รู้หรือไม่ ผู้ถือบัตรเครดิต UOB Premier สามารถรับเครื่องดื่นฟรี 1 แก้วต่อเดือน
บัตรเครดิตในปัจจุบันไม่เพียงแต่เป็นเครื่องมือทางการเงินสำหรับการใช้จ่ายและสะสมคะแนนเท่านั้น แต่ยังเป็นประตูสู่สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่ออกแบบมาให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้ถือบัตรโดยเฉพาะ หนึ่งในบัตรเครดิตที่โดดเด่นในด้านสิทธิพิเศษสำหรับผู้รักการใช้ชีวิตอย่างมีระดับ คือ บัตรเครดิต UOB Premier ซึ่งมาพร้อมกับแคมเปญ “รับเครื่องดื่มฟรี 1 แก้ว/เดือน” ที่สามารถใช้ได้กับร้านค้าที่ร่วมรายการทั่วประเทศ
รายละเอียดสิทธิพิเศษ: เครื่องดื่มฟรี 1 แก้วต่อเดือน
สิทธิประโยชน์นี้ออกแบบมาเพื่อเสริมความสุขเล็ก ๆ ให้กับการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ถือบัตร UOB Premier โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยอดจ่ายจำนวนมากก็สามารถรับสิทธิ์ได้ทุกเดือน ซึ่งมีรายละเอียดที่ควรทราบดังนี้:
1. เงื่อนไขการรับสิทธิ์
- ผู้ถือบัตรเครดิต UOB Premier ที่ยังคงสถานะบัตรใช้งานอยู่และไม่มีประวัติผิดนัดชำระ
- สามารถรับสิทธิ์ได้เดือนละ 1 แก้วเท่านั้น โดยไม่สามารถสะสมสิทธิ์ข้ามเดือนได้
- สิทธิ์นี้ไม่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดหรือใช้ร่วมกับโปรโมชั่นอื่นในร้านค้าได้
- จำกัดจำนวนสิทธิ์ต่อเดือนตามที่ธนาคารกำหนด โดยสิทธิ์อาจหมดก่อนสิ้นเดือน
2. วิธีใช้สิทธิ์
ผู้ถือบัตรสามารถแสดงบัตรเครดิต UOB Premier พร้อมแจ้งพนักงานว่าต้องการใช้สิทธิ์เครื่องดื่มฟรี ก่อนทำการชำระเงินที่ร้านค้าที่ร่วมรายการ โดยพนักงานจะตรวจสอบสิทธิ์ผ่านระบบของธนาคารแบบเรียลไทม์ และทำการหักสิทธิ์อัตโนมัติหากยังมีสิทธิ์คงเหลืออยู่ในเดือนนั้น
ร้านค้าที่ร่วมรายการ
ปัจจุบัน UOB ได้จับมือกับร้านกาแฟและคาเฟ่ชื่อดังหลากหลายแห่ง เพื่อให้ผู้ถือบัตรสามารถเลือกดื่มด่ำกับเครื่องดื่มโปรดได้อย่างอิสระ ตัวอย่างร้านค้าที่ร่วมรายการได้แก่:
- True Coffee
- Café Amazon
- Pacamara
- Inthanin Coffee
- ร้านคาเฟ่ท้องถิ่นที่ร่วมรายการในแต่ละภูมิภาค
>> สมัครบัตรเครดิต UOB Lazada ได้ที่นี่ <<
เปรียบเทียบความคุ้มค่ากับบัตรประเภทอื่น
UOB Premier กับ UOB Preferred
แม้ทั้งสองบัตรจะมีสิทธิพิเศษคล้ายกันในบางด้าน แต่ UOB Premier จะให้ความคุ้มค่ามากกว่าด้านไลฟ์สไตล์ เช่น การได้เครื่องดื่มฟรีโดยไม่มีเงื่อนไขยอดใช้จ่ายขั้นต่ำ ในขณะที่ UOB Preferred อาจเน้นที่คะแนนสะสมและ Cash Back เป็นหลัก
ความคุ้มค่าของสิทธิ์เครื่องดื่มต่อเดือน
ในมุมมองผู้ใช้งาน หากเครื่องดื่มที่เลือกรับมีมูลค่าเฉลี่ย 70–120 บาทต่อแก้ว การใช้สิทธิ์ครบ 12 เดือนจะเท่ากับได้รับมูลค่าเฉลี่ยประมาณ 900–1,200 บาท/ปี ถือว่าเป็นการคืนกำไรให้ผู้ใช้แบบสม่ำเสมอโดยไม่ต้องมีกิจกรรมเพิ่มเติม
ข้อควรรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ UOB Premier
1. สิทธิพิเศษอื่น ๆ
นอกจากเครื่องดื่มฟรีแล้ว ผู้ถือบัตร UOB Premier ยังสามารถเข้าถึงสิทธิพิเศษอื่น ๆ เช่น:
- คะแนนสะสม UOB Reward Plus ที่สามารถแลกของรางวัลหรือไมล์สายการบินได้
- สิทธิ์เข้า Lounge สนามบินในบางประเทศ
- ส่วนลดร้านอาหาร โรงแรม และบริการความงาม
2. ค่าธรรมเนียมรายปี
บัตรนี้มีค่าธรรมเนียมรายปี ซึ่งอาจขอยกเว้นได้หากมียอดใช้จ่ายตามเงื่อนไขของธนาคารในแต่ละปี โดยปกติแล้วธนาคารจะเสนอการยกเว้นค่าธรรมเนียมหากมียอดใช้สะสมเกิน 150,000 บาท/ปี
สิทธิพิเศษที่ใส่ใจในทุกวันของผู้ถือบัตร
