ช่องทางใหม่ ต่อภาษีรถ 2568 จากกรมขนส่งทางบก

เพิ่มความสะดวกสบายให้กับพี่น้องประชาชนที่มีความจำเป็นต้องต่อภาษีรถยนต์ หรือ ชำระภาษีรถยนต์ประจำปี สามารถทำเองได้ง่ายๆ ผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง ในส่วนของรายละเอียด และ ขั้นตอนการต่อรวมไปถึงการรอรับป้ายวงกลมที่บ้าน สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ด้านล่าง

กรมขนส่งทางบกเปิดตัวบริการรับชำระภาษีรถประจำผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง สามารถทำผ่านออนไลน์ได้สะดวกสบาย ซึ่งการชำระภาษีประจำปีสำหรับรถ สามารถต่อภาษีรถ 2568 ผ่าน KlubRoad หรือ ขับรถ ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นที่อยู่ในแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง สำหรับรถที่ต่อภาษีจะต้องเป็นรถที่จดทะเบียนตามกฎหมายตามประเภทและเงื่อนไขที่กำหนดตามรายละเอียดด้านล่าง

ประเภทรถ

  • รถยนต์ที่นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน (รย.1)
  • รถยนต์ที่นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน (รย.2)
  • รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล (รย.3)
  • รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล (รย.12)

สำหรับรถทั้ง 4 ประเภทนี้ รองรับรถที่จดทะเบียนทุกจังหวัด และจะต้องเป็นรถที่มีสถานะทางทะเบียนหรือไม่ถูกระงับทะเบียน เนื่องจากค้างำระภาษีรถประจำปีติดต่อกันครบ 3 ปี

ประเภทรถที่ไม่รองรับการต่อภาษีรถ 2568 ผ่านออนไลน์

  • รถที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ เป็นเชื้อเพลิง หรือรถติดแก็ส
  • รถที่ได้รับการยกเว้นค่าภาษีรถประจำปี
  • รถที่ถูกอายัดทะเบียน
  • รถดัดแปลง
  • รถที่ขอรับความเห็นชอบในการจดทะเบียน

รถที่ต่อภาษีจะต้องทำการตรวจสภาพจากสถานตรวจสภาพรถ หรือ ตรอ. ก่อนชำระภาษีประจำปีสำหรับรถตามประเภทด้านล่าง

  • รถยนต์นั่งส่วนบุคคล และ รถนต์บรรทุกส่วนบุคคล ที่มีอายุการใช้งานเกิน 7 ปี
  • รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล ที่มีอายุการใช้งานเกิน 5 ปี นับตั้งแต่วันที่จดทะเบียนครั้งแรก หรือ ตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด
  • รถที่ค้างชำระภาษีประจำปีสำหรับรถเกิน 1 ปี แต่ไม่ถึง 3 ปี

รถต้องจัดทำประกันภัยตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้ระสบภัยจากรถ

การต่อภาษีรถ สามารถชำระภาษีล่วงหน้าได้ไม่เกิน 3 เดือน ก่อนวันครบกำหนดชำระภาษี นอกจากนี้ยังมีการระบุเงื่อนไขของประกันภัยภาคบังคับ หรือ พ.ร.บ. ตามรายละเอียดด้านล่าง

  • เจ้าของรถต้องจัดให้มีประกันภัยภาคบังคับ พ.ร.บ. ก่อนชำระค่าภาษีรถประจำปี
  • ทั้งนี้ระบบจะทำการตรวจสอบประกันภัยภาคบังคับ พ.ร.บ. ของรถที่จะดำเนินการชำระค่าภาษีรถประจำปี โดยการเชื่อมโยงและตรวจสอบข้อมูลกับระบบคอมพิวเตอร์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย คปภ.
  • หากมีการตรวจสอบแล้วไม่พบ พ.ร.บ. ของรถ จะไม่สามารถชำระภาษีรถประจำปีผ่านระบบนี้ได้ ทั้งนี้ระบบยังรองรับการซื้อ พ.ร.บ. ผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง ในกรณีที่ไม่มี พ.ร.บ.

ขั้นตอนในการต่อภาษีรถ 2568

รายละเอียดการต่อภาษีรถ 2568 ผ่าน KlubRoad บนแอปเป๋าตัง มีขั้นตอนและรายละเอียดแบบเจาะลึกด้านล่าง สามารถทำตามขั้นตอนด้านล่างได้เลย

  • เข้าแอปเป๋าตัง และเลือก บริการ ในแถบเมนูด้านล่าง
  • กดเมนู KlubRoad หรือ ชำระภาษีรถประจำปี
  • เลือกเมนู ชำระภาษีให้รถตนเอง
  • ระบบแสดงรายละเอียด เงื่อนไข รถที่สามารถชำระภาษีประจำปีผ่านออนไลน์
  • แสดงรายการรถที่เข้าเงื่อนไข ชำระภาษีประจำปีผ่านออนไลน์
  • แสดงรายการรถที่เข้าเงื่อนไขชำระภาษีประจำปีของผู้ถือกรรมสิทธิ์ หรือ ผู้ครอบครอง
  • ระบบตรวจสอบเงื่อนไข และแสดงรายการที่ผู้ใช้งานจำเป็นต้องดำเนินการก่อนชำระภาษี
  • ระบบแจ้งเตือนตรวจสอบถุงลมนิรภัยกดถัดไป เพื่ออ่านรายละเอียด
  • ระบบแจ้งเตือนตรวจสอบถุงลมนิรภัย กดให้ความยินยอม เพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับภายหลัง หากไม่ให้ความยินยอม ระบบยังสามารถทำการชำระภาษีได้
  • ระบุเลขไมล์รถ
  • ระบุข้อมูลที่อยู่สำหรับจัดส่ง เครื่องหมายการเสียภาษีประจำปี ป้ายวลกลม
  • ตรวจสอบข้อมูล การชำระภาษีรถประจำปี
  • เลือกช่องทางการชำระเงิน
  • ชำระเงินสำเร็จ พร้อมติดตามสถานะการจัดส่ง
  • เมื่อชำระภาษีผ่าน KlubRoad เรียบร้อยแล้ว สามารถตรวจสอบวันสิ้นอายุ และ ดูเครื่องหมายการเสียภาษีประจำปีได้
  • แสดงเครื่องหมายการเสียภาษีประจำปี
  • กรณีครบกำหนดวันที่ แสดงเครื่องหมายการเสียภาษีประจำปี จะถูกเปลี่ยนเป็นสีเทา

วิธีเช็คสถานะการต่อภาษีรถ 2568

เมื่อต่อภาษีรถ 2568 ผ่าน KlubRoad บนแอปเป๋ษตัง แล้วผู้ใช้งานสามารถติดตามสถานะการต่อภาษี ชำระภาษีรถประจำปีโดยมีขั้นตอนตามรายละเอียดด้านล่าง

  • เข้าแอปเป๋าตัง เลือกบริการในแถบเมนูด้านล่าง
  • กดเมนู KlubRoad หรือ ชำรถภาษีรถประจำปี
  • เลือกเมนูติดตามสถานะ
  • แสดงสถานะแต่ละรายการ
  • สถานะกำลังดำเนินการ
  • สถานะจัดส่งสำเร็จ

