เกมการค้าโลก ได้เปลี่ยนแปลงแล้วอย่างสิ้นเชิง

หลังจกาที่สหรัฐอเมริกาได้มีการประกาศจัดเก็บภาษี นำเข้าสินค้าไทย 19% ถือเป็นสัญญาญเตือนสำคัญเกมการค้าโลก ได้เปลี่ยนไปแล้ว มีกติกาใหม่ในเวทีเศรษฐกิจโลกไม่ได้อิงแต่เรื่องต้นทุนหรือราคาอีกต่อไป

การแข่งขันด้านเทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม และ มาตรฐานแรงงาน ประเทศไทย ในฐานะสมาชิกของระบบการค้า ทำให้เลี่ยงไม่ได้ต้องยกระดับตัวเอง อย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้ถูกลดบทบาทมากไปกว่านี้ ภาษีเพิ่มขึ้นอาจะไม่ใช่แค่ตัวเลขแต่มันสะท้อนถึงขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศที่ยังไม่สามารถยกระดับให้ทันต่อแนวโน้มใหม่ในเศรษฐกิจโลก ทั้งด้านการผลิตที่ยังพึ่งแรงงานราคาถูก การพัฒนาเทคโนโลยี ที่ยังไม่ลึกพอ ไปจนถึงปัญหาโครงสร้าง โดยเฉพาะการขาดทักษะในแรงงานรุ่นใหม่ ขณะที่หลายประเทศเข้าสู่ยุค 5.0 ไทยยังติดอยู่กับกับดักรายได้ปานกลาง และ เจอกับการแข่งขันที่หลักกว่าเดิมหลายเท่า การยกระดับขีดความแข่งขันของไทย ควรมองการไกล การเพิ่มแรงจูงใจให้นักลงทุนหรือลดอุปสรรคทางธุรกิจ ซึ่งเราต้องมองไปถึงระดับโครงสร้างเชิงลึกของเศรษฐกิจ กฎหมาย และ การกำกับดูแล ส่งเสริมนวัตกรรม และปรับระบบการศึกษาที่จะผลิตกำลังคน ที่มีทักษะตรงกับเศรษฐกิจใหม่ โดยเฉพาะ ทักษะดิจิทัล รวมถึงความสามารถทำงานร่วมกับเครื่องจักรอัจฉริยะ ซึ่งเป็นหัวใจของการผลิตในยุคถัดไป

รัฐบาลต้องลุกขึ้นมาปรับปรุงอย่างเข้มแข็ง ซึ่งเป็นหน้าที่ตัวเร่ง ไม่ใช่แค่ผู้ตาม ทั้งการสร้างระบบนิเวศเพื่อสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาของภาคเอกชน การปรับกระบวนการอนุญาต การอำนวยความสะดวกด้านโลจิสติกส์ การผลักดันการเจรจาข้อตกลงการค้าใหม่ รวมถึงการเปิดโอกาสให้ไทยเข้าถึงตลาดที่มีกำลังซื้อสูง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรม ชิป, เซมิคอนดักเตอร์, ยานยนต์ไฟฟ้า, ธุรกิจเวลเนส ซึ่งประเทศไทยมีศักยภาพในการทำในด้านนี้

ในส่วนของภาคเอกชนก็ต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วน ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในเทคโนโลยี การบริหารจัดการซัพพลายเชนให้ยืดหยุ่นตอบรับกับความเสี่ยง ยกระดับแรงงานภายในองค์กร ไปจนถึงการสร้างแบรนด์และความน่าเชื่อถือในตลาดต่างประเทศ รวมทั้งความได้เปรียบในอดึตที่ไม่สามารถใช้ต่อรองในเวทีการค้าโลคยุคใหม่ได้อีก ถ้าหากภาคธุรกิจไทยยังมองแค่ผลกำไรระยะสั้น เราอาจจะกลายเป็นจุดอ่อนที่ถูกแทนที่ด้วยผู้เล่นรายหใหม่ในตลาดโลก ประเทศไทยยังมีโอกาส แต่เวลากำลังเดินไปเรื่อยๆ การปรับตัวแทนที่ด้วยผู้เล่นรายใหม่ในตลาดโลก ประเทศไทยถือว่ายังเป็นประเทศที่ยังมีโอกาส แต่ต้องเร่ง ถ้าไม่อยากเป็นเพียงคนที่ดูอย่างเดียว ผ่านการยกระดับขีดความสามารถประเทศ เพื่อให้อยู่รอด

 

 

สภาพอากาศวันนี้กรมอุตุฯ พยากรณ์อากาศวันนี้ทั่วไทยรับมือฝนตกเพิ่ม

รายงานจากกรมอุตุฯ พยากรณ์อากาศวันนี้ 6 สิงหาคม 2568 เตือนทั่วไทย รับมือฝนตกเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือมีฝนตกร้อยละ 70 สำหรับกรุงเทพมหานคร มีฝนตกและมีลมกระโชกแรงบางแห่ง

พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกและมีลมกระโชกแรงบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักบางพื้นที่ บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน, เชียงใหม่, เชียงราย, ลำปาง, พะเยา, น่าน, หนองคาย, บึงกาฬ, นครพนมม, สุราษฎร์ธานี, นครษรีธรรมราช, สงขลา, ปัตตานี, ยะลา, นราธิวาส, ระนอง, พังงา, ตรัง และ สตูล กรมอุตุฯแจ้งเตือน ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าว ระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และ ฝนตกหนักที่อาจจะเกิดขึ้น เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และ อ่าวไทย

