สมัครบัตรเครดิต ยังไง ให้ผ่านสบาย ๆ สำหรับมือใหม่
เชื่อว่ามีหลายคน คงอยากรู้คำตอบว่า สมัครบัตรเครดิตไปแล้ว แต่ทำไม ยังไม่ผ่านการอนุมัติ หรือมือใหม่ ที่อยากสมัครบัตรเคริตให้ผ่าน วันนี้ เราจะมาเผยเคล็ดลับ สมัครบัตรเครดิต ยังไง ให้ผ่านสบาย ๆ สำหรับมือใหม่ ต้องรู้อะไรบ้าง มาเริ่มกันเลย
เคล็ดลับสมัครบัตรเครดิตให้ผ่าน ต้องทำอย่างไร
การเตรียมตัวให้พร้อมก่อนสมัครบัตรเครดิตนั้น ก็ยังถือเป็นหลักสำคัญอันดับต้นอยู่เช่นเดิมอย่างแน่นอน วันนี้มาเช็กกันดูว่า มีคุณสมบัติข้อไหนบ้างที่เราต้องปรับปรุงเป็นการด่วน มาดูกัน
- ตรวจสอบเงื่อนไข
การสมัครบัตรเครดิต แต่ละธนาคารจะกำหนดเงื่อนไขการสมัครไว้อย่างชัดเจน ในเรื่องคุณสมบัติต่าง ๆ ของผู้สมัครบัตรเครดิต เช่น อายุผู้สมัคร อายุงาน ฐานเงินเดือนขั้นต่ำ เพราะเงื่อนไขเหล่านี้จะส่งต่อการพิจารณาของทางธนาคาร ที่จะดูว่าผู้สมัครนั้นมีความความสามารถในการจ่ายหรือไม่ เช่น หากเป็นพนักงานประจำมีเงินเดือนที่แน่นอน โอกาสที่จะได้รับ อนุมัติก็มากขึ้น เป็นต้น
- ดูประวัติเครดิตบูโร
ปัจจุบันมีบริการในการเช็กเครดิตบูโรได้ง่ายด้วยตัวเอง เพื่อให้เราได้ทราบถึงประวัติทางการเงินว่ามีหนี้ค้างอะไรบ้าง หรือมีประวัติทางการเงินเป็นอย่างไร จ่ายหนี้หมด จ่ายตรงเวลา หรืออาจมีหนี้เหลือ ค้างมีจำนวนไม่มากเท่าไหร่ การไม่มีประวัติติดเครดิตบูโรยิ่งดีมาก โดยสามารถเช็กประวัติทางการเงินของตัวเอง เพื่อให้ทราบถึงประวัติการเงินที่ผ่านมา จะช่วยประเมินความพร้อมในการสมัครบัตรเครดิตว่าได้ หรือไม่ เบื้องต้น
- เตรียมเอกสารสมัครให้ครบถ้วน
ข้อนี้สำคัญห้ามพลาดเด็ดขาด เพราะเรื่องเอกสารการสมัครบัตรเครดิตนั้นต้องครบถ้วนสมบูรณ์ ควรตรวจสอบว่าธนาคารเจ้าของบัตรเครดิต ต้องการเอกสารอะไรบ้าง เช่น สำเนาบัตรประชาชน หนังสือรับรอง รายได้ สลิปเงินเดือน Statement และเอกสารอื่น ๆ ที่ธนาคารกำหนด โดยควรเตรียมเอกสารการ สมัครบัตร เครดิต ให้ครบถ้วน และถูกต้อง ข้อนี้จะเพิ่มโอกาสในการได้รับอนุมัติเร็วขึ้น และขอแนะนำเพิ่มเติมว่าควรรอบคอบในการกรอกข้อมูลการสมัครให้ครบถ้วน ชัดเจนด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะ เบอร์โทร อีเมล เพราะหากที่อยู่ผิด เจ้าหน้าที่ก็จะติดต่อไม่ได้ อาจทำให้ขั้นตอนการพิจารณาบัตรเครดิตล่าช้าออกไป หรืออาจถูกปฏิเสธการสมัครบัตรเครดิตได้
ทำไม สมัครบัตรเครดิตไม่ผ่าน
มีหลายคนยังไมทราบว่า ทำไม สมัครบัตรเครดิต ไม่ผ่าน สักที วันนี้เราจะมาเปิดเหตุผลสำคัญว่ามีอะไรบ้าง ทำไมสมัครบัตรเครดิตไม่ผ่านการอนุมัติจากธนาคาร เราจะพาไปเช็กเหตุผลต่าง ๆ ว่ามี อะไรบ้าง
- มีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์กำหนด
การมีรายได้ประจำตามเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนด ถือเป็นคุณสมบัติหลักในการขอสินเชื่อทุกประเภทเลยก็ว่าได้ โดยทั่วไปส่วนใหญ่ควรมีรายได้ประจำต่อเดือน 15,000 บาทต่อเดือน หรือ 180,000 บาทต่อปี และควรมีแหล่งที่มาของรายได้ที่แน่นอน รับเงินผ่านช่องทางใด เช่น การรับเงินเดือนโดยผ่านช่องทาง การโอนเข้าบัญชีทุก ๆ เดือน ซึ่งจะแสดงให้เห็นถึงแหล่งที่มาได้อย่างชัดเจน
- ประกอบอาชีพที่มีรายได้ไม่แน่นอน
อาชีพของผู้สมัครจะแสดงให้เห็นถึงความมั่นคงของรายได้ เช่น ประกอบอาชีพอิสระ เป็นฟรีแลนซ์ อาชีพกลุ่มนี้มักมีรายได้ที่ไม่แน่นอน ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงในเรื่องการชำระหนี้ในระยะยาว เพราะมีรายได้ในแต่ละวันที่มีรายรับอาจมากบ้าง หรือน้อยบ้างนั่นเอง
- มีประวัติการชำระหนี้ที่ไม่ดี
ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ธนาคารใช้ในการพิจารณาการอนุมัติสินเชื่อให้ผ่านหรือไม่ เพราะหากผู้ขอสินเชื่อมีประวัติการค้างชำระหนี้ในเครดิตบูโร หรือผิดนัดชำระหนี้กับสถาบันการเงินมาก่อน ก็อาจถูกปฎิเสธการขอสินเชื่อได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
สมัครบัตรเครดิต ไม่ผ่าน หรือเคย ยกเลิกบัตรเครดิต ต้องทำอย่างไร
หากเป็น 2 กรณีนี้ คือ เคยสมัครแล้วแต่ถูกปฏิเสธ หรือมีบัตรแล้วแต่เพิ่งยกเลิกไป เมื่อจะสมัครบัตรเครดิต อีกครั้ง ควรทำตามนี้
- สมัครบัตรเครดิตไปแล้ว แต่ไม่ผ่าน ต้องรออีก 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ทำการสมัครบัตรครั้งแรก
- สมัครบัตรเครดิต และอนุมัติเรียบร้อยแล้ว แต่ยกเลิก กรณีนี้ต้องรอถึง 6-12 เดือน
ไม่เคยมีประวัติ ทำบัตรเครดิต หรือขอสินเชื่อมาก่อน มีผลอย่างไรบ้าง
การที่ไม่เคยมีประวัติทำบัตรเครดิต หรือขอสินเขื่อมาก่อน ธนาคารอาจมองว่าการไม่มีประวัติ ข้อมูลทางการเงิน ย่อมไม่สามารถตรวจสอบความน่าเชื่อถือของผู้สมัคร หรือผู้ขอสินเชื่อได้ ซึ่งยากต่อการ ติดตามหนี้ในอนาคต อาจถูกปฎิเสธการอนุมัติได้เช่นกัน
สำหรับการเตรียมตัวให้พร้อมก่อน สมัครบัตรเครดิต ก็ยังถือเป็นเคล็ดลับสำคัญสำหรับใครที่อยากมีบัตรเครดิตดี ๆ ติดตัวไว้สักใบ โดยเฉพาะมือใหม่ เราจึงขอแนะนำให้ทำการศึกษาข้อมูล และทำความเข้าใจในเงื่อนไขต่าง ๆ ของแต่ละธนาคารให้ดี เพื่อให้สามารถประเมินความพร้อม และสร้างโอกาสในการได้รับอนุมัติบัตรเครดิตได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
บัตรเครดิตดิจิทัล ปลอดภัยกว่า บัตรเครดิตทั่วไป จริงไหม สมัครยังไง?
