อัปเดตสิทธิผู้ประกันตน ม.39 จากสำนักงานประกันสังคม
สำนักงานประกันสังคมแนะนำชาวออฟฟิศ หากลาออก ไม่เสียสิทธิแถมยังสามารถรักษาสิทธิไว้ได้ครบ ด้วยการสมัครเป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 สามารถเช็คคุณสมบุติเอกสารที่ใช้ และ ช่องทางการสมัครเพิ่มเติมได้ด้านล่าง
สำหรับพนักงานเงินเดือนหรือที่เราเรียกว่าชาวออฟฟิศ ที่ลาออกจากงานและต้องการรักษาสิทธิเอาไว้ให้ครบ เพียงแค่สมัครเป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 ให้สำนักงานประกันสังคมได้ดูแลต่อ ก่อนที่จะกลับเข้าออฟฟิศอีกครั้ง และมีการส่งเงินสมทบเดือนละ 432 บาท ก็จได้รับสิทธิเต็มที่เหมือนเดิม สำหรับรายละเอียดการคุ้มครอง 6 กรณีเกี่ยวกับผู้ประกันตนมาตรา 39 นั้นสามารถดูเพิ่มเติมได้ด้านล่าง
ความคุ้มครอง 6 กรณี ผู้ประกันตนมาตรา 39
- กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย
- กรณีคลอดบุตร
- กรณีสงเคราะห์บุตร
- กรณีทุพพลภาพ
- กรณีชราภาพ
- กรณีเสียชีวิต
เปิดคุณสมบัติการสมัครผู้ประกันตนมาตรา 39
- เคยเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 นำส่งเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน และ ออกจากงานไม่เกิน 6 เดือนนับตั้งแต่วันที่ลาออกจากงาน
- ต้องไม่เป็นผู้รับประโยชน์ทดแทนกรณี ทุพพลภาพจากกองทุนประกันสังคม
เอกสารที่จะต้องใช้ในการสมัครผู้ประกันตนมาตรา 39
- แบบคำขอเป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 (สปส. 1-20)
- บัตรประชาชนหรือบัตรอื่น ที่มีรูปถ่ายซึ่งทางราชการออกให้พร้อมสำเนา
ช่องทางในการสมัครเป็นผู้ประกันตนมาตรา 39
- สำนักงานประกันสังคมทั่วประเทศ
- เว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม sso.go.th
- ไปรษณีย์ลงทะเบียน
เซ็นทรัล เครดิตคาร์ด เดอะแบล็ค บัตรเดียวที่ให้คุณใช้ชีวิตแบบเหนือระดับ
บัตรเครดิตในยุคปัจจุบันไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือในการชำระเงินเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงไลฟ์สไตล์และสถานะของผู้ถือบัตรอีกด้วย หนึ่งในบัตรที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุดในกลุ่มผู้ที่ต้องการสิทธิพิเศษระดับพรีเมียมคือ เซ็นทรัล เดอะแบล็ค (Central The 1 THE BLACK) ซึ่งเป็นบัตรเครดิตระดับสูงสุดจากเครือ Central The 1
รู้จักกับ Central The 1 THE BLACK
Central The 1 THE BLACK คือบัตรเครดิตระดับพรีเมียมที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่มีไลฟ์สไตล์หรูหรา ชื่นชอบการเดินทาง การช้อปปิ้ง และการบริการแบบส่วนตัว (personalized services) โดยมอบสิทธิประโยชน์ที่ไม่ธรรมดา ทั้งด้านคะแนนสะสม สิทธิ์เข้าห้องรับรองพิเศษ บริการผู้ช่วยส่วนตัว และสิทธิพิเศษที่ห้างสรรพสินค้าในเครือ Central Group
สิทธิประโยชน์เด่นของ Central The 1 THE BLACK
1. คะแนนสะสมที่เร็วกว่า
- รับคะแนน The 1 สูงสุด 10 เท่าเมื่อใช้จ่ายในเครือเซ็นทรัล เช่น Central, Robinson, Tops, Power Buy และ B2S
- คะแนนไม่มีวันหมดอายุ
2. บริการห้องรับรองพิเศษ (Lounge Access)
- เข้าใช้ห้องรับรองในสนามบินชั้นนำทั่วโลก ผ่านบริการ Priority Pass
- ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับผู้ถือบัตร (จำกัดจำนวนครั้งตามเงื่อนไขรายปี)
3. บริการผู้ช่วยส่วนตัว (Concierge)
- จองร้านอาหาร, ตั๋วเครื่องบิน, โรงแรม หรือแม้แต่ดอกไม้และของขวัญพิเศษ
- ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ผ่าน Call Center เฉพาะของ THE BLACK
4. สิทธิพิเศษด้านไลฟ์สไตล์และสุขภาพ
- รับบริการตรวจสุขภาพประจำปีฟรีจากโรงพยาบาลที่ร่วมรายการ
- รับส่วนลดค่าบริการด้านความงาม, สปา, และฟิตเนสระดับพรีเมียม
5. ประกันเดินทางต่างประเทศสูงสุด 50 ล้านบาท
เมื่อใช้บัตรจองตั๋วเครื่องบินหรือแพ็กเกจท่องเที่ยว รับสิทธิประกันอุบัติเหตุระหว่างเดินทางอัตโนมัติครอบคลุมทั่วโลก
เงื่อนไขในการสมัคร
Central The 1 THE BLACK ไม่ใช่บัตรที่สามารถสมัครได้ทั่วไป เพราะเป็นบัตรที่ต้องได้รับการเชิญ (Invitation Only) โดยพิจารณาจากพฤติกรรมการใช้จ่าย และสถานะเครดิตของลูกค้าเดิมที่มีประวัติการใช้จ่ายในระดับสูง
คุณสมบัติที่มักพิจารณา
- รายได้ขั้นต่ำต่อเดือน 300,000 บาทขึ้นไป หรือมีเงินฝาก/การใช้จ่ายรวมต่อปีสูง
- มีประวัติการใช้บัตรเครดิตดีเยี่ยม และไม่มีหนี้เสีย
- เป็นสมาชิก The 1 ระดับ Black หรือ Platinum
ค่าธรรมเนียมและการบริหารบัตร
ค่าธรรมเนียมรายปีของ Central The 1 THE BLACK อยู่ที่ประมาณ 35,000 บาทต่อปี (อาจได้รับการยกเว้นในปีแรกหรือเมื่อใช้จ่ายครบตามเงื่อนไขที่กำหนด)
ช่องทางบริหารจัดการบัตร
- ผ่านแอป UChoose ที่ใช้ควบคู่กับบัตร Central
- สามารถตรวจสอบยอด, แลกคะแนน, ขอวงเงินเพิ่ม และดูโปรโมชันต่าง ๆ ได้ผ่านแอปเดียว
บัตรเครดิต Central The 1 THE BLACK เหมาะกับใคร?
บัตรเครดิต Central The 1 THE BLACK เหมาะกับผู้ที่:
- ชื่นชอบการช้อปปิ้งที่ห้างสรรพสินค้าในเครือ Central Group
- เดินทางทั้งในและต่างประเทศบ่อย
- ให้ความสำคัญกับบริการพิเศษแบบเหนือระดับ
- ต้องการคะแนนสะสม The 1 เพื่อแลกรับสิทธิประโยชน์ในหลากหลายหมวดหมู่
Central The 1 THE BLACK เป็นมากกว่าบัตรเครดิตทั่วไป เพราะมอบประสบการณ์ที่แตกต่างให้กับผู้ถือบัตร ทั้งในแง่ของการใช้จ่าย การเดินทาง ไลฟ์สไตล์ และความสะดวกสบายในทุกมิติ สำหรับผู้ที่ต้องการบัตรที่ตอบโจทย์แบบรอบด้าน และสามารถรับมือกับค่าใช้จ่ายระดับสูงได้ บัตรใบนี้คือคำตอบที่ไม่ควรมองข้าม
เลื่อนแล้วเลื่อนอีกเลื่อนต่อ เที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568
จากการโดนบิดไปเมื่อคืนวานที่มีการแจ้งว่าจะเปิดให้ประชาชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568 แต่กลับถูกเลื่อนให้จองสิทธิเป็นวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ทำให้คนไทยหลายๆคนที่ตั้งหน้าตั้งตารอจะกดรับสิทธิ์กินแห้วไปตามๆกัน สำหรับวัตถุประสงค์ของโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งนั้น ออกมาเพื่อเป็นการกระตุ้นการเดินทางช่วง Green Season เพื่อให้กระจายพื้นที่ท่องเที่ยว และเพิ่มความถี่ในเมืองหลักและเมืองน่าเที่ยว รวมไปถึงการกระจายรายได้การท่องเที่ยวในประเทศไทย ทั้งเมืองหลักและเมืองรอง จากการคาดการณ์คาดว่าโครงการนี้ จะสามารถเพิ่มนักท่องเที่ยวที่เข้าร่วมโครงการได้ไม่น้อยกว่า 100,000 คน เพื่อเป็นการกระจายรายได้ในภาคธุรกิจท่องเที่ยวกว่า 14,125 ล้านบาท
รายละเอียดโครงการไทยเที่ยวไทยคนละครึ่ง จะจำกัดจำนวนสิทธิ