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน ตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตรบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง มีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และ หลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ สำหรับประเทศ”ทย 06.00 น. วันนี้ถึง 06.00 น. วันพรุ่งนี้

  • กรุงเทพ และ ปริมณฑล มีฝนตกร้อยละ 40 ของพื้นที่ มีลมกระโชกแรงบางแห่ง
  • ภาคเหนือ มีฝนตกร้อยละ 70 ของพื้นที่ กับมีลบกระโชกแรงบางแห่ง โดยมีฝนตกนหักบางพื้นที่
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง
  • ภาคกลางมีฝนตกร้อยละ 40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง
  • ภาคตะวันออก มีฝนตกร้อยละ 40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง
  • ภาคใต้ ฝั่งตะวันออก มีฝนตกร้อยละ 60 ของพื้นที่ และ มีฝนตกหนักบางแห่ง
  • ภาคใต้ ฝั่งตะวันตก มีฝนตกร้อยละ 60 ของพื้นที่ และ มีฝนตกหนักบางแห่ง

 

เปรียบเทียบ ซื้อประกันเดินทาง 2025 เจ้าไหนดี?

 

ปี 2025 เป็นอีกปีที่หลายคนเตรียมตัวเดินทางต่างประเทศ ไม่ว่าจะเพื่อพักผ่อน ท่องเที่ยว หรือทำงาน แต่สิ่งสำคัญที่หลายคนยังมองข้ามคือ ประกันเดินทางต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นเกราะป้องกันในสถานการณ์ไม่คาดฝัน บทความนี้จะพาคุณมาเปรียบเทียบประกันเดินทางต่างประเทศยอดนิยมในปี 2025 พร้อมเทคนิคการเลือกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์การเดินทาง

ความสำคัญของประกันเดินทางต่างประเทศ

แม้ว่าการเดินทางต่างประเทศจะเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แต่ก็มีความเสี่ยงหลายอย่างที่เราไม่สามารถควบคุมได้ เช่น อุบัติเหตุ, การเจ็บป่วย, สูญเสียสัมภาระ, เที่ยวบินล่าช้า, กระเป๋าหรือของมีค่าหาย หรือแม้แต่เหตุฉุกเฉินจากภัยธรรมชาติ ซึ่งการมีประกันเดินทางจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย และทำให้คุณมั่นใจมากขึ้นระหว่างเดินทาง

ประโยชน์หลักที่ควรได้รับจากประกันเดินทาง

  • ค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉินต่างประเทศ
  • การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยกลับประเทศ
  • ชดเชยกระเป๋าสัมภาระสูญหายหรือล่าช้า
  • ค่าชดเชยเมื่อเที่ยวบินถูกยกเลิก
  • ความคุ้มครองจากอุบัติเหตุส่วนบุคคล

เกณฑ์ที่ใช้ในการเปรียบเทียบประกันเดินทาง

เพื่อให้เปรียบเทียบประกันเดินทางได้อย่างตรงจุด เราใช้เกณฑ์ต่อไปนี้:

  1. วงเงินคุ้มครอง: ทั้งด้านการรักษา การชดเชย และอุบัติเหตุ
  2. ระยะเวลาคุ้มครอง: จำนวนวันที่สามารถใช้ประกันได้
  3. เงื่อนไขการเคลม: ความง่ายในการเคลมและการติดต่อบริการ
  4. ราคาเบี้ยประกัน: ความคุ้มค่าระหว่างราคาและสิทธิประโยชน์
  5. การคุ้มครองเฉพาะกลุ่ม: เช่น นักเรียน, ผู้สูงอายุ, นักธุรกิจ หรือ Backpacker

เปรียบเทียบแผนประกันเดินทางต่างประเทศยอดนิยม ปี 2025

บริษัทประกัน แผนแนะนำ ค่ารักษาสูงสุด ชดเชยกระเป๋าหาย เที่ยวบินล่าช้า ราคาเริ่มต้น (3 วัน)
AXA Smart Traveller Plus 5,000,000 บาท 50,000 บาท สูงสุด 10,000 บาท 480 บาท
Allianz Travel Platinum Plan 7,000,000 บาท 70,000 บาท สูงสุด 12,000 บาท 620 บาท
MSIG Travel Easy Worldwide 4,000,000 บาท 30,000 บาท สูงสุด 8,000 บาท 390 บาท
Chubb Premier Global 6,000,000 บาท 60,000 บาท สูงสุด 10,000 บาท 570 บาท

เลือกประกันเดินทางให้เหมาะกับรูปแบบการท่องเที่ยว

1. นักเดินทางทั่วไป (เที่ยวระยะสั้น)

เหมาะกับแผนที่ให้ความคุ้มครองพื้นฐาน เช่น AXA Smart Traveller Plus หรือ MSIG Travel Easy ที่ราคาประหยัดและคุ้มค่า

2. นักเรียน นักศึกษา

ควรเลือกแผนที่มีความคุ้มครองค่ารักษายาวนาน และครอบคลุมเหตุฉุกเฉินระหว่างพำนัก เช่น Allianz Travel Platinum Plan

3. นักเดินทางบ่อย (Frequent Traveller)

เลือกแบบรายปีจะคุ้มกว่าซื้อรายเที่ยว เช่น Chubb Premier Global ที่มีแผนสำหรับผู้เดินทางบ่อย

4. ผู้สูงอายุ

ควรพิจารณาแผนที่ครอบคลุมอาการเจ็บป่วยเรื้อรัง และมีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม.

