กลุ่มแบงก์หน้าห่วง หนี้เสีย NPL พุ่งแซงโควิด

 In บทความ

NPL พุ่งแซงโควิด กลุ่มแบงก์หน้าห่วง

ภายหลังประกาศผลดำเนินงานครึ่งปีของกลุ่ม ธนาคารพาณิชย์ ไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ถึงแม้การประกาศโดยรวมในด้านกำไรสุทธิ จะลดลงเพียงเล็กน้อยเฉียด 3% อยู่ที่ 65,354 ล้านบาท สำหรับกลุ่มธนาคาร หากเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปี 2568

แต่ถ้าลองเทียบกับครึ่งปีหลัง 2567 ผลดำเนินงานกลุ่มแบงก์ยังเติบโตได้โดนเด่น โดยได้กำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 132,199 ล้านบาท เติบโตขึ้น 27.44% จากช่วงเดียวกันกับปีก่อน ภายใต้ผลการประกาศโดยรวมหลักแสนล้านบาท ยังมีสิ่งที่น่าห่วงนั่นก็คือภาพรวมสินเชื่อของระบบ ธนาคารพาณิชย์ และ หนี้เสีย หรือ NPL ซึ่งเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ซึ่งมีตัวเลขว่าหลายธนาคารยังปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าสิ้นปี 2567 ถ้าหากนับย้อนกลับไปตั้งแต่โควิด-19 เมื่อปี 2563 หนี้เสียหลายแบงก์ยังปรับตัวขึ้น สวนทางกับธนาคารที่สินเชื่อลดลงในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แม้ส่วนหนึ่งมาจากฐานสินเชื่อที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้สัดส่วนเพิ่มขึ้นตาม แต่ปฎิเสธไม่ได้ว่าหลายแบงก์สินเชื่อไม่ได้เติบโต แต่หนี้เสียกลับขยายตัวเพิ่มสูงขึ้น เหล่านี้ถือว่าเป็นภาวะที่น่าห่วงอย่างมาก

หนี้เสียของกลุ่มธนาคารในไตรมาส 2 ของปี 2568 ที่ผ่านมารวมอยู่ที่ 547,976 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.97% ถ้าเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เพิ่มขึ้น 4.22% หากเทียบกับปี 2567 ที่ผ่านมา โดยธนาคารที่หนี้เสียปรับตัวสูงขึ้นในไตรมาส 2 อันดับแรกคือ ธนาคารกรุงเทพ ที่หนี้เสียปรับตัวสูงขึ้น โดยหนี้เสียรวมอยู่ที่ 105,521 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.90% หากเทียบกับไตรมาสก่อนและเพิ่มขึ้น 22.94% หากเทียบกับสิ้นปี 2567 ส่งลให้สัดส่วนหนี้ของ BBL เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3.20% หากเทียบกับ 3.0% และ 2.70% จากไตรมาสก่อนหน้า และ สิ้นปี 2567 ในขณะที่สินเชื่อของธนาคาร ปรับตัวลดลงมาอยูา่ที่ 2.71 ล้านล้านบาท ลดลง 0.33% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่ยังเพิ่มขึ้น 0.73% หากเทียบกับสิ้นปี 2567

แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ไตรมาส 2 ที่ผ่านมาหนี้เสียรวมอยู่ที่ 7,771 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.10% จากไตรมาสก่อนหน้า และ เพิ่มขึ้น 14.89% จากสิ้นปีก่อนส่งผลให้สัดส่วนหนี้เสียโดยรวมอยู่ที่ 2.59% จาก 2.51% และ 2.34% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และ สิ้นปีก่อน แต่หากดูด้านสินเชื่อโดยรวมถือว่ายังมีการเติบโตอยู่ที่ 2.99 แสนล้านบาทเพิ่มขึ้น 1.74% และ 3.53% จากไตรมาสก่อนหน้า และ สิ้นปีก่อน

อันดับที่ 3 ที่หนี้เสียปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในบรรดาธนาคาร ก็คือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา หรือ BAY ที่มีหนี้เสียโดยรวมอยู่ที่ 75,617 ล้านบาท หนี้เสียเพิ่มขึ้น 2.39% จากไตรมาสก่อนหน้า และ 2.65% จากสิ้นปีก่อน ส่งผลให้สัดส่วนหนี้เสียเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3.39% และ 3.05% จากไตรมาสก่อนหน้า และ สิ้นปี 2567 โดยสวนทางกับการปล่อยสินเชื่อไตรมาสนี้ ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 1.86 ล้านล้านบาท ลดลง 1.60% และ 1.57% หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และ เทียบกับสิ้นปีก่อน

อันดับ 4 ที่มีหนี้เสียเพิ่มขึ้น คือกลุ่มเงิน TISCO ที่หนี้เสียเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5,668 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.38% และ 3.75% หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และ เทียบกับสิ้นปี 2567 ส่งผลให้สัดส่วนหนี้เสียมาอยู่ที่ 2.41% ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า 2.42% แต่เพิ่มขึ้นหากเทียบกับสิ้นปีที่หนี้เสียอยู่ที่ 2.35%

Recent Posts

Start typing and press Enter to search