ซื้อของที่โลตัสใช้จ่ายด้วย บัตรเครดิตอะไรได้บ้าง
ในยุคที่การจับจ่ายใช้สอยผ่านบัตรเครดิตได้รับความนิยมสูงมากขึ้นเรื่อยๆ ร้านค้าปลีกชั้นนำอย่างโลตัส (Lotus) ก็เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ผู้บริโภคมักจะใช้บริการผ่านบัตรเครดิต เพราะความสะดวก รวดเร็ว และยังได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ จากการชำระผ่านบัตรเครดิตอีกด้วย สำหรับปี 2568 โลตัสยังคงรองรับบัตรเครดิตหลากหลายประเภท เรามาดูกันว่ามีบัตรเครดิตอะไรบ้างที่โลตัสรับ และแต่ละประเภทมีจุดเด่นอะไรที่น่าสนใจ
บัตรเครดิต Visa
บัตรเครดิต Visa ยังคงเป็นที่นิยมอันดับต้นๆ ที่โลตัสรับชำระในปี 2568 เนื่องจากเป็นระบบที่มีเครือข่ายกว้างขวางทั่วโลก จุดเด่นสำคัญของบัตรเครดิต Visa ที่ทำให้ผู้ใช้สะดวกในการช้อปปิ้งที่โลตัส คือ
- การรองรับอย่างแพร่หลายทั้งร้านค้าออนไลน์และออฟไลน์
- สิทธิประโยชน์และโปรโมชั่นจากร้านค้าและแบรนด์ต่างๆ ที่ร่วมรายการ
- มีระบบรักษาความปลอดภัยสูงผ่านการยืนยันตัวตนแบบหลายขั้นตอน
บัตรเครดิต MasterCard
อีกหนึ่งบัตรเครดิตที่โลตัสให้การยอมรับอย่างกว้างขวางคือ MasterCard ซึ่งมีผู้ใช้บริการจำนวนมาก ด้วยจุดเด่นในเรื่อง
- การสะสมแต้มและ Cashback สูงสุดตามยอดใช้จ่าย
- โปรโมชั่นพิเศษเฉพาะจาก MasterCard เช่น ส่วนลดเพิ่มเติมเมื่อซื้อสินค้าที่โลตัสในช่วงโปรโมชั่น
- ระบบชำระเงินที่รวดเร็วและปลอดภัยสูงด้วยมาตรฐานระดับสากล
บัตรเครดิต JCB
บัตรเครดิต JCB เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่โลตัสรองรับในปี 2568 ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมากโดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่เดินทางไปประเทศญี่ปุ่นเป็นประจำ จุดเด่นของ JCB ได้แก่
- สิทธิพิเศษด้านการเดินทาง เช่น ส่วนลดค่าบัตรโดยสารหรือโรงแรม
- โปรโมชั่นพิเศษที่ร้านอาหารและช้อปปิ้งภายในโลตัสที่เข้าร่วมรายการ
- บริการลูกค้าระดับพรีเมียมที่ตอบสนองรวดเร็ว
บัตรเครดิต UnionPay
ในปี 2568 โลตัสยังรองรับบัตรเครดิต UnionPay ซึ่งได้รับความนิยมสูงจากนักท่องเที่ยวและผู้ใช้งานชาวจีน โดยมีจุดเด่นที่น่าสนใจดังนี้
- ค่าธรรมเนียมในการแลกเปลี่ยนสกุลเงินที่ต่ำ
- ส่วนลดและโปรโมชั่นพิเศษในช่วงเทศกาลสำคัญของจีน เช่น ตรุษจีน
- สามารถใช้งานได้ทั่วโลกโดยเฉพาะในประเทศจีนที่นิยมมาก
บัตรเครดิต American Express (AMEX)
แม้จะมีจุดจำกัดในเรื่องค่าธรรมเนียมที่สูง แต่ในปี 2568 โลตัสยังคงให้บริการสำหรับผู้ถือบัตร American Express ด้วยเหตุผลสำคัญคือสิทธิประโยชน์ที่มากมาย เช่น
- สิทธิในการเข้าใช้ห้องรับรองพิเศษที่สนามบินทั่วโลก
- ประกันการเดินทางและความคุ้มครองพิเศษเมื่อใช้จ่ายผ่านบัตร
- โปรโมชั่นสุดพิเศษเฉพาะผู้ถือบัตร AMEX ที่ร่วมกับโลตัส
บัตรเครดิตร้านค้าร่วมโลตัส (Co-Branded Cards)
โลตัสมีความร่วมมือกับธนาคารต่างๆ ในการออกบัตรเครดิตร่วมแบรนด์ (Co-Branded Cards) โดยมีข้อดีที่ผู้ใช้งานจะได้รับสิทธิประโยชน์โดยตรงเมื่อช้อปปิ้งที่โลตัส เช่น
- การสะสมคะแนนพิเศษเพิ่มขึ้นเมื่อซื้อสินค้าที่โลตัส
- ส่วนลดเฉพาะสินค้าที่เข้าร่วมรายการ
- โปรโมชั่นส่งเสริมการขายที่ออกแบบมาเพื่อผู้ถือบัตรร่วมโลตัสโดยเฉพาะ
ข้อควรระวังในการใช้บัตรเครดิตที่โลตัส
แม้ว่าการใช้บัตรเครดิตจะมีข้อดีมากมาย แต่ผู้บริโภคควรมีความระมัดระวังในประเด็นต่างๆ ดังนี้
- ตรวจสอบวงเงินในบัตรก่อนการใช้งานทุกครั้งเพื่อป้องกันการถูกปฏิเสธชำระเงิน
- เช็คโปรโมชั่นและเงื่อนไขต่างๆ ให้ละเอียดเพื่อไม่พลาดสิทธิประโยชน์ที่คุณสามารถรับได้
- ควบคุมการใช้จ่ายอย่างมีวินัยและอย่าใช้จ่ายเกินความจำเป็น เพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นหนี้สะสม
การเลือกใช้บัตรเครดิตที่โลตัสในปี 2568
การที่โลตัสรับบัตรเครดิตหลากหลายประเภทช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการช้อปปิ้งและบริหารจัดการการเงินของผู้บริโภค โดยแต่ละบัตรเครดิตต่างก็มีจุดเด่นและสิทธิประโยชน์ที่แตกต่างกันไป ดังนั้นการเลือกใช้บัตรเครดิตควรพิจารณาถึงไลฟ์สไตล์ของตัวเอง เช่น ความถี่ในการใช้จ่ายประเภทต่างๆ หรือการเดินทางเป็นประจำ เพื่อที่จะสามารถเลือกบัตรเครดิตที่ตอบโจทย์ชีวิตประจำวันของคุณได้อย่างดีที่สุด
ในปี 2568 การใช้บัตรเครดิตที่โลตัสยังคงเป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดนิยมสำหรับคนยุคใหม่ที่ต้องการความสะดวก ปลอดภัย และได้รับผลตอบแทนจากการใช้จ่ายอย่างคุ้มค่า การที่คุณเลือกบัตรเครดิตที่เหมาะสมจะช่วยให้การใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเป็นเรื่องง่าย สบายใจ และสามารถได้รับสิทธิพิเศษที่ตรงกับความต้องการมากที่สุดอีกด้วย
ทำบัตรประชาชนปี 2025 ต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง?