สมัครประกันเดินทาง MSIG Travel Easy รับส่วนลดพิเศษ

เทคนิคการเลือกประกันเดินทางที่ไม่ควรมองข้าม

  • ตรวจสอบประเทศปลายทางว่ายอมรับแผนประกันจากบริษัทไหน
  • ดูรายละเอียดข้อยกเว้น เช่น กรณีไม่คุ้มครอง COVID-19 หรือโรคประจำตัว
  • เปรียบเทียบราคาและสิทธิประโยชน์ ไม่ควรเลือกจากราคาถูกอย่างเดียว
  • อ่านรีวิวจากผู้ใช้งานจริง โดยเฉพาะการเคลมและความรวดเร็วในการตอบสนอง

ประกันเดินทางต่างประเทศ 2025 แผนไหนดี?

ไม่มีแผนไหนดีที่สุดสำหรับทุกคน แต่ควรเลือกให้เหมาะกับจุดหมายปลายทาง ลักษณะการเดินทาง และงบประมาณของคุณ โดยในปี 2025 มีแผนที่หลากหลายให้เลือก ทั้งแบบประหยัดและแบบพรีเมียม พร้อมบริการที่พัฒนาขึ้นมาก ผู้ที่เดินทางต่างประเทศควรพิจารณาซื้อประกันทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยและความสบายใจระหว่างเดินทาง

ล่าสุดจากกรมขนส่ง ใบขับขี่หมดอายุ ต่อได้ใหม่ภายในกี่วัน

เปิดเผยข้อมูลล่าสุดจากทางกรมขนส่ง หากใบขับขี่หมดอายุ สามารถต่อได้ภายในกี่วัน แล้วต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง และถ้าหากขับรถโดยใบขับขี่หมดอายุ จะโดนโทษสูงสุดเท่าไหร่มีคำตอบ

จากการรายงานและอัพเดทของ กรมขนส่งทางบก แจ้งว่าหากใบขับขี่หมดอายุ จะต่อได้ใหม่ภายในกี่วัน โดยใบขับขี่ส่วนบุคคล สามารถต่อได้ก่อนหมดอายุเวลา 6 เดือน โดยสามารถอบรมแบบออนไลน์ และนำผลการอบรมมาทำเรื่องที่สำนักงานขนส่ง มีการทดสอบสมรรถภาพร่างกายทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นการต่ออายุใบขับขี่ หรือการเปลี่ยนชนิดใบขับขี่  สำหรับการขับขี่ในขณะที่ใบขับขี่หมดอายุ จะมีโทษปรับสูงสุด 2,000 บาท ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 65

การเปลี่ยนชนิดใบขับขี่ส่วนบุคคลชั่วคราว 2 ปี เป็น 5 ปี

  • หากหมดอายุไม่เกิน 1 ปี ต่อใหม่ได้ทันที ไม่ต้องอบรม หรือเมื่อถือใบอนุญาตขับรถครบ 1 ปี สามารถต่ออายุล่วงหน้ได้ทันที
  • หมดอายุเกิน 1 ปี อบรมได้ที่สำนักงานขนส่งเท่านั้น มีการทดสอบข้อเขียน E-exam ให้ผ่านเกณฑ์ ไม่ต่ำกว่า 45 จาก 50 ข้อ
  • หมดอายุเกิน 3 ปี อบรมได้ที่สำนักงานขนส่งเท่านั้น ทดสอบข้อเขียนผ่าน E-exam และต้องทดสอบขับรถ

เอกสารจำเป็นที่ต้องใช้ หากต้องการต่ออายุใบขับขี่

  • ใบขับขี่เดิม
  • บัตรประจำตัวประชาชน
  • ใบรับรองแพทย์ที่แพทย์สภารับรอง มีอายุ 1 เดือน รับจากวันออกใบรับรองแพทย์

โปรดระวังมิจฉาชีพหลอกทำใบขับขี่ออนไลน์ ด้วยการให้ส่งข้อมูลส่วนตัว ขอเก็บเงินล่วงหน้า เรื่องใบขับขี่ต้องดำเนินการด้วยตัวเอง การต่ออายุใบขับขี่ จะต้องมีการอบรมออนไลน์ แต่การขอรับใบขับขี่ต้องไปที่สำนักงานขนส่งเท่านั้น

 

บัตรเครดิตสะสมไมล์ 2025 ใช้เดินทางคุ้มจริงไหม?

เมื่อการเดินทางกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ไม่ว่าจะเพื่อธุรกิจหรือท่องเที่ยว บัตรเครดิตสะสมไมล์จึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับนักเดินทาง เพราะนอกจากจะช่วยสะสมไมล์สำหรับแลกตั๋วเครื่องบินหรืออัปเกรดที่นั่งแล้ว ยังมีสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ที่ตอบโจทย์ชีวิตแบบ Global Citizen ได้อย่างดี ในปี 2025 บัตรเครดิตสะสมไมล์มีการปรับสิทธิประโยชน์มากขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ บทความนี้จะพาไปเจาะลึกทุกมุมของบัตรประเภทนี้ พร้อมคำแนะนำในการเลือกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน

บัตรเครดิตสะสมไมล์คืออะไร?