รายละเอียดโครงการไทยเที่ยวไทยคนะครึ่ง จำกัดจำนวนสิทธิโครงการที่พัก 500,000 สิทธิ ประชาชน 1 คนจะได้รับ 5 สิทธิ แบ่งออกเป็นเมืองหลัก 3 สิทธิ และ เมืองน่าเที่ยว 2 สิทธิ สำหรับคูปอง 500,000 สิทธิ จะมอบคูปอง 500 บาท ต่อ 1 สิทธิ สามารถใช้ได้ในร้านอาหารกิจกรรมทางการท่องเที่ยว ตามที่โครงการกำหนด และจะได้รับเมื่อเข้าพักเท่านั้น โดยจะมีการกำหนดระยะเวลาใช้สิทธิตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2568 ไปจนถึง ตุลาคม 2568
เงื่อนไขการใช้สิทธิ ค่าที่พักวันธรรมดา วันจันทร์ถึงวันศุกร์ รัฐสนับสนุน 50% ของค่าที่พักแต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อคืนต่อห้อง ค่าที่พักวันหยุด และ วันหยุดนักขัตฤกษ์ รัฐสนับสนุน 40% ของค่าที่พัก แต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อคืนต่อห้อง ในส่วนเงื่อนไขของการชำระเงินสำหรับนักท่องเที่ยว จะต้องชำระเงินส่วนแรกโดยตรงให้กับทางโรงแรมที่พัก สามารถชำระผ่านธนาคารได้ทุกธนาคาร ในส่วนของการรับเงินของผู้ประกอบการ หลังจากนักท่องเที่ยวใช้สิทธิ และ ได้ทำการตรวจสอบข้อมูลแล้วจะทำการโอนเงินส่วนที่รัฐสนับสนุนให้กับผู้ประกอบการผ่านธนาคารกรุงไทยเท่านั้น แนวทางการป้องกันการทุจริตในโครงการ จะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการโครงการ เพื่อบริหารและจัดการความคุมความเสี่ยงและตรวจจ่ายงบประมาณ นอกจากนี้ยังมีการใช้เทคโนโลยีเพื่อยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชั่น ThaID อีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบการ Check-in และ Check-Out สำหรับโรงแรมที่เข้าพัก รวมไปถึงมีการใช้ Application Amazing Thailand ในการดำเนินการตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดของโครงการ ยกตัวอย่างเช่น การจอง, การชำระเงิน และการตรวจสอบความผิดปกติในการใช้คูปอง
อัปเดตวันหยุดยาวเดือนกรกฎาคม 2568 แนะนำจองตั๋วล่วงหน้า
ในเดือนกรกฎาคม 2568 ปีนี้จะมีวันหยุดยาว วันหยุดราชการ ต่อเนื่องซึ่งทางด้านรักษาการแทนกรรมผู้จัดการใหญ่ บริษัขนส่ง หรือ บขส. ได้ออกมาเปิดเผยในเดือนกรกฎาคม 2568 ปีนี้จะมีวันหยุดยาวต่อเนื่อง 2 ช่วงด้วยกัน
- ช่วงที่ 1 วันอาสาฬบูชา และ วันเข้าพรรษา ระหว่างวันที่ 10-13 กรกฎาคม 2568 รวมหยุดยาว 4 วันเต็ม
- ช่วงที่ 2 วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ระหว่างวันที่ 26-28 กรกฎาคม 2568 รวมทั้งหมด 3 วันเต็ม
เพื่อเป็นการวางแผนการเดินทางล่วงหน้า และเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกประชาชนในการเดินทาง สามารถบริหารจัดการรถโดยสารให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีรถโดยสารเพียงพอ และเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการในการเดินทาง ไม่มีผู้โดยสารตกค้าง ตามนโยบายกระทรวงคมนาคม ทางบริษัทขนส่งประเทศไทย ได้มีการเชิญชวนประชาชนให้ทำการจองตั๋วเดินทางล่วงหน้าผ่านช่องทางออนไลน์ที่เว็บไซต์ของ บขส. https://tcl99web.transport.co.th/Intro นอกจากนี้ยังสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมผ่าน Line: บขส.99 (@TCL99) และช่องจำหน่ายตั๋วโดยสาร บขส. ทั่วประเทศ สำหรับผู้โดยสารที่ซื้อตั๋วเดินทางทั้งขาไปขากลับ เส้นทางเดียว แถมยังได้รับส่วนลดเพิ่ม 10% สำหรับผู้ที่โดยสารที่จองล่วงหน้า
