บอกต่อ สินเชื่อออนไลน์ ดีหรือไม่
ในยุคดิจิทัลที่ทุกอย่างสามารถทำได้ผ่านอินเทอร์เน็ต สินเชื่อออนไลน์กลายเป็นหนึ่งในทางเลือกที่หลายคนหันมาใช้เพื่อแก้ปัญหาทางการเงิน ทั้งในกรณีฉุกเฉินหรือเพื่อต่อยอดธุรกิจ แต่คำถามสำคัญคือ สินเชื่อออนไลน์เป็นตัวช่วยที่ดี หรือเป็นกับดักหนี้สินกันแน่? วันนี้เราจะพาคุณมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อดี ข้อเสีย และสิ่งที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจสมัครสินเชื่อออนไลน์
สินเชื่อออนไลน์คืออะไร?
สินเชื่อออนไลน์คือรูปแบบของเงินกู้ที่สามารถสมัครผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลโดยไม่ต้องเดินทางไปที่ธนาคารหรือสถาบันการเงิน กระบวนการอนุมัติรวดเร็ว ใช้เอกสารน้อย และสามารถโอนเงินเข้าบัญชีได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงหรือนาที ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละผู้ให้บริการ
ข้อดีของสินเชื่อออนไลน์
1. สมัครง่าย ไม่ยุ่งยาก
หนึ่งในข้อดีหลักของสินเชื่อออนไลน์คือขั้นตอนการสมัครที่สะดวกและรวดเร็ว ผู้กู้สามารถกรอกข้อมูลผ่านแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์โดยไม่ต้องไปสาขาธนาคาร ลดปัญหาเรื่องเอกสารที่ยุ่งยากและเวลาการอนุมัติที่ยาวนาน
2. อนุมัติไว ได้เงินเร็ว
หากเทียบกับสินเชื่อแบบดั้งเดิม สินเชื่อออนไลน์มักอนุมัติภายในไม่กี่ชั่วโมงหรือนาที โดยเฉพาะสินเชื่อจากผู้ให้บริการที่ใช้ระบบ AI หรือ Big Data ในการวิเคราะห์เครดิต ซึ่งช่วยให้ผู้กู้ได้รับเงินอย่างรวดเร็วเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
3. ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
สินเชื่อออนไลน์บางประเภท เช่น สินเชื่อบุคคลดิจิทัลหรือ Nano Finance ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ทำให้เข้าถึงง่ายสำหรับผู้ที่ไม่มีทรัพย์สินหรือต้องการกู้เงินโดยไม่ต้องเสี่ยงสูญเสียทรัพย์สินของตน
4. มีตัวเลือกที่หลากหลาย
ปัจจุบันมีผู้ให้บริการสินเชื่อออนไลน์มากมาย ทั้งจากธนาคาร สถาบันการเงิน และแพลตฟอร์ม FinTech ทำให้ผู้กู้สามารถเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขที่เหมาะสมกับตนเองได้
ข้อเสียของสินเชื่อออนไลน์
อัตราดอกเบี้ยสูง
เนื่องจากสินเชื่อออนไลน์ส่วนใหญ่ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ความเสี่ยงสำหรับผู้ให้กู้จึงสูงขึ้น ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยสูงกว่าสินเชื่อปกติ บางครั้งอัตราดอกเบี้ยต่อปีอาจสูงถึง 30-40% ซึ่งอาจทำให้ภาระหนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
วงเงินจำกัด
สินเชื่อออนไลน์มักให้วงเงินที่จำกัดเมื่อเทียบกับสินเชื่อธนาคารทั่วไป โดยเฉพาะสินเชื่อสำหรับผู้ที่ไม่มีประวัติทางการเงินหรือเครดิตสกอร์ต่ำ ซึ่งอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการทางการเงินในบางกรณี
มีโอกาสพบเจอผู้ให้บริการที่ไม่น่าเชื่อถือ
ด้วยความสะดวกของสินเชื่อออนไลน์ ทำให้มีผู้ให้บริการจำนวนมาก แต่บางรายอาจเป็นมิจฉาชีพหรือมีเงื่อนไขที่ไม่เป็นธรรม เช่น ดอกเบี้ยที่เกินกว่ากฎหมายกำหนด หรือมีค่าธรรมเนียมแอบแฝง ดังนั้นควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของผู้ให้บริการก่อนทำการสมัคร
มีผลต่อเครดิตสกอร์
การกู้เงินออนไลน์บ่อยครั้งหรือผิดนัดชำระหนี้ อาจส่งผลเสียต่อเครดิตสกอร์ของคุณ ทำให้ในอนาคตการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินแบบดั้งเดิมอาจทำได้ยากขึ้น
สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนสมัครสินเชื่อออนไลน์
- ตรวจสอบอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม – คำนวณอัตราดอกเบี้ยจริงที่ต้องจ่ายและเปรียบเทียบกับตัวเลือกอื่นๆ เพื่อให้แน่ใจว่าเหมาะสมกับสถานะทางการเงินของคุณ
- อ่านข้อกำหนดและเงื่อนไขอย่างละเอียด – อย่าลงนามในข้อตกลงใดๆ โดยไม่เข้าใจรายละเอียดเกี่ยวกับค่าปรับเมื่อผิดนัดชำระหนี้ และนโยบายการคืนเงิน
- เช็ครีวิวจากผู้ใช้งานจริง – ดูความคิดเห็นและรีวิวจากผู้ใช้รายอื่นว่าผู้ให้บริการมีความน่าเชื่อถือหรือไม่
- ไม่กู้เกินความสามารถในการชำระคืน – แม้ว่าจะสามารถกู้ได้ง่าย แต่ต้องแน่ใจว่าสามารถผ่อนชำระได้ตรงเวลา
สินเชื่อออนไลน์ดีหรือไม่?