บัตรเครดิตสะสมไมล์ (Mileage Credit Card) เป็นบัตรที่ให้รางวัลในรูปแบบ “ไมล์สะสม” แทนเงินคืนหรือแต้มคะแนนทั่วไป โดยไมล์ที่ได้รับสามารถใช้แลกตั๋วเครื่องบิน อัปเกรดที่นั่ง จองโรงแรม หรือสิทธิพิเศษอื่น ๆ ผ่านสายการบินพันธมิตร เช่น Thai Airways Royal Orchid Plus, Singapore Airlines KrisFlyer, Emirates Skywards และอื่น ๆ

ไมล์สะสมทำงานอย่างไร?

ทุกครั้งที่ใช้จ่ายผ่านบัตร ระบบจะคำนวณจำนวนไมล์ตามยอดใช้จ่าย เช่น ใช้จ่าย 25 บาท = 1 ไมล์ (เรตขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบัตร) และบางบัตรจะให้ไมล์พิเศษสำหรับหมวดหมู่เฉพาะ เช่น การใช้จ่ายในต่างประเทศ หรือซื้อตั๋วเครื่องบินโดยตรง

ข้อดีของบัตรเครดิตสะสมไมล์

  • สะสมไมล์เพื่อแลกตั๋วเครื่องบินฟรี หรืออัปเกรดชั้นโดยสาร
  • มีประกันการเดินทางและความคุ้มครองเมื่อเดินทางไปต่างประเทศ
  • สิทธิ์เข้าใช้ห้องรับรองพิเศษที่สนามบิน (Airport Lounge)
  • มีโปรโมชั่นร่วมกับสายการบินและโรงแรมชั้นนำ
  • บางบัตรสามารถโอนไมล์ข้ามสายการบินในเครือพันธมิตรได้

ข้อควรระวังและข้อเสียที่ต้องรู้

  • ต้องใช้จ่ายสูงจึงจะสะสมไมล์ได้ในจำนวนมาก
  • บางโปรแกรมไมล์มีวันหมดอายุ หากไม่ใช้ทันอาจสูญเปล่า
  • การแลกไมล์มีที่นั่งจำกัดในแต่ละไฟลต์
  • บัตรสะสมไมล์บางใบมีค่าธรรมเนียมรายปีสูง

เปรียบเทียบบัตรเครดิตสะสมไมล์น่าสนใจ ปี 2025

ชื่อบัตร เรตสะสมไมล์ สายการบินพันธมิตร สิทธิประโยชน์เด่น ค่าธรรมเนียมรายปี
UOB PRVI Miles 15 บาท = 1 ไมล์ KrisFlyer, Royal Orchid Plus Priority Pass, ฟรีประกันเดินทาง ฟรีเมื่อใช้ครบยอดที่กำหนด
UOB Zenith 20 บาท = 1 ไมล์ AirAsia, Cathay, Emirates บริการ Concierge, ห้องรับรองสนามบินทั่วโลก 7,900 บาท
SCB My Travel 25 บาท = 1 ไมล์ Thai Airways Double Miles เมื่อใช้จ่ายในต่างประเทศ ฟรีปีแรก
KTC World Rewards 20 บาท = 1 ไมล์ หลายสายการบิน มีระบบโอนแต้มไปทุกโปรแกรม 3,000 บาท

เทคนิคใช้บัตรสะสมไมล์ให้คุ้ม

1. เลือกบัตรให้ตรงกับสายการบินที่ใช้บ่อย

หากคุณเป็นแฟนประจำของสายการบินใด ควรเลือกบัตรที่จับมือเป็นพันธมิตรโดยตรง เพราะจะได้สิทธิประโยชน์เพิ่ม เช่น ไมล์พิเศษ หรือที่นั่ง Priority

2. วางแผนใช้จ่ายตามหมวดที่ได้ไมล์เยอะ

บัตรบางใบให้เรตไมล์พิเศษสำหรับการจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรม หรือช้อปปิ้งออนไลน์ ใช้ให้ถูกหมวดจะสะสมไมล์ได้เร็วกว่า

3. ใช้ร่วมกับโปรโมชั่นแลกไมล์

ธนาคารมักมีโปรโอนแต้มเป็นไมล์แบบมีโบนัส เช่น โอน 5,000 แต้ม ได้ 5,500 ไมล์ หากวางแผนให้ดีจะคุ้มค่ามากขึ้น

4. ตรวจสอบวันหมดอายุไมล์เสมอ

บางโปรแกรมไมล์หมดอายุเร็ว หากไม่แลกใช้ในเวลาที่กำหนดจะเสียโอกาส แนะนำให้ใช้แอปหรือบริการแจ้งเตือน

บัตรเครดิตสะสมไมล์  เหมาะกับใคร?

  • ผู้ที่เดินทางต่างประเทศเป็นประจำ หรือปีละ 2-3 ครั้งขึ้นไป
  • นักธุรกิจหรือคนที่ต้องบินในชั้นธุรกิจเป็นประจำ
  • ผู้ที่ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเป็นหลักทุกเดือน
  • ผู้ที่มีเป้าหมายแลกตั๋วฟรี หรือต้องการบินแบบประหยัดค่าใช้จ่าย

 บัตรเครดิตสะสมไมล์ 2025 ยังน่าถืออยู่ไหม?