แคมเปญเครื่องดื่มฟรี 1 แก้วต่อเดือนจากบัตรเครดิต UOB Premier เป็นอีกหนึ่งสิทธิพิเศษที่สะท้อนถึงแนวคิดของธนาคารในการส่งเสริมไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในแบบ “Smart Spending” ที่ให้ทั้งความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ รายเดือน และช่วยเพิ่มมูลค่าการถือบัตรอย่างแท้จริง หากกำลังมองหาบัตรเครดิตที่ตอบโจทย์ชีวิตยุคใหม่ การพิจารณาบัตร UOB Premier อาจเป็นทางเลือกที่ไม่ควรมองข้าม
แจ้งเตือนภัย SMS ปลอมระบาด หลอกให้คลิกขอ OTP โครงการคนละครึ่ง
ตำรวจสอบสวนกลาง แจ้งเตือนประชาชน อย่าหลงเชื่อ SMS ปลอมหลอกให้ประชาชนที่สนใจโครงการ เที่ยวไทยคนละครึ่งกดลิงก์เพื่อขอ OTP ยืนยันโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง ซึ่งทางโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งได้ออกมาย้ำเตือนว่า “ไม่มีการส่ง SMS แนบลิงก์อ้างหรัส OTP แต่อย่างใด”
วันที่ 3 กรกฎาคม 2568 ได้มีรายงานจากทางเพจตำรวจสอบสวนกลาง ได้โพสต์ข้อความเตือนภัยเรื่องระวัง SMS ปลอมหลอกให้คลิกลิงก์ขอ OTP จากโครงการ เที่ยวไทยคนละครึ่ง โดยระบุตำรวจสอบสวนกลาง หรือ CIB เตือนประชาชนให้ระวังมิจฉาชีพที่อาศัยจังหวะการลงทะเบียนโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568 ส่ง SMS หลอกลวงให้กดลิงก์ โดยอ้างว่าจะส่ง OTP ให้เพื่อยืนยันสิทธิโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง
สำหรับระบบการลงทะเบียนเที่ยวไทยคนละครึ่งครั้งนี้ ประชาชนจะต้องลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ เที่ยวไทยคนละครึ่งเท่านั้น หรือผ่านแอป Amazing Thailand เท่านั้น หลังจากนั้นระบบจะส่งรหัส OTP ไปที่อีเมลที่ลงทะเบียนเพื่อให้ท่านนำไปใช้ในการยืนยันสิทธิ ทางโครงการแจ้งย้ำเตือนอีกครั้ง ว่าจะไม่มีการส่ง SMS แนบลิงก์อ้างรหัส OTP แต่อย่างใด หากประชาชนท่านไหนได้รับ SMS แนบลิงก์ดังกล่าว ห้ามคลิกลิงก์โดยเด็ดขาด
สภาพอากาศวันนี้ อาการหนัก ฝนตกทั่ว 49 จังหวัด
กรมอุตุแจ้งเตือนฝนถล่ม 49 จังหวัด วันนี้ กรุงเทพมหานคร ไม่รอดตกหนักร้อยละ 70% ของพื้นที่ แถมยังแจ้งให้ระมัดระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากอีกด้วย
วันที่ 3 กรกฎาคม 2568 ทางด้านกรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณประเทศไทยมีฝนตกหนัก และ ฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และ ภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนในพื้นที่บริเวณดังกล่าว โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดต่างๆ ตามที่ระบุเอาไว้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจจะทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากร่องมรสุมกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนบน และ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาวตอนล่าง และ เวียดนามตอนกลาง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และ อ่าวไทย
คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทยมีกำลังปานกลางโดยทะเลอันดามันตอนบนจะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง และ อ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามัน และ อ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และ หลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองด้วย
พยากรณ์อากาศ สำหรับประเทศไทยตั้งแต่ 06.00 วันที่ 3 กรกฎาคม ถึง 06.00 วันที่ 4 กรกฎาคม 2568
- ภาคเหนือมีฝนฟ้าคะนอง 70% ของพื้นที่ บางพื้นที่มีฝนตกหนักมากบางแห่ง
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนตกร้อยละ 70% ของพื้นที่ และ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง
- ภาคกลางมีฝนตกร้อยละ 70% ของพื้นที่ และ มีฝนตกหนักบางแห่ง
- ภาคตะวันออกมีฝนตกร้อยละ 80% ของพื้นที่ และ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง
- ภาคใต้มีฝนตกร้อยละ 60% ของพื้นที่
- ภาคใต้มีฝนตกร้อยละ 60% ของพื้นที่
จังหวัดภูเก็ต ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็วลม 20-35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดกระบี่ลงไป ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนตกมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
กรุงเทพ และ ปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70% ของพื้นที่ และ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กิโลมตรต่อชั่วโมง
เจาะลึกสิทธิประโยชน์ บัตรกดเงินสด KTC
ในยุคที่ความคล่องตัวทางการเงินเป็นสิ่งจำเป็น การมีบัตรกดเงินสดที่ตอบโจทย์จึงช่วยให้ใช้ชีวิตได้สะดวกขึ้นอย่างมาก KTC เป็นหนึ่งในสถาบันการเงินที่มีผลิตภัณฑ์บัตรกดเงินสดหลากหลายรุ่น ซึ่งเหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันของผู้ใช้แต่ละคน บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกทุกมุมมองของ บัตรกดเงินสด KTC ตั้งแต่สิทธิประโยชน์ รูปแบบการใช้งาน ไปจนถึงคำแนะนำว่ารุ่นไหนเหมาะกับคุณที่สุด
ทำไมต้องเลือกบัตรกดเงินสด KTC?
บัตรกดเงินสดจาก KTC มาพร้อมจุดเด่นหลักคือ “อนุมัติง่าย – รับเงินไว – ถอนใช้เมื่อไรก็ได้” จากการเช็คเบื้องต้นพบว่าทาง KTC แจ้งในระบบ หากสมัครตอนนี้ จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับทันทีภายใน 30 นาที ในช่วงวันและวันทำการ ซึ่งถือว่าเป็นบริการสุดว้าวที่ทำถึงจริงๆ การสมัครบัตรกดเงินสดเคทีซี สามารถทำได้โดยไม่จำเป็นต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน อีกทั้งยังสามารถเลือกผ่อนชำระขั้นต่ำได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด ทำให้เป็นทางเลือกยอดนิยมของคนที่ต้องการเงินด่วนแบบไม่ต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยหนักตั้งแต่วันแรก
ข้อดีหลัก ๆ ของบัตรกดเงินสด KTC
- สมัครง่าย อนุมัติไว ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์
- กดเงินสดได้จากตู้ ATM ทั่วประเทศ
- เลือกผ่อนชำระขั้นต่ำได้ตั้งแต่ 3% หรือ 300 บาท
- ไม่มีค่าธรรมเนียมในการกดเงินสด
- รับวงเงินสูงสุดถึง 5 เท่าของรายได้
เปรียบเทียบบัตรกดเงินสด KTC รุ่นต่าง ๆ
ปัจจุบัน KTC มีบัตรกดเงินสดหลัก ๆ อยู่ 2 รุ่นที่ได้รับความนิยม ได้แก่ KTC PROUD และ KTC CASH ทั้งสองใบนี้ต่างก็มีจุดเด่นที่ตอบโจทย์ผู้ใช้แตกต่างกัน
KTC PROUD
KTC PROUD เป็นบัตรกดเงินสดยอดนิยมที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อคนที่ต้องการใช้วงเงินสำรองในระยะสั้น มาพร้อมกับฟีเจอร์สำคัญอย่างการผ่อนชำระรายเดือนแบบยืดหยุ่น และมีบริการโอนเงินเข้าบัญชีโดยตรง
- คุณสมบัติเด่น: วงเงินสูงสุด 5 เท่าของรายได้ กดเงินสดได้ 24 ชั่วโมง ไม่มีค่าธรรมเนียมเบิกถอน
- เหมาะกับใคร: พนักงานประจำหรือเจ้าของกิจการที่ต้องการเงินด่วนหมุนเวียน
- จุดเด่น: ผ่อนชำระขั้นต่ำเริ่มต้น 300 บาท หรือ 3%
สมัครบัตรกดเงินสด KTC Proud ออนไลน์ได้ที่นี่
KTC CASH
KTC CASH เหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้เงินเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะอย่าง เช่น ซ่อมบ้าน ซื้อของ หรือเป็นค่าใช้จ่ายที่วางแผนไว้แล้ว เพราะมีโปรแกรมผ่อนรายเดือนอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า
- คุณสมบัติเด่น: ผ่อนรายเดือนด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ เริ่มต้นที่ 0.93% ต่อเดือน (แบบลดต้นลดดอก)
- เหมาะกับใคร: ผู้ที่มีแผนใช้เงินในระยะกลางถึงยาว ต้องการความคุ้มค่าเรื่องดอกเบี้ย
- จุดเด่น: มีช่องทางเบิกถอนหลายแบบ ทั้งโอนเงินเข้าบัญชี หรือสั่งจ่ายเช็ค
ควรเลือกบัตรรุ่นไหนดี?