นอกจากจะมีส่วนให้พิเศษ 10% สำหรับผู้โดยสารที่จองล่วงหน้าแล้วทางด้าน บขส. จะได้เตรียมความพร้อมเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่ต้องเดินทางด้วยรถโดยสารช่วงวันหยุดยาวต่อเนื่อง ซึ่งมีการคาดการณ์ตัวเลขเอาไว้ว่า จะมีการเดินทางของประชาชน เดินทางทั้งขาไป-ขากลับ เฉลี่ยวันละ 90,000 – 100,000 คน การใช้รถ บขส. และ รถร่วม เฉลี่ยวันละ 6,000 ถึง 7,000 เที่ยววิ่งต่อวัน ในส่วนของการบริการเดินรถ บขส. ได้มีการกำชับเจ้าหน้าที่และผู้ประกอบการรถร่วมฯ ให้ดำเนินการตามมาตรการตรวจความพร้อมของรถโดยสาร และต้องตรวจเช็คอุปกรณ์ส่วนควบด้านความปลอดภัย ก่อนนำออกมาให้บริการ สำหรับพนักงานขับรถต้องพักผ่อนให้เพียงพอ มีการตรวจสารเสพติดและตรวจวัดแอลกอฮอล์ ปฎิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด จัดพนักงานขับรถ 2 คนในเส้นทางสายยาวที่ใช้เวลาเดินทางเกิน 4 ชั่วโมง และขอความร่วมมือผู้โดยสารให้คาดเข็มขัดนิรภัยตลอดระยะเวลาการเดินทางเพื่อความปลอดภัย และ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน
อนุมัติเที่ยวไทยคนละครึ่ง เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนคืนนี้
เปิดเผยข้อมูลจากทางคณะรัฐมนตรีได้ลงนามอนุมัติเที่ยวไทยคนละครึ่ง ซึ่งจะเปิดให้ประชาชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการ สามารถลงทะเบียนได้ในคืนวันที่ 24 มิถุนายน 2568 ทางด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว และ กีฬา ได้ออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับการประชุมของคณะรัฐมนตรีเห็นชอบโครงการ และ รายการกระตุ้นเศรษฐกิจำนวน 110,000 ล้านบาท จากกรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาาท ตามที่กระทรวงการคลังได้เสนอโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง ซึ่งอยู่ในงบประมาณดังกล่าว โดยมีการตั้งงบประมาณเอาไว้ที่ 1,750 ล้านบาท เมื่อสัปดหา์ที่แล้ว และได้มีการเปิดให้ผู้ประกอบการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการล่วงหน้า ในขณะเดียวกันได้มีการพูดคุยกับผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ว่าจะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนเที่ยวไทยคนละครึ่งภายในคืนวันที่ 24 มิถุนายน 2568 และ จะเริ่มให้ใช้สิทธิได้จริงในวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 นี้
เปิดคุณสมบัติเที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568
โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568 นั้นเป็นโครงการที่มุ่งเน้นไปที่การเที่ยวเมืองหลัก และ เที่ยวเมืองรอง โดยรัฐบาลจะช่วยจ่ายเป็นเปอร์เซนต์ ซึ่งจะมีการจำกัดจำนวนสิทธิในการสนับสนุนค่าเดินทางจากรัฐบาลอยู่ที่ 5 แสนสิทธิ หรือ ใช้จ่ายในโรงแรมที่พักสูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องต่อคืน รวมเงินสนับสนุน 1,780 ล้านบาท โดยเป็นการสมทบค่าโรงแรมที่พัก, ร้านอาหาร ในสัดส่วน 50% ไม่ต่างจากเดิม ยกเว้นตั๋วเครื่องบินเท่านั้นที่ไม่สาารถใช้ได้ ซึ่งยืนยันจะเปิดให้ได้ใช้สิทธิจริงในวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 นี้
รวมบัตรเครดิตยอดนิยมที่ให้สิทธิ์ที่จอดรถฟรีในห้างดัง
การหาที่จอดรถในห้างสรรพสินค้าช่วงวันหยุดหรือเวลาพีค กลายเป็นเรื่องท้าทายสำหรับหลายคน แต่รู้หรือไม่ว่า บัตรเครดิตบางใบมอบสิทธิพิเศษ “ที่จอดรถฟรี” ในห้างดังๆ ซึ่งช่วยให้ประหยัดเวลาและสะดวกสบายขึ้นมาก บทความนี้จะพาไปรู้จักกับบัตรเครดิตยอดนิยมที่ให้สิทธิ์จอดรถฟรี พร้อมเจาะลึกรายละเอียดของแต่ละใบ เพื่อให้เลือกใช้งานได้ตรงใจที่สุด
สิทธิ์จอดรถฟรีผ่านบัตรเครดิต ดีอย่างไร?