เชื่อว่ามีหลายคน คงมีโอกาสได้สัมผัสกับการทำธุรกรรมการเงินรูปแบบดิจิทัลหลากหลายรูปแบบ ในการเปิดบัญชีฝากเงินดิจิทัลกันมาบ้างแล้ว และยังมีธุรกรรม ออนไลน์ในโลกดิจิทัลอีกหลายช่องทางให้ได้รับประโยชน์ ทั้งความสะดวกรวดเร็ว และปลอดภัยขึ้นมากนั่นเอง แล้วสรุปว่า บัตรเครดิตดิจิทัล ปลอดภัยกว่าบัตรเครดิตทั่วไป จริงไหม สมัครยังไง? มาทำความรู้จักกับบัตรเครดิตดิจิทัลกันให้มากขึ้นในบทความนี้กันเลย
บัตรเครดิตดิจิทัล คือ
บัตรเครดิตดิจิทัล เป็นบัตรเครดิตรูปแบบใหม่ที่ไม่ใช่แบบการ์ดทั่วไป โดยเราจะสามารถใช้งาน หรือรูดใช้จ่ายผ่านแอปฯ ผ่านโทรศัพท์มือถือได้อย่างง่ายดาย และไม่จำเป็นต้องพกบัตรแข็งเหมือนแต่ก่อน สำหรับบัตรเครดิตดิจิทัล มีจุดเด่นที่สะดวก ใช้งานง่าย แค่มีแอปพลิเคชันก็สามารถทำธุรกรรมทางการเงินผ่านมือถือได้ทุกที่ ทุกเวลา นอกจากนี้เรายังสามารถเพิ่มบัตรเครดิตดิจิทัลไว้ในกระเป๋าเงินดิจิทัลบนอุปกรณ์อื่น ๆ ได้อีก เช่น Apple Wallet, Google Pay หรือ Samsung Pay เป็นต้น
บัตรเครดิตดิจิทัล ปลอดภัยกว่า บัตรเครดิตทั่วไป จริงไหม?
ปัจจุบันเป็นยุคเทคโนโลยีดิจิทัลแห่งความสะดวกรวดเร็ว ทำให้การทำธุรกรรมการเงินผ่านช่องทางออนไลน์ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ ด้วยความสะดวกสบาย และรวดเร็วกว่าอดีต ทางด้านความปลอดภัยนั้นเมื่อเกิดความผิดพลาดในการชำระเงิน ก็จะมีการแจ้งเตือนทันที และยังสามารถระงับ หรืออายัดการใช้งานบัตรเครดิตดิจิทัลได้ทันที ไม่ว่าจะสูญหาย หรือถูกขโมย อย่างไรก็ตาม บัตรเครดิตในปัจจุบันนั้น ไม่ว่าจะเป็นบัตรเคริตดิจิทัล หรือบัตรเครดิตทั่วไป ต่างมีระบบความปลอดภัยเหมือนกัน เพราะว่าหากเกิดการสูญหาย หรือถูกขโมย ก็สามารถจัดการอายัดบัตรผ่านช่องทางออนไลน์ ได้เช่นกัน
ข้อดีของการมีบัตรเครดิตดิจิทัล
ชีวิตง่ายขึ้นในการใช้จ่ายผ่านสมาร์ทโฟน ไม่ว่าจะ รูด แตะ จ่ายผ่านแอปฯ
เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบพกบัตร ไม่ต้องห่วงเรื่องลืมพกบัตร สำหรับคนขี้ลืม หรือกลัวบัตรหาย
ทำงานรวดเร็ว มีระบบแจ้งเตือน หรือระงับบัตรทันที หากบัตรสูญหาย หรือถูกขโมย
ปลอดภัยจากมิจฉาชีพ มีระบบป้องการแอบอ้างใช้บัตรเครดิต ป้องกันภัยร้ายจากการโดนหลอก
สมัครบัตรเครดิตดิจิทัล ต้องทำยังไงบ้าง?
