เวนคืนกรมธรรม์ ประกันชีวิต คำนวณอย่างไร
เมื่อพูดถึง “ประกันชีวิต” หลายคนอาจคิดว่าเป็นการลงทุนระยะยาวเพื่อคุ้มครองครอบครัวหรือเป็นการออมเงินแบบหนึ่ง แต่ในบางกรณี เจ้าของกรมธรรม์อาจต้องการ เวนคืนกรมธรรม์ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลด้านการเงิน การเปลี่ยนแผนชีวิต หรือไม่ต้องการถือสัญญาต่อ แต่การเวนคืนไม่ได้หมายความว่าจะได้เงินครบตามที่เคยจ่ายเบี้ยเสมอไป เพราะมีหลักเกณฑ์และวิธีคำนวณที่ชัดเจนในทางประกันภัย
เวนคืนกรมธรรม์คืออะไร?
การเวนคืนกรมธรรม์ (Surrender) หมายถึง การยกเลิกสัญญาประกันชีวิตก่อนครบกำหนด และขอรับเงินสดตามมูลค่าเวนคืนที่บริษัทประกันจะจ่ายให้กับผู้เอาประกัน โดยเงินจำนวนนี้จะขึ้นอยู่กับ ระยะเวลาที่ถือกรมธรรม์, จำนวนเบี้ยที่ชำระแล้ว และ ผลตอบแทนสะสม (ถ้ามี)
กรณีที่เหมาะสมในการเวนคืน
- ต้องการเงินสดฉุกเฉิน
- ไม่สามารถชำระเบี้ยประกันต่อได้
- เปลี่ยนแผนการเงินหรือมีแผนประกันใหม่ที่เหมาะสมกว่า
คำนวณมูลค่าเวนคืนกรมธรรม์อย่างไร?
หลายคนเข้าใจผิดว่า เวนคืน = ยอดเบี้ยประกันที่จ่ายไปทั้งหมด ความจริงแล้วไม่ใช่ เพราะบริษัทประกันจะคำนวณตามหลักคณิตศาสตร์ประกันภัยที่เรียกว่า “มูลค่าเวนคืนตามตารางกรมธรรม์”
องค์ประกอบที่ใช้ในการคำนวณ
- ระยะเวลาที่ถือกรมธรรม์: ยิ่งถือกรมธรรม์นาน มูลค่าเวนคืนยิ่งสูง
- เบี้ยที่ชำระ: จำนวนเบี้ยที่จ่ายแล้วและงวดการจ่าย
- ประเภทกรมธรรม์: เช่น สะสมทรัพย์, ตลอดชีพ, หรือแบบมีเงินปันผล
- ผลตอบแทนสะสม (ถ้ามี): เช่น ดอกเบี้ยจากการลงทุนที่บริษัทประกันให้ไว้ในสัญญา
ตัวอย่างการคำนวณแบบง่าย
สมมติว่าผู้เอาประกันซื้อกรมธรรม์แบบสะสมทรัพย์ 20 ปี จ่ายเบี้ยปีละ 20,000 บาท ถือกรมธรรม์มาแล้ว 5 ปี รวมจ่ายแล้ว 100,000 บาท เมื่อตรวจสอบตารางมูลค่าเวนคืน พบว่าปีที่ 5 จะได้มูลค่าเวนคืนประมาณ 60% ของเบี้ยที่จ่ายทั้งหมด นั่นคือ:
มูลค่าเวนคืน = 100,000 x 60% = 60,000 บาท
แต่หากเป็นกรมธรรม์แบบที่มีเงินปันผลหรือเงินคืนระหว่างสัญญา อาจมีการบวกเงินเหล่านั้นเข้าไปในมูลค่าเวนคืนด้วย
สิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจเวนคืน
1. เวนคืนในระยะต้นอาจขาดทุน
หากเวนคืนภายในปีแรก ๆ โดยเฉพาะใน 1-3 ปีแรก อาจไม่ได้รับเงินคืนเลย หรือได้รับเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะบริษัทประกันนำเบี้ยส่วนใหญ่ไปใช้เป็นค่าดำเนินการ
2. ผลกระทบต่อสิทธิประโยชน์ภาษี
เบี้ยประกันชีวิตที่เคยนำไปหักลดหย่อนภาษี หากเวนคืนก่อน 10 ปี อาจถูกเรียกคืนภาษีย้อนหลัง
3. ทางเลือกอื่นนอกจากเวนคืน
หากยังต้องการคงสัญญาไว้แต่ไม่สามารถจ่ายเบี้ยได้ อาจใช้สิทธิ:
- เปลี่ยนเป็นกรมธรรม์ใช้เงินสำรอง (Reduced Paid-Up): ลดทุนประกันแต่ยังได้รับความคุ้มครอง
- ขอกู้จากมูลค่าเวนคืน: ยังคงสัญญาไว้แต่ได้เงินใช้บางส่วน
จะรู้มูลค่าเวนคืนได้จากไหน?