1. ประหยัดเวลาและลดความเครียด
ไม่ต้องขับรถวนหาที่จอดให้เหนื่อย เพราะมีโซนพิเศษไว้รองรับผู้ถือบัตรโดยเฉพาะ
2. ประหยัดค่าจอดรถ
บางห้างคิดค่าจอดรถสูงในชั่วโมงแรกๆ แต่บัตรเครดิตบางใบให้จอดฟรีตั้งแต่ 2-4 ชั่วโมง หรือจอดฟรีตลอดวัน
3. สะท้อนภาพลักษณ์พรีเมียม
ผู้ถือบัตรที่มีสิทธิ์จอดรถพิเศษ มักเป็นบัตรเครดิตกลุ่มพรีเมียม ช่วยสะท้อนความน่าเชื่อถือในการใช้จ่าย
>> สมัครบัตรเครดิต UOB อัพเดทล่าสุดที่นี่ <<รวมบัตรเครดิตยอดนิยมที่ให้สิทธิ์ที่จอดรถฟรี
1. บัตรเครดิต KBank The Wisdom
- สิทธิ์: จอดรถฟรีในห้างดัง เช่น Central Embassy, Siam Paragon, ICONSIAM
- เงื่อนไข: เพียงแสดงบัตรที่ทางเข้า หรือรูดบัตรที่จุดบริการ
- จุดเด่น: มีที่จอดเฉพาะโซน VIP สำหรับผู้ถือบัตร
2. บัตรเครดิต SCB M Legend
- สิทธิ์: จอดรถฟรีที่ห้างในเครือ The Mall Group, Emporium, EmQuartier
- เงื่อนไข: ต้องมียอดใช้จ่ายตามที่กำหนดในแต่ละรอบบิล
- จุดเด่น: ได้รับสิทธิ์จอดรถ Valet Service ฟรีเดือนละ 2 ครั้ง
3. บัตรเครดิต Krungsri Exclusive Signature
- สิทธิ์: จอดรถฟรีที่ Central, Central World, Mega Bangna
- เงื่อนไข: เพียงแสดงบัตรที่ทางเข้าหรือใช้ QR Code จากแอป UChoose
- จุดเด่น: ใช้จอดได้ในโซน VIP Parking หรือโซนพิเศษของธนาคาร
4. บัตรเครดิต UOB Privimiles
- สิทธิ์: จอดรถฟรีที่ The Crystal, CDC, Terminal 21
- เงื่อนไข: ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นรายเดือนของธนาคาร
- จุดเด่น: ใช้ร่วมกับบริการแลกแต้มเพื่อรับสิทธิพิเศษอื่นได้
เคล็ดลับเลือกบัตรเครดิตที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์จอดรถ
เลือกตามห้างที่ไปบ่อย
หากเป็นสายช้อปปิ้งที่ Central, ควรเลือกบัตรที่มีสิทธิ์จอดในเครือ Central ส่วนใครชอบ EmQuartier หรือ Paragon ก็อาจเลือกบัตรที่ร่วมกับ The Mall Group หรือ Siam Piwat
ดูเรื่อง Valet กับที่จอดทั่วไป
บางบัตรให้สิทธิ์ Valet ซึ่งสะดวกมาก แต่ก็อาจมีจำกัดจำนวนต่อเดือน หากไม่ต้องการความหรูหรา อาจเลือกบัตรที่ให้สิทธิ์จอดฟรีธรรมดาก็เพียงพอ
ตรวจสอบยอดใช้จ่ายขั้นต่ำ
สิทธิพิเศษบางอย่างต้องมียอดใช้จ่ายตามเกณฑ์ จึงควรตรวจสอบก่อนสมัคร
สำหรับใครที่ใช้รถยนต์เป็นประจำและไปห้างสรรพสินค้าบ่อยๆ การเลือกบัตรเครดิตที่มีสิทธิ์จอดรถฟรีถือเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาด เพราะนอกจากจะช่วยลดความยุ่งยากในการหาที่จอดแล้ว ยังเป็นสิทธิพิเศษที่สะท้อนถึงคุณภาพการใช้ชีวิตได้อีกระดับ แนะนำให้เลือกบัตรตามพฤติกรรมการใช้ห้างของคุณ เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากบัตรเครดิตในแต่ละใบ
หุ้นไทยดิ่งฟลอร์ ลงถึงชั้นล่างสุดของกระดาน
หุ้นไทยตอนนี้ดิ่งฟลอร์เฉียด 20 ตัว ซึ่งมี 11 ตัวยังไม่มีการเสนอซื้อรองรับ พร้อมเปิดเหตุผลที่หุ้นมหาชนร่วงอย่างรุนแรง
ตลอดหุ้นไทย เมื่อวานนี้กลายเป็นกระแส และมีคนที่เล่นหุ้น รวมไปถึงสนใจจะลงทุนในหุ้นค้นหากันมากที่สุด ยิ่งเป็นหุ้นที่มีการออกข่าวอย่างหุ้นของ KTC หรือ บมจ. บัตรกรุงไทย (เคทีซี) ที่ราคาหุ้นเมื่อวานนี้ร่วงแรงมาก -15% ตามเกณฑ์ชั่วคราวของตลาดหลักทรัพย์ จากากรตรวจสอบล่าสุด พบว่าผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่เป็นรายเดียวกัน แต่จะเกี่ยวกันกับหุ้นที่ลงมาติดฟลอร์หรือเปล่า ซึ่งยังไม่สามารถยืนยันได้ จากกระแสข่าวบอกว่าผู้ถือหุ้นที่เป็นคนเดียวกันกับทั้ง 2 บริษัท น่าจะถูกบังคับขาย หรือ ที่เราเรียกว่า ฟอร์ซเซล (Forced Sell)
Forced Sell คืออะไร?
Forced Sell ของหุ้น คือกระบวนการที่บริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) บังคับขายหุ้นในพอร์ตของนักลงทุน โดยที่นักลงทุนไม่ได้สั่งขายเอง เนื่องจากนักลงทุน ผิดนัดชำระเงิน ตามกำหนด โดยเฉพาะในกรณีที่ซื้อหุ้นด้วยบัญชีแบบ Credit Balance หรือที่เรียกว่า “บัญชีมาร์จิ้น (Margin Account)” หรือบัญชี Cash Balance ที่ไม่มีเงินพอชำระภายใน T+2
ทำไมถึงเกิด Forced Sell?