ในปี 2025 บัตรเครดิตสะสมไมล์ยังคงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่คุ้มค่ามากสำหรับนักเดินทาง ไม่ว่าจะเดินทางบ่อยหรือนาน ๆ ครั้ง หากเลือกบัตรให้เหมาะกับพฤติกรรมการใช้จ่าย และใช้อย่างมีแผน ย่อมได้ประโยชน์สูงสุด ทั้งในแง่ของการประหยัดค่าเดินทาง การเข้าถึงสิทธิพิเศษ หรือแม้แต่เปลี่ยนไมล์เป็นรางวัลอื่น ๆ ในชีวิตประจำวัน แต่หากคุณไม่ค่อยเดินทางบ่อย บัตรประเภทอื่น เช่น บัตรเครดิตเงินคืน หรือบัตรสะสมแต้มทั่วไป อาจให้ความคุ้มค่ามากกว่าในภาพรวม

ประนอมหนี้ กับ ปรับโครงสร้างหนี้ ต่าง กัน อย่างไร

ในยุคที่เศรษฐกิจผันผวนและค่าครองชีพสูงขึ้น การจัดการหนี้กลายเป็นเรื่องสำคัญของใครหลายคน หนึ่งในคำถามที่มักเกิดขึ้นเมื่อเริ่มเข้าสู่กระบวนการแก้ไขปัญหาหนี้คือ “ประนอมหนี้ กับ ปรับโครงสร้างหนี้ ต่างกันอย่างไร?” ทั้งสองวิธีมีจุดประสงค์คล้ายกัน คือ ช่วยให้ผู้กู้สามารถชำระหนี้ได้ต่อเนื่อง และลดภาระทางการเงิน แต่แนวทางปฏิบัติและผลลัพธ์ต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ บทความนี้จะช่วยให้เข้าใจข้อแตกต่าง รวมถึงข้อดี ข้อเสียของแต่ละแนวทางอย่างละเอียด

ความหมายของการประนอมหนี้

การประนอมหนี้ (Debt Mediation) คือกระบวนการที่ลูกหนี้และเจ้าหนี้ตกลงกันใหม่เกี่ยวกับเงื่อนไขการชำระหนี้ เช่น ยืดเวลาชำระ ลดค่างวดรายเดือน หรือลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อให้ลูกหนี้สามารถกลับมาชำระหนี้ได้

จุดเด่นของการประนอมหนี้

  • มักใช้ในกรณีที่ลูกหนี้เริ่มผิดนัดชำระ หรืออยู่ในภาวะเสี่ยงผิดนัด
  • ไม่จำเป็นต้องมีการปรับสัญญาเงินกู้ใหม่
  • สามารถเจรจาผ่านหน่วยงานกลาง เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือสำนักงานศาล

ข้อจำกัดของการประนอมหนี้

  • เงื่อนไขอาจไม่เปลี่ยนแปลงมาก เช่น ยืดเวลาชำระแต่ไม่ได้ลดดอกเบี้ย
  • อาจมีผลกระทบต่อเครดิตบูโรหากเจรจาภายหลังจากเกิดหนี้เสีย

ความหมายของการปรับโครงสร้างหนี้

การปรับโครงสร้างหนี้ (Debt Restructuring) เป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของหนี้เดิม เพื่อให้ลูกหนี้สามารถรับภาระได้อย่างยั่งยืน โดยอาจรวมถึงการเปลี่ยนแปลงยอดเงินต้น ดอกเบี้ย ระยะเวลาชำระหนี้ หรือแม้แต่การรวมหนี้สินหลายประเภทเป็นก้อนเดียว

จุดเด่นของการปรับโครงสร้างหนี้

  • เหมาะสำหรับลูกหนี้ที่ยังไม่ผิดนัด แต่เริ่มมีสัญญาณความเสี่ยง
  • สามารถปรับโครงสร้างได้ลึกกว่า เช่น ลดดอกเบี้ย เปลี่ยนสัญญา
  • ช่วยป้องกันไม่ให้ลูกหนี้กลายเป็นหนี้เสีย (NPL)

ข้อจำกัดของการปรับโครงสร้างหนี้

  • ต้องมีการประเมินความสามารถในการชำระของลูกหนี้อย่างละเอียด
  • ใช้เวลาในการอนุมัติและดำเนินการนานกว่าการประนอมหนี้
  • ในบางกรณี อาจต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันเพิ่มเติม

เปรียบเทียบประนอมหนี้ vs ปรับโครงสร้างหนี้

หัวข้อ ประนอมหนี้ ปรับโครงสร้างหนี้
วัตถุประสงค์ บรรเทาภาระชั่วคราว ให้ลูกหนี้กลับมาชำระได้ วางแผนระยะยาวให้หนี้ยั่งยืนและเหมาะกับรายได้
ช่วงเวลาที่เหมาะสม หลังจากเริ่มผิดนัดชำระ ก่อนผิดนัดชำระ
วิธีดำเนินการ เจรจาเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขเดิมเล็กน้อย อาจเปลี่ยนแปลงสัญญาเดิม หรือรวมสัญญาใหม่
ระยะเวลาในการดำเนินการ เร็วกว่า นานกว่า
ผลกระทบต่อเครดิต อาจส่งผลหากเจรจาหลังเกิดหนี้เสีย หากดำเนินการทัน อาจไม่กระทบเครดิต

แนวทางการเลือกใช้วิธีที่เหมาะสม

การเลือกว่าจะใช้วิธีใดขึ้นอยู่กับสถานะทางการเงินของผู้กู้เป็นหลัก หากเริ่มมีปัญหาในการชำระแต่ยังไม่ผิดนัด การปรับโครงสร้างหนี้ มักเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า เพราะสามารถวางแผนระยะยาวได้มากกว่า แต่หากสถานการณ์ลุกลามไปถึงขั้นผิดนัดชำระแล้ว การประนอมหนี้ อาจเป็นทางออกเบื้องต้นที่สามารถช่วยได้เร็วขึ้น

สิ่งที่ควรเตรียมก่อนเจรจา

  • ข้อมูลรายได้ รายจ่าย และหนี้สินปัจจุบัน
  • เอกสารทางการเงิน เช่น สลิปเงินเดือน รายการเดินบัญชี
  • เป้าหมายที่ชัดเจนว่าต้องการผ่อนผันระยะสั้น หรือปรับระยะยาว

ประนอมหนี้ กับ ปรับโครงสร้างหนี้ ควรเลือกแนวทางไหนดี?