การสมัครบัตรเครดิตดิจิทัลในปัจจุบันนั้นสะดวกมาก ผ่านหลายช่องทาง โดยสามารถ สมัครบัตรเครดิต ดิจิทัล ผ่านแอปฯ หรือเว็บไซต์ของธนาคารนั้น ๆ ได้เลย เช่นเดียวกับช่องทางการสมัครบัตรเครดิตทั่วไป โดยการส่งเอกสาร หรือยืนยันตัวตนผ่านระบบ NDID หากได้รับการอนุมัติแล้ว ก็สามารถใช้งานผ่านแอปฯ ได้เลยทันที และไม่จำเป็นต้องรอรับตัวการ์ดจากธนาคารอีก
สำหรับเงื่อนไขในการสมัครบัตรเครดิตดิจิทัลนั้น ก็เหมือนกับการสมัครบัตรเคริตทั่วไป โดยต้องมีรายได้เริ่มต้นที่ 15,000 บาท/เดือน และเอกสารที่ใช้ในการสมัคร มีดังต่อไปนี้
พนักงานประจำ
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
- สลิปเงินเดือน หรือหนังสือรับรองเงินเดือนได้
- รายการเดินบัญชีย้อน (Statement) ย้อนหลัง 3-6 เดือน
เจ้าของธุรกิจ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
- รายการเดินบัญชีย้อนหลัง (Statement) ย้อนหลัง 3-6 เดือน
- สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียน หรือทะเบียนการค้า (ถ้ามี)
- สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (ถ้ามี)
- รายการเดินบัญชี (Statement) สำหรับบัญชีที่ใช้ในธุรกิจ ย้อนหลัง 6 เดือน
อาชีพอิสระ หรือฟรีแลนซ์
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
- รายการเดินบัญชีย้อนหลัง (Statement) ย้อนหลัง 3-6 เดือน
- สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียน หรือทะเบียนการค้า (ถ้ามี)
- เอกสารการรับเงิน หรือสลิปเงินเดือน (ถ้ามี)
- หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (ทวิ 50) แสดงรายได้ปีล่าสุด
เมื่อยุคแห่งเทคโนโลยีได้พัฒนา และก้าวหน้าอย่างไม่สิ้นสุด การเกิดบัตรเครดิตแบบเสมือนจริง หรือ Virtual Card ของอนาคตที่เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของผู้ใช้บัตรเครดิตดิจิทัล ที่สามารถตอบโจทย์ในเรื่อง ความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย โดยไม่ต้องยุ่งยากในการพกบัตรเครดิตแบบการ์ดอย่างที่ผ่านมา แต่ทั้งนี้ก็แนะนำให้ใช้งานอย่างระมัดระวัง และมีสติทุกการใช้จ่าย เพื่อเลี่ยงปัญหาหนี้พอก และดอกเบี้ยจากการผิดนัด หรือหมุนเงินชำระหนี้ไม่ทันนั่นเอง
สมัครบัตรเครดิตผ่าน ต้องทำยังไงบ้าง
บัตรเครดิต เป็นตัวช่วยในการอำนวยความสะดวกด้านการชำระสินค้า ผ่อนชำระสินค้าหรือค่าบริการ สมัครสินเชื่อส่วนบุคคล และมีสิทธิประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมาย แต่สำหรับใครที่ยังไม่เคยสมัครบัตรเครดิต หรือเป็น First Jobber อาจจะกังวลนิด ๆ ว่าถ้าอยากสมัครบัตรเครดิตผ่านแน่ ๆ ต้องทำยังไงบ้าง? เราลองมาดูเทคนิคในการสมัครบัตรเครดิตสำหรับมือใหม่ ได้ในบทความนี้กัน
สมัครบัตรเครดิตใบแรก ไม่ผ่าน เกิดจากอะไร
หลายคนอาจจะแปลกใจว่าทำไมเราถึงสมัครบัตรเครดิตไม่ผ่านสักที โดยสาเหตุหลักที่ทำให้หลายคนมักสมัครบัตรเครดิตไม่ผ่าน มักเกิดจากการผู้สมัครมีประวัติการเงินที่ไม่ดี หรือมีประวัติการชำระหนี้จากสินเชื่ออื่น ๆ ช้า, มีรายได้ไม่เพียงพอ ไม่มีหลักฐานแสดงรายได้ หรือทำงานไม่เป็นหลักแหล่ง รายได้ไม่แน่นอนในแต่ละเดือน, ข้อมูลการสมัครไม่ครบถ้วน หรือไม่เป็นความจริง ไม่สามารถติดต่อผ่านที่อยู่ปัจจุบันหรือเบอร์โทรศัพท์ได้, มีคุณสมบัติไม่ตรงตามเงื่อนไขของบัตร เช่น อายุ อาชีพ หรือติดอยู่ใน Blacklist (บัญชีดำของธนาคาร) ส่งผลต่อความน่าเชื่อลดลงในที่สุด
5 เทคนิคสมัครบัตรเครดิตผ่านแน่ ๆ
หลังจากที่เรารู้ว่าสาเหตุของการสมัครบัตรเครดิตไม่ผ่าน เกิดจากอะไร? เราลองมาดูวิธีในการสมัครบัตรเครดิตให้ผ่านแน่ ๆ สามารถสมัครบัตรเครดิตได้อย่างมีประสิทธิ สามารถใช้บัตรเครดิตเพื่อทำธุรกรรมทางการเงินได้อย่างง่ายดาย สะดวกสบาย ได้รับสิทธิประโยชน์ทางการเงินมากมาย แต่จะมีวิธีอะไรบ้างนั้น เราลองมาดู 5 เทคนิคสมัครบัตรเครดิตผ่าน ตามหัวข้อด้านล่างนี้กัน
1. เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน ง่ายต่อการสมัคร
ตรวจสอบคุณสมบัติตามเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร เพื่อดูว่าธนาคารไหนมีเงื่อนไขที่ตรงกับคุณสมบัติของตัวเอง ซึ่งถ้าหากเรามีข้อสงสัย สามารถโทรสอบถามธนาคาร เพื่อให้ดูว่ายังมีเอกสารส่วนไหนที่ยังขาดหรือยังไม่ครบถ้วนบ้าง โดยเอกสารที่ต้องใช้ส่วนใหญ่ มีดังนี้
- เอกสารประกอบการสมัครบัตรเครดิต
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้านตามบัตรประชาชน
- สำเนา Statement ย้อนหลัง 6 เดือน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- เอกสารแสดงหลักฐานแสดงรายได้ เช่น สลิปเงินเดือน ย้อนหลัง 6 เดือน
- หนังสือรับรองการทำงานจากบริษัท
- เอกสารอื่น ๆ ประกอบการสมัครบัตรเครดิต
2. ศึกษาประเภทของบัตรเครดิตและเปรียบเทียบเงื่อนไข
ขั้นตอนสำคัญก่อนการสมัครบัตรเครดิต หรือการเลือกบัตรที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิตสำหรับการท่องเที่ยว บัตรเครดิตคืนเงิน บัตรเครดิตระดับพรีเมี่ยม เป็นต้น โดยเราสามารถเปรียบเทียบเงื่อนไขและสิทธิประโยชน์ของบัตรเครดิตแต่ละใบ รวมถึงเลือกบัตรเครดิตที่มีคุณสมบัติในการสมัครตรงกับตัวเอง ก็จะช่วยให้เราสามารถสมัครบัตรเครดิตได้ไวขึ้น