สินเชื่อออนไลน์เป็นทางเลือกที่สะดวกและรวดเร็วสำหรับผู้ที่ต้องการเงินด่วน แต่ก็มีข้อเสียที่ต้องพิจารณา โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยที่สูงและความเสี่ยงจากผู้ให้บริการที่ไม่น่าเชื่อถือ หากคุณกำลังมองหาสินเชื่อออนไลน์ ควรเลือกผู้ให้บริการที่ได้รับการรับรองจากธนาคารแห่งประเทศไทยหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเปรียบเทียบเงื่อนไขให้ดีก่อนตัดสินใจ เพื่อให้แน่ใจว่าการกู้เงินครั้งนี้เป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดสำหรับคุณ
ประกันสังคมอัพเดทเงินชราภาพ ผู้ประกันตนต้องรู้
ประกาศล่าสุดจากทางประกันสังคมทเกี่ยวกับ เงินชราภาพ หรือ เงินบำนาญชราภาพ ได้ออกหนังสือแจ้งเตือนย้ำถึงขั้นตอน ให้รีบทำความเข้าใจก่อน จะได้รู้วิธีตั้งแต่เนิ่นๆ และ ไม่เสียเวลาสำหรับผู้ที่มีสิทธิ
สำนักงานประกันสังคม ออกมาตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับผู้ประกันตนในกรณีมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ จะได้รับเงินชราภาพ ทางสำนักงานประกันสังคมจะมีหนังสือแจ้งเตือนก่อนหรือไม่ โดยทางสำนักงานประกันสังคมได้ออกย้ำเตือนว่า จะมีการส่งมอบเอกสารแจ้งไปยังที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน โดยให้เร่งมาดำเนินการตามสิทธิที่มี ถ้าหากช้ากว่านั้น ต้องไม่เกิน 2 ปี สามารถไปแจ้งความจำนงที่สำนักงานประกันสังคมตามความสะดวกของผู้ประกันตน ยกเว้นสำนักงานใหญ่ในบริเวณกระทรวงสาธารณสุข
ขั้นตอนในการขอรับประโยชน์ทดแทน เงินชราภาพ ประกันสังคม
- ผู้ประกันตนต้องกรอกแบบ สปส. 2-01 พร้อมกับลงลายมือชื่อและนำมายื่นที่สำนักงานประกันสังคม
- เจ้าหน้าที่ตรวจสอบหลักฐานและพิจารณา
- สำนักงานประกันสังคม มีหนังสือแจ้งผลพิจารณา
- พิจารณาสั่งจ่าย
เงื่อนไข กรณีเงินบำนาญชราภาพ
- ต้องมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์
- ไม่เป็นผู้ประกันตน ทั้งมาตรา 33 และ มาตรา 39
- ผู้ประกันตนจะต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 180 เดือน ไม่ว่าระยะเวลา 180 เดือนจะติดต่อกันหรือไม่ก็ตาม
- หากเป็นเงินบำนาญชราภาพ จะจ่ายเป็นรายเดือน เงินบำเหน็จชราภาพจะจ่ายครั้งเดียว
- สอบถามข้อมูลประกันสังคมได้ที่ www.sso.go.th หรือโทนสายด่วน 1506 ให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
อัพเดทรายละเอียดบัตร American Express มีกี่แบบ
เปรียบเทียบบัตรเครดิต American Express ล่าสุด สำหรับใครที่กำลังสนใจ อยากสมัครบัตรเครดิต อเมริกันเอ็กเพรส อาจจะต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับบัตรก่อนว่า บัตรแต่ละประเภทของ AMEX มีกี่แบบ ไปเช็คกันก่อนเลยว่าบัตรแต่ละใบของ American Express มีทั้งหมดกี่แบบสามารถตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้ด้านล่าง
บัตร American Express มีทั้งหมด 5 ประเภท
- บัตร American Express Platinum
- บัตร American Express Gold Card
- บัตร American Express Green Card
- บัตร American Express Thai Platinum Credit Card
- บัตร American Express Credit Card
บัตร American Express Platinum
- ทุกๆ 25 บาทรับคะแนนสะสม 1 คะแนน
- รับ Membership Reward Plus อัตโนมัติ และยังได้รับสิทธิประโยชนเพิ่มเติมในการแลกรับของรางวัล ด้วยคะแนนสะสมที่น้อยกว่า และ สิทธิ์ในการโอนคะแนน สะสมไปยังรายการพิเศษ สำหรับผู้ที่เดินทางด้วยเครื่องบินประจำ และรายการพิเศษผู้ที่เข้าพักประจำเพื่อแลกรับรางวัลบินฟรี หรือ ที่พักฟรีได้เร็วขึ้น
- ค่าธรรมเนียมรายปี 40,000 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว
- ความคุ้มครองที่จำเป็นตามข้อกำหนดสำหรับขอวีซ่าเข้าประเทศ ในเครือเชงเก็น
- ประกันภัยอุบัติเหตุระหว่างเดินทาง คุ้มครอง 25 ล้านบาท
- ค่าใช้จ่ายการแพทย์ฉุกเฉิน การเคลื่อนย้าย ทางการแพทย์ฉุกเฉินและการส่งผู้ป่วยกลับประเทศ
- การยกเลิกการเดินทางและการเดินทางหยุดชะงัก
- ความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอก
- แผนคุ้มครองความไม่สะดวกในการเดินทาง กรณีคลาดการต่อเที่ยวบิน, กรณีกระเป๋าเดินทางล่าช้า และ กรณีกระเป๋าเดินทางสูญหาย
- ความคุ้มครอบการรับคืนสินค้า ชดเชยสูงสุดให้ไม่เกิน 32,000 บาทต่อบัญชีบัตร
- แผนพิทักษ์การซื้อสินค้าคุ้มครองสูงสุดไม่เกิน 480,000 บาทต่อบัญชีบัตร
- การรับประกันการรับรองราคาสินค้าชดเชยสูงสุด 32,000 บาทต่อบัญชีบัตร
- สิทธิพิเศษสายการบิน
- สิทธิพิเศษจากเรือสำราญและโรงแรมชั้นนำระดับโลก
- แผนบริการเดินทางสำหรับสมาชิกบัตรแพลทินัม
- บริการให้ความช่วยเหลือบนท้องถนน
- บริการให้ความช่วยเหลือขณะเดินทางต่างประเทศ
- ส่วนลดพิเศษจากหลากหลายห้องอาการโรงแรมชั้นนำของไทย
- แพลทินัมเน็ตเวิร์ค จัดขึ้นเพื่อท่านสมาชิกบัตรแพลทินัมเท่านั้น
- แผนกบิรการความช่วยเหลือสำหรับสมาชิกบัตรแพลทินัม
- ไม่มีการเรียกเก็บดอกเบี้ยหากชำระค่าใช้จ่ายครบถ้วนเต็มจำนวนตามเวลาที่กำหนด
บัตร American Express Gold Card
- ทุกๆการใช้จ่าย 25 บาท รับคะแนนสะสม 1 คะแนน
- เข้าร่วมรายการ Membership Reward อัตโนมัติ เพื่อแลกรับของรางวัล มากมายเช่น ช้อปปิ้ง, รับประทานอาหาร, รายการบันเทิง และ บัตรกำนัล
- ค่าธรรมเนียมรายการ 3,210 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว
- การประกันภัยอุบัติเหตุระหว่างเดินทาง คุ้มครองสูงสุด 2 ล้านบาท
- แผนคุ้มครองความไม่สะดวกในกาสรเดินทางกรณีคลาดการต่อเทียวบิน, กระเป๋าเดินทางล่าช้า, กระเป๋าเดินทางสูญหาย
- ความคุ้มครองการรับคืนสินค้าชดเชยสูงสุดให้ไม่เกิน 32,000 บาทต่อบัญชีบัตร
- แผนพิทักษ์การซื้อสินค้าคุ้มครองสูงสุดไม่เกิน 240,000 บาท ต่อบัญชีบัตร