ต่อภาษีรถ 2568 ผ่าน DLT Vehicle Tax Plus มีขั้นตอนอย่างไร

  • การต่อภาษีรถประจำป นอกจากทำผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตังแล้ว ยังสามารถต่อภาษีรถผ่านแอปพลิเคชั่น DLT Vehicle Tax Plus โดยมีขั้นตอนตามรายละเอียดด้านล่าง
  • ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น DLT Vehicle Tax Plus จาก Google Play หรือจาก App Store และดำเนินการติดตั้งแอปพลิเคชั่นให้เสร็จ
  • ลงทะเบียนเพื่อใช้งานแอปพลิเคชั่น โดการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล Digital ID ของผู้ใช้บริการตามขั้นตอนที่แอประบุ
  • เลือกรูปแบบการชำระภาษีประจำปีสำหรับรถ ชำระภาษีประจำปีสำหรับรถของตนเอง หรือ ชำระภาษีแทนเจ้าของรถ
  • ในกรณีชำระภาษีแทนเจ้าของรถ ผู้ใช้บริการต้องกรอกเลขประจำตัวประชาชน หรือหมายเลขทะเบียนนิติบุคคลของเจ้าของรถนั้น
  • เลือกประเภทรถที่ต้องชำระภาษีประจำปี สำหรับรถ และกรอกประเภทรถ หมายเลขทะเบียนรถ จังหวัดที่จดทะเบียน
  • ระบบคำนวณอัตราค่าภาษี ประจำปีสำหรับรถและเงินเพิ่ม ถ้ามีค่าปรับใบสั่งจราจร และ ค่าปรับค่าธรรมเนียม หรือ ค่าใช้จ่ายอื่นๆ พร้อมแสดงรายละเอียดรถเพื่อให้ผู้ใช้บริการตรวจสอบและยืนยันการชำระเงิน
  • เลือกช่องทางการรับเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี
  • ผ่านตู้ชำระภาษีประจำปี สำหรับรถแบบอัตโนมัติ Kiosk โดยแอปพลิเคชั่น DLT Vehicle Tax Plus จะแสดงเครื่องหมาย QR Code เป็นหลักฐานเพื่อนำไปใช้พิมพ์เครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี
  • ทางไปรษณีย์ กรอกรายละเอียดที่อยู่ในการจัดส่งเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปีให้ครบ และจ่ายค่าจัดส่งเอกสาร ผู้ใช้บริการจะได้รับหลักฐานการชำระเงินพร้อมเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีภายใน 5 วันทำการ นับตั้งแต่วันที่ชำระเงินแล้ว

เลือกวิธีการชำระเงิน

  • ชำระผ่านไทยคิวอาร์โค้ด (Thai QR Code) โดยสแกนเครื่องหมายไทยคิวอาร์โค้ดเพื่อชำระเงิน
  • ชำรถโดยการหักบัญชีเงินฝากธนาคาร

UOB Privimiles สิทธิประโยชน์ 2568

บัตรเครดิต UOB Privimiles คือบัตรที่ออกแบบมาสำหรับผู้ที่เดินทางบ่อย ชอบสะสมไมล์ และต้องการสิทธิประโยชน์พิเศษจากการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ปี 2568 นี้ UOB ได้มีการอัปเดตสิทธิประโยชน์หลายรายการให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ผู้ถือบัตรยุคใหม่ โดยเน้นความคุ้มค่าทั้งในด้านการแลกไมล์ การเดินทาง และการใช้ชีวิตประจำวัน

ภาพรวมของบัตร UOB Privimiles

  • ประเภทบัตร: บัตรเครดิตประเภท World Mastercard
  • จุดเด่นหลัก: สะสมคะแนน UOB Reward Plus แล้วแลกเป็นไมล์จากหลายสายการบินชั้นนำ
  • ผู้สมัครที่เหมาะสม: ผู้เดินทางบ่อย หรือผู้ที่ต้องการใช้คะแนนสะสมเพื่อแลกตั๋วเครื่องบิน

สิทธิประโยชน์หลักของบัตร UOB Privimiles ปี 2568

1. สะสมคะแนน Reward Plus ได้อย่างรวดเร็ว

ทุกยอดการใช้จ่ายผ่านบัตร 15 บาท รับ 1 คะแนน UOB Reward Plus โดยไม่มีวันหมดอายุของคะแนน ทำให้สะสมได้ยาวนานและนำไปใช้แลกของรางวัลหรือไมล์สายการบินได้ตามต้องการ

2. แลกไมล์สายการบินหลากหลาย

ผู้ถือบัตรสามารถแลกคะแนนเป็นไมล์กับสายการบินพาร์ตเนอร์ เช่น

  • Singapore Airlines KrisFlyer
  • Thai Airways Royal Orchid Plus
  • Cathay Pacific Asia Miles
  • ANA Mileage Club

อัตราแลกเปลี่ยนมาตรฐานอยู่ที่ 1,000 คะแนน = 1,000 ไมล์ (ขึ้นอยู่กับสายการบิน) ถือว่าคุ้มค่าอย่างมากสำหรับสายท่องเที่ยว

3. ฟรี Priority Pass Lounge

รับสิทธิ์เข้าใช้ ห้องรับรองพิเศษในสนามบิน (Priority Pass) ทั่วโลกฟรี 2 ครั้งต่อปี สำหรับผู้ถือบัตรหลัก โดยไม่ต้องจ่ายเพิ่มใด ๆ

4. ประกันการเดินทางต่างประเทศ

เพียงชำระค่าเดินทางผ่านบัตร รับสิทธิ์ความคุ้มครองประกันการเดินทางสูงสุดถึง 20 ล้านบาท ครอบคลุมทั้งอุบัติเหตุ การล่าช้าของเที่ยวบิน และกระเป๋าเดินทางหาย

5. ผ่อน 0% สำหรับตั๋วเครื่องบิน และท่องเที่ยว

โปรโมชั่นพิเศษกับพันธมิตรการท่องเที่ยว เช่น Expedia, Agoda, หรือสายการบินโดยตรง ให้ผ่อนชำระ 0% สูงสุด 10 เดือน

6. บริการ UOB Concierge

บริการผู้ช่วยส่วนตัวตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งด้านการจองร้านอาหาร โรงแรม ตั๋วคอนเสิร์ต หรือแม้แต่การวางแผนท่องเที่ยว

7. สิทธิ์ร่วมโปรแกรม UOB Mile Bonus

โปรแกรม UOB Mile Bonus ให้โบนัสไมล์เพิ่มเติมเมื่อมียอดใช้จ่ายสะสมตามเกณฑ์ เช่น ใช้จ่ายครบ 800,000 บาทใน 1 ปี รับไมล์เพิ่มอีก 20,000 ไมล์

 

รายละเอียดการสมัครบัตรเครดิต UOB แต่ละประเภท

 

สิทธิพิเศษเพิ่มเติมสำหรับปี 2568

โปรแกรมสะสมคะแนนคู่ (Dual Earn)

ใช้จ่ายกับร้านค้า/พันธมิตรที่ร่วมรายการ เช่น King Power, โรงแรม 5 ดาว, และร้านอาหารหรู จะได้รับคะแนน x2 ถึง x3 ทำให้สะสมไมล์ได้เร็วขึ้น