บัตรประชาชนถือเป็นเอกสารสำคัญที่คนไทยทุกคนต้องมีติดตัว เพื่อใช้ในการยืนยันตัวตนในการทำธุรกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการสมัครงาน เปิดบัญชีธนาคาร ไปจนถึงการรับบริการจากหน่วยงานราชการ ดังนั้น การเตรียมเอกสารให้พร้อมก่อนทำบัตรประชาชนจึงสำคัญมาก มาดูกันว่าในปี 2025 ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง
เอกสารสำคัญที่ต้องใช้ในการทำบัตรประชาชน
1. กรณีขอทำบัตรประชาชนครั้งแรก
หากคุณมีอายุครบ 7 ปีบริบูรณ์ ซึ่งเป็นวัยที่กฎหมายกำหนดให้เริ่มทำบัตรประชาชนครั้งแรก จำเป็นต้องเตรียมเอกสารดังต่อไปนี้:
- สำเนาสูติบัตรตัวจริง หรือสำเนาเอกสารรับรองการเกิดจากทะเบียนราษฎร
- เอกสารแสดงความสัมพันธ์กับผู้ปกครอง เช่น สำเนาทะเบียนบ้านที่มีชื่อเด็กและผู้ปกครองปรากฏ
- ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลตามกฎหมาย ต้องนำบัตรประชาชนของตนเองมาด้วย
2. กรณีบัตรประชาชนหมดอายุ หรือสูญหาย
สำหรับกรณีบัตรประชาชนหมดอายุ หรือสูญหาย เอกสารที่ต้องเตรียมมีดังนี้:
- บัตรประชาชนใบเก่า (กรณีหมดอายุ)
- สำเนาทะเบียนบ้านตัวจริง หรือสำเนาทะเบียนบ้านพร้อมเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง
- ใบแจ้งความจากสถานีตำรวจ (กรณีบัตรสูญหาย)
ข้อควรรู้ก่อนการทำบัตรประชาชน
นอกจากการเตรียมเอกสารที่ถูกต้องครบถ้วนแล้ว ยังมีข้อควรรู้อื่นๆ ที่ช่วยให้การทำบัตรประชาชนง่ายขึ้น
เวลาที่เหมาะสมในการทำบัตรประชาชน
ควรไปที่สำนักงานเขต หรือที่ว่าการอำเภอในช่วงเช้า เนื่องจากช่วงเวลานี้จะมีผู้ใช้บริการน้อยกว่าช่วงบ่ายหรือช่วงเย็น ทำให้ประหยัดเวลาในการรอคิว
การแต่งกายในการทำบัตรประชาชน
ควรแต่งกายสุภาพเรียบร้อย ไม่ควรใส่เสื้อแขนกุด หรือเสื้อที่เผยให้เห็นส่วนของร่างกายมากเกินไป เพราะเจ้าหน้าที่จะถ่ายรูปทันทีที่ทำบัตรเสร็จ
ขั้นตอนการทำบัตรประชาชน
การทำบัตรประชาชนมีขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้:
- เตรียมเอกสารที่จำเป็นให้ครบถ้วน
- รับบัตรคิวที่สำนักงานเขตหรืออำเภอ
- รอเรียกคิวเพื่อยื่นเอกสารและตรวจสอบความถูกต้อง
- เจ้าหน้าที่จะบันทึกข้อมูลส่วนบุคคล ถ่ายภาพ และเก็บลายนิ้วมือ
- รอรับบัตรประชาชนใบใหม่ (โดยปกติจะได้รับทันที)
ค่าใช้จ่ายในการทำบัตรประชาชน
- กรณีทำบัตรประชาชนครั้งแรกหรือบัตรหมดอายุ: ไม่มีค่าใช้จ่าย
- กรณีบัตรหายหรือชำรุด: มีค่าใช้จ่ายประมาณ 100 บาท
การทำบัตรประชาชนออนไลน์
ในปี 2025 หลายสำนักงานได้เพิ่มระบบการนัดหมายออนไลน์เพื่อความสะดวกสบายมากขึ้น โดยประชาชนสามารถจองคิวล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ของกรมการปกครองหรือแอปพลิเคชันที่กำหนดได้
คำถามที่พบบ่อยในการทำบัตรประชาชน
1. บัตรประชาชนหมดอายุนานแล้วทำใหม่ได้หรือไม่?
- สามารถทำใหม่ได้ แต่ต้องนำบัตรเก่าและเอกสารทะเบียนบ้านมาด้วย
2. หากลืมนำเอกสารสำคัญมาจะทำบัตรได้ไหม?
- จะไม่สามารถทำได้ เพราะเจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเอกสารที่ถูกต้องเท่านั้น
3. หากชื่อในบัตรประชาชนสะกดผิดต้องทำอย่างไร?
- ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ให้แก้ไขทันที โดยเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น สูติบัตร หรือใบเปลี่ยนชื่อ
การเตรียมเอกสารให้พร้อมก่อนทำบัตรประชาชนในปี 2025 เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้การดำเนินการราบรื่นและรวดเร็วมากขึ้น โดยเฉพาะการเตรียมเอกสารที่ถูกต้องครบถ้วน การนัดหมายล่วงหน้า และการแต่งกายที่เหมาะสม ก็จะช่วยประหยัดเวลาในการทำบัตรประชาชนได้เป็นอย่างดี
อัพเดทบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มิถุนายน 2568 เงินเข้าวันไหนบ้าง
เปิดเผยข้อมูลจากกรมบัญชีกลาง เกี่ยวกับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568 ในเดือนมิถุนายน ว่าจะมีการจ่ายเงินเข้าบัญชีผู้ที่ได้รับสิทธิวันไหนบ้าง และจ่ายเป็นค่าอะไรบ้าง ทางด้านรองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ได้ฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ได้ออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับโครงการลงทะเบีนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 ผู้ที่ได้รับสิทธิ สามารถใช้สิทธิผ่านบัตรประจำตัวประชาชนแบบ Smart Card ในเดือนมกราคม 2568 สำหรับสิทธิต่างๆสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ด้านล่าง
1. มิถุนายน 2568 (วงเงินสิทธิ์ไม่สามารถถอนออกมาเป็นเงินสดได้)
- วงเงินซื้อสินค้า 300 บาทต่อคนต่อเดือน
- วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 80 บาท ต่อคนต่อ 3 เดือน (เมษายน – มิถุนายน 2568)
- วงเงินค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ 750 บาทต่อคนต่อเดือน ประกอบด้วย บขส. รถไฟ, ขสมก, รถไฟฟ้า และ รถโดยสารเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ
2. วันที่ 20 มิถุนายน 2568
- เงินเพิ่มเบี้ยความพิการ 200 บาท ต่อเดือน
- สำหรับผู้ที่มีสิทธิที่เป็นคนพิการ มีบัตรประจำตัวคนพิการ และ ได้รับเบี้ยความพิการ 800 บาทต่อเดือน เงินช่วยเหลือจะถูกโอนเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารที่ผูกพร้อมเพย์ด้วยเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลักของผู้ได้รับสิทธิ หรือ บัญชีเงินฝากธนาคาร ของผู้ที่มีสิทธิ
สำหรับประชาชนท่านไหนที่มีข้อสงสัย สามารถติดต่อสอบถามได้ด้วยตัวเองที่เบอร์ 02-109-2345 ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บัตรสวัสดิแห่งรัฐ หรือติดต่อที่ Call Center กรมบัญชีกลาง ที่เบอร์ 02-270-6400 ในเวลาราชการ
รายละเอียดเงินเดือน 10,000 บาท รับเงินทดแทนว่างงาน เดือนละ 5,000 บาท
สำนักงานประกันสังคม หรือ สปส. ได้แจ้งเกี่ยวกับเงื่อนไข ผู้ประกันตนเงินเดือน 10,000 บาท รับเงินสดทดแทนเงินว่างงาน เดือนละ 5,000 บาทในกรณี ถูกเลิกจ้างรวมถึงการจ่ายในกรณีลาออก
เงินชดเชยเลือกจ้าง เงินว่างงาน คืออะไร?
เงินชดเชยเลิกจ้าง เงินว่างงาน ประกันสังคม 2568 สำนักงานประกันสังคม หรือ สปส. sso.go.th เปิดเงื่อนไขผู้ประกันตน เงินเดือน 10,000 บาทรับเงินทดแทนเดือนละ 5,000 บาท กรณีถูกเลิกจ้าง รมถึงการจ่ายในกรณีลาออก ซึ่งสามารถรายงานตัวออนไลน์ได้ที่ e-service.doe.go.th
อัตราการจ่ายเงินชดเชย เงินว่างงาน ประกันสังคม 2568
กรณีลาออก
- ได้รับเงินทดแทนระหว่างการว่างงานปีละไม่เกิน 90 วัน
- ได้รับในอัตราร้อยละ 30 ของค่าจ้าง โดยคำนวณจากฐานเงินสมทบขั้นต่ำเดือนละ 1,650 บาท และ ฐานเงินสมทบสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท
- ตัวอย่างเช่น ผู้ประกันตนมีเงินเดือนเฉลี่ย 10,000 บาท จะได้รับเงินทดแทนเดือนละ 3,000 บาท
กรณีถูกเลิกจ้าง
- ได้รับเงินทดแทนระหว่างการว่างงานปีละไม่เกิน 180 วัน
- ได้รับในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างเฉลี่ย โดยคำนวณจากฐานเงินสมทบขั้นต่ำเดือนละ 1,650 บาท และ ฐานเงินสมทบสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท
- ตัวอย่างเช่น ผู้ประกันตนมีเงินเดือนเฉลี่ย 10,000 บาท จะได้รับเงินทดแทนเดือนละ 5,000 บาท
หากผู้ประกันตนมีเหตุที่ทำให้ว่างงานเกิน 1 ครั้งภายใน 1 ปี ปฎิทินจะมีสิทธิได้รับเงินทดแทนที่แตกต่างกันออกไป
- หากว่างงานเพราะลาออก จะได้รับสิทธิเงินทดแทนทุกครั้ง รวมกันไม่เกิน 90 วัน
- หากว่างงานเพราะถูกเลิกจ้าง จะได้รับสิทธิเงินทดแทนทุกครั้ง รวมกันไม่เกิน 180 วัน
ฝนกลับมาแล้ว กรมอุตุแจ้งเตือน บ่ายวันนี้ถึงค่ำมีฝนตก
กรมอุตุฯออกมาแจ้งเตือนเกี่ยวกับ การพยากรณ์อากาศวันนี้ วันที่ 9 มิถุนายน 2568 เตือนฝนตกหนักทั่วไทย โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้, ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70 ส่วน กรุงเทพฯ มีฝนตกช่วงบ่ายถึงค่ำ
เตือนอากาศวันนี้ ฝนตกหนักทั่วไททย โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้, ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70 ของพื้นที่ ส่วนกรุงเทพฯ มีฝนตกในช่วงบ่ายถึงค่ำ พยากรณ์อากาศจากกรมอุตุฯ แจ้งว่าประเทศไทย จะมีฝนค้าคะนอง และ มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยจะมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ บริเวณภาคตะวันออก และ ภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจจะทำให้พื้นที่ต่ำบางแห่งเกิดน้ำท่วมขังแบบฉับพลัน และ น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม
ในภาคเกษตรกรควรเตรีมการป้องกันและระวังความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อผลผลิตทางการเกษตรเนื่องจากร่องมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านภาคเหนือตอนบน และประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และภาคใต้มีกำลังค่อนข้างแรง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน มีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูง มากกว่า 3 เมตร ส่วนอ่าวไทบมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่ฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามัน และ อ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และ หลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามัน ควรงดออกจากฝั่ง
พยากรณ์อากาศ สำหรับประเทศไทย โดยกรุมอุตุฯ 06.00 วันนี้ถึง 06.00 วันพรุ่งนี้
- กรุงเทพและปริมณฑล มีฝนตกร้อยละ 60% ของพื้นที่ ส่วนมากฝนจะตกช่วงบ่ายถึงค่ำ
- ภาคเหนือมีฝนตกร้อยละ 70% ของพื้นที่ และ มีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ วังหวัดแม่ฮ่องสอน, เชียงใหม่, เชียงราย, น่าน, อุตรดิตถ์, ตาก, กำแพงเพชร, พิจิตร, พิษณุโลก และ เพชรบูรณ์
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนตกร้อยละ 60% ของพื้นที่ และ มีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเลย, หนองคาย, บึงกาฬ, หนองบัวลำภู, อุดรธานี, สกลนคร, นครพนม, ชัยภูมิ และ ขอนแก่น
- ภาคกลาง มีฝนตกร้อยละ 60% ของพื้นที่ และ มีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครสวรรค์, อุทัยธานี, ลพบุรี, สระบุรี และ กาญจนบุรี
- ภาคตะวันออก มีฝนตกร้อยละ 60% ของพื้นที่ และ มีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครนายก, ปราจีนบุรี, ระยอง, จันทบุรี และ ตราด
- ภาคใต้ มีฝนตกร้อยละ 60% ของพื้นที่ และ มีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จังหวัดชุมพร, สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช, พัทลุง และ สงขลา
- ภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกร้อยละ 80% ของพื้นที่ และ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดระนอง, พังงา, ภูเก็ต, กระบี่, ตรัง และ สตูล
ปรับราคาน้ำมันประจำวันที่ 9 มิถุนายน 2568
เช้าวันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน 2568 เวลา 08:46 น. กรุงเทพธุรกิจได้อัปเดต “ราคาน้ำมันวันนี้” จาก 4 ผู้ให้บริการสถานีบริการน้ำมันหลักของไทย ได้แก่ ปตท. (โออาร์), บางจาก, Shell และ PT ด้วยข้อมูลล่าสุดที่ช่วยให้คุณเห็นภาพรวมราคาน้ำมันทุกชนิด ทั้งเบนซิน แก๊สโซฮอล์ และดีเซล เพื่อวางแผนการใช้งานเชื้อเพลิงได้อย่างคุ้มค่า
ทำไมราคาน้ำมันถึงเปลี่ยนทุกวัน?
ทุกวันจันทร์ เวลา 08:00 น. บริษัทผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่จะพิจารณาข้อมูลราคาน้ำมันดิบระดับโลก ต้นทุนขนส่ง และภาษี ก่อนปรับราคาขายปลีก การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยก็ส่งผลต่อราคาขายปลีกรายลิตร สถานีบริการจึงปรับอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ราคามีความสมดุลในแต่ละวัน
เปรียบเทียบราคาน้ำมันแต่ละค่าย – วันที่ 9 มิ.ย. 2568
ด้านล่างคือ “ตารางสรุปรายละเอียดราคาน้ำมันวันนี้” แยกตามค่ายชัดเจน และจัดเรียงตามประเภทน้ำมัน
ปตท. (โออาร์)
-
ดีเซล: 31.94 บ./ลิตร
-
แก๊สโซฮอล์ E85: 28.69 บ./ลิตร
-
แก๊สโซฮอล์ E20: 30.34 บ./ลิตร
-
แก๊สโซฮอล์ 91: 32.18 บ./ลิตร
-
แก๊สโซฮอล์ 95: 32.55 บ./ลิตร
-
เบนซิน (แก๊สโซฮอล์ไม่ผสม): 40.84 บ./ลิตร
-
ซูเปอร์พาวเวอร์ ดีเซล: 43.94 บ./ลิตร
-
ซูเปอร์พาวเวอร์ แก๊สโซฮอล์ 95: 41.14 บ./ลิตร
บางจาก
-
ไฮพรีเมียม ดีเซล S: 46.14 บ./ลิตร
-
ไฮดีเซล S: 31.94 บ./ลิตร
-
ไฮพรีเมียม 97 E95++: 48.84 บ./ลิตร
-
E85 S EVO: 28.69 บ./ลิตร
-
E20 S EVO: 30.34 บ./ลิตร
-
91 S EVO: 32.18 บ./ลิตร
-
95 S EVO: 32.55 บ./ลิตร
Shell
-
Shell FuelSave E20: 30.84 บ./ลิตร
-
Shell FuelSave 91: 32.68 บ./ลิตร
-
Shell FuelSave 95: 33.05 บ./ลิตร
-
Shell V-Power Gasohol 95: 49.84 บ./ลิตร
-
Shell FuelSave Diesel: 31.94 บ./ลิตร
-
Shell V‑Power Diesel: 49.84 บ./ลิตร
สรุปภาพรวมราคา
-
ราคา ดีเซล ทั้ง 4 ค่ายเคลื่อนไหวอยู่ที่ 31.94 บ./ลิตร
-
E85 (แก๊สโซฮอล์ผสม 85%) ราคาใกล้เคียงกันทั้ง ปตท. – บางจาก – E20/91/95 E หรือไฮดีเซล
-
เบนซิน/แก๊สโซฮอล์ 95 มีความแตกต่างเล็กน้อย เช่น ปตท. 32.55 บ./ลิตร, PT 32.55 บ./ลิตร, Shell 33.05 บ./ลิตร
-
ซูเปอร์สูตรพิเศษ เช่น V‑Power หรือ ไฮพรีเมียม มีราคาสูงกว่าเกิน 40 บ./ลิตร
เคล็ดลับเลือกน้ำมันอย่างคุ้มค่า
-
หากรถคุณรองรับ E20/E85 ให้เลือกเติม เพราะราคาต่ำกว่าเบนซินถึง ~10 บาท/ลิตร
-
หากใช้ ดีเซล ดูราคาไม่ว่าจะเป็น ปตท. หรือ PT ก็เท่ากัน แต่บางจากมีตัวเลือก ไฮพรีเมียม S
-
สำหรับผู้ใช้ เบนซิน 95 และคนที่อยากสัมผัสประสิทธิภาพจากน้ำมันสูตรพรีเมียม ลองพิจารณาราคาของแต่ละค่าย
วิธีใช้งานราคาน้ำมันให้เกิดประโยชน์สูงสุด
-
ตรวจสอบราคาทุกเช้า โดยเฉพาะช่วงต้นสัปดาห์ เพื่อวางแผนเติมก่อนราคาขึ้น
-
ใช้ แอปเช็กราคา เช่น PTT Blue หรือ Shell App เพื่อเปรียบเทียบราคา ณ เวลาเติม
-
ติดตามสถานีใกล้บ้าน เพราะบางครั้งแต่ละบริษัทมีโปรโมชั่นเติมน้ำมันจ่ายด้วยช่องทางเฉพาะ
-
วางแผนเส้นทางให้ดี เลี่ยงสถานีราคาแพงเมื่อไม่จำเป็น
ทำไมข้อมูลนี้จึงสำคัญ?