- การรับประกันการรับรองราคาสินค้าชดเชยสูงสุดให้ไม่เกิน 32,000 บาทต่อบัญชีบัตร
- ดอกเบี้ย 16% ต่อปี
- ระยะเวลาการชำระคืนโดยปลอดดอกเบี้ย หากชำระตามกำหนด สูงสุด 55 วันจากวันสรุปยอดบัญชี
บัตร American Express Green Card
- ทุกๆการใช้จ่าย 25 บาท รับคะแนนสะสม 1 คะแนน
- เข้าร่วมรายการ Membership Reward โดยอัตโนมัติ เพื่อแลกรับรางวัลมากมายอาทิช้อปปิ้ง ท่องเที่ยว รับประทานอาหาร รายการบันเทิง และ บัตรกำนัล
- ค่าธรรมเนียมรายปี 1,765 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว
- การประกันภัยอนุบัติเหตุระหว่างเดินทางคุ้มครองสูงสุด 1.5 ล้านบาท
- แผนคุ้มครองความไม่สะดวกในการเดินทางกรณีคลาดต่อเที่ยวบิน, กรณีกระเป๋าเดินทางล่าช้า, กรณีกระเป๋าเดินทางสูญหาย
- แผนพิทักษ์การซื้อสินค้าคุ้มครองสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาทต่อบัญชีต่อบัตร
- ไม่มีเรียกเก็บดอกเบี้ย เพียงชำระค่าใช้จ่ายโดยครบถ้วนเต็มจำนวนตามกำหนดเวลา
บัตร American Express Thai Platinum Credit Card
- ทุกๆการใช้จ่าย 25 บาท รับคะแนนสะสม 1.5 คะแนน
- รับไมล์สะสม 2 เท่าเมื่อชำระค่าบัตรโดยสารสายการบินไทย หรือ แพ็กเกจทัวร์เอื้องหลวงที่สำนักงานของการบินไทยในประเทศไทย, เว็บไซต์การบินไทย และ อเมริกันเอ็กซ์เพรส แทรเวิล เซอร์วิส
- ค่าธรรมเนียมรายปี 4,280 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว
- แผนประกันอุบัติเหตุการเดินทาง สูงสุด 10,000,000 บาท
- แผนคุ้มครองความไม่สะดวกในการเดินทาง กรณีคลาดการต่อเที่ยวบิน, กรณีกระเป๋าเดินทางล่าช้า, กรณีกระเป๋าเดินทางสูญหาย
- สิทธิพิเศษเลื่อนสถานสู่สมาชิกบัตรทองรอยัล ออร์คิดพลัส
- สิทธิพิเศษแลกรับรางวัลเดินทางสำหรับเพื่อนร่วมเดินทางด้วยไมล์สะสมเพียง 50%
- สิทธิพิเศษรับเพิ่ม 50% โบนัสไมล์สะสม สำหรับเส้นทางการบินที่กำหนด
- รับอภินันทนาการบัตรโดยสารชั้น 1 ที่นั่ง เมื่อเดินทางบนที่นั่งชั้น 1 สายการบินไทยครบทุก 7.5 ที่นั่ง ไป-กลับ หรือ ครบ 15 เที่ยวบิน
- ดอกเบี้ย 16% ต่อปี
- ระยะเวลาการชำระคืนโดยปลอดดอกเบี้ย หากชำระตามที่กำหนด สูงุสด 55วัน หลังจากวันสรุปยอดบัญชี
สมัครบัตร American Express Platinum
ราคาทองคำยังคงขึ้นต่อเนื่องหลังมีประกาศขึ้นภาษีรอบใหม่
ราคาทองคำทั้งในประเทศไทย และ ต่างประเทศ ต่างปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากการขึ้นภาษีของสหรัฐอเมริกา ซึ่งขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ ตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา ทะลุระดับ 2,900 ดอลลาร์เป็นครั้งแรก หลังจากได้แรงหนุน จากการขู่ขึ้นภาษีใหม่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
สำนักข่าวรอยเตอร์ส ได้ออกมารายงานถึงราคาทองคำตลาดโลก พอว่าทองคำตลาดโลก หรือ Spot Gold ราคาพุ่งสูงขึ้น 1.6% ทำให้ถึงระดับ 2,905.24 ดอลลาส์ต่อออนซ์ เมื่อเวลา 13.45 น. ตามเวลาสหรัฐอเมริกา หลังจากแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 2,911.30 ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์ข้อมูลโบรกเกรอ์ของสหรัฐชื่อดัง ได้ออกมาระบุว่า สงครามภาษีที่อยู่เบื้องหลังการเพิ่มขึ้นครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความไม่แน่นอน และความตึงเครียดที่เพิ่มมากขึ้น ในสถานการณ์การค้าโลก
ทรัมป์ได้ออกมาประกาศแผนที่จะทำการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้น 25% สำหรับการนำเข้าเหล็ก และ อลูมิเนียมทั้งหมด นอกจากนี้เข้ายังได้ประกาศอีกด้วยว่า จะทำการจัดเก็บภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ในสัปดาห์นี้ โดยจะทำการจัดเก็บในอัตราที่เท่ากันกับประเทศอื่นๆ กำหนดและจะนำไปใช้ในทันที
การขึ้นภาษีศุลกากรอาจทำให้เงินเฟ้อของสหรัฐรุนแรงขึ้น โดยนักลงทุนจะรอข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค และ ดัชนีราคาผู้ผลิต ที่จะเผยแพร่ในช่วงปลายสัปดาห์นี้ ถ้าหากข้อมูลของดัชนีราคาผู้บริโภค และ ดัชนีราคาผู้ผลิต ออกมาต่ำกว่าคาด อาจจะส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่า และ ทำให้ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้น และถ้าหากข้อมูลออกมาสูงเกิดคาด อาจจะส่งให้พันธบัตรของสหรัฐพุ่งสูงขึ้น และ กดราคาทองคำลง
ราคาทองคำแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งที่ 7
ราคาทองคำโลกแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งที่ 7 ของปีนี้ เป็นผลมาจากการขู่ขึ้นภาษีของทรัมป์ซึ่งทำให้เกิดความไม่แน่นอน เกี่ยวกับการเติมโตของเศรษฐกิจโลก, สงครามการค้า และ อัตราเงินเฟ้อที่สูง ทำให้ผู้ลงทุนหันมาซื้อทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย และนี่ก็เป็นเหตุให้ราคาทองคำโลกพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนั่นเอง
ราคาทองคำในประเทศไทย 5 ปี ย้อนหลัง
วันนี้เรามาดูราคาทองคำในประเทศไทย ของเรากันสำหรับคนที่กำลังวางแผนจะลงทุนในทองคำ ไม่ว่าจะเป็นทองคำแท่ง หรือ ทองคำรูปพรรณ ว่าน่าลงทุนหรือไม่
- ปี 2564 ราคาทองคำ +1,800 บาท
- ปี 2565 ราคาทองคำ +1,200 บาท
- ปี 2566 ราคาทองคำ +3,800 บาท
- ปี 2567 ราคาทองคำ +8,750 บาท
- ปี 2568 ตั้งแต่เดือน มกราคม 2568 ถึง กุมภาพันธ์ 2568 ราคาทองคำ +4,950
เปิดเคล็ดลับในการลดภาระดอกเบี้ยบัตรเครดิต