ส่วนลดร้านค้าชั้นนำ

  • รับส่วนลดสูงสุด 15% ที่ร้านอาหารหรูในโรงแรม
  • รับเครดิตเงินคืนเมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรที่ร้านค้าที่ร่วมรายการ

UOB Travel Privilege

รับสิทธิ์พิเศษในการจองโรงแรมระดับพรีเมียมทั่วโลก เช่น

  • อัปเกรดห้องพักฟรี
  • เช็คอินล่วงหน้า / เช็คเอาต์ล่าช้า
  • อาหารเช้าฟรี 2 ท่าน

ค่าธรรมเนียมและเงื่อนไข

  • ค่าธรรมเนียมรายปี: 4,000 บาท (ยกเว้นค่าธรรมเนียมหากมียอดใช้จ่ายขั้นต่ำตามที่กำหนด)
  • รายได้ขั้นต่ำ: 70,000 บาทต่อเดือน (สำหรับผู้มีรายได้ประจำ)
  • ไม่จำกัดจำนวนคะแนนสะสม

บัตร UOB Privimiles เหมาะกับคนที่ใช้จ่ายบัตรเครดิตประเภทไหน?

หากเป็นคนที่เดินทางบ่อยทั้งในและต่างประเทศ ชอบการแลกไมล์ หรือจองโรงแรมหรูเป็นประจำ บัตร UOB Privimiles จะตอบโจทย์ได้ครบในทุกด้าน ทั้งด้านการสะสมคะแนน การแลกของรางวัล และการเดินทางที่สะดวกสบาย

ในปี 2568 สิทธิประโยชน์ได้ถูกพัฒนาให้มีความคุ้มค่ายิ่งขึ้น โดยเน้นความยืดหยุ่นในการใช้งานและรางวัลที่จับต้องได้จริง ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนคะแนนเป็นไมล์หรือชอบเดินทางควรพิจารณาบัตรนี้เป็นตัวเลือกหลัก

ข้อดี

  • สะสมไมล์ได้เร็วและแลกง่าย
  • สิทธิพิเศษด้านการเดินทางหลากหลาย
  • คะแนนไม่มีวันหมดอายุ

ข้อควรพิจารณา

  • ค่าธรรมเนียมรายปีสูง หากไม่ได้ใช้สิทธิให้คุ้มค่า
  • เหมาะกับผู้ที่ใช้จ่ายสูง/เดินทางบ่อยมากกว่า

ตรวจสุขภาพประจำปีต้องเลือกแบบไหนถึงเหมาะสม

แพ็กเกจตรวจสุขภาพประจำปีตามโรงพยาบาลต่างๆ ปัจจุบันแพ็กเกจจะถูกใส่ไปในโปรแกรมต่างๆ สำหรับการตรวจทั้งแบบจำเป็น และ ไม่จำเป็น ในแต่ละแพ็กเกจมักจะไม่มีคำอธิบายให้ประชาชนรับทราบ ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ที่กำลังหาแพ็กเกจตรวจสุขภาพประจำปี ไม่ทราบถึงข้อมูลเชิงลึก และ ความคุ้มค่าในการเลือกแพ็กเกจต่างๆนั่นเอง

การเลือกแพ็กเกจตรวจสุขภาพเป็นเรื่องที่จำเป็นสำหรับคนยุคนี้ เนื่องจากเป็นการตรวจเช็คอัพร่างกาย เพื่อตรวจสอบความปกติของร่างกาย เป็นสิ่งที่ประชาชนควรรู้ และตรวจสักครั้ง เวลาอ่านแพ็กเกจ แล้วคนส่วนใหญ่มักจะงง เพราะว่าไม่รู้ว่าการตรวจสุขภาพครั้งแรกจะต้องตรวจอะไรบ้าง อะไรจำเป็นอะไรไม่จำเป็น และเลือกครั้งต่อไปควรจะต้องเลือกแบบไหน การตรวจสุขภาพประจำปีเป็นสิ่งจำเพื่อค้นหาสิ่งผิดปกติในร่างกาย เพื่อป้องกันการลุกลามของโรค และทำให้การรักษามีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงในการสูญเสียชีวิต และลดค่าใช้จ่ายในการรักษา

การตรวจมะเร็ง รูปแบบต่างๆยกตัวอย่างเช่น มะเร็งเต้านม ผู้หญิงควนตรวจด้วยเมมโมแกรมสักครั้งในชีวิต ส่วนครั้งต่อไปจะตรวจด้วยวิธีเดิมหรือไม่ อยู่ที่ความเสี่ยงในการเกิดโรค โดยแพทย์จะต้องแนะนำ ซึ่งปัจจุบันมีโปรแกรมตรวจสุขภาพประจำปี ที่มีราคาแตกต่างกันออกไป ตั้งแต่ราคา 2,000 บาท จนถึงหลักหมื่น มีรายการส่งเสริมการขายแตกต่างกันให้เราได้เลือก ตั้งแต่การเจาะเลือดไปจนถึงการใช้เครื่องมือที่ทันสมัย ทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น สิ่งที่สำคัญก็คือการรวบรวมผลการตรวจสุขภาพแต่ละโรงพยาบาลไว้ให้ครบก่อน เปลี่ยนแพทย์ เป็นสิ่งที่จำเป็น ทำให้คนไข้ไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ เพื่อช่วยให้แพทย์ทราบข้อมูลประวัติของผู้เข้าไปใช้บริการอย่างละเอียด และสามารถวิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคได้ และไม่ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการตรวจใหม่

การตรวจสุขภาพ สิ่งที่อยากจะแนะนำก็คือการตรวจอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง จากผลการตรวจสุขภาพประจำปี เช่น ประวัติการตรวจสุขภาพในอดีต, ประวัติการเจ็บป่วย, ประวัติการใช้ยา, ประวัติการแพ้, ประวัติการได้รับวัคซีน, ประวัติเจ็บป่วยและสาเหตุของการเสียชีวิตในเครือญาติ, ประวัติการทำงานและสิ่งแวดล้อม และ ประวัติการทบทวนอาการตามระบบต่างๆอย่างละเอียด ปัจจุบันเทคโนโลยีในการสุขภาพไปไกลมาก แค่ใช้ผลตรวจเลือดก็สามารถบอกรายละเอียดของร่ายกายได้เยอะมาก ยกตัวอย่างเช่น ร่างกายขาดวิตามินอะไร, มีความเสี่ยงในเรื่องเบาหวาน, ค่าน้ำตาลสะสมในเลือด, ค่าธาตุเหล็กในเลือด และ อื่นๆอีกเพียบ

เงินช่วยเหลือชาวนาผู้ปลูกข้าว 2568/69 รับไร่ละ 1200 บาท

ข่าวดีสำหรับพี่น้องเกษตรกรไทย ซึ่งถือว่าเป็นผู้ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศ สามารถตรวจสอบได้ก่อนใคร สำหรับคุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์รับเงิน รวมไปถึงวิธีการขึ้นทะเบียนเกษตรกร สำหรับผุ้ที่ยังไม่ได้ดำเนินการ