3. ตรวจสอบเครดิตบูโร หรือประวัติการเป็นหนี้สินเชื่อ
ใครที่กำลังผ่อนบ้านผ่อนรถ ด้วยการสมัครสินเชื่อแบบไม่ผ่านบัตรเครดิต ก่อนที่จะสมัครบัตรเครดิตใบแรก อย่าลืมตรวจสอบประวัติการชำระสินเชื่อ หรือเครดิตบูโรของตัวเอง ว่ามีประวัติค้างชำระหนี้ หรือติด Blacklist ของธนาคารที่ต้องการสมัครบัตรเครดิตหรือไม่? นอกจากนี้ หากเราพบว่ายังมีหนี้สินค้างอยู่ แนะนำว่าให้จัดการหนี้สินให้เรียบร้อย จะช่วยเพิ่มโอกาสผ่านบัตรเครดิตมากขึ้น
4. สมัครบัตรเครดิตออนไลน์ อนุมัติไวกว่าเดิม
หมดยุคการสมัครบัตรเครดิตที่ธนาคารแล้ว เพราะเราสามารถสมัครบัตรเครดิตด้วยตัวเองแบบง่าย ๆ ได้บนเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของธนาคาร โดยการสมัครบัตรเครดิตผ่านช่องทางออนไลน์ ช่วยให้เราประหยัดเวลา สะดวกรวดเร็ว และยังเพิ่มโอกาสในการสมัครบัตรเครดิตให้ไวมากขึ้น นอกจากนี้ บัตรเครดิตหลายใบ ยังมีโปรโมชั่นและสิทธิประโยชน์ในการสมัครบัตรเครดิตมากมายอีกด้วย
5. วางแผนทางการเงิน ก่อนการใช้บัตรเครดิตใบแรก
ความสะดวกสบายในการใช้จ่ายด้านการเงิน มักมาพร้อมกับภาระในการชำระหนี้สิน ดังนั้น ก่อนที่เราจะเริ่มต้นใช้บัตรเครดิตใบแรก สำหรับการรูดบัตรเพื่อผ่อนชำระสินค้า หรือทำธุรกรรมทางการเงิน เราควรมีการวางแผนค่าใช้จ่าย เพื่อจัดสรรเงินเดือนและค่าใช้จ่าย โดยอาจจะเริ่มต้นจากระยะเวลาในการผ่อน ดอกเบี้ยที่มาพร้อมกับเงินต้น และวางแผนเก็บออมเงิน ก็จะช่วยแสดงให้ธนาคารเห็นว่ามีวินัยทางการเงิน สามารถรับผิดชอบต่อภาระหนี้ และทำให้ลดความเสี่ยงในการเป็นหนี้เสียได้อีกด้วย
จบแล้วสำหรับ 5 เทคนิคในการสมัครบัตรเครดิตใบแรก ให้ผ่านฉลุย! เพียงทำตาม 5 วิธีนี้ รับรองว่าโอกาสสมัครบัตรเครดิตผ่านสูงขึ้น สำหรับใครที่อยากใช้บัตรเครดิตใบแรก อย่าลืมนำเทคนิคในการสมัครบัตรเครดิตไปลองใช้ และศึกษาความเสี่ยงในการใช้บัตร เพื่อให้เราวางแผนได้ถูกต้องมากขึ้น
บัตรเครดิต ขอเพิ่มวงเงิน ยังไง ต้องรอกี่วัน
บัตรเครดิตได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของคนยุคปัจจุบัน ด้วยความสะดวกสบายในการใช้จ่าย แต่วงเงินที่ธนาคารกำหนดให้อาจไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในบางช่วงเวลา การขอเพิ่มวงเงินบัตรเครดิตจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ซึ่งระยะเวลาในการพิจารณาขอเพิ่มวงเงินบัตรเครดิตอาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละธนาคาร วันนี้เราจะพามาดูกันว่าโดยทั่วไป บัตรเครดิต ขอเพิ่มวงเงิน ยังไง รอกี่วัน มีอะไรที่ต้องพิจารณาก่อนขอเพิ่มวงเงินบ้าง
วงเงินบัตรเครดิต คืออะไร ?
วงเงินบัตรเครดิต หมายถึงจำนวนเงินสูงสุดที่ธนาคารอนุมัติให้ผู้ถือบัตรสามารถใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตได้ วงเงินนี้จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ โดยหลักๆ ธนาคารจะพิจารณาจากรายได้ของผู้สมัครเป็นสำคัญ
การเพิ่มวงเงินบัตรเครดิตมี 2 แบบหลัก ๆ ดังนี้
- การเพิ่มวงเงินบัตรเครดิตถาวร เป็นการขอเพิ่มวงเงินแบบถาวร ไม่มีกำหนดระยะเวลา เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้บัตรเครดิตเป็นประจำ มีรายได้เพิ่มขึ้น และมีแนวโน้มใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตมากขึ้น
- การเพิ่มวงเงินบัตรเครดิตชั่วคราว เป็นการขอเพิ่มวงเงินแบบมีกำหนดระยะเวลาสั้นๆ ธนาคารจะพิจารณาอย่างรวดเร็ว เหมาะสำหรับผู้ที่มีความจำเป็นต้องใช้วงเงินเพิ่มเป็นการชั่วคราว เช่น มีค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน เมื่อครบกำหนดเวลา วงเงินก็จะกลับสู่วงเงินเดิม
สิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนขอเพิ่มวงเงินบัตรเครดิต
ก่อนตัดสินใจขอเพิ่มวงเงินบัตรเครดิต มีสิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาให้รอบคอบ ดังนี้
- รักษาประวัติเครดิตให้ดี การมีประวัติการชำระหนี้ที่ดี จ่ายตรงเวลา ไม่มียอดค้างชำระ จะเพิ่มโอกาสในการได้รับอนุมัติเพิ่มวงเงิน เนื่องจากธนาคารจะเห็นว่าคุณมีวินัยทางการเงินและมีความสามารถในการชำระหนี้
- วางแผนขอเพิ่มวงเงินอย่างรอบคอบ การขอเพิ่มวงเงินเท่ากับการเพิ่มขีดความสามารถในการใช้จ่าย ดังนั้นต้องวางแผนให้ดี ไม่ควรขอวงเงินเพิ่มมากเกินความจำเป็น เพราะอาจทำให้มีภาระหนี้เกิน กว่าจะรับไหว ควรเพิ่มเล็กน้อยจากวงเงินเดิม ให้เพียงพอกับความต้องการจริง เพื่อสามารถบริหารจัดการหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ประเมินรายได้และค่าใช้จ่ายอย่างละเอียด ก่อนขอเพิ่มวงเงิน ต้องคำนวณรายรับ-รายจ่ายให้แน่ชัดว่ามีความสามารถในการชำระหนี้เพิ่มเติมหรือไม่ อาจต้องลดค่าใช้จ่ายบางส่วนเพื่อให้สามารถรับภาระได้ เพราะหากมีปัญหาในการจ่ายชำระ จะส่งผลกระทบต่อเครดิตในระยะยาว
บัตรเครดิต ขอเพิ่มวงเงิน ยังไง รอกี่วัน ?