แม้ว่าดอกเบี้ยบัตรเครดิตจะสูง แต่ยังมีวิธีที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายได้ การใช้บัตรเครดิตอย่างชาญฉลาดจะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดโดยไม่ต้องเสียค่าดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียมที่ไม่จำเป็น สิ่งสำคัญที่สุดคือ การมีวินัยทางการเงิน และ ชำระเงินตรงเวลา เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาหนี้สินสะสม หากคุณสามารถวางแผนการใช้จ่ายและบริหารบัตรเครดิตได้ดี บัตรเครดิตจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณมีความคล่องตัวทางการเงิน และสามารถใช้ประโยชน์จากสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่
6 เคล็ดลับในการลดภาระดอกเบี้ย จากบัตรเครดิต
- ชำระยอดค้างชำระเต็มจำนวนทุกเดือน
หากเป็นไปได้ ควรชำระยอดใช้จ่ายทั้งหมดในรอบบิลนั้น ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการคิดดอกเบี้ย เพราะการชำระเพียงขั้นต่ำจะทำให้ยอดหนี้พอกพูนขึ้นเรื่อย ๆ - หลีกเลี่ยงการชำระล่าช้า
การจ่ายเงินล่าช้าไม่เพียงแต่ทำให้เกิดดอกเบี้ย แต่ยังมีค่าปรับที่อาจสูงถึง 200 – 300 บาทต่อครั้ง ทางที่ดีควรตั้งระบบหักบัญชีอัตโนมัติหรือแจ้งเตือนวันครบกำหนดชำระ - ไม่ใช้บัตรเครดิตในการเบิกถอนเงินสด
ค่าธรรมเนียมและดอกเบี้ยจากการเบิกถอนเงินสดสูงกว่าการใช้บัตรกดเงินสดหรือสินเชื่อส่วนบุคคล หากจำเป็นต้องใช้เงินสด ควรพิจารณาทางเลือกอื่นที่มีต้นทุนต่ำกว่า - เลือกใช้บัตรเครดิตที่มีโปรโมชั่นปลอดดอกเบี้ย
บางธนาคารมีโปรโมชั่นปลอดดอกเบี้ยนาน 3-6 เดือนสำหรับการซื้อสินค้าบางประเภท หรือผ่อน 0% ควรใช้สิทธิ์เหล่านี้ให้เกิดประโยชน์ - พยายามลดจำนวนบัตรเครดิต
การมีหลายบัตรอาจทำให้ใช้จ่ายเกินตัวและมีโอกาสชำระล่าช้าหรือไม่ครบจำนวน การมีบัตรเพียง 1-2 ใบที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์จะช่วยให้จัดการเงินได้ง่ายขึ้น - รีไฟแนนซ์หนี้บัตรเครดิต
หากมีหนี้บัตรเครดิตจำนวนมากที่ดอกเบี้ยสูง อาจพิจารณารีไฟแนนซ์โดยเปลี่ยนไปใช้สินเชื่อส่วนบุคคลที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าเพื่อช่วยลดภาระดอกเบี้ยในระยะยาว
ขั้นตอนและวิธีคิด ดอกเบี้ยบัตรเครดิต
บัตรเครดิตเป็นเครื่องมือทางการเงินที่มอบความสะดวกสบายในการใช้จ่ายและเสริมสภาพคล่องทางการเงินในยามจำเป็น อย่างไรก็ตาม การใช้บัตรเครดิตอย่างไม่ระมัดระวังอาจนำไปสู่การเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม โดยเฉพาะดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจากการชำระเงินไม่เต็มจำนวนหรือไม่ตรงเวลา การเข้าใจวิธีการคำนวณดอกเบี้ยบัตรเครดิตจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ถือบัตรสามารถบริหารจัดการการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดอกเบี้ยบัตรเครดิตคืออะไร?
ดอกเบี้ยบัตรเครดิตคือค่าตอบแทนที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินเรียกเก็บจากผู้ถือบัตรเมื่อมีการใช้วงเงินเครดิตและไม่ได้ชำระคืนเต็มจำนวนภายในระยะเวลาที่กำหนด ดอกเบี้ยนี้จะถูกคำนวณตามอัตราที่กำหนดไว้และขึ้นอยู่กับจำนวนวันที่ค้างชำระ
สาเหตุที่ทำให้เกิดดอกเบี้ยบัตรเครดิต
- ชำระเงินไม่เต็มจำนวนหรือชำระขั้นต่ำ: เมื่อผู้ถือบัตรเลือกชำระเงินเพียงบางส่วนหรือชำระขั้นต่ำตามที่ธนาคารกำหนด ส่วนที่เหลือจะถูกคิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ทำรายการจนถึงวันที่ชำระเงิน
- ชำระเงินล่าช้า: หากผู้ถือบัตรชำระเงินหลังจากวันที่กำหนด ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยจากยอดค้างชำระทั้งหมดตั้งแต่วันที่ทำรายการ นอกจากนี้ยังอาจมีค่าธรรมเนียมการชำระล่าช้าเพิ่มเติม
- การเบิกถอนเงินสดล่วงหน้า: การใช้บัตรเครดิตเพื่อเบิกถอนเงินสดจะทำให้เกิดดอกเบี้ยทันทีตั้งแต่วันที่เบิกถอน โดยไม่มีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย และยังมีค่าธรรมเนียมการเบิกถอนเพิ่มเติม
อัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้อง
อัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตในประเทศไทยถูกกำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย โดยปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่ธนาคารสามารถเรียกเก็บได้อยู่ที่ 16% ต่อปี นอกจากนี้ยังมีค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ที่ผู้ถือบัตรควรทราบ เช่น ค่าธรรมเนียมการเบิกถอนเงินสด ค่าธรรมเนียมการชำระเงินล่าช้า และค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินต่างประเทศ
วิธีการคำนวณดอกเบี้ยบัตรเครดิต
การคำนวณดอกเบี้ยบัตรเครดิตจะแตกต่างกันไปตามสถานการณ์การชำระเงิน ดังนี้:
- กรณีชำระขั้นต่ำตรงเวลาเมื่อผู้ถือบัตรชำระเงินขั้นต่ำตามที่ธนาคารกำหนด ดอกเบี้ยจะถูกคำนวณจากยอดเงินที่ยังไม่ได้ชำระเต็มจำนวน โดยมีวิธีการคำนวณดังนี้:
- ดอกเบี้ยจากยอดเงินต้น: คำนวณจากวันที่ทำรายการถึงวันก่อนวันชำระเงินดอกเบี้ย=ยอดใช้จ่าย×อัตราดอกเบี้ยต่อปี×จำนวนวัน/365ดอกเบี้ย = ยอดใช้จ่าย × อัตราดอกเบี้ยต่อปี × จำนวนวัน / 365
- ดอกเบี้ยจากยอดค้างชำระ: คำนวณจากยอดเงินที่ยังไม่ได้ชำระหลังจากชำระขั้นต่ำดอกเบี้ย=ยอดค้างชำระ×อัตราดอกเบี้ยต่อปี×จำนวนวัน/365ดอกเบี้ย = ยอดค้างชำระ × อัตราดอกเบี้ยต่อปี × จำนวนวัน / 365
ตัวอย่าง:
นาย A ใช้บัตรเครดิตซื้อสินค้ามูลค่า 30,000 บาท ในวันที่ 1 มกราคม วันสรุปยอดบัญชีคือวันที่ 15 ของเดือน และวันครบกำหนดชำระเงินคือวันที่ 30 ของเดือน อัตราดอกเบี้ย 16% ต่อปี นาย A ชำระเงินขั้นต่ำ 10% ของยอดค้างชำระในวันที่ 30 มกราคม
- ดอกเบี้ยจากยอดเงินต้น:30,000บาท×1630,000 บาท × 16% × 29 วัน (1 ม.ค. – 29 ม.ค.) / 365 = 380.27 บาท
- ดอกเบี้ยจากยอดค้างชำระ:ยอดค้างชำระหลังชำระขั้นต่ำ = 30,000 บาท – 3,000 บาท = 27,000 บาท
27,000บาท×1627,000 บาท × 16% × 15 วัน (30 ม.ค. – 14 ก.พ.) / 365 = 177.26 บาท
ดังนั้น ดอกเบี้ยรวมที่นาย A ต้องชำระคือ 380.27 บาท + 177.26 บาท = 557.53 บาท