โครงการเงินช่วยเหลือชาวนา เปิดกำหนดการล่าสุดจากทางรัฐบาล พี่น้องเกษตรกรหลายท่านมีคำถามว่าจะได้รับเงินช่วยเหลือไร่ละ 1200 บาท ผู้ปลูกข้าวนาปี 2568/69 ได้รับไม่เกิน 10 ไร่ ต่อครัวเรือน เงินไร่ละ 1000 บาท ผู้ปลูกข้าวนาปรัง เพื่อบรรเทาความเดือนร้อนจากปัญหาราคาข้าวตกต่ำ ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอพิจารณาจากคณะกรรมการ นบข. ซึ่งมีกำหนดประชุมในวันที่ 13 สิงหาคม 2568 เพื่อเคาะรายละเอียดสุดท้าย และกำหนดวันจ่ายเงินที่ชัดเจน สำหรับความหวังของพี่น้องชาวนา เริ่มเป็นรูปเป็นร่างหลังจากรัฐบาลเดินหน้ามาตรการช่วยเหลือผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2568/69 ล่าสุดเตรียมเคาะเงินเยียวยาไร่ละ 1200 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 10 ไร่ สร้างความดีใจให้กับเกษตรกรทั่วประเทศ แต่หลายคนยังคาใจอยู่ว่าจะได้รับเงินวันไหน ใครที่มีสิทธิ์บ้าง วันนี้ผู้สื่อข่าวติดตามทุกประเด็นที่ชาวนารอคอยให้เข้าใจง่าย

เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ ด้านการผลิต ที่สภาผู้แทนราษฎรมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน และ ตัวแทนชาวนาเข้าร่วมว่าที่ประชุมได้มีการพิจารณามาตรการช่วยเหลือชาวนา โดยเห็นโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิต เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนปี ปีการผลิต 2568/69 เปิดวาระสำคัญเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1200 บาท นัดหมายชี้ชะตาวันนี้

คุณสมบัติเบื้องต้น ใครได้รับเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1200 บาท บ้าง

  • เป็นเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2568/69
  • ได้ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรเรียบร้อยแล้ว
  • มีพื้นที่ปลูกข้าวไม่เกิน 10 ไร่ต่อครัวเรือน

รายละเอียดเงินช่วยเหลือข้าวนาปี 2568/69 

  • จำนวนเงินไร่ละ 1200 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ต่อครัวเรือน
  • จำนวนครัวเรือน 4.6 ล้านครัวเรือน
  • วันจ่ายเงินยังไม่มีการระบุที่ชัดเจน ต้องรอการอนุมัติจาก นบข. ชุดใหญ่ก่อน ถึงจะเข้าสู่ขั้นตอนการดำเนินการต่อไป

เงินช่วยเหลือข้าวนาปรัง

  • จำนวนเงิน เสนอขอเงินช่วยเหลือไร่ละ 1000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ต่อครัวเรือน
  • จำนวนครัวเรือน 8.5 แสนครัวเรือน
  • สถานะล่าสุด ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจน และต้องรอการพิจารณาจาก นบข อีกครั้ง

เกษตรกร ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน สามารถดูวิธีขึ้นทะเบียนได้ด้านล่าง

สำหรับเกษตรกรรายใหม่ ที่ยังไม่ได้เคยขึ้นทะเบียนมาก่อน สามารถทำตามขั้นตอนง่ายๆ 2 ช่องทาง

  1. ติดต่อสำนักงานเกษตรอำเภอในพื้นที่ เอกสารที่ต้องเตรียม บัตรประชาชนตัวจริง, สำเนาหลักฐานถือครองที่ดิน และ หลักฐานการใช้ที่ดิน กรณีรายใหม่หรือ เพิ่มแปลงใหม่
  2. ลงทะเบียนผ่านช่องทางออนไลน์ สามารถลงได้ผ่านเว็บไซต์ efarmer.doae.go.th ขั้นตอนกดแถบสีเหลือง ขึ้นทะเบียน แล้วกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน หรือเข้าสู่ระบบผ่านแอป ThaID พร้อมอ่านข้อกำหนดและข้อปฎิบัติอย่างละเอียด จากนั้นกดยืนยันเพื่อทำการลงทะเบียนเกษตรกร

สำหรับผู้ที่ขึ้นทะเบียนเรียบร้อยแล้ว สามารถเข้าไปตรวจสอบสถานะได้ที่เว็บไซต์ efarmer.doae.go.th/checkfarmer เพียงกรอกเลขบัตรประชาชน 13 หลัก และรหัสหลังบัตร 12 หลัก ก็จะสามารถทราบสถานะได้ทันที การประชุม นบข. ในวันที่ 13 สิงหาคม 2568 นี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งวันสำคัญที่ชาวนาทั่วประเทศต้องจับตามอง เพราะนอกจากจะเป็นการพิจารณาเงินช่วยเหลือแล้ว ยังรวมถึงมาตรการรับมือราคาข้าวที่ตกต่ำ ซึ่งจะเป็นการคลายทุกข์ให้กับชาวนาที่ประสบปัญหาอยู่ตอนนี้

 

ยื่นภาษีครึ่งปี นิติบุคคล ภ.ง.ด. 51 กรมสรรพากร

กรมสรรพากร ย้ำเตือนกันอีกครั่งสำหรับ การยื่นภาษี นิติบุคคล ครึ่งปีหลังกับ ภ.ง.ด. 51 เปิดกำหนดการยื่นภาษีล่าสุด ใกล้สิ้นสุดซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนกันยายน 2568 สามารถยื่นได้ 2 แบบ แบบกระดาษ ที่สำนักงานสรรพากร พื้นที่สาขา หรือ ยื่นแบบออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.rd.go.th หากไม่ยื่นจะถูกปรับ 2,000 บาท แนะนำให้รีบดำเนินการด่วน สำหรับบริษัทห้างหุ้นส่วน, SME หรือ Start up

ย้ำเตือนกันอีกครั้งสำหรับผู้ประกอบการ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่มีหน้าที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคล สำหรับครึ่งรอบระยะเวลาบัญชี หรือ ภ.ง.ด. 51 ซึ่งครอบคลุมรายได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 ไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568 โดยสามารถยื่นได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ไปจนถึง 1 กันยายน 2568 ถ้าหากว่าเลยกำหนดจะมีบทลงโทษตามที่กฎหมายกำหนด

ภ.ง.ด. 51 คืออะไร

ภาษีครึ่งปีหลัง หรือ ภ.ง.ด. 51 คือการยื่นภาษีเงินได้นิติบุคคลล่วงหน้า สำหรับ 6 เดือนแรกของปี เพื่อรายงานรายได้และ คำนวณภาษี ที่คาดว่าจะต้องทำการจ่าย โดยกฎหมายกำหนดให้ผู้ประกอบการที่มีรายระยะเวลาบัญชี 12 เดือน ยื่นแบบภายใน 2 เดือน นับจากวันสุดท้ายของครึ่งรอบระยะเวลาบัญชี

ใครมีหน้าที่ยื่น ภ.ง.ด. 51

ผู้ที่มีหน้าที่ยื่น ภ.ง.ด. 51 จะเป็นกลุ่มผู้ประกอบการ ที่มีหน้าที่ยื่นภาษีครึ่งปี แบ่งออกเป็น 2 ประเภทด้วยกัน

  • บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลทั่วไป เช่น กิจการซื้อมาขายไป, ธุรกิจ SME หรือ Start up ที่ต้องจัดทำประมาณการกำไรสุทธิ หรือ ขาดทุนสุทธิ เพื่อใช้ในการคำนวณและชำระภาษี โดยยื่นภาษีจากครึ่งหนึ่งของประมาณการกำไรสุทธิ
  • บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์, ธนาคารพาณิชย์, บริษัทเงินทุน และ อื่นๆ กลุ่มนี้จะคำนวณและชำระภาษีจากกำไรสุทธิจริง ของรอบระยะเวลา 6 เดือนแรก

ยื่น ภ.ง.ด. 51 ยังไง ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง?