ผู้เอาประกันสามารถขอข้อมูลจากบริษัทประกันโดยตรง หรือดูจากตารางมูลค่าเวนคืนที่แนบมากับกรมธรรม์ ส่วนใหญ่จะระบุไว้เป็นรายปี หรือสามารถโทรสอบถาม Call Center ของบริษัทประกันที่ถืออยู่ได้ทันที
เวนคืนกรมธรรม์ไม่ใช่การถอนคืนเต็มจำนวน
การเวนคืนกรมธรรม์ประกันชีวิตคือการยุติสัญญาและขอรับเงินสดคืนตามเงื่อนไข โดยไม่ได้หมายถึงการได้รับเบี้ยทั้งหมดที่จ่ายคืนมาเสมอไป การทำความเข้าใจวิธีคำนวณมูลค่าเวนคืนและผลกระทบที่ตามมาจึงเป็นสิ่งสำคัญก่อนตัดสินใจ เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงินระยะยาว
หากกำลังพิจารณาจะเวนคืน แนะนำให้ ปรึกษาเจ้าหน้าที่ของบริษัทประกัน เพื่อเปรียบเทียบทางเลือกอื่น ๆ ที่อาจดีกว่าการเวนคืนโดยตรง
เวียดนามประกาศแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหม่ มูลค่า 10% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ
จากการประกาศของเวียดนามเกี่ยวกับแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานครั้งสำคัญที่ใหญ่ที่สุดครั้งนึงเลยก็ว่าได้ ด้วยมูลค่ามากถึง 10% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP รวมๆ 1.5 ล้านล้าน บาท เพื่อเป้าหมายการเติมโบของ GDP 8% ในปีนี้ที่เต็มไปด้วยความท้าทาย และเพื่อเป้าหมายระยะยาวสู่การเป็นเสือเศรษฐกิจตัวใหม่ของเอเชีย และ เป็นประเทศที่ทำรายได้สูงสุดในปี 2045
รัฐบาลฮานอย ได้มีการเปิดตัวการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และที่อยู่อาศัยรวม 250 โครงการทั่วประเทศ ด้วยมูลค่ารวมกว่า 1.28 ล้านล้านดอง หรือ ราวๆ 1.5 ล้านล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นความพยายามระดับชาติ ที่ต้องการจะผลักดัน GDP 8% ตามเป้าหมายของรัฐบาล เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเติบโต เลขสองหลัก ในปีต่อๆไป เศรษฐกิจเวียดนามที่ผ่านมา การส่งออก และ การลงทุนจากต่างชาติ เป็นกำลังหลัก ที่มีความเปราะบางต่อแรงกระแทกจากปัจจัยภายนอก เช่น มาตรการการเก็บภาษีตอบโต้ของประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ประกาศใช้ล่าสุด ทำให้เวียดนามต้องลดความเสี่ยงดังกล่าวด้วยการกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศ ผ่านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ยุคสมัยแห่งการพัฒนา เป็นสัญญาญเริ่มต้นของการปฎิรูปเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษของเวียดนาม โดยตั้งเป้าเป็นประเทศรายได้สูงที่สุดในปี 2045 และเป็นหนึ่งในกลุ่มเสือเศรษฐกิจของเอเชีย ตามรอยเก่าหลีใต้ และ ใต้หวัน
ข้อมูลจากทางด้านนักวิชาการอวุโส จากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ TDRI ได้กล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่ไม่ค่อยได้พูดถึงมากนัก และ ถือว่าเป็นเรื่องน่ากังวลของประเทศไทย คือความก้าวหน้าของแผนยุทธศาสตร์ชาติ ที่เคยตั้งเป้าเอาไว้ว่าไทยจะก้าวขึ้นเป็นประเทศรายได้สูงภายในปี 2579 แต่ต่อมาเป้าหมายดังกล่าวหายไปท่ามกลางปัญหาโควิด-19 และ วิกฤติอื่นๆ และในปี 2566 หลังโควิด-19 ศักยภาพการเติมโตของเศรษฐกิจไทยลดลง โดยก่อนหน้า โควิดศักยภาพการเติบโตอยู่ที่ 3.6% ต่อปี แต่หลังจากโควิดศักยภาพการเติบโต เหลือเพียง 2.7-3.0% ต่อปี เท่านั้น ส่งผลให้ไทยเข้าสู่สถานะประเทศรายได้สูงช้าลง ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นราวๆในปี 2591-2596 หรือช้ากว่าแผนเดิมประมาณ 12 ปี
สิ่งที่น่ากังวลก็คือ เดิมทีประเทศไทยพยายามเกาะกลุ่มประเทศที่พัฒนาเร็ว อย่างเช่น จีน และ มาเลเซีย ทั้ง 2 ประเทศตั้งเป้าเป็นประเทศรายได้สูงในปี 2568 และ 2573 ตามลำดับ และมีแนวโน้มบรรลุเป้าหมายตามที่วางไว้ แต่ของไทยกลับช้ามาก กลายเป็นว่ามีแนวโน้มจะเข้าสู่รายได้สูงใกล้เคียงเวียดนาม ซึ่งตั้งเป้าไว้ในปี 2588 ถึง 2593 แทน
OpenAI เปิดขายหุ้น หวังจูงใจให้คนเก่งอยู่ต่อ
รายงานจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กแจ้งว่าบริษัท โอเพนเอไอ (OpenAI) สตาร์ทอัพเจ้าของ ChatGPT กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเจรจาถึงความเป็นไปได้ในการขายหุ้นให้กับพนักงานที่ทำงานอยู่ในบริษัทปัจจุบัน รวมไปถึงอดึตพนักงานโดยประเมินมูลค่าบริษัทไว้ราวๆ 500,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 16 ล้านล้านบาท ตามข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ได้รับจากข้อมูลในการแจรจา ซึ่งนับว่าเป็นการเพิ่มมูลค่าอย่างมหาศาลสำหรับผู้นำด้านปัญญาประดิษฐ์ นอกจากนี้บริษัทยังมีเป้าหมายที่จะขายหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิม ที่มีอยู่ตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งไม่ใช่การออกหุ้นใหม่ เป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ อีกทั้งนักลงทุนรายเดิมอย่าง Thrive Capital ได้เข้าประชุมกับทาง OpenAI เกี่ยวกับการซื้อหุ้นบางส่วนจากพนักงานของบริษัทด้วยเช่นกัน
หากดีลดังกล่าวเกิดขึ้นจริงจะทำให้มูลค่าของ OpenAI เพิ่มขึ้นราวๆ 2 ใน 3 จากเดิม ซึ่งก่้อนหน้านี้บริษัทมีมูลค่าอยู่ที่ 300,000 ล้านดอลลาร์ ในรอบการระดมทุนมูลค่า 40,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งนำโดย SoftBank Group จนทำให้ OpenAI กลาายเป็นหนึ่งในบริษัทเอกชนที่มีมูล่คาสูงที่สุดในโลก ความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้ เกิดขึ้นหลังจากมีการรายงานว่า OpenAI ได้ระดมทุนเพิ่มอีก 8.3 พันล้านดอลลาร์ จากลุ่มนักลงทุน สำหรับรอบที่ 2 ที่มีการระดมทุนชุด 40,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมีผู้สนใจลงทุนมากกว่าจำนวนที่เปิดถึง 5 เท่า ตามข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ได้มีการเจรจา ทั้งนี้ startup รายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา มักเจรจาขายหุ้นให้กับพนักงาน เพื่อเป็นกลไกรักษาและจูงใจ บุคลากรให้ทำงานต่อ รวมถึงดึงดูดนักลงทุนภายนอก โดยบริษัท OpenAI กำลังมองหาช่องทางที่จะใช้ความต้องการลงทุนสูงจากนักลงทุน เพื่อเปิดโอกาสให้พนักงานสามารถแปลงหุ้นเป็นเงินสดได้
จากการรายงาน ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาทางบริษัท OpenAI ได้สูญเสียบุคลากร ที่อยู่ในทีมวิจัยหลายคนให้กับบริษัท Meta Platform ซึ่ง Meta Platform กำลังเร่งหาบุคลากรชั้นนำจาก Apple Inc. และบริษัทคู่แข่งรายอื่นๆ เพื่อนำมาเสริมทีม AI Superintelligence โดยเสนอแพ็คเกจค่าตอบแทนที่สูงถึงระดับ 9 หลัก การขายหุ้นรอบรองจากผู้ถือหุ้นเดิมของ OpenAI อาจจะช่วยจูงใจให้พนักงานยังคงอยู่กับบริษัทแม้ไม่ได้ข้อเสนอค่าตอบแทนที่ล่อใจจากภายนอก มีการคาดการณ์ตัวเลขออกมาว่า ChatGPT มีผู้ใช้งานประจำ สัปดาห์ละ 700 ล้านราย เพื่อขึ้นจาก 500 ล้านราย เมื่อสิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมาขณฯะเดียวกันแอปพลิเคชั่นยังมียอดข้อความจากผู้ใช้มากกว่า 3 ล้านข้อความต่อวัน
ข้อมูลจาก OpenAI มีการรายงานว่า ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา OpenAI ได้มีการเปิดเผยแผนการเข้าซื้อกิจการสตาร์ทอัพด้านอุปกรณ์ AI ก่อตั้งโดยอดึตนักออกแบบชื่อดังจากบริษัท Apple ผ่านดีลแลกหุ้นมูลค่าคร่าวๆ 6.5 พันล้านดอลลาร์ โดยมีเป้าหมายเพื่อร่วมมือกันบุกตลาดฮาร์ดแวร์ อย่างไรก็ตามทางบริษัทยังเผชิญกับความท้าทายในหลายๆด้าน โดยขณะที่ OpenAI กำลังอยู่ในกระบวนการเจรจาแยกต่างหากเกี่ยวกับอนาคตในฐานะบริษัทแสวงหากำไร
ยกเลิกบัตรเครดิต แล้วสมัครใหม่เลย ต้องรอกี่วัน
หลายคนที่ใช้บัตรเครดิตอาจเคยตั้งคำถามว่า “ถ้ายกเลิกบัตรไปแล้ว จะสามารถสมัครใหม่ได้ทันทีเลยหรือไม่?” หรือ “ต้องรอกี่วันถึงจะขอสมัครใบเดิมหรือใบอื่นกับธนาคารนั้นอีกครั้ง?” คำถามเหล่านี้ไม่ใช่แค่เรื่องเล็กน้อย เพราะอาจส่งผลต่อแผนการเงิน การขอสินเชื่อ หรือแม้กระทั่งเครดิตสกอร์ในระยะยาว มาทำความเข้าใจในบทความนี้ให้ชัดเจนกัน
สาเหตุที่คนอยากยกเลิกบัตรเครดิต
- ไม่อยากเสียค่าธรรมเนียมรายปี – หากบัตรไม่มีสิทธิพิเศษคุ้มค่า ผู้ถือบัตรมักจะเลือกยกเลิก
- มีบัตรหลายใบ – เพื่อจัดการหนี้สินให้เป็นระบบ
- วงเงินไม่เพียงพอ / วงเงินซ้ำซ้อน – อยากรวมวงเงินในใบใหม่แทน
- ต้องการสมัครบัตรรุ่นใหม่หรือสิทธิพิเศษดีกว่า
ยกเลิกบัตรเครดิต สมัครใหม่ได้เลยไหม?
