เก็บแต้มบัตรเครดิตยังไงให้คุ้ม ในยุคเงินเฟ้อปี 2025
ในภาวะที่ค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากภาวะเงินเฟ้อ การใช้บัตรเครดิตอย่างมีกลยุทธ์ไม่เพียงแค่ช่วยให้เราสะดวกในการใช้จ่าย แต่ยังสามารถสร้าง “มูลค่าเพิ่ม” ให้กับทุกบาททุกสตางค์ที่จ่ายออกไป ด้วยการเก็บแต้มสะสม ไมล์ หรือรับเงินคืนที่คุ้มค่ามากขึ้นกว่าเดิม บทความนี้จะพาไปสำรวจกลยุทธ์การเก็บแต้มบัตรเครดิตในปี 2025 พร้อมวิธีแลกแต้มให้คุ้มค่าในยุคที่การบริหารเงินเป็นสิ่งสำคัญ
เลือกบัตรเครดิตให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์
หัวใจหลักของการเก็บแต้มให้คุ้มค่าคือ การเลือกบัตรที่ตอบโจทย์การใช้จ่ายของตัวเอง หากเลือกผิดประเภท ต่อให้ใช้บัตรบ่อยแค่ไหน แต้มที่ได้ก็อาจไม่คุ้ม
1. สายกิน-ช้อปในประเทศ
- เลือกบัตรที่ให้แต้มพิเศษในหมวดร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต หรือแพลตฟอร์มออนไลน์
- มองหาบัตรที่ให้ cashback สูงในหมวดหมู่ที่ใช้งานประจำ เช่น Shopee, Grab, Foodpanda
2. สายเดินทาง-นักท่องเที่ยว
- บัตรที่สะสมไมล์ได้ดี เช่น UOB PRVI Miles, SCB My Travel หรือ Citi Premier
- ควรมีสิทธิประโยชน์อย่าง Lounge Access หรือ Travel Insurance ด้วย
3. สายใช้จ่ายก้อนใหญ่ เช่น ผ่อนสินค้า บ้าน รถ
- เลือกบัตรที่ให้แต้มจากยอดใช้จ่ายสูงแบบไม่มีเพดาน
- บางบัตรให้แต้มพิเศษจากการผ่อนชำระ 0% หรือยอดใช้จ่ายรายเดือนที่ถึงเกณฑ์
ใช้จ่ายอย่างมีจังหวะ – รับแต้มให้คุ้มในจังหวะดี
ไม่ใช่ทุกช่วงเวลาจะเก็บแต้มได้คุ้มเท่ากัน ธนาคารมักมีโปรโมชั่นเพิ่มแต้มหรือ cashback เมื่อใช้จ่ายในช่วงแคมเปญพิเศษ เช่น
- ช่วงเทศกาล: ปีใหม่ ตรุษจีน 11.11, 12.12
- วันเงินเดือนออก: หลายบัตรมีแคมเปญแจกแต้ม 2 เท่าในวันสิ้นเดือน
- การใช้จ่ายร่วมกับแอปพาร์ตเนอร์: เช่น TrueMoney, Rabbit LINE Pay
แลกแต้มอย่างมีกลยุทธ์
เมื่อสะสมแต้มได้แล้ว คำถามต่อมาคือ “จะใช้แต้มยังไงให้คุ้มที่สุด?” คำตอบคือ ขึ้นอยู่กับว่าแต้มของบัตรนั้นมีค่าเท่าไรเมื่อแลกเป็นรางวัลต่างๆ
เทียบ “มูลค่าต่อแต้ม” (Value Per Point: VPP)
รูปแบบการแลก | ค่าประมาณต่อแต้ม (VPP) | ความคุ้มค่า |
---|---|---|
แลกเป็นเงินคืน | 0.20 – 0.40 บาท | ปานกลาง |
แลกเป็นไมล์สะสม | 0.40 – 1.50 บาท (ขึ้นอยู่กับสายการบิน) | ค่อนข้างคุ้ม |
แลกของกำนัล | 0.10 – 0.30 บาท | คุ้มน้อย |
แลกเป็นส่วนลดสินค้า/ร้านค้า | 0.25 – 0.60 บาท | คุ้มปานกลาง |
ดังนั้น หากต้องการ “เก็บแต้มเพื่อใช้” ไม่ใช่แค่เพื่อสะสม ควรเลือกการแลกที่ให้ VPP สูงสุด เช่นแลกไมล์เมื่อวางแผนเดินทาง หรือลดราคาแทนเงินสดเวลาช้อปปิ้งออนไลน์
ติดตามโปรแกรมบัตร – ไม่ใช่สมัครทิ้งไว้เฉยๆ
หลายคนสมัครบัตรเครดิตไว้หลายใบ แต่ใช้จริงเพียง 1-2 ใบ แล้วปล่อยอีกหลายใบทิ้งไว้โดยไม่ได้ใช้โปรโมชัน หากต้องการเก็บแต้มให้เต็มประสิทธิภาพ ควร:
- ติดตามแอปพลิเคชันของธนาคารเพื่ออัปเดตโปรโมชัน
- ตั้งเตือนวันหมดอายุของแต้ม
- วางแผนใช้แต้มล่วงหน้า เช่น ก่อนหมดอายุ 1 เดือน
ข้อควรระวัง: อย่าให้การเก็บแต้มพาไปเป็นหนี้
การสะสมแต้มด้วยการใช้จ่ายเกินกำลังสามารถพาไปสู่ดอกเบี้ยที่สูง และเสียประโยชน์จากแต้มที่ได้มาในทันที
แนวทางหลีกเลี่ยงหนี้
- จ่ายเต็มยอดทุกเดือน เพื่อไม่เสียดอกเบี้ย
- หลีกเลี่ยงการกดเงินสดจากบัตรเครดิต
- เปรียบเทียบผลตอบแทนจากแต้ม กับภาระที่เกิดขึ้นจากการใช้จ่าย
บัตรเครดิตคือ “เครื่องมือ” ไม่ใช่ภาระ