การเลือกบัตรกดเงินสดให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของคุณนั้น ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้เงินเป็นหลัก
เหมาะกับคนที่ต้องการเงินด่วนใช้ทันที ถ้าคุณมีความจำเป็นเร่งด่วน หรือมักต้องการใช้เงินในสถานการณ์ไม่คาดฝัน KTC PROUD อาจเหมาะที่สุด เพราะสามารถกดเงินได้ทันที และไม่มีค่าธรรมเนียมในการกด
เหมาะกับคนที่มีแผนใช้งานล่วงหน้า
หากคุณมีแผนจะใช้เงินอยู่แล้ว และต้องการผ่อนชำระอย่างมีระบบ KTC CASH คือทางเลือกที่คุ้มค่ากว่า เนื่องจากมีดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับรุ่นอื่น ๆ
คำแนะนำก่อนสมัครบัตรกดเงินสด
- ตรวจสอบรายได้ขั้นต่ำที่กำหนด โดยทั่วไปอยู่ที่ 12,000 – 15,000 บาทต่อเดือน
- เตรียมเอกสารให้ครบ เช่น สำเนาบัตรประชาชน, สลิปเงินเดือน, รายการเดินบัญชี
- เลือกบัตรให้ตรงกับพฤติกรรมการใช้เงินของคุณ
- เปรียบเทียบดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมอย่างละเอียด
บัตรกดเงินสด KTC ทั้งสองรุ่นต่างมีจุดเด่นและกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน หากคุณต้องการความคล่องตัวสูงในการใช้วงเงิน KTC PROUD คือตัวเลือกที่ตอบโจทย์ แต่หากคุณต้องการผ่อนรายเดือนแบบประหยัด ควบคุมดอกเบี้ยได้ง่าย KTC CASH อาจเป็นคำตอบที่ใช่ ก่อนสมัคร ควรพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ และลักษณะการใช้จ่ายของตนเองอย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้เกิดภาระทางการเงินในระยะยาว
เดือนกรกฎาคม 2568 บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จ่ายค่าอะไรบ้าง?