- กรณีชำระเต็มจำนวนแต่ล่าช้าหากผู้ถือบัตรชำระยอดค้างชำระเต็มจำนวนแต่หลังจากวันครบกำหนด ดอกเบี้ยจะถูกคำนวณจากยอดเงินต้นตั้งแต่วันที่ทำรายการจนถึงวันที่ชำระเงิน
ตัวอย่าง:
นาย B ใช้บัตรเครดิตซื้อสินค้ามูลค่า 20,000 บาท ในวันที่ 1 มีนาคม วันสรุปยอดบัญชีคือวันที่ 15 ของเดือน และวันครบกำหนดชำระเงินคือวันที่ 30 ของเดือน นาย B ชำระเงินเต็มจำนวนในวันที่ 5 เมษายน
- ดอกเบี้ยจากยอดเงินต้น:20,000บาท×1620,000 บาท × 16% × 35 วัน (1 มี.ค. – 4 เม.ย.) / 365 = 307.40 บาท
นอกจากดอกเบี้ยนี้ นาย B อาจต้องเสียค่าธรรมเนียมการชำระล่าช้าเพิ่มเติมตามที่ธนาคารกำหนด
- กรณีเบิกถอนเงินสดล่วงหน้าการเบิกถอนเงินสดจากบัตรเครดิตจะทำให้เกิดดอกเบี้ยทันทีตั้งแต่วันที่เบิกถอน และไม่มีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยเหมือนการใช้จ่ายผ่านบัตร นอกจากนี้ยังมีค่าธรรมเนียมการเบิกถอนเงินสดเพิ่มเติม ซึ่งปกติจะอยู่ที่ประมาณ 3% ของยอดที่เบิกถอน และยังต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 7% บนค่าธรรมเนียมอีกด้วย
ตัวอย่างการคำนวณดอกเบี้ยจากการเบิกถอนเงินสด
นาย C เบิกถอนเงินสดจากบัตรเครดิตจำนวน 10,000 บาท ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ อัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตอยู่ที่ 16% ต่อปี และค่าธรรมเนียมการเบิกถอนเงินสดอยู่ที่ 3% โดยนาย C ทำการชำระเงินคืนเต็มจำนวนในวันที่ 15 กุมภาพันธ์
- ค่าธรรมเนียมการเบิกถอนเงินสด10,000×3%=300บาท10,000 × 3\% = 300 บาทค่าธรรมเนียมนี้จะถูกคิดเพิ่มเข้าไปในยอดหนี้รวมทันที
- ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) บนค่าธรรมเนียม300×7%=21บาท300 × 7\% = 21 บาทดังนั้นค่าธรรมเนียมทั้งหมดที่ต้องจ่ายคือ 321 บาท
- ดอกเบี้ยจากการเบิกถอนเงินสด
คำนวณดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. – 14 ก.พ. (14 วัน)(10,000+321)×16%×14/365=63.80บาท(10,000 + 321) × 16\% × 14 / 365 = 63.80 บาทดอกเบี้ยรวมที่นาย C ต้องชำระคือ 63.80 บาท และค่าธรรมเนียมเบิกถอนเงินสด 321 บาท
รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด = 10,000 + 321 + 63.80 = 10,384.80 บาท
จากตัวอย่างนี้จะเห็นได้ว่าการเบิกถอนเงินสดจากบัตรเครดิตมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงหากไม่จำเป็น
อัพเดทสิทธิลงทะเบียน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568
บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568 โครงการช่วยเหลือจากรัฐบาลไทย ได้เปิดรายละเอียด เงินช่วยเหลือ และ เงินเยียวยา กลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุ และ คนพิการ ที่สามารถลงทะเบียนเพื่อขอรับสิทธิ ซึ่งเงื่อนไขจะต้องเป็นกลุ่มคนที่ไม่ติดรายได้ที่เกินเกณฑ์
กระทรวงการคลัง ได้แจ้งเตือนล่วงหน้า ในเดือนีนาคม 2568 สามารถลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568 ผ่าน Super App หรือ แอปทางรัฐ ในการวางกรอบลงทะเบียนครั้งใหม่ ซึ่งมีข้อมูล ลำดับขั้นตอนที่ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568 สำหรับคุณสมบัตินั้น จะต้องมีอะไรบ้าง สามารถเช็ครายชื่อบัตรคนจน 2568 รัฐบาลจ่าย 1,545 บาท ใครที่ได้รับเงินบ้างอัพเดทด้านล่าง
หลังจากลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ได้เข้าสู่ปีที่ 2 ซึ่งจะมีการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ โดยกระทรวงการคลัง ได้มีการแจ้งว่าจะเปิดให้ประชาชนคนไทย ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568 หรือ บัตรคนจน รอบใหม่ ช่วงเวลานี้กำลังจะครบ 2 ปี หลังจากรอบล่าสุดที่ได้เปิดลงทะเบียนเมื่อปลายปี 2565 เพื่อเป็นการทบทวนคุณสมบัติของผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการใหม่
ทางด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้เปิดเผยก่อนหน้านี้ ว่าที่ประชุมได้รับทราบ และ ได้หารือเกี่ยวกับการเปิดให้ลงทะเบียนโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ ซึ่งจะเริ่มก่อนสิ้นเดือนมีนาคม 2568 ในส่วนของรายละเอียด ข้อมูลการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่นั้น สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ด้านล่าง
- เปิดรับลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568
- ตรวจสอบคุณสมบัติข้อมูลผู้ลงทะเบียน และ สมาชิกในครอบครัวของผู้ลงทะเบียน
- ประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติ
- เริ่มใช้สิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568 ผ่านบัตรประจำตัวประชาชน
ใครสามารถลงทะเบียน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้บ้าง และ หลักเกณฑ์ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568 แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม
- กลุ่มเดิม คนเคยมีบัตรแล้ว ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรคนจน ในปัจจุบัน 14.5 ล้านคน ไม่ต้องทำการลงทะเบียนใหม่ ทางกระทรวงการคลัง จะนำรายชื่อไปคัดกรองสิทธิอัตโนมัติ
- กลุ่มผู้ลงทะเบียนใหม่ คนยังไม่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ทั่วไทยมีอยู่ราวๆ 10 ล้าน คนกลุ่มนี้ยังไม่เคยได้รับสิทธิมาก่อน ซ่งมาจากประชาชน อายุครบ 18 ปีที่ได้ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ปรากฎว่ายังมีกลุ่มตกหล่นจำนวน 8 แสนคน ที่ยังไม่มายืนยันตัวตน
โหลดแอปฟรี ทางรัฐ เข้าระบบรอยืนยันตัวตนรับสิทธิ ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568
ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568 ยืนยันตัวตนเพื่อรับสิทธิ จะเริ่มได้ก่อนสิ้นเดือนมีนาคม 2568 โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อศึกษาการลงทะเบียนผ่านแอปทางรัฐ หรือ Super App และขั้นตอนการลงทะเบียน ที่อำนวยความสะดวกให้กับประชาชน
คุณสมบัติคนมีสิทธิลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568
- ต้องเป็นบุคคลที่มีสัญชาติไทย
- มีอายุตั้งแต่ 18 ปี บริบูรณ์ขึ้นไป
- มีรายได้คนละไม่เกิน 100,000 บาทต่อเดือน หรือ ภายในครอบครัวมีรายได้เฉลี่ยไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปี รวมไปถึงกลุ่มเปราะบาง ผู้มีรายได้น้อย, ผู้สูงอายุ และ คนพิการ
- ทรัพย์สินทางการเงินได้แก่ เงินฝาก, พันธบัตร, ตราสารหนี้ต่างๆ ต้องไมเ่กิน 100,000 บาทต่อคนหรือ ในระดับครอบครัวไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปีเช่นเดียวกัน
- ต้องไม่มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ หรือ ที่ดิน เกินจากเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนด
- ไม่มีบัตรเครดิต
- ไม่มีวงเงินกู้บ้านตั้งแต่ 1.5 ล้านบาทขึ้นไป
- ไม่มีวงเงินกู้ซื้อรถ ตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป
- ไม่เป็นภิกษุ สามเณร ผู้ต้องขัง บุคคลที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ ข้าราชการ พนักงานราชการ ผู้รับบำเหน็จรายเดือน ผู้รับบำนาญ ข้าราชการการเมือง ราวมถึง สส. และ สว.
- กรณีไม่มีครอบครัว ห้องชุดต้องไม่เกิน 35 ตร.ม. และ ที่ดินที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตร ไม่เกิน 1 ไร่ และ ใช้ในการเกษตร ไม่เกิน 10 ไร่ มีบ้านพร้อมที่ดิน บ้านเดียว ทาวน์เฮาส์ ตึกแถว ไม่เกิน 25 ตร.ว. และ รวมกันหมดแล้วพื้นที่การเกษตร ไม่เกิน 10 ไร่
- รายละเอียดบัตรคนจน 2568 รัฐบาลจ่าย 1,545 บาทใครได้เงินบ้าง
- วงเงินซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค 300 บาทต่อคนต่อเดือน
- วงเงินค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ 750 บาท ต่อคนต่อเดือน
- วงเงินส่วนลดค่าก๊าซหุงต้ม 80 บาท ต่อคนต่อ 3 เดือน
- มาตรการบรรเทาภาระค่าน้ำประปา 100 บาท ต่อครัวเรือน ต่อเดือน
- มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้า 315 บาท ต่อครัวเรือนต่อเดือน
บทลงโทษการไม่ยื่นแบบ ภ.ง.ด. 90/91
อัพเดทล่าสุดจากกรมสรรพากร ประชาชน ผู้ประกอบ ข้าราชการ พ่อค้าแม่ค้า ออนไลน์ รวมถึงผู้ขับรถส่งอาหาร Youtuber และ Influencer ให้ระวังบทลงโทษ หรือไม่ยื่นภาษีแบบ ภ.ง.ด. 90/91 อัพเดตล่าสุด สำหรับบทลงโทษสามารถดูเพิ่มเติมได้ด้านล่าง
บทลงโทษของการไม่ยื่นแบบ ภ.ง.ด. 90/91 และ ชำระภาษี
- ไม่ยื่นแบบฯ หรือ ชำระภาษีเกินกำหนดเวลามีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท กรณีไม่ได้ยื่นแบบ ภ.ง.ด. 90/91
- เสียเงินเพิ่มร้อยละ 1.5 ต่อเดือน ของภาษีที่ต้องชำระ
เจ้าพนักงานตรวจสอบออกหมายเรียกและพอว่าไม่ได้ยื่นแบบฯ หรือ ยื่นแบบแต่ชำระภาษีต่ำไป
- โทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท กรณีไม่ได้ยื่นแบบ
- เบี้ยปรับ 1 เท่า หรือ 2 เท่าของภาษีที่ต้องชำระ
- เสียเงินเพิ่มร้อยละ 1.5 ต่อเดือนของภาษีที่ต้องชำระ
เจ้าพนักงานตรวจสอบ ออกหมายเรียกและพอว่าเจตนาไม่ยื่นแบบฯ เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษี
- โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปีหรือ ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
- เบี้ยปรับ 2 เท่าของภาษีที่ต้องชำระ
- เสียเงินเพิ่มร้อยละ 1.5 ต่อเดือนของภาษีที่ต้องชำระ
จงใจแจ้งข้อความเท็จ หรือ แสดงหลักฐานเท็จ เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษี
- โทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือนถึง 7 ปี
- โทษปรับตั้งแต่ 2,000 บาท ถึง 200,000 บาท
ทางกรมสรรพากร ยังได้ออกมาแจ้งถึงผู้ประกอบการ พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ รวมไปถึงผู้ขับรถส่งอาหาร Youtuber และ Influencer กรณีที่มีเงินได้ในปี 2567 ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภ.ง.ด. 90/91 ได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2568 ในกรณีที่ทำการยื่นผ่าน D-MyTax หรือ Digital MyTax และ ระบบ e-Filing รวมถึง Application RD Smart Tax ของกรมสรรพากร สามารถยื่นได้ถึงวันที่ 8 เมษายน 2568 ทางกรมสรรพากรได้อำนวยความสะดวก สำหรับผู้ที่ยื่นแบบออนไลน์ สามารถใช้บริการ Prefill ข้อมูลเงินได้ และ ค่าลดหย่อนบนระบบ D-MyTax
ถ้าหากข้อมูลไม่ถูกต้องครบถ้วน สามารถปรับปรุงข้อมูลก่อนที่จะทำการยื่นแบบออนไลน์ได้ทันที และ เพื่อเป็นการสร้างความเป็นธรรม ในการเสียภาษีกรมสรรพากรจะดำเนินการด้วยมาตรการที่เข้มงวด สำหรับกลุ่มผู้มีเงินได้ ที่ไม่ได้ยื่นแบบ หรือ ยื่นไม่ครบถ้วน โดยกรมสรรพากร จะนำข้อมูลทั้งจากแหล่งภายใน และ ภายนอก มาประมวลผล และ ใช้ติดตามจัดเก็บภาษี
การรีไฟแนนซ์รถยนต์เป็นวิธีที่ช่วยลดภาระทางการเงินสำหรับผู้ที่กำลังผ่อนชำระค่างวดรถอยู่ โดยการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการผ่อนชำระให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน บทความนี้จะอธิบายขั้นตอนและเอกสารที่จำเป็นในการรีไฟแนนซ์รถยนต์อย่างละเอียด
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง:
- 5 ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์รถยนต์ให้ผ่อนน้อยลง
- รวมขั้นตอนรีไฟแนนซ์รถยนต์ พร้อมค่าใช้จ่ายที่ต้องรู้
- รีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมด 2568 ทำได้หรือไม่ ที่ไหนดี
รีไฟแนนซ์รถยนต์คืออะไร?