ระยะเวลาในการพิจารณาการขอเพิ่มวงเงินบัตรเครดิตนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ดังนี้
- ประเภทการขอเพิ่มวงเงิน
- การขอเพิ่มวงเงินชั่วคราว (ระยะสั้น) ใช้เวลาพิจารณาประมาณ 7-14 วันทำการ เนื่องจากเป็นการขอเพิ่ม-ชั่วคราวเท่านั้น
- การขอเพิ่มวงเงินถาวร ใช้เวลาพิจารณานานกว่า ประมาณ 14 วันทำการ เพราะต้องผ่านการพิจารณาอนุมัติอย่างละเอียด
- ช่องทางการยื่นขอเพิ่มวงเงิน
- ยื่นผ่านสาขาธนาคาร ใช้เวลารอพิจารณาน้อยกว่า ประมาณ 7-10 วันทำการ
- ยื่นออนไลน์ ใช้เวลารอมากกว่า ประมาณ 10-15 วันทำการ
- ประวัติเครดิตและสถานะทางการเงินของผู้ขอ
- หากมีประวัติเครดิตดี มีรายได้เพียงพอ อาจใช้เวลารอพิจารณาน้อยกว่าปกติ
- หากประวัติเครดิตไม่ดีนัก หรือมีรายได้ไม่แน่นอน อาจต้องใช้เวลารอนานกว่าปกติ
คงพอได้คำตอบแล้วว่า บัตรเครดิต ขอเพิ่มวงเงิน ยังไง รอกี่วัน มีอะไรที่ควรพิจารณาบ้าง โดยสรุปคือหากคุณมีความจำเป็นต้องใช้วงเงินเพิ่มเร่งด่วน การขอเพิ่มวงเงินชั่วคราวผ่านสาขาน่าจะเร็วที่สุด แต่หากไม่เร่งด่วน การขอเพิ่มวงเงินถาวรน่าจะเหมาะสมกว่า เพื่อให้มีวงเงินถาวรสำหรับใช้ต่อไปในอนาคต ทั้งนี้ แนะนำให้หยุดขยายวงเงินหากได้นำไปใช้ได้ตามความต้องการในช่วงนั้นๆแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดโอกาสก่อหนี้โดยไม่จำเป็นในอนาคต
ดูเลยกับ 5 บัตรเครดิต UOB ล่าสุด ใบไหนเหมาะกับคุณ
ใครที่กำลังมองหาบัตรเครดิตสักใบ ชื่อของ UOB ก็น่าจะปรากฎขึ้นในใจของหลายคน ด้วยความหลากหลายของประเภทบัตร และสิทธิประโยชน์ที่ตอบโจทย์แต่ละไลฟ์สไตล์ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะสายไหนก็เลือกบัตรที่ใช่ได้ง่าย ๆ ทั้งนักศึกษา วัยทำงาน สายช้อปตัวจริง สายเที่ยว หรือคนรักสุขภาพ วันนี้เราจึงมาแนะนำ 5 บัตรเครดิต UOB ล่าสุด สมัครง่าย ได้สิทธิประโยชน์จัดเต็ม ซึ่งจะมีใบไหนน่าสนใจบ้าง ไปดูกันเลย
ชี้เป้า 5 บัตรเครดิต UOB ล่าสุด ที่น่าสนใจ 2024
UOB Premier Platinum Visa
บัตร UOB สำหรับสายช้อป กับสิทธิรับคะแนนสะสม X4 และ X2 เมื่อใช้จ่ายที่ห้างสรรพสินค้า, ร้านค้าปลอดภาษี และสำหรับการใช้จ่ายในประเทศ และการใช้จ่ายที่เป็นสกุลเงินต่างประเทศ รวมถึงสิทธิรับเครดิตเงินคืน 5% เมื่อใช้จ่ายตั้งแต่ 800 บาทขึ้นไป/เซลส์สลิป ณ ซูเปอร์มาร์เก็ตที่ร่วมรายการ พร้อมแลกคะแนนรับเครดิตเงินคืน 15% ที่ห้างสรรพสินค้าที่ร่วมรายการ จนถึงบริการที่จอดรถสำรองพิเศษ ที่ศูนย์การค้า เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน เดอะมอลล์ บางแค เดอะมอลล์ ท่าพระ และ เซ็นทรัลเวิลด์
UOB KrisFlyer World Mastercard
บัตรเครดิตสำหรับสายเที่ยว รับ 1 คริสฟลายเออร์ไมล์ สำหรับทุกการใช้จ่าย 15 บาท ในเครือ Singapore Airlines, Duty Free และการใช้จ่ายในสกุลต่างประเทศ พร้อมสิทธิในการอัปเกรดสู่ KrisFlyer Elite Silver เมื่อใช้จ่ายในเว็บไซต์ของ Singapore Airlines, Scoot, และ KrisShop ครบ 100,000 บาท ภายใน 1 รอบปีแรกของสมาชิกบัตร รวมถึงรับเครดิตเงินคืน 2% ที่ปั๊มน้ำมันเชลล์ เมื่อใช้จ่ายทุก 800 บาท / เซลส์สลิป อีกทั้งยังมีบริการห้องรับรองพิเศษ Miracle lounge ที่สนามบินสุวรรณภูมิ จนถึงประกันการเดินทางต่างประเทศ คุ้มครองทั้งครอบครัว สูงสุด 20,000,000 บาท เรียกได้ว่าตอบโจทย์สายบินตัวจริง
UOB KrisFlyer World Elite
อีกหนึ่งบัตร UOB ที่เหมาะกับสายเที่ยวตัวยง จะได้รับ 1 ไมล์ KrisFlyer จากทุก 12.5 บาท เมื่อใช้จ่ายตามรายการที่เกี่ยวข้องกับบริษัทในกลุ่ม Singapore Airlines และทุกๆ 20 บาท ใช้จ่ายในหมวดอื่น ๆ พร้อมรับไมล์ KrisFlyer เพิ่มเติมจำนวน 20,000 ไมล์เป็นโบนัสต้อนรับ เมื่อทำการใช้จ่ายครบ 50,000 บาทภายใน 60 วันหลังจากที่บัตรได้รับการอนุมัติ อีกทั้งยังมีสิทธิรับประโยชน์การท่องเที่ยวเพิ่มเติม เช่น บริการรถลีมูซีนรับ-ส่งสนามบินทั่วโลก 3 ครั้ง และการใช้บริการห้องรับรองในสนามบินนานาชาติ Dragon Pass Lounges ได้สูงสุด 6 ครั้ง/ปีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย รวมถึงประกันการเดินทางต่างประเทศ ความคุ้มครอง 35,000,000 บาท ให้บินได้อย่างอุ่นใจทุกไฟลท์
UOB Yolo Platinum