ในปี 2025 ที่ค่าครองชีพยังคงสูงต่อเนื่อง การใช้บัตรเครดิตอย่างชาญฉลาดจะช่วยให้เรายังสามารถใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ กลยุทธ์สำคัญคือ “รู้จักเลือก รู้จักใช้ รู้จักแลก” เลือกบัตรที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ รู้ว่าช่วงเวลาไหนใช้บัตรแล้วได้แต้มเยอะ และรู้ว่าแต้มที่สะสมควรเอาไปใช้ทำอะไร เพื่อให้ทุกแต้มมีค่าและกลับมาช่วยเราในชีวิตประจำวันได้จริง
เดือนกรกฎาคม 2568 เปิดวันหยุดยาวรวด 4 วัน
ปี 2568 ถือว่าเป็นอีกปีนึงที่โหดมากๆ แต่ละเดือนจะมีทั้งหมด 5 อาทิตย์เป็นซะส่วนใหญ่ ทำให้มนุษย์เงินเดือนหลายๆท่านต่างบ่นว่าเหนื่อยกันเป็นแถบๆ เนื่องจากต้องบริหารการเงินให้ดีๆ เพราะว่า วันในแต่ละเดือนเยอะกว่าปีก่อนๆ เนื่องจากมีถึง 5 อาทิตย์ด้วยกัน สำหรับใครที่กำลังรอวันหยุดยาวๆ ในเดือนกรกฎาคม 2568 อยู่แล้วหละก็ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเดียวกับ วันหยุดยาวเดือนกรกฎาคม 2568, วันจ่ายเงินเดือนข้าราชการ, เงินบำนาญ, วันจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุ, วันจ่ายเงินอุดหนุนบุตร และ วันหวยออก
เดือนกรกฎาคม 2568
ในเดือนกรกฎาคม 2568 ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเดือนที่มีทั้งหมด 5 อาทิตย์ เหนื่อยเลยทีเดียว สำหรับมนุษย์เงินเดือนแต่ก็ยังโชคดีที่เดือนกรกฎาคม นั้นมีวันหยุดยาวไว้ให้เราๆ ได้เติมพลังงานจากการทำงานตลอดทั้งปีที่ผ่านมา เดือนนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเดือนสำหรับสายเที่ยว ที่ห้ามพลาดแนะนำให้เช็คราคาตั๋ว และ โรงแรมเอาไว้ก่อนเลย ไม่แนะนำให้ไปจองเอาใกล้ๆ เนื่องจากราคาจะแรงมาก ในเดือนนี้ มีวันหยุดราชการ และ วันหยุดนักขัตฤกษ์ ที่สามารถเลือกลา เพื่อให้เป็นวันหยุดยาวๆได้แบบ 3 วันติดไปเลย สำหรับบริษัทเอกชน หรือจะวางแผนลาพักร้อนเพิ่มให้ได้หยุดยาวถึง 4 วันรวดเลยก็ทำได้
วันหยุดราชการ กรกฎาคม 2568
- วันพฤหัสบดีที่ 10 กรกฎาคม 2568 วันอาสาฬหบูชา
- วันศุกร์ที่ 11 กรกฎาคม 2568 วันเข้าพรรษา เป็นวันหยุดราชการ ส่วนธนาคาร และ เอกชนไม่หยุด สามารถลาเพิ่มเพื่อให้ได้วันหยุดยาวติดต่อกัน 4 วันได้
- วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม 2568 วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
วันหยุดธนาคาร และ วันหยุดเอกชน กรกฎาคม 2568
- วันพฤหัสบดีที่ 10 กรกฎาคม 2568 วันอาสาฬหบูชา
- วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม 2568 วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ได้หยุดยาวรวดเดียว 3 วัน ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2568
วันจ่ายเงินเดือนข้าราชการ และ ลูกจ้างประจำ กรกฎาคม 2568
- รอบ 1 จ่ายวันที่ 16 กรกฎาคม 2568
- รอบ 2 จ่ายวันที่ 25 กรกฎาคม 2568
วันเงินบำนาญรายเดือน ของผู้รับบำนาญ กรกฎาคม 2538
- วันที่ 23 กรกฎาคม 2568
วันจ่ายเงินเดือนทหารกองประจำการ กรกฎาคม 2568
- กำหนดจ่ายวันพฤหัสบดีที่ 7 สิงหาคม 2568
จ่ายเงินอุดหนุนเลี้ยงดูบุตร กรกฎาคม 2568
- วันพุธที่ 9 กรกฎาคม 2568
วันจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุ และ เบี้ยผู้พิการ กรกฎาคม 2568
- วันพุธที่ 9 กรกฎาคม 2568
วันหวยออก กรกฎาคม 2568
- วันอังคารที่ 1 กรกฎาคม 2568
- วันพุธที่ 16 กรกฎาคม 2568
รีไฟแนนซ์ดีไหม? ไขข้อข้องใจสินเชื่อ ตัวช่วยลดภาระหนี้ระยะยาว
การมีภาระหนี้สิน เช่น สินเชื่อบ้านหรือสินเชื่อรถยนต์ เป็นเรื่องปกติของหลายครัวเรือนในปัจจุบัน แต่เมื่อเวลาผ่านไป เราอาจพบว่าดอกเบี้ยที่จ่ายอยู่สูงเกินไป หรือภาระผ่อนรายเดือนเริ่มกระทบต่อค่าใช้จ่ายประจำวัน นั่นคือจังหวะที่คำว่า “รีไฟแนนซ์” เริ่มเข้ามาในความคิดของหลายคน แต่รีไฟแนนซ์คืออะไร และเหมาะกับใคร? คุ้มค่าจริงไหม? บทความนี้จะพาไปหาคำตอบ
รีไฟแนนซ์คืออะไร?