เงินเข้าบัญชีเรียบร้อยแล้ว สำหรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเดือนกรกฎาคม 2568 ทางด้านกรมบัญชีกลางออกมาชี้แจงเกี่ยวกับการจ่ายเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568 ซึ่งเป็นเงินช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ในเดือนกรกฎาคม 2568 นี้ว่าได้รับค่าอะไรบ้างและวงเงินซื้อของเช่น ค่าก๊าซหุงต้ม, ค่าเดินทาง ว่ามีการจ่ายทั้งหมดกี่บาทใช้สิทธิผ่านบัตรประชาชนใบเดียว นอกจากนี้เบี้ยคนพิการ จะได้รับเป็น 1,000 บาท
เปิดเผยข้อมูลจากทางด้านรองอธิบดีกรมบัญชีกลางในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐในปี 2565 ผู้ที่มีสิทธิใช้สิทธิผ่านบัตรประจำตัวประชาชนแบบ Smart Card ซึ่งในเดือนกรกฎาคม 2568 จะได้รับสิทธิ์นี้เช่นเดียวกัน
วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เป็นวงเงินสิทธิที่ไม่สามารถถอนออกมาเป็นเงินสดได้ และ ไม่สามารถสะสมเพื่อใช้ในเดือนถัดไปได้
- วงเงินซื้อสินค้า 300 ต่อคนต่อเดือน
- วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 80 บาท ต่อคนต่อ 3 เดือน ตั้งแต่ กรกฎาคม – กันยายน 2568
- วงเงินค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ 750 บาทต่อคนต่อเดือน
- ระบบขนส่งสาธาณะ ประกอบด้วย บขส. รถไฟ ขสมก. รถไฟฟ้า และ รถโดยสารเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ
วันที่ 18 กรกฎาคม 2568 เงินเพิ่มเบี้ยความพิการ 200 บาท ต่อเดือน
- สำหรับผู้ที่มีสิทธิที่เป็นคนพิการ มีบัตรประจำตัวคนพิการและได้รับเบี้ยความพิการ 800 บาทต่อเดือน
- เงินจะถูกโอนเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารที่ผูกพร้อมเพย์ด้วยเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก ของผู้ที่มีสิทธิ หรือ บัญชีเงินฝากของธนาคาร ของผู้ที่มีสิทธิ หรือ ผู้รับมอบอำนาจ ที่ใช้รับเงินเบี้ยความพิการ 800 บาท
ภาพรวมการใช้จ่าย สวัสดิการแห่งรัฐ ตั้งแต่ 1 – 30 มิถุนายน 2568
- สวัสดิการพื้นฐาน ต่อเนื่อง
- รวมทั้งหมด 4,034.80 ล้านบาท
- สินค้าอุปโภคบริโภค 3,880.76 ล้านบาท
- ค่าหุงต้ม 18.48 ล้านบาท
- ระบบขนส่งสาธารณะ 135.56 ล้านบาท
สวัสดิการที่ให้ผ่านระบบพร้อมเพย์ ด้วยเลขบัตรประชาชน หรือ บัญชีเงินฝากธนาคาร
- รวม 260.03 ล้านบาท
- เพิ่มเบี้ยความพิการ ตามมติ ครม. 260.03 ล้านบาท
สำหรับผู้ที่มีข้อสงสัย หรือ ต้องการสอบถามคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามไปได้ที่ Call Center ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 02-109-2345 หรือ Call Center กรมบัญชีกลาง 02-270-6400 ในวันเวลาราชการ
เที่ยวไทยคนละครึ่งทำพิษ คนลงทะเบียนไม่ได้รับ OTP ยืนยัน
ใครสมัครเที่ยวไทยคนละครึ่งแล้วไม่ได้ OTP บ้างยกมือขึ้น เชื่อว่าเมื่อวานนี้จนถึงวันนี้ มีหลายคนเจอปัญหาเดียวกัน นั่นก็คือการกรอกข้อมูลลงทะเบียน เที่ยวไทยคนละครึ่งแล้วไม่ได้รับรหัส OTP ทำให้ไม่สามารถลงทะเบียนเที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568 ได้ ล่าสุดทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดให้ประชาชนเข้าระบบแอป Amazing Thailand แล้ว สามารถเข้าไปใช้สิทธิ์จองด่วนได้เลย แนะนำให้ดูแผนวันหยุดยาวในเดือนกรกฎาคม 2568 เผื่อเอาไว้ด้วย
โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้มีการเปิดให้ลงทะเบียนรับสิทธิ์วันแรก เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 แต่เจอกับปัญหาใหญ่ เนื่องจากมีผู้ใช้งานจำนวนมาก ไม่สามารถรับรหัส OTP หรือ One Time Password ผ่านทาง Email ที่ลงทะเบียนเอาไว้ได้ หลังจากที่แอปพลิเคชั่น Amazing Thailand เคยล่มมาแล้วในช่วงเช้าของเมื่อวานนี้
เปิดสาเหตุทำไมลงทะเบียนแล้วไม่ได้รับ OTP
สำหรับสาเหตุที่คนไทยลงทะเบียนเที่ยวไทยคนละครึ่งแล้วไม่ได้รับ OTP เนื่องจากปัญหาของ Domain ททท. ถูก Google Block ชั่วคราว สาเหตุเพราะว่ามีการส่งอีเมลในจำนวนมาก และ ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของทาง Google
แจ้งความคืบหน้าล่าสุด เกี่ยวกับโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568 โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้มีการเปิดระบบแอป Amazing Thailand ให้สามารถลงทะเบียนเที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568 เพื่อให้ประชาชน สามารถจองใช้สิทธิ์ได้เป็นวันแรก ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไปจำนวน 500,000 สิทธิเท่านั้น โดยทางรัฐบาลจะสนับสนุนค่าที่พักในเมืองท่องเที่ยวหลัก วันธรรมดาในอัตรา 50% ไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องหรือคืน และในวันหยุดสนับสนุน 40% สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องหรือคืนเช่นกัน
OTP คืออะไร?