ผู้ประกอบการสามารถเลือกยื่นแบบได้ 2 ช่องทาง

  • ยื่นแบบกระดาษ สามารถยื่นได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่ สาขาได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ไปจนถึง 1 กันยายน 2568 โดยไม่ต้องแนบเอกสารใดๆ ยกเว้นกลุ่มที่เสียภาษีจากกำไรสุทธิจริง ต้องแนบงบแสดงสถานะการเงินและหนังสือของผู้ตรวจสอบบัญชี
  • ยื่นผ่านอินเทอร์เน็ต สามารถยื่นได้ผ่านทางเว็บไซต์ e-Filing ของกรมสรรพากร จะได้รับสิทธิยื่นนานกว่าคือวันที่ 8 กันยายน 2568

หากไม่ยื่นตามกำหนด มีบทลงโทษ

ถ้าหากไม่ยื่น หรือ ยื่นเกินกำหนดเวลา ผู้ประกอบการจะต้องเสียค่าปรับไม่เกิน 2,000 บาท และถ้าหากมีภาษีต้องชำระจะต้องเสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 20 ของภาษีที่ต้องชำระ เพราะฉะนั้นอย่ารอช้า แนะนำให้รีบตรวจสอบและดำเนินการยื่นภาษีให้เรียบร้อยก่อนหมดเขต เพื่อหลีกเลี่ยงค่าปรับ และ เงินเพิ่มโดยไม่จำเป็น

 

สินเชื่อเพื่อการศึกษา เรียนก่อนผ่อนทีหลัง 2568

ทำไม “เรียนก่อนผ่อนทีหลัง” ถึงเป็นทางออกของยุคนี้?

การศึกษาถือเป็นรากฐานสำคัญของอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการเรียนในระดับมหาวิทยาลัย หรือคอร์สเสริมทักษะเฉพาะทาง อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการเรียนในแต่ละหลักสูตรมักสูงขึ้นทุกปี ทำให้หลายคนที่มีศักยภาพต้องพลาดโอกาสเพียงเพราะติดปัญหาด้านการเงิน ด้วยเหตุนี้ บริการสินเชื่อเพื่อการศึกษาแบบ “เรียนก่อนผ่อนทีหลัง” หรือ Study Now, Pay Later (SNPL) จึงได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ในปี 2568 นี้ เพราะตอบโจทย์กลุ่มนักเรียน นักศึกษา และคนวัยทำงานที่ต้องการ Upskill/Reskill แต่ยังไม่พร้อมจ่ายก้อนใหญ่ในทันที

สินเชื่อเพื่อการศึกษา เรียนก่อนผ่อนทีหลัง คืออะไร?

หลักการของสินเชื่อประเภทนี้ คือสถาบันการเงินหรือผู้ให้บริการสินเชื่อ จะสำรองจ่ายค่าเทอม/ค่าเรียนให้กับสถาบันหรือโรงเรียนแทนผู้เรียนก่อน แล้วผู้เรียนจะทยอยผ่อนจ่ายคืนทีหลังแบบเป็นงวด ๆ ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ เช่น เริ่มต้นผ่อนหลังเรียนจบ หรือระหว่างเรียนก็ได้ ทำให้ลดภาระการจ่ายก้อนใหญ่ และเปิดโอกาสให้สามารถเลือกหลักสูตรที่ต้องการได้อย่างอิสระมากขึ้น

รูปแบบสินเชื่อ เรียนก่อนผ่อนทีหลังที่พบในปี 2568

  • สินเชื่อผ่อนชำระแบบ 0%: ผ่อนค่าเรียนเป็นงวด ๆ โดยไม่คิดดอกเบี้ยในช่วงเวลาที่กำหนด (6 เดือน – 2 ปี)
  • สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ: ดอกเบี้ยพิเศษสำหรับกลุ่มผู้เรียน เช่น ดอกเบี้ย 2-5% ต่อปี
  • เริ่มผ่อนหลังเรียนจบ: มีระยะเวลาผ่อนผัน (Grace Period) เช่น 6-12 เดือนหลังเรียนจบ จึงเริ่มผ่อนจริง

ใครเหมาะกับสินเชื่อเพื่อการศึกษาแบบนี้?

ใครที่เหมาะกับ Study Now, Pay Later? กลุ่มเป้าหมายหลักจะเป็นนักเรียน-นักศึกษาในระดับอุดมศึกษา หรือผู้ที่ต้องการเรียนหลักสูตรระยะสั้นเพื่อเพิ่มทักษะการทำงาน เช่น คอร์สภาษาอังกฤษ ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง โปรแกรมเมอร์ หรือหลักสูตรที่ต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูง (เช่น แพทย์, MBA, วิศวะ) รวมถึงกลุ่มพ่อแม่ที่ต้องการสนับสนุนบุตรหลานแต่ยังไม่พร้อมจ่ายก้อนใหญ่

ข้อดีของสินเชื่อเพื่อการศึกษา เรียนก่อนผ่อนทีหลัง

  • ไม่ต้องจ่ายค่าเรียนเต็มจำนวนในทันที
  • ช่วยวางแผนการเงินระยะยาวได้ง่ายขึ้น
  • บางธนาคารให้เลือกผ่อน 0% หรือดอกเบี้ยต่ำ
  • เพิ่มโอกาสเข้าถึงการศึกษาคุณภาพดี
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการ Upskill/Reskill ในยุคเปลี่ยนงานบ่อย

อัปเดตสินเชื่อเพื่อการศึกษา เรียนก่อนผ่อนทีหลัง ปี 2568

ปี 2568 ธนาคารพาณิชย์และ FinTech หลายรายออกโปรแกรม Study Now, Pay Later แข่งขันกันสูง ทั้งในกลุ่มธนาคารใหญ่ เช่น กสิกรไทย, กรุงศรี, ไทยพาณิชย์ และกลุ่ม FinTech อาทิ HURT, WisePay, Xpresso รวมถึงแพลตฟอร์ม EdTech ต่าง ๆ ก็ร่วมมือกับผู้ให้สินเชื่อมากขึ้น

ตัวอย่างสินเชื่อและโปรแกรมเด่น

  • KBank SNPL: ผ่อนชำระค่าเรียน 0% สูงสุด 18 เดือน สำหรับสถาบันพันธมิตร
  • SCB Education Loan: วงเงินสูงสุด 600,000 บาท ดอกเบี้ยต่ำ ผ่อนนาน 5 ปี
  • Krungsri GoLearn: เลือกผ่อน 0% หรือเริ่มผ่อนหลังจบได้ในบางหลักสูตร
  • FinTech SNPL: สมัครง่าย รู้ผลไว ไม่ต้องใช้ผู้ค้ำประกัน (บางเจ้า)