รีไฟแนนซ์ (Refinance) คือ การเปลี่ยนเจ้าหนี้ หรือเปลี่ยนเงื่อนไขของสินเชื่อเดิมที่เรามีอยู่ เช่น การกู้บ้านกับธนาคาร A แล้วนำไปย้ายไปธนาคาร B ที่เสนออัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า หรือเปลี่ยนสัญญาใหม่กับเจ้าหนี้เดิมแต่ลดอัตราดอกเบี้ยและขยายระยะเวลาผ่อนให้ยาวขึ้น
ประเภทของรีไฟแนนซ์ที่นิยม
1. รีไฟแนนซ์สินเชื่อบ้าน
เป็นการเปลี่ยนสัญญาสินเชื่อที่อยู่อาศัย เพื่อให้ได้อัตราดอกเบี้ยต่ำลง โดยเฉพาะเมื่อครบระยะโปรโมชั่นดอกเบี้ยพิเศษใน 3 ปีแรก
2. รีไฟแนนซ์สินเชื่อรถยนต์
เหมาะกับคนที่ต้องการลดค่างวดรายเดือน หรือเปลี่ยนเจ้าหนี้เพื่อผ่อนต่อในเงื่อนไขที่สบายกว่าเดิม
ข้อดีของการรีไฟแนนซ์
- ลดภาระดอกเบี้ย: สามารถลดอัตราดอกเบี้ยได้มากถึง 1-2% ต่อปี ซึ่งในระยะยาวสามารถประหยัดได้หลักแสน
- ลดค่างวดต่อเดือน: ทำให้บริหารสภาพคล่องได้ดีขึ้น โดยเฉพาะช่วงเศรษฐกิจไม่แน่นอน
- ขยายระยะเวลาผ่อน: ช่วยให้ภาระผ่อนต่อเดือนเบาลง
- เปลี่ยนเจ้าหนี้: หากไม่พอใจการบริการหรือมีตัวเลือกที่ดีกว่า
ข้อควรระวังในการรีไฟแนนซ์
- ค่าธรรมเนียม: เช่น ค่าประเมินหลักประกัน ค่าจดจำนอง ค่าอากรแสตมป์ ฯลฯ
- ค่าปรับปิดสัญญา: บางกรณีธนาคารเดิมอาจเรียกเก็บค่าปรับหากยังไม่พ้นระยะเวลาผ่อนขั้นต่ำ
- ดอกเบี้ยแปรผัน: หากเลือกอัตราดอกเบี้ยลอยตัว ต้องคำนึงถึงความเสี่ยงในอนาคต
รีไฟแนนซ์เมื่อไหร่ถึงจะเหมาะ?
ครบโปรโมชันดอกเบี้ย
โดยทั่วไป ธนาคารจะให้ดอกเบี้ยพิเศษในช่วง 3 ปีแรก หลังจากนั้นจะปรับขึ้นอย่างชัดเจน การรีไฟแนนซ์ทันทีหลังครบ 3 ปีจึงเหมาะสมที่สุด
เมื่อดอกเบี้ยในตลาดต่ำลง
เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทยปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์มีโปรโมชั่นดอกเบี้ยต่ำกว่าที่คุณใช้อยู่
เมื่อประวัติสินเชื่อดีขึ้น
ผู้ที่ผ่อนตรงเวลาไม่มีประวัติค้างชำระ จะสามารถต่อรองอัตราดอกเบี้ยได้ดีกว่าเดิม
เปรียบเทียบก่อนตัดสินใจรีไฟแนนซ์
รายการเปรียบเทียบ | ก่อนรีไฟแนนซ์ | หลังรีไฟแนนซ์ |
---|---|---|
อัตราดอกเบี้ย | 5.5% ต่อปี | 3.0% ต่อปี (3 ปีแรก) |
ยอดชำระต่อเดือน | 18,000 บาท | 14,500 บาท |
ระยะเวลาผ่อน | 20 ปี | 25 ปี |
ค่าธรรมเนียม | – | ประมาณ 20,000 บาท |
รีไฟแนนซ์ยังไงให้คุ้ม?
1. คำนวณต้นทุนทั้งหมด
เปรียบเทียบค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายกับดอกเบี้ยที่ประหยัดได้ หากประหยัดมากกว่าก็ถือว่าคุ้ม
2. เลือกธนาคารที่มีโปรฯ ดอกเบี้ยคงที่
โดยเฉพาะในช่วง 3 ปีแรก เพื่อป้องกันความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย
3. ตรวจสอบเครดิตบูโร
หากคะแนนเครดิตดี จะต่อรองหรือสมัครผ่านง่ายขึ้น
รีไฟแนนซ์ดีไหม?
คำตอบขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางการเงินของแต่ละคน หากคุณผ่อนบ้านหรือรถอยู่ในอัตราดอกเบี้ยสูง และมีประวัติการชำระดี การรีไฟแนนซ์อาจช่วยให้คุณประหยัดเงินได้มากในระยะยาว แต่ต้องคำนวณต้นทุนและเงื่อนไขให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ เพื่อให้การรีไฟแนนซ์เป็นเครื่องมือที่ช่วยลดภาระ ไม่ใช่เพิ่มภาระโดยไม่จำเป็น
สินเชื่อ ติดลบหนักสุดในรอบ 16 ปี หนี้เสียพุ่งติดเพดาน
ปัจจุบันถึงแม้ธนาคารในประเทศไทยยังมีความต้องการที่จะปล่อยสินเชื่อเพิ่ม แต่เนื่องจากเศรษฐกิจภายในประเทศที่เปราะบาง แถมยังต้องเพิ่มความระมัดระวังจากฝั่งธนาคารต่างๆ ส่งผลให้ตลาดสินเชื่อ ยังมีสัญญาญอ่อนแรงต่อเนื่อง ยังมีสัญญาญอ่อนแรงต่อเนื่อง ไม่เพียงเท่านั้น ความต้องการของสินเชื่อยังเป็นแรงกดดัน มากขึ้นจากฝั่งผู้กู้ ที่เริ่มชะลอขอสินเชื่อ จากความไม่เชื่อมั่นในภาวะเศรษฐกิจมากขึ้น ปัจจุบันส่งผลให้ผู้กู้ เริ่มชะลอการขอสินเชื่อ เนื่องจากเกิดความไม่เชื่อมั่นในภาวะเศรษฐกิจมากขึ้น
สถานการณ์นี้ทำให้เห็นภาพรวมของการคืนหนี้ มากกว่าการขอสินเชื่อ ไม่เพียงเท่านั้น ประเด็นปัญหาเรื่องหนี้เสีย กลับมาเป็นประเด็นของประเทศไทยที่น่ากังวล เนื่องจากมีหลากหลายปัจจัยที่กระทบ และ กดดันทั้งภาคครัวเรือ, ธุรกิจ รวมไปถึงสถาบันการเงิน ซึ่งหลังจากนี้ จะเห็นได้ชัดเลยว่าภาคเอกชนมีความอ่อนแอต่อเนื่อง แถมความต้องการสินเชื่อก็ชะลอตัวลง มีการคืนหนี้มากขึ้น จากที่เห็นตอนนี้ ภาคสถาบันการเงิน อยากจะปล่อยกู้ แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจ ที่มีความเสี่ยงระดับสูง บวกกว่ามาตรฐานการปล่อยกู้ของแต่ละแบงก์ก็เข้มงวด นอกจากนี้ยังมีความอ่อนแอของการระดมทุน ในตลาดสินเชื่อ ที่ไม่ได้เกิดจากฝั่งเดียว แถมผู้กู้เองตอนนี้ก็มีความระมัดระวังที่สูงขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มภาคธุรกิจที่ยังไม่เห็นความแน่นอนของการฟื้นตัว ขณะที่ฝั่งครัวเรือนยังต้องแบกรับภาระหนี้เดิม