-
ชำระเงินค่าหุ้นไม่ทันภายใน T+2
-
ซื้อหุ้นแล้วไม่โอนเงินเข้าบัญชีภายใน 2 วันทำการ (T+2)
-
โบรกเกอร์จึงต้องบังคับขายหุ้นที่ซื้อมา เพื่อชำระค่าหุ้นที่ค้างชำระ
-
-
มาร์จิ้นไม่พอ (สำหรับบัญชี Credit Balance)
-
ราคาหุ้นที่ถือไว้ตกลง ทำให้มูลค่าหลักประกันต่ำกว่าที่โบรกเกอร์กำหนด
-
ถ้าไม่ได้เติมเงินหรือวางหลักประกันเพิ่มภายในเวลาที่กำหนด → โดน Forced Sell
-
จากกรณี KTC มีการพิจารณาข้อมูลจากรายงานสรุปหลักทรัพย์ที่ใช้เป็นหลักประกันการชำระหนี้ในบัญชีมาร์จิ้นของตลาดหลักทรัพย์ในเดือนพฤษภาคม 2568 พบว่ามีการนำหุ้น KTC มาใช้เป็นหลักประกันจำนวน 420.2 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 16.30% ของหุ้นทั้งหมด และถือว่าเป็นระดับที่สูงมาก ในฝั่งหุ้น Offer ของ KTC มีออเดอร์ค้างอยู่ 150 ล้านหุ้น ช่วงลงฟลอร์ ก่อนที่ออเดอร์จะถูกถอดออกไปราวๆ 30 ล้านหุ้น ทำให้มีออเดอร์ค้างอยู่ประมาณ 116 ล้านหุ้นในช่วยบ่าย และเมื่อมีการเปิดตลาด มีออเดอร์ค้างอยู่ 97.9 ล้านหุ้น ถูกถอดออกไปอีกราวๆ 18 ล้านหุ้น จำนวนหุ้นที่ถูกวางมากขนาดนี้ จะเป็นหุ้นของกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่แน่นอน อยากที่นักเล่นหุ้นทราบกันดีว่าการใช้บัญชีมาร์จิ้นนั้น มีความเสี่ยงสูง เพราะหากราคาหุ้นที่ลงทุนลดลงอาจจะทำให้ต้องวางเงินเพิ่มหรือ อาจจะถูกบังคับให้ขายหุ้นออก หรือที่เรียกว่า Forced Sell นั่นเอง
AMEX สิทธิพิเศษ ให้คุณเดินทางได้แบบ VIP
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องเดินทางบ่อย ไม่ว่าจะเพื่อธุรกิจหรือท่องเที่ยว การมีบัตรเครดิตที่มอบประสบการณ์พิเศษในสนามบินถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ American Express (AMEX) ที่ให้สิทธิประโยชน์มากมายเหนือระดับ ช่วยให้การเดินทางสะดวก สบาย และหรูหรามากยิ่งขึ้น
สิทธิพิเศษในสนามบินที่มาพร้อมบัตร AMEX
ผู้ถือบัตร AMEX โดยเฉพาะรุ่นระดับสูง เช่น The Platinum Card และ Centurion Card จะได้รับสิทธิประโยชน์ที่ครอบคลุมการใช้บริการสนามบินทั่วโลก ซึ่งรวมถึง:
1. สิทธิ์เข้าใช้ห้องรับรองสนามบิน (Airport Lounge)
- Priority Pass: เข้าใช้ห้องรับรองกว่า 1,400 แห่งทั่วโลกโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
- The Centurion Lounge: ห้องรับรองระดับพรีเมียมที่มีเฉพาะผู้ถือบัตร AMEX เท่านั้น เช่น ที่สนามบิน JFK, LAX, HKG
- Delta Sky Club: สำหรับผู้ถือบัตร Platinum ที่เดินทางกับสายการบิน Delta
- Plaza Premium Lounge: รองรับผู้โดยสารที่ใช้บริการสายการบินต่างๆ ในหลายประเทศ รวมถึงไทย
2. บริการ Fast Track ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง
ผู้ถือบัตร AMEX Platinum หลายประเทศสามารถใช้ช่องทาง Fast Track ได้ในสนามบินบางแห่ง เช่น Heathrow, Changi และ Schiphol ลดเวลารอคิวและทำให้การเดินทางราบรื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
3. บริการผู้ช่วยส่วนตัว (Airport Concierge)
บริการนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือในการเช็กอิน นำทางไปยังประตูขึ้นเครื่อง หรือแม้แต่จัดการสัมภาระ AMEX Concierge สามารถช่วยประสานงานทุกขั้นตอนให้คุณอย่างมืออาชีพ
บัตร AMEX ใบไหนให้สิทธิพิเศษเหล่านี้บ้าง?