การรีไฟแนนซ์รถยนต์คือการขอสินเชื่อใหม่จากสถาบันการเงินเพื่อนำมาชำระหนี้สินเชื่อรถยนต์เดิมที่ยังผ่อนไม่หมด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงเงื่อนไขการผ่อนชำระ เช่น ลดอัตราดอกเบี้ย ขยายระยะเวลาผ่อนชำระ หรือปรับยอดค่างวดให้เหมาะสมกับความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้
ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์รถยนต์
- ตรวจสอบเงื่อนไขสินเชื่อปัจจุบันก่อนดำเนินการรีไฟแนนซ์ ควรตรวจสอบรายละเอียดสินเชื่อเดิมที่มีอยู่ เช่น อัตราดอกเบี้ยปัจจุบัน ยอดเงินคงเหลือ และค่าธรรมเนียมในการปิดบัญชีก่อนกำหนด ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยในการประเมินความคุ้มค่าของการรีไฟแนนซ์
- เปรียบเทียบข้อเสนอจากสถาบันการเงินต่าง ๆค้นหาข้อมูลจากสถาบันการเงินหลายแห่งเพื่อเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาผ่อนชำระ และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ การเปรียบเทียบนี้จะช่วยให้คุณเลือกข้อเสนอที่เหมาะสมและคุ้มค่าที่สุด
- เตรียมเอกสารที่จำเป็นการเตรียมเอกสารอย่างครบถ้วนจะช่วยให้กระบวนการรีไฟแนนซ์เป็นไปอย่างราบรื่น เอกสารที่จำเป็นได้แก่:
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- เล่มทะเบียนรถยนต์
- เอกสารแสดงรายได้ เช่น สลิปเงินเดือนหรือหนังสือรับรองเงินเดือน
- สัญญาเช่าซื้อเดิม (ถ้ามี)
- ยื่นคำขอรีไฟแนนซ์เมื่อเตรียมเอกสารครบถ้วน ให้ยื่นคำขอรีไฟแนนซ์กับสถาบันการเงินที่เลือก โดยกรอกแบบฟอร์มและส่งเอกสารที่จำเป็น สถาบันการเงินจะพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้และประวัติสินเชื่อของคุณ
- รอการอนุมัติหลังจากยื่นคำขอ สถาบันการเงินจะใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ในการพิจารณา หากได้รับการอนุมัติ จะมีการติดต่อเพื่อดำเนินการขั้นตอนต่อไป
- ปิดบัญชีสินเชื่อเดิมเมื่อได้รับการอนุมัติ สถาบันการเงินใหม่จะชำระยอดหนี้คงเหลือกับสถาบันการเงินเดิม คุณอาจต้องชำระค่าธรรมเนียมการปิดบัญชีก่อนกำหนด (ถ้ามี)
- ลงนามในสัญญาใหม่หลังจากปิดบัญชีเดิม คุณจะต้องลงนามในสัญญาเงินกู้ใหม่กับสถาบันการเงิน พร้อมชำระค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เช่น ค่าประเมินราคารถยนต์ และค่าจดทะเบียนจำนอง
- เริ่มผ่อนชำระกับสถาบันการเงินใหม่เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนทั้งหมด คุณจะเริ่มผ่อนชำระค่างวดกับสถาบันการเงินใหม่ตามเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้
ข้อดีของการรีไฟแนนซ์รถยนต์
- ลดอัตราดอกเบี้ย: ช่วยลดภาระดอกเบี้ยที่ต้องชำระในแต่ละเดือน
- ขยายระยะเวลาผ่อนชำระ: ทำให้ค่างวดต่อเดือนลดลง เพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน
- ได้รับเงินสดส่วนต่าง: หากมูลค่ารถยนต์สูงกว่ายอดหนี้คงเหลือ คุณอาจได้รับเงินสดส่วนต่างเพื่อนำไปใช้จ่ายตามความต้องการ
สิ่งที่ควรระวัง
- ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ: เช่น ค่าประเมินราคารถยนต์ ค่าจดทะเบียนจำนอง และค่าปรับการปิดบัญชีก่อนกำหนด
- ระยะเวลาผ่อนชำระที่ยาวขึ้น: อาจทำให้ยอดดอกเบี้ยรวมที่ต้องชำระเพิ่มขึ้น
หนี้และประวัติสินเชื่อของคุณ ก่อนอนุมัติสินเชื่อใหม่ หากได้รับการอนุมัติ คุณจะต้องลงนามในสัญญาเงินกู้ใหม่เพื่อดำเนินการรีไฟแนนซ์ให้เสร็จสมบูรณ์
การประเมินสภาพรถยนต์
หลังจากที่สถาบันการเงินอนุมัติสินเชื่อแล้ว จะมีการตรวจสอบสภาพรถยนต์ก่อนทำสัญญา ซึ่งอาจรวมถึงการตรวจสอบเลขตัวถัง หมายเลขเครื่องยนต์ และสภาพโดยรวมของรถ หากรถมีสภาพสมบูรณ์ตามที่กำหนด การรีไฟแนนซ์ก็จะดำเนินการต่อไปได้
การปิดบัญชีสินเชื่อเดิมและรับเงินกู้ใหม่
เมื่อการรีไฟแนนซ์ได้รับการอนุมัติ สถาบันการเงินแห่งใหม่จะดำเนินการชำระสินเชื่อเดิมให้กับธนาคารหรือบริษัทไฟแนนซ์ที่คุณเคยใช้บริการ หลังจากนั้น เงินส่วนต่าง (ถ้ามี) จะถูกโอนเข้าบัญชีของคุณตามเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้
ข้อดีและข้อเสียของการรีไฟแนนซ์รถยนต์
ข้อดีของการรีไฟแนนซ์รถยนต์
✅ ลดค่างวดรายเดือน – หากได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง หรือมีการขยายระยะเวลาผ่อนชำระ ค่างวดในแต่ละเดือนจะลดลง ช่วยให้มีสภาพคล่องทางการเงินมากขึ้น