บัตรเครดิต UOB c[[ไลฟ์สไตล์ ที่จะช่วยให้คุณแฮปปี้ในทุกวัน ด้วยสิทธิรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 15% เมื่อใช้จ่ายในร้านค้าที่ร้านร่วมรายการ พร้อมให้คุณรับเครดิตเงินคืน 1% เมื่อมีการใช้จ่าย ณ ร้านค้าอื่น ๆ ที่เข้าร่วมรายการ และรับเพิ่มอีกต่อรับเมื่อซื้อบัตรชมภาพยนตร์เครือ SF แบบ 1 ฟรี 1 และสามารถแบ่งชำระ 0% ได้นานสูงสุดถึง 3 เดือน
UOB World
อีกบัตรที่มาพร้อมสิทธิประโยชน์จัดเต็ม ไม่ว่าจะใน หรือต่างประเทศ ตั้งแต่รับคะแนนสะสมยูโอบี รีวอร์ด 3 เท่า เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต ครบทุก 25 บาท สำหรับการใช้จ่ายที่เป็นสกุลเงินต่างประเทศ และรับคะแนนสะสมยูโอบี รีวอร์ด 2 เท่า เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต ครบทุก 25 บาท สำหรับการใช้จ่ายภายในประเทศ ที่น่าสนใจกว่าคือบริการลีมูซีน รับ-ส่ง ณ สนามบินที่ร่วมรายการในกรุงเทพฯ และในเอเชีย แปซิฟิก (จำนวน 2 ครั้ง/ปี)
และทั้งหมดนี้ 5 บัตรเครดิต UOB ล่าสุด 2024 ที่เรานำมาแนะนำให้ทุกท่านได้ทราบถึงสิทธิประโยชน์กัน เรียกได้ว่าแต่ละบัตรก็มีจุดเด่น และข้อดีที่แตกต่างกันออกไปอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าคุณจะมีไลฟ์สไตล์แบบไหนก็พร้อมตอบโจทย์
>> สมัครบัตรเครดิต UOB อัพเดทล่าสุดที่นี่ <<
อัพเดทรายละเอียดบัตรเครดิตว่า คืออะไร ทำไมต้องมี
บัตรเครดิต ถือเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ด้วยความสะดวกสบาย และสิทธิประโยชน์มากมายที่มาพร้อมกับการใช้บริการ จึงไม่แปลกใจที่คนส่วนใหญ่ต่างให้ความสนใจ และเลือกสมัครไว้ใช้เองสักใบ ในวันนี้จะมาสรุปให้ทราบกันว่า บัตรเครดิต ดียังไง ทำไมต้องมี ให้สิทธิประโยชน์อะไรบ้าง ที่ทำให้กลายเป็นตัวช่วยสำคัญในการบริหารการเงินของคนทั่วโลก หากพร้อมแล้ว ไปดูกันเลย
บัตรเครดิต คืออะไร?
บัตรเครดิต (Credit Card) เป็นบัตรที่ออกโดยธนาคาร หรือสถาบันการเงิน ซึ่งทำหน้าที่เสมือนเป็นสินเชื่อส่วนบุคคลระยะสั้น โดยที่ผู้ถือบัตรสามารถใช้เพื่อการชำระค่าสินค้า และบริการต่าง ๆ ได้ก่อน แล้วจึงชำระค่าใช้จ่ายส่วนนั้นให้กับธนาคาร หรือสถาบันการเงินผู้ออกบัตรภายหลัง ตามรอบบิลที่กำหนด แน่นอนว่าหากจ่ายไม่ตรงกำหนดก็จะมีการคิดดอกเบี้ยเพิ่มเติม
บัตรเครดิต ดียังไง ทำไมควรมีติดกระเป๋าไว้
ความสะดวกสบายในการใช้จ่าย บัตรเครดิตเป็นทางเลือกที่สะดวกสบายมากสำหรับผู้บริโภค เนื่องจากไม่ต้องพกพาเงินสดจำนวนมาก ลดความเสี่ยงจากการถูกปล้น หรือทำเงินสดหาย และยังสามารถใช้ชำระค่าสินค้า และบริการได้ทั่วโลก
การบริหารสภาพคล่องทางการเงิน เมื่อมีภาระค่าใช้จ่ายสูง หรือมีรายจ่ายฉุกเฉิน บัตรเครดิตจะช่วยให้คุณสามารถจ่ายเงินออกไปก่อนได้ โดยสามารถผ่อนชำระหนี้เป็นงวด ๆ ทำให้บริหารสภาพคล่องทางการเงินได้ง่ายขึ้น
สะสมคะแนน และรับส่วนลด บัตรเครดิตหลายประเภทมีโปรแกรมสะสมคะแนน หรือส่วนลดพิเศษ โดยจะได้รับคะแนน หรือส่วนลดตามจำนวนเงินที่ใช้จ่ายผ่านบัตร ซึ่งสามารถนำมาแลกของรางวัลหรือส่วนลดต่าง ๆ ได้ (เป็นไปตามเงื่อนไขของแต่ละเจ้า)
ความปลอดภัย เมื่อเทียบกับการพกพาเงินสด บัตรเครดิตมีความปลอดภัยมากกว่า เนื่องจากมีระบบความปลอดภัย และเงื่อนไขการคุ้มครองสำหรับผู้ใช้บริการ เช่น การจำกัดความรับผิดชอบในกรณีสูญหาย หรือถูกขโมย
สร้างประวัติเครดิตที่ดี การใช้บัตรเครดิตอย่างรับผิดชอบ และชำระค่าใช้จ่ายตรงตามกำหนด จะช่วยให้คุณสร้างประวัติเครดิตที่ดีได้ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการขอสินเชื่อ หรือบริการทางการเงินอื่น ๆ ในอนาคต
สิทธิประโยชน์พื้นฐานของบัตรเครดิต
นอกจากข้อดีที่กล่าวมาแล้ว บัตรเครดิตยังมีสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ มากมายที่น่าสนใจ ดังนี้
- โปรแกรมสะสมคะแนน และแลกรางวัล เช่น คะแนนสะสมเมื่อใช้จ่ายผ่านบัตร สามารถนำไปแลกของรางวัลหรือบริการต่างๆ ได้ เช่น ตั๋วเครื่องบิน ห้องพักโรงแรม สินค้า ฯลฯ
- ส่วนลดพิเศษสำหรับการซื้อสินค้า และบริการจากร้านค้าที่ร่วมรายการกับธนาคารผู้ออกบัตร
- สิทธิประกันอุบัติเหตุการเดินทาง ความคุ้มครองสำหรับการเดินทางต่างประเทศ
- บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน เช่น บริการแพทย์ฉุกเฉิน บริการช่วยรถเสีย ฯลฯ