ไม่ว่าจะเป็นการประนอมหนี้หรือปรับโครงสร้างหนี้ ทั้งสองแนวทางล้วนมีข้อดีและเหมาะกับสถานการณ์ที่แตกต่างกัน ผู้กู้ควรประเมินตนเองอย่างตรงไปตรงมา และหากไม่มั่นใจควรขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ เช่น ธนาคาร สำนักงานบังคับคดี หรือหน่วยงานให้คำปรึกษาหนี้ เพื่อหาทางออกที่ยั่งยืนที่สุด

คนกรุงเทพฯเฮ ทำฟันฟรี 7 เขต เปิดให้บริการ 6 ชม.

หน่วยทันตกรรม เคลื่อนที่ในเดือนสิงหาคม 2568 นี้ ได้แจ้งให้คนกรุงเทพฯ สามารถทำฟันได้ฟรี 7 เขตด้วยกันแบบฟรีๆ ไม่เสียค่าใช้จ่าย แถมยังไม่ต้องสำรองจ่ายอีกด้วย งานนี้ฟรีแบบทั่วถึง เปิดให้บริการ 6 ชั่วโมง สำหรับบริการจะมีทั้งหมด 3 ประเภท คือ

  • ขูดหินปูนฟรี
  • ถอนฟันฟรี
  • อุดฟันฟรี

รายละเอียดสำหรับคนที่ได้รับสิทธิ์  สามารถตรวจสอบได้ที่หน่วยทันตกรรมเคลื่อนที่สำหรับเดือนสิงหาคม 2568

  • วันที่ 6 สิงหาคม 2568 08-00-14.00 น. เขตทุ่งครุ ณ ลานจอดรถวันทุ่งครุจำนวน 15-20 คิว
  • วันที่ 8 สิงหาคม 2568 08.00-16.00 น. เขตพระนคร ณ สวนสราญรมย์ จำนวน 15-20 คิว
  • วันที่ 8 สิงหาคม 2568 08.00-14.00 น เขตมีนบุรี ณ มัสยิดเราะห์ มาตุ้ลอิสลามียห์ จำนวน 25-30 คิว
  • วันที่ 13 สิงหาคม 2568 08.00-12.00 น. เขตพญาไท ณ ชุมชนวันไผ่ตัน จำนวน 15-20 คิว
  • วันที่ 15 สิงหาคม 2568 08.00-14.00 น. เขตพญาไท ณ กรมประชาสัมพันธ์ จำนวน 25-30 คิว
  • วันที่ 22 สิงหาคม 2568 08.00-14.00 น. เขตบางคอแหลม ณ ลานจอดรถวันไทร จำนวน 15-20 คิว
  • วันที่ 29 สิงหาคม 2568 08.00-14.00 น. เขตสัมพันธวงศ์ ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล รัตนโกสินทร์ บพิตร จำนวน 25-30 คิว

กรณีที่มีประชาชนต้องการรับบริการมากเกินกำหนด ทันตแพทย์จะตรวจสอบและนัดหมายให้ไปรับบริการที่ศูนย์บริการสาธารณสุข สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 02-203-2869

 

แนะนำการตั้งค่า Block เบอร์จากต่างประเทศป้องกันมิจฉาชีพ

สำนักงาน กสทช แนะนำวิธีบล็อกสายโทรศัพท์จากต่างประเทศ ผ่านการตั้งค่า เพื่อเป็นการป้องกันมิจฉาชีพหลอกดูดเงินจากแก็งคอลเซ็นเตอร์ กสทช. ได้ออกมาตรการบังคับให้ใส่เครื่องหมาย (+) หน้าหมายเลขโทรศัพท์ ที่โทรมาจากต่างประเทศ ถ้าหากใครไม่มีธุระติดต่อกับต่างประเทศ หรือไม่มีญาติพี่น้องหรือ คนรู้จัก หรือไม่มีความจำเป็นต้องรับสายจากต่างประเทศ สามารถตั้งค่าบล็อกโทรศัพท์เพื่อป้องกันแก็งคอลเซ็นเตอร์ได้

โดย กสทช. ได้ออกมาตรการบังคับให้ใส่เครื่องหมาย (+) หน้าหมายเลขโทรศัพท์ ที่โทรมาจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น +697, +698 หรือ +66 ซึ่งถ้าหากใครที่ไม่มีธุระต้องติดต่อกับต่างประเทศ หรือไม่มีญาติ หรือ คนรู้จัก และไม่มีความจำเป็นต้องรับสายจากต่างประเทศ สามารถตั้งค่าบล็อกเบอร์โทรศัพท์เพื่อป้องกันแก็งคอลเซ็นเตอร์ได้

วิธีบล็อกเบอร์โทรจากต่างประเทศ (สายที่มีเครื่องหมาย + นำหน้าเบอร์โทร)

  • กด *138*1# แล้วกดโทรออก เพื่อตั้งค่า ไม่รับสายจากต่างประเทศ
  • กด *138*2# แล้วกดโทรออก เพื่อยกเลิก การตั้งค่าไม่รับสายจากต่างประเทศ