-
สำหรับผู้ใช้รถยนต์ทั่วไป: ช่วยประหยัดค่าน้ำมันได้ทุกครั้ง เพิ่มเงินเหลือไว้ใช้จ่ายส่วนอื่น
-
สำหรับผู้ประกอบการหรือผู้ขับขี่เป็นประจำ: ความแตกต่าง 0.50–1 บาทต่อลิตร อาจสะสมเพิ่มค่าใช้จ่ายได้หลายร้อยบาทต่อเดือน
-
โดยภาพรวมเศรษฐกิจ: ราคาพลังงานเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลต่อต้นทุนสินค้า แปรผันไปตามราคาน้ำมันดิบและภาษี จึงควรติดตามเพื่อประเมินค่าใช้จ่ายล่วงหน้า
เช็กราคา + วางแผนการเติม + ใช้สิทธิประโยชน์
เป็นสูตรง่าย ๆ ที่ช่วยให้คุณควบคุมรายจ่ายค่าน้ำมันได้อย่างชาญฉลาด หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยให้การใช้เชื้อเพลิงของคุณคล่องตัวและประหยัดขึ้นในทุกเช้า
ประกันสังคมเตรียมปรับสูตรใหม่ในปี 2569
ปี 2568 ประกันสังคมเตรียมปรับสูตรคำนวญบำนาญใหม่ บางกลุ่มได้รับเงินบำนาญเพิ่มขึ้น ในขณะที่บางกลุ่มอาจจะได้รับน้อยลง การปรับสูตรใหม่ของเงินบำนาญครั้งนี้ จะส่งผลกระทบโดยตรงกับผู้ประกันตนทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ใกล้เกษียณ หรือเพิ่มจะเริ่มทำงาน สำหรับสูตรใหม่จะพิจารณาปัจจัยหลายด้านมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น
- ระยะเวลาการส่งเงินสมทบ
- ฐานเงินเดือนเฉลี่ยช่วงท้ายของการทำงาน
การปรับครั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มของประชากรสูงวัย และภาระงบประมาณของทุนประกันสังคม การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ อาจจะทำให้บางกลุ่มได้รับเงินบำนาญที่เพิ่มมากขึ้น
รายละเอียดการคำนวณบำนาญสูตรใหม่
- ระยะเวลาการส่งเงินสมท จำนวนปีที่ส่ง การส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม หรือ กองทุนบำนาญต่างๆ เป็นระยะเวลานาน ส่งผลโดยตรงต่อสิทธิประโยชน์ที่ผู้ส่งเงินจะได้รับในอนาคต โดยเฉพาะในส่วนของเงินบำนาญชราภาพ ซึ่งเป็นผลตอบแทนระยะยาว เมื่อเข้าสู่วัยเกษียณ หากส่งเงินสมทบเป็นระยะเวลานาน สิทธิประโยชน์ หรือ อัตราบำนาญที่ได้รับนั้นก็จะสูงขึ้นไปอีก เพราะอัตราการคำนวณบำนาญจะพิจารณาจากจำนวนปีที่มีการส่งเงินสมทบ ควบคู่กับฐานค่าจ้างเฉลี่ย
- ฐานเงินเดือนเฉลี่ยช่วงท้าย 5 ปีสุดท้ายก่อนการเกษียณ จากสูตรเดิมจะใช้ฐานเฉลี่ยเฉพาะช่วงท้ายและอาจจะเปลี่ยนมาเป็นฐานตลอดอายุการทำงาน สำหรับสูตรใหม่ อาจจะให้ความสำคัญกับช่วง 3-5 ปี สุดท้ายมากขึ้น หมายความว่า หากช่วงก่อนเกษียณฐานเงินเดือนสูง จะได้รับเงินบำนาญที่มากขึ้นตามไปด้วย
- สัดส่วนการจ่ายเงินบำนาญต่อฐานเงินเดือนเฉลี่ย อาจจะมีการปรับลดจากเดิมอยู่ราวๆ 20%-30% ของเงินเดือนเฉลี่ย มาเป็นอัตราที่ผันแปรตามช่วงเวลาการส่งเงินสมทบ และสถานะของกองทุนในช่วงนั้น
- ส่งเสริมให้ผู้ประกันตนทำงานนานขึ้น
สูตรใหม่ใครได้รับประโยชน์บ้าง?