- บริการเอเอ็มซี (Airport Lounge) เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรถึงจำนวนเงินที่กำหนด
นอกจากนี้ บัตรเครดิตบางประเภทยังมีสิทธิประโยชน์เฉพาะ เช่น โปรแกรมสะสมไมล์การบินสำหรับนักเดินทาง หรือส่วนลดค่าน้ำมันเมื่อใช้จ่ายผ่านบัตร เป็นต้น
จากที่กล่าวมาทั้งหมด จะเห็นได้ว่าการมีบัตรเครดิตนั้นมีประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นความสะดวกสบายในการใช้จ่าย การบริหารสภาพคล่องทางการเงิน การได้รับส่วนลดและสิทธิประโยชน์พิเศษต่างๆ รวมถึงความปลอดภัยและการสร้างประวัติเครดิตที่ดี
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือการใช้บัตรเครดิตอย่างมีวินัย และรับผิดชอบ โดยไม่ควรใช้จ่ายเกินตัว รวมถึงต้องชำระค่าใช้จ่ายให้ครบถ้วนตามกำหนดเวลา เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียดอกเบี้ย และค่าปรับที่อาจเกิดขึ้นได้ หากคุณสามารถควบคุมการใช้จ่ายได้อย่างเหมาะสม บัตรเครดิตก็จะกลายเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ทรงประสิทธิภาพอย่างแท้จริง
ดังนั้น หากคุณต้องการความสะดวกสบาย และต้องการสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่มากกว่าการใช้เงินสด บัตรเครดิตเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งจะแนะนำให้ศึกษา และเลือกบัตรเครดิตที่เหมาะสมกับรูปแบบการใช้จ่ายของตัวเองก็เพียงพอแล้ว เพื่อให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากการใช้บัตรเครดิตอย่างแท้จริงนั่นเอง
บัตร American Express Platinum สมัครยังไง
บัตร American Express บัตรมาตรฐานระดับโลก ที่แม้จะไม่ได้แมสในไทยมากเท่าไร แต่ถ้าพูดถึงสิทธิพิเศษ บอกได้เลยว่าไม่แพ้ใคร ในวันนี้เราจะพาไปดูสิทธิประโยชน์ว่าจะตอบโจทย์เข้ากับไลฟ์สไตล์คุณมากแค่ไหน และถ้าอยากเป็นเจ้าของ บัตร American Express Platinum สมัครยังไง มีคุณสมบัติแบบไหน ไปเริ่มกันเลย
แนะนำบัตร American Express Platinum Card
บัตรของอเมริกัน เอ็กซ์เพรส แต่ละใบก็จะมีสิทธิพิเศษที่แตกต่างกัน วันนี้เราจะมาสรุปจุดเด่นของบัตร American Express Platinum ซึ่งเด่นที่มีประกันการเดินทาง และการรับประกันสินค้ามาพร้อม โดยมีรายละเอียดดังนี้
- การสะสมแต้ม ทุก 25 บาท รับคะแนนทันที 1 แต้ม
- การแลกรับของรางวัล สามารถเข้าร่วมรายการ Membership Reward Plus อัตโนมัติเพื่อรับสิทธิ์ในการแลกของรางวัลพิเศษได้มากมาย
- ประกันการเดินทาง คุ้มครองตามข้อกำหนดการขอวีซ่าเชงเก้น มีการคุ้มครองอุบัติเหตุวงเงิน 25 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ฉุกเฉิน การยกเลิกเที่ยวบิน ความรับผิดชอบต่อ
- บุคคลที่ 3 คุ้มครองความไม่สะดวกในการเดินทาง
- ประกันสินค้า คุ้มครองสินค้าชดเชยสูงสุด 32,000 บาท มีแผนพิทักษ์การซื้อสินค้าคุ้มครองกว่า 480,000 บาท และรับประกันสินค้าชดเชยสูงสุด 32,000 บาท
- สิทธิพิเศษในการเดินทาง ทั้งสิทธิพิเศษจากสายการบิน โรงแรม เรือสำราญ มีบริการให้ความช่วยเหลือขณะเดินทางต่างประเทศ หรือบนท้องถนน
- สิทธิพิเศษไลฟ์สไตล์ รับสิทธิพิเศษจากทั้งโรงแรม ห้องอาหารชั้นนำ มี Platinum Network สำหรับสมาชิกบัตรใบนี้เท่านั้น
- ค่าธรรมเนียมรายปี 35,000 บาท
บัตร American Express Platinum สมัครยังไง
สมัครบัตร American Express Platinum
เงื่อนไข
- เป็นบุคคลทั่วไป
- รายได้ 2 ล้าน 5 แสนบาท ขึ้นไปต่อปี และต้องเป็นผู้ที่ได้รับเชิญจากทางอเมริกัน เอ็กซ์เพรสเองเท่านั้น
- อายุ 20 ปีขึ้นไป
วิธีการสมัคร AMEX
- เข้าสู่เว็บไซต์สมัคร บัตร AMEX เลือกบัตรที่ต้องการจะสมัคร กรอกรายละเอียด จากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับภายใน 3-5 วันทำการ
- กรอกรายละเอียดให้ครบถ้วนพร้อมลงลายมือชื่อ
- กรณีที่ต้องการสมัครบัตร Platinum Card ที่ผู้ให้บริการจะเชิญเราไปสมัครเท่านั้น
สรุปแล้ว American Express Platinum สมัครยังไง คำตอบก็คือ หากคุณสมบัติครบถ้วน ตรงตามเงื่อนไข ผู้ให้บริการจะเชิญเราไปสมัครเท่านั้น ซึ่งความจริงแล้วเงื่อนไขก็เป็นไปตามทั่วไป แต่มีความพรีเมียมที่กำหนดรายได้ค่อนข้างสูง ถึงอย่างนั้นคนทั่วไปก็สามารถสมัครได้เหมือนกัน เอกสารที่ใช้ก็ทั่วไป อย่างสำเนาทะเบียนบ้าน หนังสือรับรองรายได้ สลิปเงินเดือน หรือสำเนาบัญชีล่าสุดย้อนหลัง 3 เดือน สำหรับใครที่สนใจก็ลองไปสมัครกัน