หากตั้งค่าไม่รับสายจากต่างประเทศ เพื่อหรือญาติที่โรมมิ่งอยู่ต่างประเทศ จะไม่สามารถโทรหาได้

ถ้าได้รับสายจากมิจฉาชีพ ที่แสดงตัวว่าเป็นตำรวจ และแจ้งว่ามีการกระทำผิด, แอบอ้างเป็นคนรู้จัก หรือ ทำทีเป็นชวนเล่นหุ้น หรือ สกุลเงิน หรือพัสดุตกค้าง โทรเข้ามาแนะนำให้ตั้งสติก่อน และตรวจสอบข้อมูลว่าจริงหรือ ไม่เพื่อจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

 

บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สิงหาคม 2568 ใช้รูดจ่ายได้แล้ว

กรมบัญชีกลางอัพเดท บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ในเดือนสิงหาคม 2568 สามารถใช้จ่ายอะไรได้บ้าง สำหรับกลุ่มผู้สูงอายุ และ กลุ่มเปราะบาง ผู้ที่มีรายได้น้อยใช้สิทธิผ่านบัตรประจำตัวใบเดียว สามารถรูดบัตรได้แล้ว ใช้สำหรับซื้อสินค้าในครัวเรือน, ซื้อของจำเป็น รัฐจ่ายเงินตรงวงเงินสิทธิรวม 1,130 บาท สำหรับผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ต่างก็มีคำถามออกมาค่อนข้างเยอะว่า ได้เงินสดหรือไม่ สามารถดูเพิ่มเติมได้ด้านล่าง นอกจากนี้ยังมีข่าวดีเกี่ยวกับเงินเพิ่มเบี้ยความพิการ รวมเป็น 1,000 บาท ใครที่ได้รับเงินบ้างสามารถดูได้ด้านล่าง

รอบการจ่ายเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568 ล่าสุดทางด้านกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง อัปเดตสวัสดิการแห่งรัฐ เดือนสิงหาคม 2568 จ่ายอะไรบ้าง เปิดเผยว่า โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 ผู้ที่มีสิทธิ สามารถใช้สิทธิผ่านบัตรประจำตัวประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด ซึ่งในเดือนสิงหาคม 2568 จะได้รับสิทธิตามรายละเอียดด้านล่าง

วันที่ 1 สิงหาคม 2568 วงเงินสิทธิไม่สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และ ไม่สามารถสะสมในเดือนถัดไปได้

  • วงเงินซื้อสินค้า 300 บาท ต่อคนต่อเดือน
  • วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 80 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน ก.ค. – ก.ย. 68
  • วงเงินค่าเดือนทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ 750 บาท ต่อคนต่อเดือน ประกอบด้วย บขส. รถไฟ ขสมก. รถไฟฟ้า และ รถโดยสารเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ

วันที่ 20 สิงหาคม 2568 เงินเพิ่มเบี้ยความพิการ 200 บาทต่อเดือน

  • สำหรับผู้ที่มีสิทธิที่เป็นคนพิการ ซึ่งมีบัตรประจำตัวคนพิการ และ ได้รับเบี้ยความพิการ 800 บาทต่อเดือน

คนพิการรับเงินจากไหน เพิ่มเบี้ยความพิการล่าสุด

  • โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารที่ผูกกับพร้อมเพย์ ด้วยเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก ของผู้ที่มีสิทธิหรือ บัญชีเงินฝากธนาคารของผู้ที่มีสิทธิหรือผู้รับมอบอำนาจที่ใช้รับเงินเบี้ยความพิการ 800 บาท

ช่องทางติดต่อกรมบัญชีกลาง มีปัญหา หรือข้อสงสัยเกี่ยวกับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568 

  • สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Call Center ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 02-109-2345
  • Call Center กรมบัญชีกลาง 02-270-6400 ในวันและเวลาราชการ

 

ระวังโดนหลอกจาก 4 กลโกงที่มิฉาชีพชอบใช้

เปิดเผยเบื้องลึกเกี่ยวกับกลโกง จากมิจฉาชีพหลอกให้ลงทุนในยุคที่เทคโนโลยีเชื่อมต่อกันทั่วโลก การลงทุนออนไลน์กลายเป็นสิ่งที่เข้าถึงง่ายและดูน่าเชื่อถือมากขึ้น แต่ในความง่ายนั้นกลับแฝงไปด้วย “กลโกง” ที่มิจฉาชีพใช้ล่อลวงเหยื่อให้ตกหลุมพรางอย่างแนบเนียน หนึ่งในกลวิธีที่พบบ่อยคือ “การชักชวนผ่านโซเชียลมีเดีย” มิจฉาชีพมักแฝงตัวมาในรูปแบบผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินหรือที่ปรึกษาการลงทุน พร้อมแสดงผลกำไรปลอมที่น่าดึงดูด บางรายถึงขั้นสร้างแอปหรือเว็บไซต์ปลอมที่ดูเป็นมืออาชีพเพื่อให้เหยื่อโอนเงิน เมื่อเหยื่อหลงเชื่อและเริ่มลงทุน มิจฉาชีพจะปล่อยให้ทำกำไรในช่วงแรกเพื่อสร้างความไว้วางใจ ก่อนจะหลอกให้ลงทุนเพิ่ม แล้วปิดบัญชีหายไปพร้อมเงินทั้งหมด สิ่งสำคัญคือควรตรวจสอบแหล่งที่มาของการลงทุนเสมอ ไม่เชื่อสิ่งที่ “ดูดีเกินจริง” และควรลงทุนผ่านแพลตฟอร์มที่ได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานรัฐเท่านั้น การรู้ทันกลโกง คือการปกป้องทรัพย์สินของคุณได้ดีที่สุด