OTP หรือที่เรียกว่า One Time Password คือรหัสผ่านที่สามารถใช้ได้ครั้งเดียวมีตัวเลข 6 หลัก ซึ่งระบบจะสร้างขึ้นเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการทำธุรกรรมออนไลน์ โดยจะส่งไปยังอีเมล หรือ SMS โทรศัพท์มือถือของผู้ใช้งาน เพื่อใช้ตรวจสอบและยืนยันการเป็นเจ้าของบัญชีก่อนการเข้าถึง หรือ เปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนตัว สำหรับรหัส OTP มีอายุการใช้งานจำกัด และไม่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ ถือว่าเป็นส่วนสำคัญเพื่อลดความเสี่ยงจากการถูกเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต
DGA จับมือ แอปทางรัฐ ร่วมมือกับ ธปท. เปิดให้ประชาชนขอประวัติน้ำ-ไฟ
สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล หรือDGA จับมือแอปทางรัฐ ร่วมกับหน่วยงานบริการสาธารณูปโภคหลัก โดยมีการไฟฟ้านครหลวง, การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค, การประปานครหลวง และ การประปาส่วนภูมิภาค เปิดตัวบริการดิจิทัลใหม่ล่าสุด
แจ้งขอประวัติการใช้ และ ชำระค่าน้ำ – ค่าไฟ ผ่านแอปทางรัฐได้ฟรี
ข้อมูลที่ได้รับการรับรองด้วยลายเซ็นดิจิทัล หรือ Digital Signature เพื่อความปลอมภัย และ ป้องกันการปลอมแปลง ช่วยเพิ่มโอกาสให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยเฉพาะกับผู้ที่ไม่มีรายได้ประจำ บริการนี้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Your Data ที่เปิดโอกาสให้ประชาชน ใช้สิทธิในข้อมูลของตัวเอง เพื่อเข้าถึงบริการทางการเงินที่ตรงความต้องการมากยิ่งขึ้น
การขอประวัติการใช้และชำระค่าน้ำ-ค่าไฟ คืออะไร?
บริการการขอประวัติการใช้น้ำ และ ใช้ไฟ ผ่านการชำระค่าบริการค่าน้ำ-ค่าไฟ ผ่านทางแอปพลิเคชั่น ทางรัฐ สำหรับส่งให้ผู้ให้บริการทางเพื่อ เพื่อใช้ประกอบการสมัครบริการทางการเงิน ยกตัวอย่างเช่น การสมัครสินเชื่อ โดยประชาชนสามารถเข้าไปขอเพื่อใช้บริการได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
- ขอประวัติค่าน้ำ-ค่าไฟ ย้อนหลัง 6 เดือนในที่เดียว ด้วยรูปแบบดิจิทัล
- ขอเอกสาร ประวัติได้ง่ายๆ รับได้ไว และ สามารถนำไปใช้ได้เลย ไม่มีค่าใช้จ่าย
- เพิ่มโอกาสในการขอสินเชื่อผ่านจากทางธนาคาร
ประโยชน์ต่อผู้ให้บริการสินเชื่อ
สำหรับผู้ให้บริการสินเชื่อ หรือ สถาบันการเงิน ที่ได้รับข้อมูลประวัติดังกล่าว จากประชาชน สามารถนำข้อมูลไปประมวลผลได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งมีการรับรองด้วยลายมือชื่อดิจิทัล หรือ Digital Signature สามารถตรวจสอบได้ว่าข้อมูลไม่ถูกปลอมแปลงแก้ไข และ มีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการให้บริการทางเงินกับประชาชนโดยรวม
ขั้นตอนการใช้งาน