ขั้นตอนการสมัครและเอกสารที่ใช้

การสมัครสินเชื่อเพื่อการศึกษาแบบเรียนก่อนผ่อนทีหลังมักไม่ซับซ้อนเท่ากับสินเชื่อประเภทอื่น ๆ โดยทั่วไปมีขั้นตอนดังนี้:

  1. เลือกหลักสูตรหรือสถาบันที่ต้องการ
  2. ติดต่อสอบถามฝ่ายการเงินหรือเจ้าหน้าที่ Admissions ว่ารองรับโปรแกรม SNPL หรือไม่
  3. เตรียมเอกสารส่วนตัว เช่น บัตรประชาชน สลิปเงินเดือน/หนังสือรับรองรายได้ หลักฐานการลงทะเบียนเรียน
  4. สมัครผ่านธนาคาร/FinTech หรือผ่านสถาบันโดยตรง
  5. รออนุมัติและเซ็นสัญญา จากนั้นเริ่มเรียนได้ทันที

ข้อควรระวังและเงื่อนไขที่ต้องอ่านให้ละเอียด

  • ตรวจสอบเงื่อนไขดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม
  • ดูระยะเวลาผ่อนผันและยอดผ่อนต่องวด
  • เช็กว่าต้องใช้ผู้ค้ำประกันหรือไม่
  • อย่าลืมอ่านเงื่อนไขกรณีเรียนไม่จบ หรือลาออกกลางคัน

คำแนะนำสำหรับผู้สนใจสินเชื่อเพื่อการศึกษาในปี 2568

การขอสินเชื่อเพื่อการศึกษาไม่ต่างจากการวางแผนอนาคตด้านการเงิน การเปรียบเทียบข้อเสนอจากธนาคารและ FinTech ต่าง ๆ อย่างรอบคอบ สำคัญมาก เลือกโปรแกรมที่เหมาะกับรายได้ และวางแผนการผ่อนชำระให้สอดคล้องกับศักยภาพของตนเอง หากไม่มั่นใจควรขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญหรือสอบถามฝ่าย Admissions ของสถาบันโดยตรง เพื่อป้องกันปัญหาทางการเงินระยะยาว

เรียนก่อนผ่อนทีหลัง คือโอกาสทางการศึกษาในยุคใหม่

ในยุคที่ต้นทุนการศึกษาสูงขึ้นเรื่อย ๆ และตลาดแรงงานเปลี่ยนเร็ว สินเชื่อเพื่อการศึกษาแบบเรียนก่อนผ่อนทีหลังจึงกลายเป็นทางเลือกสำคัญที่ช่วยให้ทุกคนเข้าถึงการเรียนได้โดยไม่สะดุด เป็นอีกหนึ่งวิธีที่เปิดประตูสู่อนาคตที่ดีกว่าในปี 2568 อย่างแท้จริง

ทําบัตรเครดิตกรุงศรี ดีไหม เช็คสิทธิประโยชน์ 2025

บัตรเครดิตกรุงศรี (Krungsri Credit Card) ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดนิยมของคนไทยที่ต้องการความคล่องตัวทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้ใช้ทั่วไป คนทำงานประจำ หรือสายช้อปปิ้งที่ต้องการสิทธิพิเศษเพิ่มเติมในการใช้จ่าย วันนี้เราจะพาไปเจาะลึกข้อมูลสำคัญก่อนตัดสินใจ ทําบัตรเครดิตกรุงศรี ไม่ว่าจะเป็นประเภทบัตร เงื่อนไขสมัคร สิทธิประโยชน์ และข้อควรระวัง เพื่อช่วยให้คุณเลือกบัตรได้ตรงกับไลฟ์สไตล์ที่สุด

ประเภทของบัตรเครดิตกรุงศรียอดนิยม

1. บัตรเครดิต Krungsri Platinum

เหมาะสำหรับคนทำงานทั่วไป รายได้เริ่มต้นเพียง 15,000 บาท/เดือน มีสิทธิประโยชน์ครบทั้งรับเครดิตเงินคืน ผ่อนสินค้า 0% และคะแนนสะสม Krungsri Point

2. บัตรเครดิต Krungsri JCB Platinum

สายเที่ยวญี่ปุ่นไม่ควรพลาด ด้วยสิทธิพิเศษที่ครอบคลุมร้านค้าในญี่ปุ่นและทั่วเอเชีย พร้อมโปรโมชันเฉพาะจาก JCB

3. บัตรเครดิต Krungsri Signature

สำหรับผู้ที่มีกำลังซื้อสูง และต้องการสิทธิพิเศษเหนือระดับ เช่น ห้องรับรองสนามบิน ประกันการเดินทาง และคะแนนสะสมที่เร็วกว่า

4. บัตรเครดิต Krungsri First Choice Visa

เป็นบัตรสำหรับสายผ่อนจ่ายหรือผู้ที่เน้นการบริหารเงินแบบแบ่งชำระ ด้วยดอกเบี้ยพิเศษและโปรโมชันผ่อน 0% ทุกรายเดือน

สมัครบัตร Krungsri ออนไลน์รับกระเป๋าเดินทางฟรี

เงื่อนไขการสมัครบัตรเครดิตกรุงศรี

คุณสมบัติผู้สมัคร

  • อายุ 20-65 ปี สำหรับผู้ถือบัตรหลัก
  • มีรายได้ประจำขั้นต่ำ 15,000 บาท/เดือน (บางบัตรอาจต้อง 20,000 บาทขึ้นไป)
  • มีโทรศัพท์ที่ติดต่อได้ และมีที่อยู่ชัดเจนในประเทศไทย

เอกสารประกอบการสมัคร

  • สำเนาบัตรประชาชน หรือสำเนาพาสปอร์ต
  • สลิปเงินเดือนล่าสุด หรือหนังสือรับรองเงินเดือน
  • สำเนาสมุดบัญชีธนาคารย้อนหลัง 3-6 เดือน
  • สำหรับเจ้าของกิจการ: เอกสารการจดทะเบียนธุรกิจและรายการเดินบัญชี

สิทธิประโยชน์เด่นจากบัตรเครดิตกรุงศรี

คะแนนสะสม Krungsri Point

  • ทุกยอดใช้จ่าย 25 บาท รับ 1 คะแนนสะสม สามารถนำไปแลกของรางวัล บัตรกำนัล หรือไมล์สะสมสายการบินพันธมิตร

ผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 10 เดือน

  • เลือกผ่อนสินค้าไอที เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือแม้แต่ท่องเที่ยว ได้ง่าย ๆ ด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ

รับเครดิตเงินคืน และส่วนลดร้านค้า

  • สิทธิพิเศษจากร้านค้าชั้นนำ ห้างสรรพสินค้า สายการบิน และร้านอาหาร พร้อมเครดิตเงินคืนตามเงื่อนไขการใช้จ่าย

สิทธิประโยชน์ด้านการเดินทาง

  • บัตรระดับพรีเมียม เช่น Signature หรือ JCB มอบสิทธิ์เข้าใช้ห้องรับรองสนามบิน ประกันอุบัติเหตุระหว่างการเดินทาง และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินทั่วโลก