ผู้ที่มีระยะเวลาส่งเงินสมทบนานเกิน 25 ปี คนกลุ่มนี้จะได้รับประโยชน์เต็มๆ จากการให้คะแนนสะสมและค่าตอบแทนบำนาญที่สูงขจึ้น สำหรับผู้ที่มีเงินเดือนสูง ช่วงปลายอายุงาน หากวางแผนเลื่อนตำแหน่ง หรือมีการปรับเงินเดือนในช่วง 5 ปี สุดท้ายก่อนเกษียณ จะช่วยเพิ่มฐานเงินเดือนเฉลี่ยทำให้ได้รับเงินบำนาญที่สูงขึ้น นอกจากนี้ คนที่ได้รับผลประโยชน์กลุ่มสุดท้าย ก็คือคนที่เริ่มวางแผนทางการเงิน เช่นวางแผนออกจากงานช้าลง หรือ ส่งเงินสมทบ ม.39 เพิ่มเติมในช่วงปลดเกษียณ
ใครอาจจะเสียประโยชน์บ้าง?
คนที่เสียประโยชน์ อาจจะเป็นกลุ่มคนที่ส่งเงินสมทบระยะสั้น หรือเว้นช่วงบ่อย ซึ่งคนกลุ่มนี้ อาจจะไม่ได้รับสิทธิ์อัตราบำนาญสูง เพราะว่าไม่มีระยะเวลาสะสมที่เพียงพอ นอกจากนี้ กลุ่มคนที่มีเงินเดือนคงที่ตลอดช่วงทำงาน หากไม่ได้รับการขยับฐานเงินเดือนในช่วงท้าย อาจจะไม่ได้รับประโยชน์จากสูตรใหม่นี้ กลุ่มสุดท้ายที่อาจเสียผลประโยชน์ ก้คือแรงงานนอกระบบ หรือผู้ที่เปลี่ยนงานบ่อย อาจจะทำให้เกิดการขาดตอนการส่งเงินสมทบ ทำให้สิทธิประโยชน์ลดลง
แนวทางการเตรียมตัวสำหรับการปรับสูตรบำนาญใหม่ปี 2569
- ตรวจสอบสถานะการส่งเงินสมทบในระบบประกันสังคม
- วางแผนเกษียณล่วงหน้า
- ขยับฐานเงินเดือนในช่วงท้ายของอายุงาน ถ้าทำได้
- วางแผนการเงินเสริม เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
KTC Forever แลกอะไรได้คุ้มที่สุดในยุคเงินเฟ้อ?
ในภาวะที่ค่าครองชีพพุ่งสูงและอำนาจซื้อของเงินสดลดลง หลายคนเริ่มหันมามอง “คะแนนสะสม” จากบัตรเครดิตเป็นทรัพยากรสำรองในการจัดการค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะคะแนน KTC FOREVER ที่สามารถนำไปแลกของรางวัลได้หลากหลายตั้งแต่ส่วนลดเงินสด ไปจนถึงตั๋วเครื่องบิน แต่คำถามสำคัญคือ “แลกอะไรคุ้มค่าที่สุด?” ในยุคที่แม้แต่เงินบาทยังต้องคิดให้ดีก่อนใช้
ทำความเข้าใจพื้นฐานคะแนน KTC FOREVER
คะแนน KTC Forever เป็นคะแนนสะสมที่ได้จากการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต KTC ทุก 25 บาทจะได้รับ 1 คะแนน (ขึ้นอยู่กับประเภทบัตร) และสามารถนำไปแลกของรางวัล หรือสิทธิพิเศษต่าง ๆ ผ่านแอป KTC Mobile หรือเว็บไซต์ของ KTC
ประเภทของการแลกคะแนน
- แลกส่วนลดเงินสด (Cashback)
- แลกตั๋วเครื่องบิน/โรงแรม
- แลกของกำนัลและสินค้า
- แลกบริการ เช่น น้ำมัน, ประกัน, ค่าบริการสุขภาพ
- แลกเป็นเงินบริจาคเพื่อองค์กรการกุศล
วิเคราะห์ “มูลค่าต่อคะแนน” แต่ละรูปแบบ
เพื่อประเมินว่าแลกอะไรคุ้มที่สุด เราใช้วิธีคำนวณมูลค่าต่อคะแนน (Value per Point หรือ VPP) โดยใช้สูตร:
VPP = มูลค่าของรางวัล (บาท) ÷ จำนวนคะแนนที่ต้องใช้
1. แลกเป็นส่วนลดเงินสด
- อัตราเฉลี่ย: 1,000 คะแนน = 100 บาท
- VPP = 0.10 บาท/คะแนน
ข้อดีคือ ใช้แลกง่าย ใช้ได้ทันที โดยเฉพาะที่ร้านค้าที่ร่วมรายการ แต่ถือว่า “คุ้มค่าน้อย” ที่สุดในบรรดาตัวเลือกทั้งหมด
2. แลกตั๋วเครื่องบิน
- ตัวอย่าง: ตั๋วไปกลับกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ราคาตลาด 3,000 บาท ใช้คะแนนประมาณ 25,000 คะแนน
- VPP = 0.12 บาท/คะแนน
ถือว่าคุ้มค่ากว่าการแลกเป็นเงินสด แต่ต้องวางแผนการเดินทางล่วงหน้า และขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของสายการบิน
3. แลกที่พัก/โรงแรม
- ตัวอย่าง: ที่พักระดับ 4 ดาว คืนละ 3,500 บาท ใช้คะแนน 28,000 คะแนน
- VPP ≈ 0.125 บาท/คะแนน
เหมาะกับคนชอบท่องเที่ยว และเป็นอีกหมวดที่คุ้มค่าในแง่ของประสบการณ์
4. แลกของกำนัล เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า
- ตัวอย่าง: หม้อทอดไร้น้ำมันมูลค่า 2,000 บาท ใช้ 22,000 คะแนน
- VPP ≈ 0.09 บาท/คะแนน
ในหลายกรณี VPP จะต่ำกว่าการใช้ซื้อโดยตรงจากร้านค้า (เพราะราคาของรางวัลถูกตั้งไว้สูงกว่าราคาตลาด)
5. แลกค่าน้ำมัน / ประกันสุขภาพ / ร้านอาหาร
- เฉลี่ย: 1,000 คะแนน แลกได้ 100 – 120 บาท
- VPP: 0.10 – 0.12 บาท/คะแนน
ข้อดีคือใช้ได้ในชีวิตประจำวัน และลดค่าใช้จ่ายได้จริง โดยเฉพาะน้ำมันที่ราคาสูงขึ้น
6. แลกบริจาค
- เฉลี่ย: 1,000 คะแนน = บริจาค 100 บาท