- สมัครใช้งานผ่านแอปพลิเคชั่นทางรัฐ และ ทำการยืนยันตัวตน โดยมีขั้นตอนในการสมัครใช้งานแอปพลิเคชั่น
- เปิดแอปพลิเคชั่น ทางรัฐ
- เข้าหมวดหมู่ การเงิน/ประกัน และ เลือกขอเอกสารประกอบการสมัครทางการเงิน
- เลือกหน่วยงานและมิเตอร์ที่ต้องการขอประวัติ
- ตรวจสอบข้อมูล และ กดขอเอกสาร โดยเอกสาจะถูกเก็บในมือถือ
- นำเอกสารที่เก็บในมือถือไปยื่นสมัครสินเชื่อตามช่องทางที่ผู้ให้บริการสินเชื่อกำหนด
เตือนภัยผู้สูงอายุ ต้องระวังคำพูดดูสวย แต่หลอกดูดเงินในบัญชี
แจ้งเตือนภัยสำหรับผู้สูงอายุ หรือ บุตรหลานที่มีผู้สูงอายุอยู่ที่บ้าน อย่าหลงเชื่อ หรือ หรือหลงกลพวกมิจฉาชีพ จากการปลอมแปลง และ แอบอ้าง เพื่อใช้ประโยชน์จากความไม่รู้ของผู้สูงอายุ
- แจ้งว่าเป็นผู้โชคดีได้รับรางวัลใหญ่ แต่หลอกให้โอนเงินมาก่อน โดยอ้างว่า เป็นค่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย
- แจ้งว่าติดหนี้บัตรเครดิต ถ้าไม่ชำระภายในวันนี้ จะถูกขึ้นบัญชีดำ กลับกันถ้าไม่มีบัตรเครดิต มิจฉาชีพจะบอกว่า ข้อมูลส่วนตัวของคุณถูกขโมยไปสมัครบัตรเครดิต
- ชวนให้ลงทุน และทำภารกิจ เพื่อที่จะได้รับผลตอบแทนที่สูง ความจริงแล้วคือกลโกงอย่างนึงของพวกมิจฉาชีพ
- ญาติห่างๆทิ้งเงินประกันชีวิตให้ อ้างว่ามีอีกฝ่ายยังส่งเบี้ยประกันไม่ครบ พร้อมกับหลอกให้โอนเงินส่วนที่เหลือ แลกกับได้รับค่าประกันทั้งหมดเป็นผลตอบแทน
- ปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร โทรมาแจ้งว่า บัญชีเงินฝากถูกอายัด จำเป็นต้องใช้ข้อมูลส่วนตัวเพื่อดำเนินการ เช่น เลขที่บัตรประชาชน เลขที่บัญชี ไปจนถึงรหัส ATM
บัตรเครดิต กับ บัตรเดบิต ต่างกันยังไง
หลายคนอาจเคยถือทั้ง บัตรเครดิต และ บัตรเดบิต อยู่ในกระเป๋าโดยไม่แน่ใจว่าใช้อะไรต่างกัน หรืออะไรเหมาะกับสถานการณ์ไหนมากกว่ากัน บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจความแตกต่าง ข้อดีข้อเสียของแต่ละแบบ รวมถึงแนวทางการเลือกใช้บัตรให้เหมาะกับสไตล์การใช้จ่ายของคุณ
บัตรเครดิตคืออะไร?
บัตรเครดิต (Credit Card) คือเครื่องมือทางการเงินที่ให้คุณ “ยืมเงิน” จากธนาคารหรือสถาบันการเงินไปใช้จ่ายล่วงหน้า โดยมีวงเงินกำหนดไว้ และคุณต้องชำระคืนตามรอบบิล หากชำระครบภายในระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย ก็จะไม่มีค่าธรรมเนียมหรือดอกเบี้ยเพิ่มเติม
ข้อดีของบัตรเครดิต
- สามารถผ่อนสินค้า 0% หรือจ่ายขั้นต่ำได้
- มีสิทธิพิเศษ เช่น คะแนนสะสม, เงินคืน, ไมล์สะสม
- เหมาะกับการซื้อของออนไลน์หรือจองตั๋ว
- มีระบบความปลอดภัยสูง และประกันภัยเดินทางในหลายกรณี
ข้อเสียของบัตรเครดิต
- หากไม่ควบคุมการใช้ อาจเกิดหนี้สะสม
- ดอกเบี้ยสูงมากหากชำระไม่เต็มจำนวน
- ต้องมีคุณสมบัติในการสมัคร เช่น รายได้ขั้นต่ำ
บัตรเดบิตคืออะไร?