จุดเด่นของการทําบัตรเครดิตกรุงศรี

  • มีบัตรให้เลือกหลายแบบ ครอบคลุมทั้งผู้มีรายได้น้อยจนถึงระดับพรีเมียม
  • โปรโมชั่นร่วมกับแบรนด์ชั้นนำมากมาย ทั้ง Lazada, Shopee, Grab, Agoda ฯลฯ
  • มีระบบ Krungsri Mobile App ที่ช่วยตรวจสอบรายการใช้จ่าย, วงเงิน, และแลกคะแนนได้สะดวก

ข้อควรระวังและคำแนะนำ

1. วางแผนใช้จ่ายอย่างมีวินัย

แม้บัตรเครดิตจะช่วยให้การใช้จ่ายคล่องตัว แต่หากไม่มีวินัยในการชำระเงินเต็มจำนวน อาจส่งผลให้เกิดภาระดอกเบี้ยสะสม

2. ตรวจสอบโปรโมชั่นที่ร่วมรายการเสมอ

เพื่อให้ได้รับสิทธิ์สูงสุด ควรอ่านรายละเอียดเงื่อนไขให้ครบถ้วน เช่น ยอดขั้นต่ำ หรือวัน-เวลาที่ร่วมรายการ

3. เปรียบเทียบบัตรให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์

บัตรที่เหมาะกับสายช้อปออนไลน์ อาจไม่ตรงกับคนที่เน้นเดินทางหรือต้องการสิทธิประโยชน์เรื่องประกันชีวิตและสุขภาพ

ทําบัตรเครดิตกรุงศรี เหมาะกับใคร?

การทําบัตรเครดิตกรุงศรีเหมาะกับคนที่ต้องการเครื่องมือทางการเงินที่ยืดหยุ่น มีโปรโมชั่นครอบคลุมหลายไลฟ์สไตล์ และสามารถควบคุมวินัยการเงินได้ดี หากคุณกำลังมองหาบัตรที่มีระบบสะสมแต้ม ใช้จ่ายง่าย และมีระบบออนไลน์จัดการสะดวก บัตรเครดิตกรุงศรีก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าไม่น้อยในปี 2568 นี้

เปิดบริการต่อภาษีรถออนไลน์ผ่านแอปเป๋าตัง

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม แจ้งการเปิดตัวการให้บรริการต่อภาษีรถออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกรมการขนส่งทางบก และ ธนาคารกรุงไทย จำกัดมหาชน โดยประชาชนสามารถใช้บริการได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

การพัฒนาบริการต่อภาษีรถออนไลน์ผา่นแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง เป็นอีกหนึ่งนโยบายยกระดับหน่วยงานภาครัฐด้วยเทคโนโลยีเพื่อขับเคลื่อนประเทศสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ทางกระทรวงคมนาคม ได้มีการมอบหมายให้ ขบ. พัฒนาและนำเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพเข้ามาใช้เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานรวมถึงขยายความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆทั้งภายในและภายนอกกระทรวงคมนาคม ในส่วนพิธีการเปิดให้บริการต่อภาษีรถออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวเป็นผลลัพธ์ที่เห็นผล ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง ขบ. และ ธนาคารกรุงไทย ในการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่ต้องการชำระภาษีรถยนต์ประจำปี ยกระดับการให้บริการประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม และช่วยลดภาระด้านเวลา และ ค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาแถมยังสอดรับกับนโยบายของรัฐบาลและกระทรวมคมนาคมอีกด้วย

ดอกมะลิราคาขึ้นรับวันแม่แห่งชาติ หลังตกต่ำมานาน

เปิดเผยข้อมูลจากทางด้านรองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร แจ้งว่ามะลิปลูกจำหน่ายเป็นการค้า เช่น มะลิลา มีดอกสีขาว กลิ่มหอมออกดอกตลอดปี โดยดอกจะออกมามากในช่วงฤดูร้อน ตั้งแต่เดือนมีนาคม ไปจนถึงเดือนมิถุนายน และ ฤดูฝน ตั้งแต่เดือน กรกฎาคมไปจนถึงเดือนตุลาคม ปัจจุบันประเทศไทย มีเกษตรกร ผู้ปลูกมะลิประมาณ 929 ราย มีเนื้อที่เก็บเกี่ยวมะลิ 1,845 ไร่ สำหรับแหล่งผลิตที่สำคัญได้แต่ จังหวัดนครปฐม, นครสวรรค์, กำแพงเพชร และ พิจิตร มีปริมาณผลผลิตเฉลี่ยในปี 2567/2568 ประมาณ 500-600 กิโลกรัม ต่อไร่ เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา อัตราการเติบโตในด้านปริมาณผลผลิตเฉลี่ยลดลงร้อยละ 43.59 เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวน และปัญหาเรื่องโรคและแมลง

กรมส่งเสริมการเกษตร ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการรักษาเสถียรภาพของผลผลิตมะลิในระยะยาว และสอดคล้องกับเป้าหมายของการพัฒนาเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน ได้ดำเนินโครงการทดสอบและถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มผลผลิต การผลิตมะลิอย่างต่อเนื่องตลอดปี 2568 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มผลผลิตและคุณภาพของดอกมะลิให้สามารถรับมือกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดจนลดการระบาดของโรค และ แมลงศัตรูพืช สำหรับการผลิตดอกมะลิในช่วงเทศกาลสำคัญ จากข้อมูล 2567/2568 พบว่าราคาดอกมะลิมีความผันผวนตามฤดูกาล โดยในช่วงเดือนพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ 2567 ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 500-1000 บาท ต่อกิโลกรัม เนื่องจากเป็นช่วงที่ผลผลิตน้อย ส่วนในช่วงเดือนมีนาคม – กรกฎาคม และ เดือนกันยายน – ตุลาคม เฉลี่ยอยู่ที่ 200 – 500 บาทต่อกิโลกรัม เมื่อเทียบกับปี 2566/2567 ราคาเฉลี่ยในช่วงเดือนดังกล่าวต่ำลงคิดเป็นร้อยละ 26.32 คาดว่าในช่วงเดือนสิงหาคมเป็นช่วงเทศกาลวันแม่แห่งชาติ ทำให้ดอกมะลิจะปรับตัวสูงขึ้นช่วงระยะเวลาสั้นๆ เนื่องจากตลาดมีความต้องการสูงกว่าปกติ

เพื่อให้พี่น้องเกษตรกรได้รับผลตอบแทนอย่างเป็นธรรม และผู้บริโภคสามารถเข้าถึงผลผลิตทางการเกษตรได้ในราคาที่เหมาะสม กรมส่งเสริมการเกษตร ได้ส่งเสริมให้เกษตรกรเข้าถึงการเชื่อมโยงตลาดระหว่างแหล่งผลิตกับตลาดกลางและตลาดต่างจังหวัดเพื่อปรับสมดุลของราคา โดยเกษตรกรผู้ปลูกมะลิมีช่องทางจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น เช่นตลาดชุมชน หรือ จุดจำหน่ายเฉพาะในบางพื้นที่ ประกอบกับการเพิ่มช่องทางจำหน่ายของเกษตรกร เพื่อให้ผู้บริโภคมีทางเลือกเข้าถึงผลผลิตทางการเกษตรได้หลากหลายช่องทางในราคาที่เหมาะสม