4 กลโกงยอดนิยม ที่มิจฉาชีพชอบใช้หลอกลงทุน

เปิดเผยข้อมูลล่าสุดจากสอบสวนกลางหรือ CIB ชวนมารู้จัก 4 กลโพงยอดนิยมจากเหล่ามิจฉาชีพที่ชอบใช้ เอามาหลอกประชาชนคนไทยในโลกออกนไลน์ พร้อมกับวิธีรับมือไม้ให้ตกเป็นเหยื่อบนโลกออนไลน์ มาพร้อมกับวิธีรับมือตามรายละเอียดด้านล่าง

  1. กลโกงการลงทุนในเหรียญคริปโตเคอร์เรนซี: มิจฉาชีพมักจะอ้างตัวว่าเป็นกูรูทางด้านการเงิน ผู้เชียวชาญในสกุลเงินดิจิทัล หรือ เหรียญคริปโต รวมไปถึงการแอบอ้างว่าเป็นตัวแทนจากแพลตฟอร์มขายคริปโตชื่อดัง หลอกว่ามีข้อมูลวงใน มีสูตรลับในการเทรด พร้มอกับโชว์ภาพกำไรสูงๆ เพื่อหลอกเหยื่อให้หลงเชื่อ
  2. โกงแบบหลอกให้รัก หรือที่เรียกว่า Romance Scam: เป็นการหลอกที่ได้ความนิยมจากมิจฉาชีพสูง ส่วนใหญ่จะโดนหลอกจากโปรไฟล์ภาพสวยๆหล่อๆ เพื่อสร้างเรื่องราวสุดเศร้า หรือ สุดประทับใจ จากนั้นจะค้อยๆ ขอยืมเงินโดยอ้างว่ามีเรื่องฉุกเฉินต่างๆนาๆ เช่น ค่ารักษา, ค่าตั๋วเครื่องบิน รวมไปถึงการขอร่วมลงทุน เพื่อทำภารกิจต่างๆนาๆ และเมื่อโอนเงินลงทุนไปแล้ว พวกมิจฉาชีพก็จะหายตัวเข้าไปในกลีบเมฆ
  3. กลโกงลงทุนทั่วไป: กลโกงจากมิจฉาชีพชนิดนี้ จะเป็นการโกงคล้ายๆกับคริปโต แต่จะใช้สินทรัพย์ในรูปแบบอื่นๆ ยกตัวอย่างเช่น หุ้นปลอม, อสัมหาริมทรัพย์, ทองคำ หรือ โครงการมโน ที่มันไม่มีอยู่จริง ชักจูงโดยการมอบผลตอบแทนสูงๆ หลอกให้เหยื่ออยากได้แล้วหลงลงทุน มิจฉาชีพบางกลุ่มทำกันเป็นขบวนการ หลอกให้เข้ากลุ่มไลน์ปลอมๆ แล้วมีหน้าม้าอยู่ในกลุ่มนั้น รวมไปถึงการเข้าร่วมสัมมนาออนไลน์ที่ดูน่าเชื่อถือเป็นต้น
  4. กลโกงแอบอ้างเป็นคนดัง หลอกลวงโดยใช้ภาพวีดิโอของคนดัง เช่นนักแสดง, นักลงทุนชื่อดัง, นักแสดง ด้วยการสร้างโปรไฟล์ สร้างเพจ หรือโฆษณาปลอมให้เกิดความน่าเชื่อถือ

วิธีการป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อจากมิจฉาชีพในการหลอกลงทุนออนไลน์

ตรวจสอบแหล่งที่มาก่อนตัดสินใจลงทุน ตรวจสอบชื่อบริษัท, แพลตฟอร์ม หรือ บุคลที่ชวนลงทุน เข้ากับเว็บไซต์ ก.ล.ต

      • อย่าตกเป็นเหยื่อ อย่าหลงกล ข้อเสนอที่ดีเกินจริง เช่นลงทุน 50,000 ได้ผลตอบแทนกลับมา 80,000 เป็นต้น หากมีผู้เสนอที่ให้ผลตอบแทนที่สูงผิดปกติ โดยไม่ต้องเสี่ยงมาก หรืออ้างว่าเป็นโอกาสพิเศษในช่วงเวลาจำกัด ให้ตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนเลย ว่าเป็นมิจฉาชีพ
      • ห้ามเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวเด็ดขาด ไม่ให้รหัสผ่าน หรือ หมายเลขบัญชี หรือรหัส OTP กับใครก็แล้วแต่
      • ห้ามโอนเงินล่วงหน้าเด็ดขาด หากมีผู้ขายหรือเพจร้านใหม่ที่แนะนำให้คุณโอนเงินก่อน แนะนำให้ตรวจสอบ blacklist seller ก่อนด้วยการเช็คเบอร์โทรศัพท์ หรือ ชื่อผู้รับเงินเป็นต้น

หากคุณไม่แน่ใจเกี่ยวกับการลงทุน แนะนำให้สอบถามได้ที่ ก.ล.ต. สายด่วนแจ้งหลอกลงทุน หรือ โทร. 1207 กด 22 ข้อมูลจากทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ก.ล.ต. และ ตำรวจสอบสวนกลาง