สินเชื่อทั้งระบบ ติดลบมากที่สุดในรอบ 16 ปี
อยากที่กูรูหลายๆท่านบอกมาว่า ปีก่อนเผาหลอกปี 2568 เผาจริง อาจจะเป็นจริงอย่างที่กูรูหลายๆท่านว่า มาตอนนี้เราเห็นได้ชัดเลยเศรษฐกิจชลอตัว ภาคเอกชน ลดการจ้างงานลงอย่างเห็นได้ชัดนอกจากนี้ สินเชื่อ ทั้งระบบลงโดยคาดการณ์เดิมที่คาดเอาไว้สินเชื่อทั้งระบบ ขยายตัว 0.6% ในปี 2568 กลับมาพลิกเป็นติดลบ ที่ 0.6% สะท้อนเศรษฐกิจซบเซา มากกว่าที่คาดการณ์เอาไว้มาก โดยเฉพาะไตรมาส 1 ยอดสินเชื่อใหม่ต่ำกว่าประเมินเกือบทุกหมวด
สำหรับสถานการณ์หนี้ด้อยคุณภาพ หรือ NPL มีการคาดการณ์ออกมาว่าปีนี้จะเพิ่มขึ้นจากระดับ 2.7% ในปีที่แล้วมาอยู่ใกล้ๆ 3% ของสินเชื่อรวม โดยเป็นผลพวงมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ หากดูข้อมูลจากเครดิตบูโร พบว่าปัจจุบันสัดส่วนของลูกหนี้ที่เข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างหนี้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในทุกกลุ่มธรุกิจ แต่สิ่งที่ต้องดูดีๆเลยก็คือหากมีการปรับโครงสร้างไปแล้ว เริ่มวนกลับมาเป็นหนี้เสีย อีกรอบซึ่งเป็นสัญญาญเตือนถึงระดับความเปราะบางของลูกหนี้อย่างต่อเนื่อง
ประเทศไทยอาจเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในครึ่งปีหลัง
สาเหตุหลักๆเกิดจากกำแพงภาษีของทรัมป์ ที่ล่าสุดศษลอุทธรณ์ของสหรัฐได้นอุญาตให้ประธานาธิบดีทรัมป์เดินหน้าการขึ้นภาษีได้เป็นการชั่วคราวซึ่งการกระทำดังกล่าว ยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนกับเศรษฐกิจทั่วโลก และ เศรษฐกิจในประเทศไทยด้วย ผลกระทบกับมาตรการกำแพงภาษีของทรัมป์ จะกระทบหลังจาก 9 กรกฎาคม 2568 หรือ 90 วันของนโยบายขึ้นภาษีของทรัมป์ จะทำให้เกิด 2 กรณีใหญ่ๆด้วยกัน
- อัตราภาษีตอบโต้กลับมาที่เดิม 36%
- อัตราภาษี 10%
ซึ่งเราก็ต้องลุ้นกันว่าจะออกหัวหรือออกก้อย หากเป็นกรณีแรกไทยโดนภาษีเก็บเต็มที่ 36% ซึ่งคาดว่าการส่งออกจากติดลบอยู่ที่ 0.5% ปีนี้ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยให้เติบโตลดลงเหลือ 1.4% และในกรณีที่เก็บภาษี 10% อาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยโตขึ้น 0.5% อย่างไรก็ตามจาก 2 กรณีดังกล่าว คาดว่าเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังจะแย่กว่าครึ่งปีแรกเยอะมาก
อีกหนึ่งตัวฉุดที่เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเศรษฐกิจไทยกำลังเข้าสู่วิกฤตนั่นก็คือ ธุรกิจการท่องเที่ยว จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง บวกการการบริโภคชะลอตัว แถมภาวะเงินเฟ้ออยู่ในระดับต้ำและยังมีความเคลื่อนไหวทางการเมืองอีกด้วย ธนาคารคาดการณ์เอาไว้ว่า ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า เราจะยังไม่เห็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาเท่าจุดสูงสุดก่อนช่วงโควิดระบาด
เงินบำนาญชราภาพเดือนมิถุนายน 2568 เข้าวันไหน
เปิดรายละเอียดเช็กสิทธิประกันสังคมผ่านทางเว็บไซต์ sso.go.th มีกำหนดการออกมาแล้ว ให้ผู้ที่ได้รับสิทธิ สามารถเข้าไปเช็คสิทธิ พร้อมกับเปิดสูตรคำนวณล่าสุด เงินบำนาญชราภาพในเดือนมิถุนายน 2568 ประกันสังคมจ่าย 3,000 ถึง 7,500 บาทใครได้รับบ้าง และยังมีการบอกรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ประกันตนเกษียณอายุ 55 ปี จะได้เงินผู้สูงอายุตลอดชีวิตอีกด้วย
สำนักงานประกันสังคม หรือ สปส. เตรียมโอนเงินบำนาญชราภาพประจำเดือนมิถุนายน 2568 ให้กับผู้ประกันตนในวันที่ 25 มิถุนายน 2568 สำหรับผู้ที่กำลังเกษียณ หรือผู้ที่ต้องการทราบสิทธิประโยชน์จากประกันสังคม ซึ่งไม่ควรพลาดข้อมูล และ เงื่อนไขการรับเงินบำนาญชราภาพดังกล่าว รวมถึงสูตรที่ใช้คำนวณเงินบำนาญที่จะได้รับสูงสุด 7,500 บาทต่อเดือน
สำหรับเงินบำนาญชราภาพ ทางสำนักงานประกันสังคม จะทำการโอนเงินเข้าบัญชี ผู้ที่ได้รับสิทธิ์จะได้รับเงินเข้าบัญชีทุกเดือนทุกๆวันที่ 25 มิถุนายน 2568 ถ้าหากวันที่ 25 ของเดือนนั้นๆ ตรงกับวันหยุดราชการ, วันเสาร์-วันอาทิตย์ หรือ วันหยุดนักขัตฤกษ์ ทางสำนักงานประกันสังคม จะเลื่อนการจ่ายเงินเป็นวันทำการก่อนวันหยุดแทน เพื่อให้ผู้ประกันตนได้รับเงินอย่างต่อเนื่อง
การยื่นสิทธิประกันสังคม สามารถยื่นได้เมื่อไหร่?