1. สมัครบัตรใหม่ “กับธนาคารเดิม” ต้องรอหรือไม่?
คำตอบคือ “ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละธนาคาร” แต่โดยทั่วไปแล้ว ธนาคารมักจะมีระยะเวลารอ (Cooling Period) ก่อนจะอนุมัติให้ลูกค้าคนเดิมสมัครบัตรใหม่อีกครั้ง โดยเฉพาะหากเป็นบัตรประเภทเดียวกัน หรือชื่อรุ่นเดียวกัน เช่น บัตร Platinum จากธนาคารเดียวกัน
โดยปกติแล้ว ระยะเวลารอจะอยู่ที่ 30-90 วัน หลังจากปิดบัญชีบัตรเดิม ทั้งนี้เพื่อป้องกันการขอสิทธิซ้ำ เช่น คะแนนสะสม, welcome gift, หรือโปรโมชันสมัครใหม่
2. หากเป็นคนละประเภทบัตร / คนละรุ่นในเครือเดียวกัน
หากคุณยกเลิกบัตรเครดิตแบบหนึ่ง (เช่น บัตร Classic) แล้วต้องการสมัครบัตรรุ่นอื่นที่มีคุณสมบัติต่างกัน (เช่น บัตร Travel หรือ Cashback) โดยยังเป็นธนาคารเดิม – โอกาสได้รับการอนุมัติมักจะมีสูงขึ้น และบางกรณีอาจ ไม่ต้องรอเลย หากคุณมีเครดิตดีและไม่มีประวัติค้างชำระ
ธนาคารแต่ละแห่ง มีนโยบายต่างกัน
เพื่อความชัดเจน นี่คือตัวอย่างนโยบายคร่าว ๆ ของธนาคารใหญ่ในไทย (ข้อมูลอัปเดต ณ ปี 2568)
- ธนาคารกสิกรไทย (KBank): หากยกเลิกบัตรแล้วสมัครใหม่ ต้องรออย่างน้อย 60 วัน
- ธนาคารกรุงศรี (Krungsri): แนะนำให้เว้นช่วง 30-45 วันก่อนยื่นสมัครใหม่
- ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB): อนุญาตให้สมัครใหม่ได้ทันทีหากเป็นคนละรุ่นบัตร
- ธนาคารกรุงเทพ (BBL): ต้องรอ 90 วัน หากต้องการสมัครบัตรรุ่นเดิมที่ยกเลิกไป
***คำแนะนำ: โทรสอบถาม Call Center ของแต่ละธนาคารก่อนดำเนินการจะดีที่สุด เพราะบางครั้งมีการเปลี่ยนนโยบายตามโปรโมชันหรือรอบคะแนน***
หากยกเลิกบัตรแล้ว มีผลกับเครดิตบูโรไหม?
การยกเลิกบัตรเครดิต ไม่มีผลลบโดยตรง ต่อเครดิตบูโร ตราบใดที่ไม่มีหนี้ค้างชำระ และคุณปิดบัญชีอย่างเรียบร้อย แต่ในทางตรงกันข้าม การลดจำนวนบัตรอาจส่งผลให้ “วงเงินรวม” ของคุณลดลง และถ้าคุณยังมีการใช้บัตรใบอื่นอยู่แบบเกิน 30% ของวงเงิน ก็อาจกระทบต่อ Credit Utilization Ratio ซึ่งใช้พิจารณาเครดิตสกอร์
- ควรปิดหนี้ให้หมดก่อนยกเลิกบัตร
- แจ้งยกเลิกอย่างเป็นทางการ และขอใบรับรองการปิดบัญชี
- อย่ายกเลิกบัตรจำนวนมากในเวลาเดียวกัน
สมัครใหม่อย่างไรให้ผ่านง่ายขึ้น
หากคุณยกเลิกบัตรเดิมไปแล้ว และต้องการสมัครบัตรใหม่กับธนาคารเดิม แนะนำให้เตรียมเอกสารให้พร้อมมากที่สุด เช่น:
- หนังสือรับรองเงินเดือนล่าสุด
- รายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน
- ไม่มีหนี้สินค้างชำระที่อื่น
- มีประวัติการชำระบัตรเดิมดี
นอกจากนี้ การรอเวลาอย่างน้อย 60 วันตามคำแนะนำของธนาคารจะเพิ่มโอกาสให้ระบบตรวจสอบฐานข้อมูลใหม่ และเห็นว่าคุณไม่ได้สมัครเพื่อเอาโปรโมชันซ้ำ
ยกเลิกบัตรเครดิตแล้วสมัครใหม่ ต้องรอกี่วัน?