✅ ได้รับเงินก้อนจากส่วนต่าง – ในกรณีที่มูลค่ารถสูงกว่ายอดหนี้ที่เหลืออยู่ คุณสามารถขอรับเงินกู้เพิ่มได้ตามเงื่อนไขของสถาบันการเงิน
✅ สามารถเลือกอัตราดอกเบี้ยที่ดีกว่า – หากสถาบันการเงินใหม่เสนออัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า คุณสามารถลดภาระดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายตลอดอายุสัญญา
ข้อเสียของการรีไฟแนนซ์รถยนต์
❌ ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม – อาจมีค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์ เช่น ค่าธรรมเนียมปิดบัญชี ค่าประเมินสภาพรถ และค่าธรรมเนียมดำเนินการ
❌ ระยะเวลาผ่อนชำระยาวขึ้น – หากเลือกขยายเวลาผ่อนชำระ แม้ว่าค่างวดจะลดลง แต่ดอกเบี้ยสะสมในระยะยาวอาจสูงขึ้น
สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจรีไฟแนนซ์รถยนต์
- อัตราดอกเบี้ยใหม่คุ้มค่าหรือไม่?
- เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยระหว่างสินเชื่อเดิมและสินเชื่อใหม่ หากอัตราดอกเบี้ยใหม่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ การรีไฟแนนซ์อาจเป็นทางเลือกที่ดี
- ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ส่งผลต่อความคุ้มค่าหรือไม่?
- ตรวจสอบค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรีไฟแนนซ์ เช่น ค่าปิดบัญชีเดิม ค่าดำเนินการ และค่าโอนทะเบียนรถ
- ภาระหนี้ในปัจจุบันของคุณเป็นอย่างไร?
- หากคุณมีหนี้สินอื่น ๆ อยู่แล้ว การเพิ่มภาระสินเชื่อรถยนต์อาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด ควรประเมินสถานะทางการเงินของตนเองก่อนตัดสินใจ
- สามารถผ่อนชำระค่างวดใหม่ได้หรือไม่?
- ตรวจสอบว่าคุณสามารถรับผิดชอบค่างวดใหม่ได้โดยไม่กระทบต่อค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
ธนาคารออมสินได้เปิดตัวฟังก์ชันใหม่ “MyMo Secure Plus”
การเปิดตัวครั้งนี้จากทางธนาคารออมสิน ได้ผ่านตัวผ่าน บนแอปพลิเคชัน MyMo เพื่อเป็นการส่งเสริมสร้างความปลอดภัยในการทำธุรกรรมออนไลน์ ป้องกันการถูกมิจฉาชีพหลอกลวงและโอนเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต
ความสำคัญของ MyMo Secure Plus
ในยุคดิจิทัลที่การทำธุรกรรมออนไลน์เป็นเรื่องปกติ ความเสี่ยงจากมิจฉาชีพที่ใช้วิธีการหลอกลวงผ่านโทรศัพท์ ข้อความ หรืออีเมลเพิ่มมากขึ้น มิจฉาชีพมักแอบอ้างเป็นหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อข่มขู่หรือหลอกลวงให้เหยื่อกดลิงก์ปลอม ซึ่งอาจนำไปสู่การสูญเสียทรัพย์สิน ธนาคารออมสินจึงได้พัฒนา MyMo Secure Plus เพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว
การทำงานของ MyMo Secure Plus
เมื่อเปิดใช้งานโหมด MyMo Secure Plus ผู้ใช้จะไม่สามารถโอนเงินจากบัญชีธนาคารออมสินไปยังบัญชีผู้อื่นได้ ยกเว้นการโอนเงินไปยังบัญชีของตนเองที่ธนาคารอื่น ฟังก์ชันนี้ช่วยลดความเสี่ยงในกรณีที่ผู้ใช้เผลอกดลิงก์ปลอมหรือถูกแฮกเกอร์เข้าควบคุมอุปกรณ์ ผู้ใช้ยังคงสามารถใช้บริการอื่น ๆ ของแอป MyMo ได้ตามปกติ
วิธีการเปิดใช้งาน MyMo Secure Plus
ผู้ใช้สามารถเปิดใช้งานโหมด MyMo Secure Plus ได้ด้วยตนเองผ่านแอป MyMo โดยทำตามขั้นตอนดังนี้:
- เข้าสู่ระบบแอป MyMo
- เลือกเมนูการตั้งค่า
- เปิดใช้งานโหมด MyMo Secure Plus
ฟังก์ชันนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีความจำเป็นต้องโอนเงินบ่อยครั้ง หรือผู้ที่ต้องการเพิ่มความปลอดภัยในการจัดการเงินฝากระยะยาว
คำแนะนำเพิ่มเติมจากธนาคารออมสิน
ธนาคารออมสินย้ำว่า ไม่มีนโยบายให้ผู้บริหารหรือพนักงานโทรสอบถามข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลทางการเงิน และจะไม่ส่งลิงก์ผ่านอีเมลหรือข้อความเพื่อให้ลูกค้าดำเนินการใด ๆ หากได้รับการติดต่อที่น่าสงสัย ควรตรวจสอบข้อมูลผ่านช่องทางอย่างเป็นทางการของธนาคาร เช่น เว็บไซต์ www.gsb.or.th, แอปพลิเคชัน MyMo, เฟซบุ๊ก GSB Society, หรือ LINE Official Account: GSB NOW หากพบธุรกรรมที่ผิดปกติ ควรติดต่อ GSB Contact Center ทันที
การเปิดตัว MyMo Secure Plus เป็นการตอบสนองต่อความต้องการในการป้องกันการทุจริตทางการเงินในยุคดิจิทัล ธนาคารออมสินมุ่งมั่นในการเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับลูกค้า เพื่อให้สามารถทำธุรกรรมออนไลน์ได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยยิ่งขึ้น