สำหรับผู้ที่กำลังยื่นขอรับสิทธิเงินบำนาญชราภาพ หากยื่นขอรับสิทธิภายในวันที่ 7 ของเดือน จะได้รับสิทธิในงวดเดือนนั้นทันที แต่ถ้าหากยื่นเลยวันที่ 7 ของเดือนนั้นๆ ผู้ประกันตนจะได้รับสิทธิในเดือนถัดไป รวมงวดเดือนปัจจุบัน หากเป็นเงินบำเหน็จชราภาพ หรือ ที่เรียกว่าเงินก้อน จะได้รับภายใน 7-10 วันทำการ หลังจากได้รับการอนุมัติ สำหรับเงินบำนาญชราภาพ หลังจากที่ได้รับการอนุมัติแล้ว เงินจะถูกโอนเข้าบัญชีภายในวันที่ 25 ของเดือนถัดไป
เปิดคุณสมบัติผู้ที่มีสิทธิรับเงินบำนาญชราภาพ 2568
เงื่อนไขการรับเงินบำนาญชราภาพ จากประกันสังคมนั้น เข้าใจได้ง่าย และไม่ยุ่งยากเลย เพียงแค่ผู้ประกันตนมีคุณสมบัติตามรายละเอียดด้านล่าง
- มีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์
- สิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตน ความเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 พนักงานบริษัท หรือ เป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 ต้องสิ้นสุดลง
หลักเกณฑ์การส่งเงินสมทบ บำเหน็จ หรือ บำนาญ
การได้รับเงินบำเหน็จ ที่เรียกว่าเงินก้อน หรือ เงินบำนาญ ที่จะได้รับทุกเดือนตลอดชีวิต ขึ้นอยู่กับระยะเวลาการส่งเงินสมทบ
- ส่งเงินสมทบน้อยกว่า 180 เดือน หรือ 15 ปี จะได้รับเงินบำเหน็จ เงินก้อนครั้งเดียว
- ส่งเงินสมทบตั้งแต่ 180 เดือนขึ้นไป จะได้รับเงินบำนาญ เป็นรายเดือนตลอดชีวิต
เปิดสูตรคำนวณเงินบำนาญชราภาพ 2568 จ่ายสูงสุด 7,500 บาทต่อเดือน
ผู้ประกันตนหลายๆคนอาจจะมีความสงสัยเกี่ยวกับชีวิตหลังเกษียณ จะได้รับเงินบำนาญเท่าไหร่ ทางสำนักงานประกันสังคม ได้กำหนดสูตรการคำนวณเงินบำนาญชราภาพเอาไว้ โดยเงินบำนาญชราภาพ จะถูกคำนวณจากร้อยละของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย ก่อนเกษียณ ซึ่งอัตราเงินบำนาญจะแตกต่างกันไป ตามระยะเวลาการส่งเงินสมทบตามรายละเอียดด้านล่าง
- เงินสมทบ 15-20 ปี ได้รับประมาณ 3,000 – 4,125 บาท ต่อเดือน
- เงินสมทบ 21-25 ปี ได้รับประเมาณ 4,350 – 5,250 บาทต่อเดือน
- เงินสมทบ 26-30 ปี ได้รับประมาณ 5,475 – 6,375 บาทต่อเดือน
- เงินสมทบ 31 – 35 ปี ได้รับประมาณ 6,600 – 7,500 บาทต่อเดือน
ผู้ประกันตน สามารถตรวจสอบสิทธิประกันสังคม ล่าสุดได้ที่เว็บไซต์ของสำนักงานประกันสังคมที่ www.sso.go.th เพื่ออ่านรายละเอียดและข้อมูลให้ครบถ้วน
เปิดวาร์ปโปรโมชั่นสุดคุ้ม! บัตรเครดิต UOB จัดเต็มส่วนลดและสิทธิพิเศษตลอดปี 2025
ใครที่ถือ บัตรเครดิต UOB อยู่ในมือ บอกเลยว่าปี 2025 นี้มีอะไรให้ใช้เพียบ! ไม่ว่าจะเป็นสายกิน สายช้อป สายเที่ยว หรือคนที่ใช้จ่ายประจำทุกเดือน UOB ขนขบวนสิทธิพิเศษมาให้แบบจุก ๆ ใช้ถูกจังหวะเมื่อไหร่ ก็คุ้มเกินต้าน บทความนี้จะพาไปอัปเดต โปรโมชั่นเด็ด ๆ แบบเรียลไทม์ พร้อมวิธีใช้สิทธิ์และข้อควรระวังที่ควรรู้
สิทธิพิเศษบัตรเครดิต UOB ปี 2025 แบ่งตามหมวดหมู่
หมวดร้านอาหาร: ลดหนักแบบจานต่อจาน
- UOB Dining Privileges: ส่วนลดสูงสุด 50% กับร้านอาหารระดับพรีเมียม เช่น Audrey, Wine Connection, Greyhound Café (เฉพาะสาขาที่ร่วมรายการ)
- บัตร UOB Lady’s Card: รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 10% เมื่อใช้จ่ายในร้านอาหารทุกวันศุกร์
- บัตร UOB Preferred: รับ 3% เครดิตเงินคืน เมื่อใช้จ่ายในหมวดอาหารทุกวัน
ระยะเวลาโปรโมชั่น: มกราคม – ธันวาคม 2568
หมวดช้อปปิ้งออนไลน์: ช้อปได้ทุกเว็บ ได้เงินคืนเพิ่ม