สรุปง่าย ๆ คือ หากคุณต้องการสมัครบัตรใหม่ “กับธนาคารเดิม” หลังจากยกเลิกบัตรไปแล้ว ควรรอประมาณ 30-90 วัน แล้วแต่ธนาคาร และควรตรวจสอบว่าบัตรใหม่ที่คุณจะสมัคร เป็นบัตรรุ่นเดียวกันกับที่เพิ่งยกเลิกหรือไม่ หากเป็นคนละรุ่น โอกาสผ่านจะมากกว่า และบางกรณีก็สามารถสมัครได้เลยโดยไม่ต้องรอ การวางแผนเรื่องบัตรเครดิตให้ดี ช่วยให้คุณได้รับสิทธิประโยชน์เต็มที่ ลดปัญหาสะสมหนี้ และทำให้เครดิตของคุณแข็งแรงในระยะยาว
กรมสรรพากร ส่งหนังสือถึงสำนักพุทธ บริจาควัดต้องผ่านระบบ e-Donation
อธิบดีกรรมสรรพากร ได้ออกหนังสือส่งไปถึงสำนักพุทธเกี่ยวกับการบริคาคเงินให้กับวัด ต้องทำผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ระบบใบอนุโมทนาบัตรออกเป็นกระดาษได้ แต่บุญหักลดหย่อนภาษีไม่ได้ ตัวชี้วัดยังไม่เข้าระบบ ต้องรีบลงทะเบียนกับทางกรมสรรพากรพื้นที่ หรือธนาคาร เริ่มต้น 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป
หนังสือด่วนถึงผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนแห่งชาติ เรื่องการกพัฒนาวิธีการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี สำหรับการบริจาคให้กับวัดวาอาราม โดยให้ใช้ระบบบริจาคแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Donation ของกรมสรรพากร หนังสือมีการระบุว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายที่จะพัฒนารัฐบาลดิจิทัล Digital Government เพื่อยกระดับบริการภาครัฐให้ประชาชนได้รับความสะดวกสบาย และความรวดเร็ว ทางกรมสรรพากรในฐานะหน่วยงานที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีกับผู้บริจาให้กับวัดวาอาราม จะดำเนินการปรับปรุงกฎหมายเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้บริจาคกับวัดวาอาราม, มูลนิธิ, สมาคม, กองทุน และ องค์การที่ได้รับการประกาศโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้เป็นองค์การหรือสถานสาธารณกุศล ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และ โปร่งใส โดยไม่ต้องเก็บหลักฐานการบริจาค และ ได้รับเงินคืนภาษีรวดเร็วมากขึ้น
การปรับปรุงกฎหมายข้างต้น จะเป็นการกำหนดให้การบริจาคกับวัดวาอาราม, มูลนิธิ, สมาคมกองทุน และ องค์การต่างๆ ที่เป็นผู้บริจาคได้รับสิทธิหักลดหย่อนภาษีจากเงินบริจาคหรือ หักรายจ่ายการบริจาคต้องใช้ระบบ e-Donation ของกรมสรรพากรเท่านั้น ทั้งนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569
ต่อไปนี้ระบบจะใช้แต่ระบบ e-Donation เมื่อมีการสแกนข้อมูลก็จะมาขึ้นที่กรมสรรพากรเลย ถ้าไปบริจาคแล้วมีแต่ใบอนุโมทนาบัตร อันนี้จะได้แต่บุญ แต่ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีไม่ได้ การบริจาคผ่าน e-Donation ข้อมูลก็จะเข้ามาที่ D-MyTax ของกรมด้วย ทำให้ผู้เสียภาษีไม่ต้องเก็บเอกสารหลักฐาน เพราะข้อมูลจะเข้าระบบมาอัตโนมัติ ทางด้านอธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า สาเหตุที่ปรับเนื่องจากเป็นแนวทางการพัฒนาการขับเคลื่อนในยุคดิจิทัลของกรมสรรพากร ซึ่งจะทำให้กระบวนการใช้สิทธิประโยชน์ ทางภาษีมีความโปร่งใสตรวจสอบได้ โดยจะสอดรับกับระบบ D-MyTax ด้วย
อัพเดทด่วน เดือนสิงหาคม 2568 มี 6 ธนาคารใหญ่ปิดปรับปรุง
เดือนสิงหาคม 2568 นี้มีธนาคารหลายแห่ง ประกาศปิดปรับปรุงระบบชั่วคราวเพื่อพัฒนาและยกระดับให้บริการ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการทำธุรกรรมบางประเภท ในช่วงเวลาที่กำหนด ทางธนาคารแนะนำผู้ใช้งานให้วางแผนการทำธุรกรรมล่วงหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงความไม่สะดวกที่เกิดขึ้น
ธนาคารออมสิน
ธนาคารออมสินจะปิดปรับปรุงระบบ 2 ช่วง
- ช่วงที่ 1 วันที่ 12-13 กันยายน 2568 เวลา 23.30-08.30 น.
- ช่วงที่ 2 วันที่ 13-14 กันยายน 2568 เวลา 23.30-08.30 น.
ในช่วงเวลาดังกล่าวที่ธนาคารแจ้งมา จะไม่สามารถเข้าใช้บริการ MyMo, GSB Now, บริการเมนูบัตรเครดิตบน MyMo และ GSB Now, บริการถอนเงินผ่าน MyMo MyCash, บริการ Activate MyMo ด้วยบัตรเดบิต, บริการถอนเงินสดด้วยบัตรเคดริต, บัตรกดเงินสดธนาคารออมสินผ่านตู้ ATM และ ADM ของต่างธนาคาร, บัตรเดบิตธนาคารออมสินทุกช่องทาง และ บริการโอนเงิน, ฝากเงินจากตู้ ATM/ADM ของทุกธนาคารเข้าบัญชีธนาคารออมสิน
ธนาคารไทยพาณิชย์
ธนาคารไทยพาณิชย์ปิดปรับปรุง 2 ส่วน
- แอปพลิเคชั่นแม่มณี วันที่ 15 สิงหาคม 2568 เวลา 23.00 น. ถึงวันที่ 16 สิงหาคม 2568 เวลา 06.00 น. ซึ่งไม่สามารถเข้าใช้งานแอปพลิเคชั่นแม่มณีและชำระเงินเข้าบัญชีแม่แมณีได้
- บัตร PLANET SCB วันที่ 23 สิงหาคม 2568 เวลา 02.30-06.30 น. เวลาดังกล่าวจะไม่สามารถทำธุรกรรมผ่านบัตรได้ทุกช่องทาง
ธนาคารกรุงเทพ
ธนาคารกรุงเทพจะปิดปรับปรุงระบบ Mobile Banking ในเช้าวันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม 2568 ตั้งแต่ 02.00-09.00 น.
