆ 25 บาท
- โปรโมชั่นแลกคะแนนเป็นส่วนลดร้านอาหารและโรงแรมที่ร่วมรายการ
- ฟรีค่าธรรมเนียมรายปีเมื่อใช้จ่ายครบตามเงื่อนไข
บัตรเครดิตสำหรับเดินทาง
- SCB Planet Travel Card
- ฟรีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปีในปีแรก
- รับส่วนลดตั๋วเครื่องบินและโรงแรมที่ร่วมรายการ
- ประกันการเดินทางฟรีมูลค่าสูงสุด 10 ล้านบาท
- UOB Privimiles Credit Card
- สะสมไมล์เร็วขึ้นด้วยคะแนนสะสมพิเศษ
- สิทธิ์เข้าใช้เลานจ์สนามบินกว่า 1,200 แห่งทั่วโลก
- รับเงินคืนเมื่อใช้จ่ายในต่างประเทศ
บัตรเครดิตคืนเงิน (Cashback)
- Krungsri First Choice Visa Platinum
- คืนเงินสูงสุด 5% เมื่อใช้จ่ายในหมวดร้านอาหาร น้ำมัน และช้อปปิ้ง
- รับเงินคืนพิเศษทุกเดือนเมื่อใช้จ่ายถึงเกณฑ์ที่กำหนด
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการคืนเงินสดเพื่อลดค่าใช้จ่าย
- Bangkok Bank Cash Back Credit Card
- รับคืนเงิน 1-2% ทุกครั้งที่ใช้จ่าย
- โปรโมชั่นพิเศษคืนเงินในหมวดร้านอาหารและช้อปปิ้ง
- ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี
บัตรเครดิตสำหรับช้อปปิ้งออนไลน์
- TTB So Smart Credit Card
- รับส่วนลดพิเศษในเว็บไซต์ชั้นนำ เช่น Lazada และ Shopee
- คืนเงินสด 3% ในหมวดสินค้าออนไลน์
- ฟรีค่าธรรมเนียมรายปีตลอดชีพ
- TrueMoney Credit Card
- รับเงินคืนสูงสุด 5% เมื่อใช้จ่ายในหมวดช้อปปิ้งออนไลน์
- ส่วนลดพิเศษสำหรับบริการ TrueMove H และ TrueOnline
- โปรโมชั่นช้อปปิ้งรายเดือนที่ร่วมกับร้านค้าออนไลน์
3. สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนสมัครบัตรเครดิต
การเลือกบัตรเครดิตที่เหมาะสมควรพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้:
- อัตราดอกเบี้ย: ตรวจสอบว่าอัตราดอกเบี้ยที่เรียกเก็บเป็นเท่าไหร่ และเปรียบเทียบกับบัตรอื่น ๆ
- ค่าธรรมเนียมรายปี: บางบัตรอาจมีค่าธรรมเนียมรายปีที่สูง แต่หากมีโปรโมชั่นยกเว้นค่าธรรมเนียมเมื่อใช้จ่ายถึงเกณฑ์ อาจช่วยลดค่าใช้จ่ายได้
- สิทธิพิเศษและโปรโมชัน: เลือกบัตรที่มีโปรโมชั่นที่คุณสามารถใช้ได้จริง เช่น ส่วนลดหรือเงินคืนในหมวดที่คุณใช้จ่ายบ่อย
- ความง่ายในการสมัคร: ตรวจสอบว่าคุณสมบัติของคุณตรงตามเงื่อนไขหรือไม่ เช่น รายได้ขั้นต่ำ หรืออายุผู้สมัคร
- การบริการหลังการขาย: เลือกธนาคารที่มีการบริการลูกค้าดี เช่น การช่วยเหลือเมื่อมีปัญหาเรื่องยอดใช้จ่าย หรือระบบแจ้งเตือนการใช้จ่ายผ่าน SMS
4. เคล็ดลับการใช้บัตรเครดิตให้คุ้มค่า
- ชำระเงินเต็มจำนวน: หลีกเลี่ยงการจ่ายขั้นต่ำเพื่อลดดอกเบี้ยสะสม
- ใช้บัตรตามโปรโมชั่น: ตรวจสอบโปรโมชั่นรายเดือนและใช้บัตรในหมวดที่มีสิทธิพิเศษ
- ติดตามการใช้จ่าย: ตรวจสอบยอดใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชันธนาคารเพื่อไม่ให้เกินงบประมาณ
- ระวังค่าธรรมเนียมซ่อนเร้น: อ่านรายละเอียดสัญญาก่อนสมัครบัตรเครดิต
ในปี 2025 บัตรเครดิตแต่ละใบมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน การเลือกบัตรเครดิตที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและความคุ้มค่าในการใช้จ่ายของคุณ หากคุณต้องการบัตรที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ อย่าลืมศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด เปรียบเทียบสิทธิพิเศษ และเลือกบัตรที่ตอบโจทย์มากที่สุด