- UOB x Lazada & Shopee: รับโค้ดส่วนลดพิเศษสูงสุด 200 บาท ทุกเดือน เมื่อช้อปขั้นต่ำ 1,500 บาท
- UOB One Card: รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 5% สำหรับยอดใช้จ่ายในหมวด e-commerce
- โปรแกรมผ่อน 0%: แบ่งจ่ายได้สบาย ๆ กับร้านค้าออนไลน์ชั้นนำที่ร่วมรายการ
ระยะเวลาโปรโมชั่น: ต่อเนื่องทั้งปี 2568 (อาจมีอัปเดตเงื่อนไขรายเดือน)
หมวดเดินทาง: สะสมไมล์-พักโรงแรม-เช่ารถครบ
- UOB Travel Club: ส่วนลดพิเศษสำหรับโรงแรม, เที่ยวบิน, และรถเช่า เมื่อจองผ่าน UOB Travel Hub
- สะสมไมล์เร็ว: บัตร UOB PriviMiles แลกไมล์ได้เร็ว โดยทุก 15 บาท = 1 ไมล์
- รับสิทธิ์ Priority Pass: สำหรับบัตรระดับ Signature และ Infinite
ระยะเวลาโปรโมชั่น: ครอบคลุมถึง 31 ธันวาคม 2568
หมวดไลฟ์สไตล์และความบันเทิง
- โรงภาพยนตร์: ซื้อ 1 แถม 1 ที่ Major และ SF Cinema เมื่อใช้จ่ายผ่านแอป UOB TMRW
- Beauty & Wellness: ส่วนลดสูงสุด 30% สำหรับบริการสปา, ซาลอน, ฟิตเนสที่ร่วมรายการ
- ช้อป Duty Free: รับส่วนลดเพิ่ม 5-10% เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรที่ King Power หรือ Dufry
เงื่อนไขการใช้สิทธิ์ที่ควรอ่านให้เข้าใจก่อน
แม้โปรโมชั่นจะเยอะและดูน่าสนใจ แต่สิ่งสำคัญคือการเข้าใจ “เงื่อนไข” ก่อนใช้บัตรแต่ละครั้ง เพื่อไม่ให้พลาดสิทธิพิเศษที่ควรได้ เช่น:
- บางโปรต้องลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์หรือแอป TMRW ก่อน
- ใช้จ่ายขั้นต่ำเพื่อรับเครดิตเงินคืนอาจแตกต่างกันในแต่ละโปร
- โปรโมชั่นบางรายการจำกัดสิทธิ์รายเดือน เช่น จำกัด 1,000 สิทธิ์แรกเท่านั้น
- ต้องชำระเต็มจำนวนหรือผ่อนเฉพาะร้านค้าที่ร่วมรายการเท่านั้น
ติดตามโปรโมชั่นใหม่ ๆ จาก UOB ได้ที่ไหน?
หากคุณไม่อยากพลาดโปรใหม่ที่ทยอยออกมาตลอดปี แนะนำให้ติดตามช่องทางเหล่านี้:
- แอป UOB TMRW: รวมโปรเด็ด กดดูได้ทันทีจากหน้าจอ
- เว็บไซต์ UOB Thailand: เมนูโปรโมชั่นอัปเดตรายสัปดาห์
- อีเมลโปรโมชั่น: หากสมัครรับข่าวสารจากธนาคารจะได้รับก่อนใคร
- Line Official UOB: แจ้งเตือนโปรใหม่ผ่านข้อความ
คำแนะนำ: ใช้ให้คุ้มต้องวางแผน
การใช้บัตรเครดิตให้คุ้ม ไม่ได้ขึ้นอยู่แค่โปรโมชั่นเท่านั้น แต่ต้องวางแผนการใช้จ่ายอย่างมีวินัยด้วย เช่น:
- จับตาช่วงลดแรงหรือเทศกาลสำคัญ เช่น 9.9, 11.11 หรือช่วงปีใหม่
- ใช้บัตรตรงตามหมวดเพื่อให้ได้รับเครดิตเงินคืนสูงสุด
- ใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น ไม่เน้นสะสมหนี้
- อย่าลืมตรวจสอบยอดเงินคืนหรือคะแนนสะสมในแต่ละเดือนผ่านแอป
ปี 2025 คือปีทองของผู้ถือบัตร UOB
หากคุณถือบัตรเครดิต UOB อยู่ในมือ หรือกำลังคิดจะสมัคร บอกเลยว่าปีนี้คือ “จังหวะดี” ที่สุดสำหรับสายรูด เพราะโปรโมชั่นหลากหลาย ครอบคลุมทุกหมวด ใช้ได้จริง และคุ้มค่าแบบไม่ต้องรอเทศกาลใหญ่
อย่าลืมเช็กโปรใหม่ ๆ เป็นประจำ เพราะบางสิทธิ์มาไวหมดไว ใช้ทันก่อนใครได้เปรียบ!
เปิดกรุบัตรเครดิตสะสมคะแนนยอดนิยมปี 2025 บัตรไหนมาแรง น่าจับตามอง?
ในปี 2568 หรือ 2025 นี้ กระแสการใช้บัตรเครดิตเพื่อสะสมคะแนนกลับมาแรงอีกครั้ง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการเปลี่ยนค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันให้กลายเป็นรางวัล เช่น ส่วนลด ท่องเที่ยว หรือไมล์สายการบินต่าง ๆ บทความนี้จะพาไปเจาะลึกบัตรเครดิตสะสมคะแนนยอดนิยม ที่ทั้งให้แต้มเยอะ ใช้ง่าย และมีโปรโมชันน่าสนใจที่สุดในปีนี้
ทำไมการสะสมคะแนนถึงยังเป็นที่นิยมในปี 2025?