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จะปรับปรุงระบบ Mobile/Internet Banking ชั่วคราวในวันที่ 18 สิงหาคม 2568 เวลา 23.15 น. ถึงวันที่ 19 สิงหาคม 2568 เวลา 06.00 น. ส่งผลให้ไม่สามารถใช้งานได้ รวมถึงเครื่องรับจ่ายเงินและรับฝากเงินอัตโนมัติ
ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP)
ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จะปิดปรับปรุงระบบชั่วคราวในวันเสาร์ที่ 16 สิงหาคม 2568 เวลา 23.00 น. ถึง 03.00 น. ของวันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม 2568 โดยระบบที่ไม่สามารถให้บริการได้จะมีตามรายละเอียด้านล่าง
- แอปพลิเคชั่น KKP Mobile
- การรับ SMS ยืนยันการทำธุรกรรม
- ระบบ ATM (KKP Debit Card และ KKP Cash Card)
ผู้ใช้งานสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ KKP Contact Center โทร 02-165-5555 หรือช่องทางอื่นๆของแต่ละธนาคาร
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ปิดปรับปรุงชั่วคราว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการในวันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม 2568 เวลา 04.00 น. ถึงวันอาทิตย์ที่ 24 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. โดยช่องทาง และ บริการที่ไม่สามารถใช้งานได้ตามรายละเอียดด้านล่าง
- ธอส. ทุกสาขา เป็นการชั่วคราว
- ตู้ ADM (ATM/CDM) เครื่องชำระเงินกู้ LRM
- แอปพลิเคชั่น GHB All Gen, GHB All Home
- Line GHB Buddy, Line GHBBUGGY
- บริการทำธุรกรรมการเงินต่างๆ เช่น พร้อมเพย์, ธุรกรรมฝาก/ถอน/โอยภายใน-ต่างธนาคาร, ชำระเงินกู้ออนไลน์, บริการด้านสิทธิ์ประโยชน์, บริการ NDID และ e-KYC
ประกาศสภาพอากาศจากกรมอุตุฯ วันที่ 18 สิงหาคม 2568
กรุมอุตุนิยมวิทยา ประกาศแจ้งเตือนฝนถล่มอีสานแรงสุด กรุมอุตุฯพยากรณ์อากาศวันที่ 18 สิงหาคม 2568 เตือนสภาพอากาศวันนี้ ทั่วไทย ตกหนักสูงสุดร้อยละ 70 เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่าน
พนากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ ภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน, บึงกาฬ, นครพนม, มุกดาหาร, จันทบุรี และ ตราด ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก และ ฝนที่ตกสะสม อาจจะทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และ น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และ พื้นที่ลุ่ม
สาเหตุที่ฝนตกทั่วไทยวันนี้ เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และ อ่าวไทย มีกำลังอ่อนลง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน ตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลงเป็นกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนตกมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร แนะนำให้ชาวเรือเดือนเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ สำหรับประเทศไทย 06.00 วันนี้ถึง 06.00 วันพรุ่งนี้
- กรุงเทพและปริมณฑล มีฝนตกร้อยละ 60 ของพื้นที่
- ภาคเหนือมีฝนตกร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนตกร้อยละ 70 ของพื้นที่ และ มีฝนตกหนักบางแห่ง
- ภาคกลางมีฝนตกร้อยละ 60 ของพื้นที่
- ภาคตะวันออก มีฝนตกร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
- ภาคใต้ ฝั่งตะวันออก มีฝนตกร้อยละ 30 ของพื้นที่
- ภาคใตั ฝั่งตะวันตก มีฝนตกร้อยละ 30 ของพื้นที่
ออมสิน อนุมัติเงิน 20,000 บาท ให้กู้ครั้งแรกในชีวิตผ่านแอป