บัตรเดบิต (Debit Card) เป็นบัตรที่เชื่อมกับบัญชีเงินฝากของคุณโดยตรง ทุกครั้งที่ใช้จ่าย เงินจะถูกหักจากบัญชีทันที เหมือนการใช้เงินสดในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์
ข้อดีของบัตรเดบิต
- ควบคุมงบประมาณได้ง่าย เพราะใช้ได้เท่าที่มี
- ไม่เสี่ยงเป็นหนี้จากการใช้จ่ายเกินตัว
- สมัครง่าย เพียงเปิดบัญชีธนาคาร
- ใช้ถอนเงิน หรือชำระค่าสินค้าผ่านระบบ EDC ได้ทันที
ข้อเสียของบัตรเดบิต
- ไม่มีคะแนนสะสมหรือสิทธิพิเศษเท่าบัตรเครดิต
- ใช้จองโรงแรมหรือเช่ารถอาจมีข้อจำกัด
- ไม่มีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย เพราะใช้เงินจริงทันที
เปรียบเทียบบัตรเครดิต vs บัตรเดบิต
หัวข้อ | บัตรเครดิต | บัตรเดบิต |
---|---|---|
วิธีการใช้ | ยืมเงินล่วงหน้า | ใช้เงินในบัญชีของตนเอง |
วงเงิน | ตามที่ธนาคารกำหนด | เท่ากับยอดเงินในบัญชี |
ดอกเบี้ย | คิดเมื่อชำระไม่เต็มจำนวน | ไม่มีดอกเบี้ย |
สิทธิพิเศษ | มีคะแนน, ผ่อน 0%, เงินคืน | มีบ้าง แต่อาจจำกัด |
ความเสี่ยง | เสี่ยงเป็นหนี้ หากใช้เกินตัว | ควบคุมง่าย เพราะใช้เท่าที่มี |
ควรเลือกใช้แบบไหนดี?
การเลือกใช้บัตรขึ้นอยู่กับนิสัยการใช้เงินและวัตถุประสงค์เป็นหลัก หากต้องการสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม เช่น ผ่อนสินค้า หรือสะสมไมล์บิน บัตรเครดิตอาจเหมาะกว่า แต่หากคุณต้องการควบคุมรายจ่าย ใช้จ่ายแบบไม่มีหนี้ บัตรเดบิตย่อมตอบโจทย์
แนะนำสำหรับผู้เริ่มต้น
- หากเป็นนิสัยใช้จ่ายมีวินัย ควรเริ่มต้นใช้บัตรเครดิตอย่างระมัดระวัง
- หากกลัวหนี้สะสม บัตรเดบิตจะช่วยฝึกวินัยการเงินได้ดีกว่า
- สามารถมีทั้งสองแบบ แล้วใช้ให้เหมาะสมในแต่ละสถานการณ์
เข้าใจให้ลึก เลือกใช้ให้ถูก
บัตรเครดิตและบัตรเดบิตต่างก็มีจุดเด่นที่เหมาะกับผู้ใช้ในแต่ละกลุ่ม การทำความเข้าใจข้อดีข้อเสีย รวมถึงข้อแตกต่างอย่างละเอียด จะช่วยให้คุณวางแผนทางการเงินได้ดีขึ้น และลดความเสี่ยงในการใช้จ่ายผิดพลาด
ปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาท เริ่ม 1 ก.ค. 68
เปิดเผยข้อมูลจากทางด้านรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดรายละเอียดเกี่ยวกับการประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่องอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ โดยเห็นชอบให้มีการปรับค่าแรงขั้นต่ำรอบใหม่ 400 บาท ต่อวัน ซึ่งขั้นตอนจากนี้ จะประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568
สำหรับการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทต่อวันล่าสุด ตามมติคณะกรรมการค่าจ้าง ได้กำหนดให้ปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในท้องที่กรุงเทพฯทุกพื้นที่ เพิ่มในอัตรา 28 บาท เป็นอัตราวันละ 400 บาท จากเดิม 372 บาท ในขณะเดียวกันให้มีการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ในประเภทกิจการโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรมเฉพาะโรงแรมประเภท 2 ซึ่งเป็นโรงแรมที่มีห้องพัก 50 ห้องขึ้นไป หรือ มีห้องพัก และ ห้องอาหารหรือสถานที่ ประกอบอาหาร และ ห้องประชุมสัมมนา ทั่วประเทศ เป็นอัตราวันละ 400 บาท
การประกาศดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 สำหรับพื้นที่กรุงเทพฯ สำหรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในอำเภอ และ จังหวัดอื่นๆ ซึ่งจะยังคงอัตราค่าจ้างขั้นต่ำไว้ตามประกาศจากคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่องอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ในการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ หรือ ค่าแรงขั้นต่ำ รอบใหม่ในครั้งนี้ มีการคาดการตัวเลขออกมาว่าจะมีแรงงานได้รับประโยชน์จากการปรับขึ้นค่าจ้างครั้งนี้ประมาณ 700,000 แสนคน