แม้กระแส “แคชแบ็ก” จะมาแรงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่คะแนนสะสมยังคงครองใจคนจำนวนไม่น้อย เพราะ…
- สามารถแลกของรางวัลได้หลากหลาย
- บางบัตรมีโปรจับคู่คะแนนกับไมล์สายการบิน
- มักมีโปรโมชันพิเศษ เช่น คะแนน X2, X3 หรือ X5
- คะแนนที่สะสมไว้ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในอนาคต เช่น ใช้แลกตั๋วเครื่องบิน หรือช้อปฟรี
4 บัตรเครดิตสะสมคะแนนยอดนิยมปี 2025
1. บัตรเครดิต KTC x Krungsri Platinum
บัตรที่กำลังมาแรงในกลุ่มนักสะสมแต้ม เนื่องจาก…
- คะแนน KTC Forever ไม่มีวันหมดอายุ
- ใช้ 25 บาท = 1 คะแนน
- โปรโมชั่นเดือนนี้: คะแนน X2 เมื่อใช้จ่ายกับพันธมิตร KTC Online Partners
- มีโปรจับคู่กับสายการบินเช่น AirAsia
เหมาะสำหรับคนที่ใช้จ่ายประจำต่อเดือนและชอบแลกเป็นเครดิตเงินคืนหรือของรางวัล
- ใช้จ่ายครบ 5,000 บาทขึ้นไปต่อรอบ จะได้รับคะแนนพิเศษเพิ่ม 1.5 เท่า
- มีแอป UOB TMRW ใช้งานง่าย
- โปรพิเศษ: แลกของรางวัล Lazada หรือ Central ด้วยคะแนนพิเศษ (ใช้แต้มลดลง 20%)
3. บัตรเครดิต SCB M Luxe
สายแฟชั่นและช้อปปิ้งห้างต้องมี เพราะ…
- ใช้จ่ายในห้างเครือ The Mall Group จะได้คะแนน M Point x3
- คะแนนสามารถใช้แลกส่วนลดหรือแลกของรางวัลใน SCB Rewards
- คะแนนไม่มีวันหมดอายุ
- สิทธิ์เข้าใช้ห้องรับรองสนามบิน SCB Lounge
4. บัตรเครดิต AEON Royal Orchid Plus Platinum
บัตรที่คนเดินทางบ่อยไม่ควรมองข้าม
- คะแนน AEON Happy Point แลกเป็น ROP ได้ (คะแนน 1,500 = 1,000 ROP)
- ฟรีประกันอุบัติเหตุเดินทางสูงสุด 10 ล้านบาท
- รับคะแนน 2 เท่าเมื่อใช้จ่ายกับสายการบินไทย
เคล็ดลับการเลือกบัตรเครดิตสะสมคะแนนให้คุ้มค่าที่สุด
ก่อนจะเลือกสมัครบัตรเครดิตสะสมคะแนน ควรพิจารณาปัจจัยดังต่อไปนี้:
- พฤติกรรมการใช้จ่าย: ใช้ในหมวดไหนบ่อย เช่น ช้อปปิ้ง, ท่องเที่ยว, ร้านอาหาร
- เงื่อนไขการแลกคะแนน: ดูว่าสามารถแลกของรางวัลที่เราต้องการได้ง่ายไหม
- อายุคะแนน: บางบัตรมีวันหมดอายุของคะแนน ควรเลือกที่ไม่มีวันหมดอายุ
- โปรโมชันพิเศษ: ช่วงโปรเปิดตัว หรือโปรพาร์ตเนอร์ อาจช่วยให้ได้คะแนนคูณเพิ่ม
ปี 2025 บัตรสะสมคะแนนยังน่าสนใจไหม?
คำตอบคือ “ใช่” โดยเฉพาะในยุคที่ผู้บริโภคมองหาความคุ้มค่าในการใช้จ่าย หากใช้บัตรเครดิตอย่างมีวินัย การสะสมคะแนนสามารถเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้จริง และยังแลกสิทธิประโยชน์มากมาย ทั้งเที่ยวฟรี ช้อปฟรี หรือคืนเงินได้อีกด้วย ก่อนสมัครควรเปรียบเทียบข้อเสนอของแต่ละบัตรให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ และอย่าลืมตรวจสอบเงื่อนไขเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อาจมีผลต่อการแลกคะแนนด้วย
กรมอุตุพยากรณ์อากาศวันนี้ 11 มิถุนายน 2568
ตรวจสอบสภาพอากาศวันนี้ให้ดีๆ เนื่องจากกรมอุตุได้ออกมาพยากรณ์อากาศวันที่ 11 มิถุนายน 2568 ออกมาเตือนประเทศไทยตอนนี้ ฝนตกเพิ่มขึ้น อาจจะทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก สำหรับกรุงเทพมหานคร วันนี้โดนฝนตกหนัก ตกร้อยละ 60%
พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนตก และ มีฝนตกหนักบางแห่ง ฝนตกหนักมากาในบริเวณเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และ ภาคใต้ฝั่งตะวันตก ทางกรมอุตุ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และ ฝนที่ตกสะสม อาจจะทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และ น้ำป่าไหลหลากโดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม
เกษตรควรเตรียมตัวป้องกัน และ ระวังความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นต่อผลผลิตการเกษตรไว้ด้วย เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้และอ่าวไทย ในส่วนของคลื่นลมบริเวณอันดามัน และ อ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง มีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนอ่าวไทยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร
ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามัน และ อ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และ หลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามัน และ อ่าวไทยตอนบน ควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 13 มิถุนายน 2568 พายุดีเปรสชั่น ปกคลุมบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น กลายเป็นพายุโซนร้อน ในระยะต่อไป โดยพายุนี้จะไม่เคลื่อนสู่ประเทศไทย
- กรุงเทพ และ ปริมณฑล มีฝนตกร้อยละ 60% ของพื้นที่
- ภาคเหนือ มีฝนตกร้อยละ 70% ของพื้นที่ และ มีฝนตกหนัก ถึงหนักมากบางแห่ง
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนตกร้อยละ 70% ของพื้นที่
- ภาคกลางมีฝนตกร้อยละ 40% ของพื้นที่
- ภาคตะวันออก มีฝนตกร้อยละ 60% ของพื้นที่ และ มีฝนตกหนัก ถึงหนักมากบางแห่ง
- ภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนตกร้อยละ 40% ของพื้นที่
- ภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกร้อยละ 70% ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง
เด็กจบใหม่ ตกงานสาเหตุจาก AI แย่งงานหมด
ปัจจุบันเทคโนโลยี AI เติมโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นข้อดีของหลายๆบริษัทที่สามารถลดต้นทุนของคนได้ ผ่านการใช้ AI มาทดแทน แต่มันก็ไม่ได้มีแต่ข้อดีอย่างเดียว เนื่องจาก AI ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องกำลังจะมาแย่งงานเด็กจบใหม่ ทำให้อัตราการว่างงานเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันเด็กจบใหม่แค่คิดว่า ผ่านการฝึกงาน และมีคอนเนคชั่นจากรุ่นพี่ ก็สามารถหางานได้ไม่ยากแต่ความเป็นจริงแล้ว มันไม่ใช่แบบนั้นเสมอไป เนื่องจากเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดอย่าง สหรัฐอเมริกา ที่มีเด็กเพิ่งจบใหม่ และมีคุณสมบัติโดดเด่นหลายๆอย่าง ยังคงหางานได้ยากไม่ได้ต่างจากเด็กจบใหม่ในประเทศไทยเลย
ข้อมูลจากสำนักข่าว Bloomberg ได้รายงานว่า การหางานเต็มเวลา มันยากมากขึ้น แม้แต่เด็กในวัย 21 ปีที่เพิ่งจบการศึกษาจากมหาวิยาลัยชื่อดังในเดือนพฤษภาคม 2025 แถมยังมีรายชื่อบุคคลอ้างอิงที่ช่วยการันตี และมีเครือข่ายครอบครัว และศิษย์เก่า ที่พร้อมให้คำแนะนำ รวมถึงผ่านประสบการณ์การฝึกภาคฤดูร้อน สำหรับสถิติในการตอบรับ หลังจากสมัครงานกับบริษัทตอนนี้มีเปอร์เซนต์ที่น่าตกใจอย่างมาก สามารถดูตัวเลขได้ด้านล่าง
- 4% ได้รับการติดต่อเพื่อนัดสัมภาษณ์
- 33% ได้รับการปฎิเสทแบบอัตโนมัติ
- ส่วนเปอร์เซนต์ที่เหลือ ไม่มีการตอบรับใดๆ
ตอนนี้ในทุกๆเจเนอเรชั่นที่เป็นเด็กจบใหม่จะต้องเจอกับการตลาดแรงงานในช่วงที่ท้าทายมาก เนื่องจากหางานประจำได้ยากสุดๆ ยอย่างในปี 2008 ที่ต้องเจอกับวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ สหรัฐเจอเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งเป็นมาแล้วถึง 3 ครั้งตั้งแต่ปี 2000 ในยุคนี้ไม่มีเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจอย่างเดียว เนื่องจากตอนนี้มันมีสัญญาญการจ้างงาน ที่เลขร้ายและแย่กว่าครั้งไหนๆ สาเหตุหลักมาจาก ปัญญาประดิษฐ์ หรือที่เราเรียกว่า AI ที่ได้แทนตำแหน่งงานระดับเริ่มต้นบางส่วน อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน รวมถึงนโยบายการค้าสหรัฐที่ กลับหัวแบบ 180 องศาเลยทีเดียว กลายเป็นเป็นผู้นำต่อต้านการค้าแบบเสรี ถึงขั้นทำให้ภาคธรุกิจลดการจ้างงานลง อย่างเห็นได้ชัด
เศรษฐกิจสหรัฐโดยรวมแล้วจะดูแข็งแรง ตามตัวชี้วัดหลายด้าน แต่ความเป็นจริงแล้วเมื่อหันมาดูอัตราว่างาน แทบจะไม่เปลี่ยนแปลงในเดือนพฤษภาค แถมจำนวนผู้ว่างงาน กลับเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน นับได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานที่สุด นับตั้งแต่ปี 2009 ตามข้อมูลของรัฐบาล และโดยเฉพาะกลุ่มคนหนุ่มสาว ที่กำลังรับรู้ถึงผลกระทบที่รุนแรงนี้ อัตราการว่างงาน ของเด็กจบการศึกษาระดับ ปริญญาตรีที่มีอายุช่วง 22-27 ปี พุ่งสูงขึ้นถึง 5.8% เมื่อต้นฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา ซึ่งตัวเลขนี้ถือว่าสูงสุดในรอบ 4 ปีเลยทีเดียว
AI เริ่มแย่งงานระดับเริ่มต้น ทำให้เด็กจบใหม่เลือกงานไม่ได้
จากสถานการณ์ หางานยาก จนน่ากังวล ในปัจจุบันมีจุดเชื่อมโยงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จากการเติบโตของปัญญาประดิษฐ์ จากการสำรวจตัวเลขล่าสุดของผู้บริหารบน LinkedIn มากกว่า 60% ยอมรับว่า AI กำลังเข้ามาแย่งงานในระดับเริ่มต้น โดยเฉพาะงานที่ซ้ำซาก และจำเจ ไม่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์สูง
บริษัทขนส่งจำกัด ประกาศหยุดให้บริการรถโดยสารระหว่างประเทศ เริ่มตั้งแต่วันนี้
ตรวจสอบก่อนเดินทาง ตอนนี้ทางบริษัทขนส่ง หรือ บขส. ประกาศหยุดให้บริการเดินรถ โดยสารระหว่างประเทศ 2 เส้นทาง ได้แก่ กรุงเทพฯ เสียมราฐ เส้นทางที่ 12 และ กรุงเทพฯ – พนมเปญ เส้นทางที่ 13 เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป
ในส่วนของสาเหตุการหยุดให้บริการครั้งนี้ เนื่องจากมีคำสั่งห้ามรถโดยสารข้ามจุดผ่านแดนระหว่างประเทศไทย และ กัมภูชาเป็นการชั่วคราว ทาง บขส. ขออภัยในความไม่สะดวกที่เกิดขึ้น และ จะมีการประกาศให้ทราบหากมีความคืบหน้าเกี่ยวกับการกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง
สำหรับรายละเอียดของทั้ง 2 เส้นทางที่หยุดให้บริการ
เส้นทางกรุงเทพ – เสียมราฐ
- ระยะทาง 419 กิโลเมตร ค่าโดยสาร 750 บาท
- มีรถโดยสารวันละ 2 เที่ยว ไป-กลับ
- ขาไปออกจากกรุงเทพฯ 9.00 น.
- ขากลับออกจากเสียมราฐ 9.00 น.
เส้นทางกรุงเทพ – พนมเปญ
- ระยะทาง 719 กิโลเมตร ค่าโดยสาร 900 บาท
- มีรถโดยสารวันละ 2 เที่ยว ไป-กลับ
- ขาไปออกจากกรุงเทพฯ เวลา 08.00 น.
- ขากลับออกจากพนมเปญเวลา 08.00 น.
ประชาชนมีความจำเป็นต้องเดินทาง สามารถติดตามประกาศเพิ่มเติมจาก บขส. ได้หลากหลายช่องทาง เช่น
- facebook.com/BorKorSor99
- Line: บขส.99 (@TCL99)
- โทร 02-936-3660 ในวันและเวลาราชการ