ข่าวดีสุดๆ สำหรับคนที่ไม่เคยมีประวัติกู้มาก่อน ธนาคารออมสินจัดให้ อนุมัติวงเงินกู้ 20,000 บาท ให้กู้ครั้งแรกในชีวิต สำหรับสินเชื่อสร้างเครดิต สร้างโอกาส ทำได้ง่ายๆผ่านแอป MyMo เช็คดอกเบี้ยล่าสุด เอาเงินไปลงทุนเริ่มต้นชีวิตพร้อมเงินหมุนเวียนประกอบอาชีพได้เลย อีกหนึ่งโอกาสดีๆ กับการเริ่มต้นชีวิตทางการเงินที่ดีมาถึงแล้ว ธนาคารออมสิน เปิดเผยผ่านเพจ Facebook GSB Society ระบุว่า แค่คุณกล้า เราพร้อมให้คุณก้าว กับการกู้ครั้งแรกในชีวิต คิดถึงสินเชื่อสร้างเครดิต สร้างโอกาส กู้ได้เลยผ่านแอป MyMo ดอกเบี้ยเบาๆ เพียงหมื่นละ 60 บาทต่อเดือน เริ่มต้นสร้างเครดิตให้ดีวันนี้เพื่อโอกาสที่มากขึ้นในวันหน้า
สินเชื่อสร้างเครดิตคืออะไร
สินเชื่อสร้างเครดิตของธนาคารออมสิน เป็นโครงการที่เน้นให้ผู้ที่ยังไม่เคยมีประวัติทางการเงินได้เริ่มต้นสร้างเครดิตที่ดี ช่วยเพิ่มโอกาสเข้าถึงสินเชื่อในอนาคต
- รับวงเงินอนุมัติสูงสุด 20,000 บาท
- อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.60 บาท ต่อเดือน Flat Rate
- ปลอดชำระเงินต้น 3 งวดแรก
- ผ่อนชำระ 12 เดือน
- ไม่มีหลักประกัน
สามารถลงทะเบียนได้ด้วยตัวเองผ่านแอป MyMo
เปิดขั้นตอนการลงทะเบียนผ่านแอป MyMo
การขอสินเชื่อในปัจจุบันเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสำหรับคนที่ขอสินเชื่อมากๆ ซึ่งสามารถทำผ่านออนไลน์ได้ง่ายๆ อย่างการขอสินเชื่อจากทางแอป MyMo ของธนาคารออมสิน สามารถดำเนินการได้ด้วยตัวเองผ่านการทำตามขั้นตอนด้านล่าง
- เข้าสู่แอปพลิเคชั่น MyMo
- ค้นหาเมนูขอสินเชื่อ สินเชื่อสร้างเครดิต สร้างโอกาส
- กรอกข้อมูลและดำเนินการตามขั้นตอนที่ระบ
- รอผลการอนุมัติ
เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด สำหรับอัตราดอกเบี้ยเป็นแบบลดต้นลดดอก Effective Rate ร้อยละ 12.96 ต่อปี งวดที่ 4-12 ชำระเงินต้น และ ดอกเบี้ย ธนาคารย้ำว่ากู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว
ยืนงบล่าสุดจะต้องจ่ายค่าปรับเท่าไหร่ คนทำธุรกิจต้องเรียนรู้
การยื่นงบการเงินประจำปีต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) และยื่นแบบภาษีกับกรมสรรพากรเป็นภาระหน้าที่สำคัญของผู้ประกอบการ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กหรือบริษัทจำกัด หากมีการยื่นล่าช้าหรือไม่ยื่นเลย อาจต้องเสียค่าปรับในอัตราที่สูงอย่างคาดไม่ถึง บทความนี้จะช่วยให้ผู้ทำธุรกิจเข้าใจเรื่องค่าปรับที่ต้องเจอหากยื่นงบล่าช้า พร้อมแนวทางวางแผนให้ถูกต้อง
ยื่นงบการเงินคืออะไร?
งบการเงินคือเอกสารทางบัญชีที่แสดงผลการดำเนินงาน รายรับ รายจ่าย สินทรัพย์ หนี้สิน และสถานะการเงินของกิจการในรอบปีที่ผ่านมา ซึ่งต้องยื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (สำหรับบริษัท/ห้างหุ้นส่วน) และยื่นแบบภาษีกับกรมสรรพากร (เช่น ภ.ง.ด.50, ภ.ง.ด.51)
กำหนดเวลายื่นงบการเงิน
- ยื่นงบการเงินต่อ DBD: ภายใน 1 เดือนหลังวันประชุมผู้ถือหุ้น
- ยื่นแบบ ภ.ง.ด.50 ต่อสรรพากร: ภายใน 150 วันนับจากวันสิ้นปีบัญชี
ตัวอย่างเช่น หากสิ้นปีบัญชีวันที่ 31 ธันวาคม ต้องยื่นแบบภ.ง.ด.50 ภายในวันที่ 30 พฤษภาคม ปีถัดไป
ค่าปรับหากยื่นงบล่าช้า
1. ค่าปรับจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD)
- ค่าปรับกรณีไม่ยื่นงบการเงิน: ปรับไม่เกิน 100,000 บาท
- ค่าปรับกรณียื่นล่าช้า: ปรับไม่เกิน 50,000 บาท
ทั้งนี้ การลงโทษขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่และระยะเวลาที่ล่าช้า หากยื่นหลังจากกำหนดหลายเดือนหรือหลายปี ค่าปรับจะเพิ่มขึ้นตามความรุนแรงของความผิด
2. ค่าปรับจากกรมสรรพากร
- ยื่นแบบภ.ง.ด.50 ล่าช้า: ปรับสูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท
- เบี้ยปรับกรณีมีภาษีที่ต้องชำระ: ปรับ 1.5% ต่อเดือนของภาษีที่ยังไม่ได้ชำระ
- เงินเพิ่ม: เพิ่มอีก 1% ต่อเดือนของภาษีที่ยังไม่ได้ชำระ
หากยื่นล่าช้า 3 เดือน และมีภาษีค้างอยู่ 100,000 บาท อาจต้องชำระค่าปรับรวมเกือบ 5,500 บาท
ผลกระทบอื่นๆ นอกเหนือจากค่าปรับ
1. เสียความน่าเชื่อถือของกิจการ
การไม่ยื่นงบหรือล่าช้าบ่อยครั้งอาจส่งผลให้บริษัทดูไม่น่าเชื่อถือในสายตาของธนาคาร นักลงทุน หรือพันธมิตรทางธุรกิจ
2. ไม่สามารถต่อใบอนุญาตหรือขอสินเชื่อ