 

Chat GPT-5 ประกาศเปิดตัวปัญญาประดิษฐ์รุ่นใหม่ล่าสุด

OpenAI ประกาศเปิดตัวโมเดลปัญญาประดิษฐ์ รุ่นใหม่ GPT-5 ถูกยกให้เป็นการอัปเกรดครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เปิดตัว ChatGPT สำหรับตัวล่าสุดมีความโดดเด่นในเรื่องการเขียนโค้ด, งานเขียนเชิงสร้างสรรค์ และ การใช้เหตุผลกับโจทย์ที่ซับซ้อนพร้อมรองรับการโต้ตอบที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น และลดโอกาสให้ข้อมูลผิดพลาดลง

CEO ของ OpenAI แซม อัลท์แมน พยายามอธิบายให้คนทั่วไปเห็นภาพความแตกต่างของความสามารถแต่ละเวอร์ชั่น ChatGPT ผ่านการเปรียบเทียบกับระดับการศึกษา โดย GPT-5 เปรียบเสมือนกับผู้เชี่ยวชาญปริญญาเอกในกระเป๋า สามารถให้คำตอบเชิงลึกครอบคลุม และใช้เหตุผลได้เกือบทุกเรื่อง เมื่อเทียบกับเวอร์ชั่นก่อนหน้า GPT-4o ที่เปรียบเสมือนกับนักศึกษามหาวิทยาลัย และ GPT-3.5 จะเทียบเท่ากับระดับมัธยมปลาย

ถึงแม้ GPT-5 จะถูกพัฒนาให้เก่งขึ้นเยอะมาก แต่ยังไม่ถึงกับเป็นปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป หรือ AGI ที่หลายๆคนเรียกกัน เพราะว่าโมเดลยังขาดความสามารถบางเช่น ยกตัวอย่างเช่น การเรียนรู้แบบต่อเนื่องในขณะที่ถูกใช้งาน

ใครสามารถใช้งาน GPT-5 ได้บ้าง

ทาง OpenAI ได้ออกมายืนยันว่า ทุกคนสามารถใช้งาน ChatGPT ได้ แต่เงื่อนไขจะแตกต่างกันตามประเภทของบัญชี

  • ผู้ใช้ฟรีจะใช้ GPT-5 ได้แค่รุ่นพื้นฐาน และมีข้อจำกัด ยกตัวอย่างเช่น จำนวนครั้งที่ถามต่อวัน หรือ ต่อชั่วโมง
  • ผู้สมัครแบบจ่ายเงิน หรือ Pro ได้สิทธิ์ฟีเจอร์เต็ม และ มีโควต้าในการใช้งานสูงกว่า

จากการรายงานหลายสำนักแจ้งว่าราคาแพ็กเกจก Pro ยังอยู่ที่ราวๆ 200 ดอลลาร์ต่อเดือน ซึ่งจะให้สิทธิ์เข้าถึงฟีเจอร์ขั้นสูง และ ปริมาณการใช้งานที่มากกว่า นอกจากทาง OpenAI เผยถึงตัวเลขล่าสุดว่า ChatGPT มีผู้ใช้งานประจำสัปดาห์เกือบ 700 ล้านคน และมีธุรกิจหลายล้านรายจ่ายเงินใช้บริการ ทำให้การอัปเกรดครั้งนี้เข้าถึงผู้ใชจำนวนมหาศาลทันทีที่เปิดให้ใช้งาน

ความสามารถใหม่ล่าสุด เขียนโค้ดสร้างเว็บได้ในนาทีเดียว

เป็นความสามารถที่โหดสุดๆ สำหรับ AI ตัวล่าสุดนี้ จากการทดสอบภายใน GPT-5 พบว่าโมเดลใหม่นี้มีอัตราการเกิดความผิดพลาดในข้อมูล หรือที่เรียกกันว่า hallucinations คือการสร้างข้อมูลผิดขึ้นมา ลดลงเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนๆ มีรายงานออกมาอีกด้วยจากแหล่งข่าวว่า GPT-5 ลดอัตราข้อผิดพลาดลง 45% เมื่อเทียบกับ GPT-4o ในการทดสอบที่เปิดใช้งานเว็บค้นหา บางรายงานระบุว่าตัวเลขของข้าผิดพลาด เมื่อเทียบกับรุ่นเก่ากว่าเช่น o3 นั้นมีมากกว่า OpenAI เปิดเผยว่าข้อมูลภายใน GPT-5 สามารถใช้โทรเคนหรือหน่วยคำที่ใช้คิดน้อยลงแต่กลับได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและแม่นยำขึ้น

การเขียนโค้ด GPT-5 สามารถสร้างเว็บไซต์ หรือ แอปพลิเคชั่นที่ซับซ้อนได้จากเพียงคำสั่งเดียว หรือที่เรียกว่า prompt เช่น การสาธิตทีมวิจัยสร้างเว็บสอบภาษีฝรั่งเศสที่มีแฟลชการ์ด เกม และ แบบทดสอบเสร็จภายในไม่กี่นาที โดยโค้ดที่ได้ ดูและง่าย และ แก้ Bug ได้เร็วขึ้น

ระบบคิดอัตโนมัติ และโหลดตัวเลือกบุคลิก

ข้อแตกต่างของ GPT-5 ก็คือระบบคิดอัตโนมัติ ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องตัดสินใจเองว่าจะใช้โมเดลแบบ reasoning ที่เหมาะกับงานคิดวิเคราะห์เชิงลึก หรือ โมเดลทั่วไปที่ตอบเร็วกว่า เพราะระบบจะประเมินคำถามและเลือกวิธีคิดที่เหมาะสมให้โดยอัตโนมัติ เพื่อให้ได้คำตอบที่แม่นยำและใช้ทรัพยากรที่คุ้มค่า OpenAI ยังเพิ่มความยืดหยุ่นด้านโทรการสนทนากด้วยการาให้เลือก บุคลิก หรือ Present Personalities ของ Chatbot ได้ 4 แบบด้วนกัน

  • โทรประชดแบบ Cynic
  • โทนตรงและมีประสิทธิภาพแบบ Robot
  • โทนอบอุ่นพร้อมรับฟังแบบ Listener
  • โทรเน้นข้อมูลเชิงลึกแบบ Nerd

GPT-5 ไม่ได้เพียงปรับแค่เชิงเทคนิค แต่ยังปรับสไตล์การตอบให้เข้ากับเนื้อหาและอารมณ์ของผู้ใช้ทำให้ประสบการณ์ใช้งานใกล้เคียงกับการคุยกับคนจริงมากขึ้น นอกจากนี้ GPT-5 ยังถูกออกแบบให้เข้าใข้งานได้หลากหลายรูปแบบทั้งการพิมพ์ข้อความและการส่งภาพ รวมไปถึงการสั่งงานด้วยเสียง อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อกับบริการอย่าง Gmail, Google Calendar และ รายชื่อติดต่อได้เมื่อผู้ใช้อนุญาตเพื่อช่วยจัดการตาราง, นัดหมาย และ ติดตามอีเมลได้อย่างสะดวก