ประเภทบัตร AMEX | สิทธิ์เข้า Lounge | Fast Track | Airport Concierge |
---|---|---|---|
The Platinum Card | Priority Pass, Centurion Lounge, Delta Sky Club | บางสนามบิน | มี |
Centurion Card | ครบทุกประเภท + บริการพิเศษ | ส่วนใหญ่ | มี + VIP เพิ่มเติม |
AMEX Gold | บางแห่ง (ขึ้นกับประเทศ) | ไม่มี | ไม่มี |
เทคนิคการใช้สิทธิ์ให้คุ้มค่า
ตรวจสอบสนามบินที่ร่วมรายการก่อนเดินทาง
ก่อนเดินทางควรเช็กว่าสนามบินปลายทางและต้นทางมีห้องรับรองที่ใช้บัตร AMEX ได้หรือไม่ เช่น เข้าเว็บไซต์ American Express Travel หรือแอป AMEX
ลงทะเบียนใช้งาน Priority Pass
สำหรับผู้ถือบัตร The Platinum Card จำเป็นต้องสมัคร Priority Pass แยกต่างหากผ่านช่องทางของ AMEX จึงจะสามารถใช้บริการได้
ใช้บริการผู้ช่วยเมื่อต้องเดินทางกับผู้สูงอายุหรือเด็ก
บริการ Concierge เหมาะมากเมื่อเดินทางพร้อมผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ เช่น ผู้สูงวัยหรือเด็กเล็ก โดย AMEX จะดูแลอย่างเป็นระบบ
คำแนะนำก่อนสมัครบัตร AMEX เพื่อใช้สิทธิ์สนามบิน
สิทธิประโยชน์ในสนามบินเหล่านี้มักมาพร้อมกับบัตร AMEX ที่มีค่าธรรมเนียมรายปีค่อนข้างสูง จึงควรพิจารณาจากพฤติกรรมการเดินทางของตนเองว่า:
- เดินทางต่างประเทศบ่อยหรือไม่
- ใช้สายการบินที่มีห้องรับรองร่วมรายการหรือเปล่า
- ต้องการ Fast Track หรือ Concierge จริงหรือไม่
บัตรเครดิต AMEX ไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือชำระเงิน แต่เป็นกุญแจสำคัญสู่การเดินทางแบบ VIP ไม่ว่าคุณจะต้องการเลานจ์นั่งพักก่อนขึ้นเครื่อง หรือการดูแลแบบพรีเมียม AMEX ก็จัดเต็มให้ได้ โดยเฉพาะกับ The Platinum Card และ Centurion ที่เหมาะกับนักเดินทางตัวจริง ถ้าใครกำลังมองหาบัตรที่ช่วยให้การเดินทางหรูหราและสะดวกมากขึ้น บัตร AMEX อาจเป็นคำตอบที่ใช่ในจังหวะนี้
เปิดรายละเอียดหากต้องการยกเลิกพร้อมเพย์ (PromptPay)
“พร้อมเพย์” หรือ PromptPay คือระบบการโอนเงินที่สะดวก รวดเร็ว และไม่มีค่าธรรมเนียมภายในประเทศ ซึ่งกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของคนไทยไปแล้ว ไม่ว่าจะผูกบัญชีกับเบอร์โทรศัพท์ หมายเลขบัตรประชาชน หรือทั้งสองอย่าง อย่างไรก็ตาม หลายคนเริ่มมีคำถามว่า หากไม่ต้องการใช้บริการพร้อมเพย์อีกต่อไป สามารถ “ยกเลิก” ได้หรือไม่ และจะมีผลกระทบอะไรตามมาบ้าง?
พร้อมเพย์คืออะไร ทำไมถึงผูกกับบัญชี?
พร้อมเพย์เป็นบริการของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์ เพื่อให้ประชาชนสามารถรับเงินโดยไม่ต้องบอกเลขบัญชี เพียงแค่ใช้ “หมายเลขโทรศัพท์มือถือ” หรือ “เลขบัตรประชาชน” ที่ผูกไว้กับบัญชีธนาคาร ก็สามารถรับเงินโอนได้ทันที
จุดเด่นของบริการนี้คือ:
- โอนเงินรวดเร็วทันใจตลอด 24 ชั่วโมง
- ไม่มีค่าธรรมเนียมการโอนภายในประเทศ
- ใช้แทนเงินสดได้ในหลายร้านค้า
สามารถยกเลิกพร้อมเพย์ได้หรือไม่?
คำตอบคือ “สามารถยกเลิกได้” ผู้ใช้บริการสามารถยกเลิกการผูกพร้อมเพย์ได้ทุกเมื่อ ไม่มีข้อผูกมัด หรือค่าธรรมเนียมใดๆ สำหรับการยกเลิกบริการ
วิธียกเลิกพร้อมเพย์
การยกเลิกสามารถทำได้ 2 วิธีหลัก คือ:
1. ยกเลิกผ่านแอปพลิเคชันธนาคาร
- เข้าสู่ระบบแอปของธนาคารที่ผูกพร้อมเพย์ไว้
- เลือกเมนู “พร้อมเพย์” หรือ “PromptPay”
- ดูรายการที่ผูกไว้ เช่น หมายเลขโทรศัพท์ หรือบัตรประชาชน
- เลือก “ยกเลิก” หรือ “ลบข้อมูล” ตามระบบของธนาคาร
2. ยกเลิกผ่านสาขาธนาคาร
- นำบัตรประชาชนไปติดต่อธนาคารที่ใช้ผูกพร้อมเพย์
- แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าต้องการยกเลิกบริการพร้อมเพย์
- เจ้าหน้าที่จะดำเนินการและให้เซ็นเอกสารยืนยัน
หลังยกเลิกแล้วจะเกิดอะไรขึ้น?