หน่วยงานรัฐบางแห่ง หรือธนาคาร อาจขอเอกสารงบการเงินล่าสุดในการพิจารณา หากไม่สามารถยื่นได้ อาจเสียโอกาสทางธุรกิจ
แนวทางวางแผนป้องกันการยื่นล่าช้า
1. ตั้งระบบเตือนล่วงหน้า
ผู้ประกอบการควรมีระบบแจ้งเตือนวันที่ครบกำหนดยื่นงบ เช่น การตั้งแจ้งเตือนในปฏิทิน หรือใช้ซอฟต์แวร์บัญชีที่มีระบบเตือนอัตโนมัติ
2. จ้างสำนักงานบัญชีที่มีประสบการณ์
หากไม่มีทีมบัญชีภายใน ควรเลือกใช้บริการสำนักงานบัญชีที่เชี่ยวชาญและเข้าใจข้อกำหนดของ DBD และสรรพากร จะช่วยลดความผิดพลาดได้
3. ปรับปรุงเอกสารให้เป็นระบบ
ควรจัดเก็บเอกสารทางบัญชีให้เป็นระเบียบ เช่น ใบเสร็จรับเงิน ใบแจ้งหนี้ เพื่อให้งานจัดทำงบการเงินเป็นไปอย่างรวดเร็ว
4. ตรวจสอบภาษีกลางปีล่วงหน้า
อย่ารอจนถึงสิ้นปีบัญชี ควรมีการตรวจสอบรายได้ ค่าใช้จ่าย และภาษีที่ต้องจ่ายในช่วงกลางปี เพื่อไม่ให้เกิดภาระภาษีสะสมในปลายปี
การยื่นงบล่าช้าไม่ใช่แค่เรื่องของค่าปรับเท่านั้น แต่ยังมีผลต่อความน่าเชื่อถือและโอกาสทางธุรกิจในอนาคต การวางแผนให้ดีตั้งแต่ต้นปีบัญชีจะช่วยให้ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าปรับ และสามารถมุ่งพัฒนาธุรกิจได้อย่างมั่นใจ
กรุงไทยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 0.25% ช่วยประคองลูกค้า
เปิดเผยข้อมูลจากกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าธนาคารกรุงไทย ได้ตระหนักถึงสถานการณ์เศรษฐกิจไทยที่อยู่ในจุดเปราะบาง โดยเฉพาะผลกระทบจากกฎกติกาการค้าที่พลิกผันครั้งสำคัญ ทำให้เจอกับการแข่งขันในทุกรูปแบบใหม่ในสายการผลิตของโลก ซึ่งจำเป็นจะต้องมีการปรับตัวและปฎิรูปภายในประเทศ เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันใหม่ และแย่งชิงพื้นที่เพื่อเปลี่ยนผ่านประเทศไปให้อยู่จุดที่ดีกว่า ซึง่ทุกประเทศต่างออกมาตรการเพื่อให้ภาคธุรกิจปรับตัวทั้งในระยะสั้น และ ระยะยาว นอกจากนี้เศรษฐกิจไทยยังมีปัญหาเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจนอกระบบขนาดใหญ่ และ หนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับที่สูง โดยรวมถือว่าเป็น Perfect Storm ที่สร้างความท้าทาย
ทางธนาคารกรุงไทย เร่งสนับสนุนให้คนไทย และธุรกิจไทย สามารถก้าวผ่านความท้าทายครั้งสำคัญโดยมีการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 0.25% เพื่อช่วยลูกค้ากลุ่มเร่งปรับตัว ภายใต้ข้อจำกัดจากปัญหาเชิงโครงสร้างที่ยังต้องใช้เวลาในการแก้ไขจ การลดภาระทางการเงินของประชาชน โดยเฉพาะครัวเรือนกลุ่มเปราะบาง ผู้ประกอบอาชีพอิสระ และ SME ประคองธุรกิจ และลูกค้าประชาชนให้เดินหน้าต่อไป โดยการลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ สอดคล้องกับการปรับลดดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน
- อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี MOR ปรับลดลงจากปัจจุบันเป็น 6.620% ต่อปี
- อัตราดอกเบี้ยเงินลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา MLR ปรับลดลงจากปัจจุบันเป็น 6.500% ต่อปี
- อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี MRR ปรับลดลงจากปัจจุบัน 7.045% ต่อปี
มีผลตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2568 ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ปัจจุบันประเทศไทยเจอกับความท้าทายครั้งใหญ่หรือที่เรียกว่า Perfect Storm ทั้งโครงสร้างภายใน และระเบียบโลกใหม่ นำมาซึ่งความจำเป็นในการปฎิรูปความสามารถในการแข่งขันและเพื่อเป็นการยกระดับรายได้ และจัดสรรทรัพยากรของประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ ทางธนาคารกรุงไทยพร้อมเป็นพลังสำคัญในการช่วยลดภาระทางการเงินของลูกค้าผ่านการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และ เร่งการปรับโครงสร้างหนี้ให้เหมาะสมกับศักยภาพของแต่ละกลุ่มลูกค้าเพื่อสนับสนุนลูกค้าให้มีโอกาสฟื้นตัวต่อไป