- VPP = 0.10 บาท/คะแนน
แม้จะไม่คุ้มค่าทางการเงิน แต่คุ้มค่าทางใจ เหมาะกับคนที่อยากช่วยเหลือสังคมและรับใบเสร็จลดหย่อนภาษี
เทคนิคใช้คะแนน KTC ให้คุ้มในยุคเงินเฟ้อ
1. ใช้คะแนนกับบริการที่มีอัตราเงินเฟ้อสูง
ในสถานการณ์ที่สินค้าและบริการบางประเภทขึ้นราคาต่อเนื่อง เช่น น้ำมัน ค่าโดยสาร ค่าที่พัก การแลกคะแนนเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในหมวดเหล่านี้จะคุ้มค่ากว่า
2. หมั่นตรวจสอบโปรโมชั่น “คะแนน x2 หรือแลกน้อยลง”
KTC มักมีโปรโมชั่นพิเศษ เช่น “แลก 1,000 คะแนน ลดได้ 150 บาท” ซึ่งทำให้ VPP เพิ่มขึ้นเป็น 0.15 บาท/คะแนน
3. รวมคะแนนจากหลายใบเพื่อแลกของใหญ่
หากถือหลายบัตรของ KTC คะแนนจะถูกรวมไว้ที่บัญชีเดียว ทำให้สามารถสะสมไว้แลกรางวัลที่มีมูลค่าสูงกว่าเดิมได้ในระยะยาว
4. ใช้คะแนนก่อนหมดอายุ
แม้คะแนน KTC Forever จะมีอายุ 3 ปี แต่การปล่อยให้หมดอายุโดยไม่ได้ใช้อะไรเลย ย่อมเท่ากับเสียโอกาสโดยเปล่าประโยชน์
แม้ VPP ของแต่ละตัวเลือกจะดูใกล้เคียงกัน แต่ “ความคุ้มค่า” ขึ้นอยู่กับบริบทของแต่ละคน หากคุณต้องการประหยัดในชีวิตประจำวัน แลกเป็นค่าน้ำมันหรือเงินสดอาจตอบโจทย์ แต่หากต้องการประสบการณ์ที่พิเศษกว่าราคาตลาด เช่น ตั๋วเครื่องบิน โรงแรม หรือ Chef Table แลกเหล่านี้ให้ VPP สูงกว่าและคุ้มค่าทางจิตใจ
ท้ายที่สุด การใช้คะแนน KTC Forever อย่างมีประสิทธิภาพในยุคเงินเฟ้อ ไม่ได้ขึ้นอยู่แค่ “ตัวเลข” แต่ขึ้นอยู่กับความต้องการจริงของคุณด้วย หากรู้จักวางแผนและเลือกใช้ให้ถูกที่ คะแนนที่สะสมไว้สามารถแปลงเป็นมูลค่าที่ช่วยลดภาระการเงินได้จริง
สภาพอากาศวันนี้ กรมอุตุ พยากรณ์ว่าทั่วไทยมีฝนลดลง
กรมอุตุพยากรณ์อากาศวันนี้ 5 มิถุนายน 2568 สภาพอากาศวันนี้ ทั่วไทยมีฝนลดลง โดยพื้นที่ 37 จังหวัดยังมีฝนตกโดยเฉพาะภาคใต้ฝนตกหนักสุดร้อยละ 70 ส่วน กทม. มีฝนฟ้าคะนอง พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก สาเหตุมาจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และ อ่าวไทยประกอบกันร่องมรสุมกำลังอ่อนพัดผ่านประเทศเมียนมา และ ประเทศลาวตอนบน
สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน มีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และ หลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
กรมอุตุฯ พยากรณ์อากาศ ตั้งแต่ 06.00 น. วันนี้ถึง 06.00 น. วันพรุ่งนี้
- กรุงเทพและปริมณฑล มีฝนตกร้อยละ 40 ของพื้นที่
- ภาคเหนือ มีฝนตกร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากจะตกบริเวณ จังหวัดแม่ฮ่องสอน, เชียงราย, พะเยา, น่าน, อุตรดิตถ์ และ ตาก
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนตกร้อยละ 40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเลย, หนองคาย, บึงกาฬ, อุดรธานี, สกลนคร, นครพนม และ มุกดาหาร
- ภาคกลาง มีฝนตกร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดลพบุรี, สระบุรี, กาญจนบุรี และ ราชบุรี
- ภาคตะวันออก มีฝนตกร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครนายก, ปราจีนบุรี, ชลบุรี, ระยอง, จันทบุรี และ ตราด
- ภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนตกร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดชุมพร, สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช, พัทลุง, สงขลา, ยะลา และ นราธิวาส
- ภาคใต้ มีฝนตกร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดระนอง, พังงา, ภูเก็ต, กระบี่, ตรัง และ สตูล
เจาะลึก Exclusive Events ผู้ถือบัตร AMEX
ถ้าบัตรเครดิตทั่วๆ ไปเป็นแค่เครื่องมือทางการเงิน บัตรเครดิต American Express (Amex) ในระดับสูงอย่าง Platinum หรือ Centurion กลับกลายเป็น “กุญแจ” ที่ไขไปสู่โลกของสิทธิพิเศษที่แม้แต่เงินอย่างเดียวก็ซื้อไม่ได้ นี่คือเหตุผลที่ผู้ถือบัตรหลายคนเรียกมันว่า “Key to Access” ไม่ใช่แค่สำหรับส่วนลดหรือเลานจ์สนามบิน แต่เพื่อเข้าถึง Exclusive Events และ ประสบการณ์เฉพาะกลุ่ม ที่มีเพียงไม่กี่คนในโลกเท่านั้นที่จะได้สัมผัส