เมื่อยกเลิกพร้อมเพย์แล้ว:
- ไม่สามารถรับเงินโอนผ่านเบอร์โทรศัพท์หรือบัตรประชาชนได้
- หากมีใครโอนเข้ามา จะไม่สามารถทำรายการได้ ต้องใช้เลขบัญชีแทน
- สามารถสมัครใหม่เมื่อไหร่ก็ได้ โดยไม่มีข้อจำกัด
อย่างไรก็ตาม หากมีการรับเงินจากหน่วยงานรัฐ (เช่น เงินช่วยเหลือ หรือเงินจากโครงการต่างๆ) ควรตรวจสอบว่าผูกพร้อมเพย์ไว้หรือไม่ เพราะการยกเลิกอาจส่งผลให้ไม่สามารถรับเงินอัตโนมัติได้
ข้อควรพิจารณาก่อนยกเลิกพร้อมเพย์
ก่อนตัดสินใจยกเลิกบริการพร้อมเพย์ ควรพิจารณาให้ถี่ถ้วนว่า:
- มีคนโอนเงินมาหาคุณบ่อยแค่ไหนผ่านเบอร์โทรหรือบัตรประชาชน?
- คุณใช้รับเงินจากแอปหรือโครงการรัฐหรือไม่?
- มีบัญชีสำรองหรือวิธีการรับเงินอื่นไว้แล้วหรือยัง?
พร้อมเพย์ไม่ปลอดภัยจริงหรือ?
หลายคนอาจกังวลเรื่องความปลอดภัยของการผูกเบอร์โทรหรือเลขบัตรประชาชนกับบัญชีธนาคาร แต่อย่างไรก็ตาม ระบบพร้อมเพย์มีมาตรการรักษาความปลอดภัยในระดับสูง และอยู่ภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย การถูกหลอกลวงส่วนใหญ่เกิดจาก “การหลอกล่อให้โอนเงิน” มากกว่าการเจาะระบบพร้อมเพย์โดยตรง
การยกเลิกพร้อมเพย์สามารถทำได้ง่าย ไม่มีค่าใช้จ่าย และไม่มีข้อผูกมัด แต่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ เพราะอาจส่งผลกระทบต่อการรับเงินที่สะดวกในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในยุคที่ธุรกรรมดิจิทัลกำลังกลายเป็นวิถีใหม่ของการเงิน
เช็กด่วนแอป Krungthai NEXT เป๋าตัง ใช้ไม่ได้หากชื่อไม่ตรงซิม
เริ่มวันนี้ Krungthai NEXT เป๋าตังใช้ไม่ได้ หากชื่อไม่ตรงกับซิมที่ลงทะเบียนเอาไว้ ตามนโยบายของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และ สังคม ได้มีการออกกฎบังคับใช้ชื่อบัญชี Mobile Banking ต้องตรงกับชื่อเจ้าของซิม ในกลุ่มลูกค้า Phase 1 ที่ได้รับ Notification ตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป สำหรับผู้ที่ไม่ได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลง หรือ ยกเว้น จะไม่สามารถใช้งานแอปพลิเคชั่น Krungthai NEXT และ เป๋าตังได้
ขั้นตอนให้กลับมาใช้งาน Mobile Banking ได้ตามปกติจะต้องดำเนินการ
- ติดต่อผู้ให้บริการเครือข่ายของท่าน แจ้งขอเปลี่ยนชื่อเจ้าของซิมให้ตรงกับชื่อบัญชี และ ขอหนังสือรับรองสิทธิในการใช้บริการ
- นำหนังสือรับรองสิทธิในการใช้บริการ ติดต่อธนาคารกรุงไทย สาขาใดก็ได้ เพื่ออัปเดตข้อมูล และ ปลดระงับการใช้งาน
ผู้ที่ต้องการขอยกเว้นได้แก่
- กลุ่มบุคคลในครอบครัว
- ผู้ไร้ความสามารถ
- ผู้เสมือนไร้ความสามารถ
- ผู้พิการ
- กลุ่มนิติบุคคล
สำหรับผู้ที่ต้องการขอยกเว้นตามรายละเอียดด้านบน สามารถติดต่อได้ที่ธนาคารกรุงไทย สาขาใดก็ได้ เพื่อแสดงเอกสารยืนยันตัวตน หรือ เอกสารเพื่อพิสูจน์ความสำพันธ์ และ เอกสารที่ระบุความเป็นเจ้าของหมายเลข สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Krungthai Contact Center 02-111-1111