Amex ไม่ใช่แค่บัตร แต่คือประสบการณ์
หนึ่งในสิ่งที่ทำให้ Amex โดดเด่นเหนือบัตรเครดิตอื่นๆ คือการนำเสนอ “ประสบการณ์” มากกว่าแค่ “สิทธิประโยชน์” Amex รู้ดีว่ากลุ่มลูกค้าของพวกเขาไม่ใช่แค่ต้องการส่วนลด แต่ต้องการเข้าถึงสิ่งที่ “หาไม่ได้ทั่วไป” และ “ไม่ได้เปิดให้ใครก็ได้”
Key Experience: ไม่ได้ใช้แค่รูด แต่เปิดโลกใหม่
- บัตร Amex Platinum และ Centurion มาพร้อมการเข้าร่วมงานระดับ Global เช่น เทศกาลหนัง Cannes, การแข่ง F1 Monaco หรือ Paris Fashion Week
- โอกาสรับเชิญไปร่วม Chef Table จากเชฟระดับ Michelin Star ที่ไม่เปิดจองสาธารณะ
- เข้าร่วมกิจกรรมปิดพิเศษ เช่น งานประมูลศิลปะระดับโลก หรือ Private Preview รถยนต์รุ่นหายากก่อนเปิดตัวจริง
Amex Experiences: ประเภทของกิจกรรมพิเศษที่ Amex เปิดให้
American Express แบ่งบริการด้าน “ประสบการณ์พิเศษ” ออกเป็นหลายกลุ่มหลัก ซึ่งจะผูกกับระดับบัตรและภูมิภาคที่คุณถือบัตรนั้นอยู่
1. Concert & Theatre Access
ผู้ถือ Amex ในหลายประเทศจะได้รับสิทธิ์ในการจองบัตรคอนเสิร์ตก่อนเปิดขายทั่วไป เช่น Taylor Swift, Coldplay, Ed Sheeran โดยสามารถเลือกที่นั่งโซนพิเศษ หรือมีแพ็กเกจ VIP เพิ่มให้
2. Culinary Experience
เข้าร่วมงานอาหารที่ไม่เปิดสู่สาธารณะ เช่น Collaboration ระหว่างเชฟระดับโลกกับสถานที่ลับ (Secret Dining Room), Wine Tasting ในไร่องุ่นส่วนตัว, หรือการเปิดตัวเมนูพิเศษเฉพาะ Amex Members
3. Fashion & Lifestyle
เข้าถึงงานแฟชั่นระดับโลกที่ไม่สามารถซื้อบัตรเข้าชมได้ เช่น New York Fashion Week หรืองาน Exclusive Launch จากแบรนด์หรู เช่น Louis Vuitton, Dior, หรือ Chanel
4. Travel Experiences
ไม่ใช่แค่ Lounge ที่สนามบิน แต่รวมถึง:
- การจองโรงแรม 5 ดาวแบบมีสิทธิพิเศษ (Late Check-out, Room Upgrade, เครดิตอาหาร ฯลฯ)
- Private Jet หรือ Yacht Experience ในประเทศที่มีบริการ Concierge ครบวงจร
- เข้าร่วม Group Tour แบบ Curated ซึ่งมีผู้เข้าร่วมจำนวนจำกัดและไม่เปิดขายทั่วไป
ทำไม Amex ถึงสามารถจัดประสบการณ์เหล่านี้ได้?
1. เครือข่ายพาร์ตเนอร์ระดับโลก
Amex มีเครือข่ายเชื่อมโยงกับผู้ให้บริการหรูระดับโลกทั้งสายการบิน โรงแรม แบรนด์แฟชั่น และผู้จัดอีเวนต์ต่าง ๆ จึงสามารถต่อรองและออกแบบกิจกรรมพิเศษร่วมกันโดยเฉพาะ
2. ข้อมูลเชิงลึกของผู้ถือบัตร
ด้วยการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ถือบัตรระดับสูง Amex สามารถคัดสรรกิจกรรมที่ “ตรงใจ” และ “ตรงกลุ่ม” ได้อย่างแม่นยำ ทำให้การจัดงาน Exclusive นั้นได้ผลลัพธ์จริงทั้งในแง่ประสบการณ์และความภักดีต่อแบรนด์
3. บริการ Personal Concierge
สำหรับผู้ถือบัตรระดับ Centurion และ Platinum Concierge สามารถช่วยจัดการคำขอที่ซับซ้อน เช่น การหาตั๋วงานที่เต็มแล้ว การจองโต๊ะในร้านอาหารที่จองไม่ได้ หรือการเข้าถึงบริการระดับ VIP ที่ปกติไม่ได้เปิดขาย
ใครควรสมัคร Amex เพื่อเข้าถึงประสบการณ์เหล่านี้?
กลุ่มที่เหมาะสม
- ผู้ที่เดินทางต่างประเทศเป็นประจำ
- นักสะสมประสบการณ์ ไม่ใช่แค่สินค้า
- นักธุรกิจระดับสูงที่ต้องการเข้าถึงเครือข่ายพิเศษ
- ผู้ที่เน้นไลฟ์สไตล์เหนือระดับ ไม่ใช่แค่คะแนนสะสม
ข้อควรคำนึง
- บัตรบางประเภทต้องมีคุณสมบัติเฉพาะ เช่น รายได้ขั้นต่ำ, คำเชิญจาก Amex
- สิทธิพิเศษบางอย่างใช้ได้เฉพาะในบางประเทศ เช่น Centurion Lounge เปิดเฉพาะ Amex USA
- ค่าธรรมเนียมรายปีของบัตรระดับสูงมีมูลค่าสูง และควรพิจารณาความคุ้มค่ากับการใช้งานจริง
Amex ไม่ใช่แค่บัตร แต่เป็น Pass สู่โลกของความพิเศษ
ในยุคที่ผู้คนจำนวนมากมี “บัตรเครดิต” อยู่ในกระเป๋าสตางค์ แต่มีเพียงไม่กี่คนที่มี “Key to Access” ซึ่งเปิดประตูสู่โลกที่ไม่ได้เปิดให้กับคนทั่วไป การถือ Amex จึงไม่ได้เป็นแค่เรื่องของสิทธิประโยชน์บนกระดาษ แต่คือการเข้าถึง “ประสบการณ์” ที่แท้จริง
หากคุณเป็นคนที่ให้คุณค่ากับเวลา ความทรงจำ และโอกาสที่หาไม่ได้จากการใช้เงินเพียงอย่างเดียว บัตรเครดิต Amex อาจเป็นสิ่งที่เปลี่ยนวิธีที่คุณมอง “ความคุ้มค่า” ไปอย่างสิ้นเชิง