สมัครบัตรเครดิตคืนเงิน (Cash Back) 2021 ที่ไหนดีสุด
ด้วยความที่เราทุกคนมีไลฟ์สไตล์ไม่เหมือนกัน ดังนั้นสไตล์การจับจ่ายใช้สอยและสไตล์การใช้บัตรเครดิตจึงแตกต่างกันออกไปด้วย หลายคนชอบใช้บัตรเครดิตแบบที่สะสมคะแนนได้มาก ๆ แล้วนำคะแนนไปแลกรับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ นานา ไม่ว่าจะเป็นส่วนลด ของแถม ของฟรี ที่มีให้เลือกมากมาย แต่หลายคนก็ชอบบัตรเครดิตแบบเน้นการคืนเงินเพราะไม่อยากเสียเวลาสะสมคะแนน ชอบแบบซื้อของปั๊บก็มีสิทธิ์ได้รับเงินคืนเลยมากกว่าหรือที่มักเรียกกันติดปากว่า Cash Back นั่นเอง
บัตรเครดิต Cash Back ที่มีอยู่ในท้องตลาดตอนนี้กำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือด ประโยชน์จึงตกมาอยู่กับผู้ถือบัตรเครดิตอย่างเรา ๆ ค่อนข้างมาก หากจะให้ยกบัตรเครดิต Cash Back ตัวแรง ๆ ออกมาสัก 5 ใบ ก็น่าจะรวบรวมไว้ได้ตามนี้
บัตรเครดิต | สิทธิประโยชน์ Cash Back | ค่าธรรมเนียมรายปี |
UOB YOLO Platinum
|
รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 10% หรือ 2,000 บาท/รอบบัญชี
|
ปีแรกฟรี ปีถัดไป 2,000 บาท
|
Citi Cash Back Platinum
|
รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 5% หรือ 2,500 บาท/รอบบัญชี
|
ปีแรกฟรี ปีถัดไป 2,000 บาท
|
TMB So Smart
|
รับเครดิตเงินคืน 1% จากทุกยอดการใช้จ่าย สูงสุด 2,000 บาท/รอบบัญชี
|
ฟรี
|
SCB Family Plus |
รับเครดิตเงินคืน 1% จากทุกยอดการใช้จ่าย สูงสุด 2,000 บาท/รอบบัญชี
|
ปีแรกฟรี ปีถัดไป 2,000 บาท
|
KTC Cash Back Visa Platinum
|
รับเครดิตคืนสูงสุด 0.8% จากยอดใช้จ่ายรวมในแต่ละรอบบัญชี โดยไม่จำกัดยอดคืนเงินสูงสุด
|
ฟรี
|
จะสังเกตได้ว่า บัตรเครดิต Cash Back แต่ละใบนั้นมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป บ้างไม่จำกัดยอดเงินคืนสูงสุดต่อรอบบัญชี บ้างรับเงินคืนได้ทุกยอดการใช้จ่าย บ้างก็ใจดีให้ใช้ฟรีไม่คิดค่าธรรมเนียม
แต่ข้อมูลในตารางนั้นยังไม่ใช่รายละเอียดทั้งหมด หากจะตัดสินใจสมัครบัตรใบไหนจากข้อมูลในตารางเท่านั้น ขอเตือนว่าให้หยุดไว้ก่อน เอาไว้ตัดสินใจหลังจากอ่านรายละเอียดแท้จริงของบัตรแต่ละใบด้านล่างนี้จบแล้วก็ยังไม่สาย
Citi Cash Back Platinum
- รับเครดิตเงินคืน 5% เมื่อใช้จ่ายที่ รถไฟฟ้า Grab, ร้านบู๊ทส์, และร้านวัตสัน
- รับเครดิตเงินคืน 1% จากการใช้จ่ายอื่น ๆ
- ฟรี บริการเลขาส่วนตัว ตลอด 24 ชั่วโมง
- สิทธิในการคุ้มครองอุบัติเหตุระหว่างการเดินทางสูงสุด 7,000,000 บาท เมื่อชำระค่าโดยสารผ่านบัตร
- วงเงินชดเชยสูงสุด 7,000 บาท ต่อผู้ถือบัตร หากเที่ยวบินหรือกระเป๋าเดินทางล่าช้า
- วงเงินชดเชยสูงสุด 24,500 บาท ต่อผู้ถือบัตร หากกระเป๋าเดินทางสูญหาย
- สำหรับโปรโมชั่นสมัครบัตรใหม่ รับเครดิตเงินคืน 1,000 บาท สำหรับการสมัครบัตรผ่านทางออนไลน์ โดยต้องสมัครรับใบแจ้งยอดบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ภายในรอบบัญชีแรก และใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ครบ 5,000 บาทขึ้นไป ภายใน 30 วัน หลังจากได้รับบัตร
UOB YOLO Platinum
- รับเครดิตเงินคืน 10%ที่รถไฟฟ้า และ MRT ร้านบูทส์ และร้านวัตสัน ร้านมัตสึโมโตะ คิโยชิ ร้านแฟมิลี่มาร์ท เบอร์เกอร์ คิง , Shopee, Grab, Uber, Uber Eats
- รับเครดิตเงินคืน 1% จากการใช้จ่ายอื่นๆ
- สำหรับยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตยูโอบี โยโล่ แพลทินัม 10,000 บาทเป็นต้นไป/เซลส์สลิป เมื่อมียอดใช้จ่ายในหมวดท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศเฉพาะที่อยู่ใน MCC Code Travel หรือใช้จ่ายออนไลน์ทั้งในและต่างประเทศ จะได้รับสิทธิ์แบ่งชำระ 0% นาน 3 เดือน
- เมื่อซื้อบัตรชมภาพยนตร์ที่โรงภาพยนตร์ในเครือ SF ผ่านบัตรเครดิตยูโอบี โยโล่ แพลทินัมจำนวน 1 ที่นั่ง รับฟรีอีก 1 ที่นั่ง
KTC Cash Back Visa Platinum
- รับเครดิตคืนจากยอดใช้จ่ายรวมในแต่ละรอบบัญชีตามเรทต่อไปนี้
- ยอดรวมค่าใช้จ่ายแต่ละรอบบัญชี น้อยกว่า 30,0001 บาท รับเครดิตเงินคืน 0.4%
- ยอดรวมค่าใช้จ่ายแต่ละรอบบัญชี 30,0001 – 80,000 บาท รับเครดิตเงินคืน 0.6%
- ยอดรวมค่าใช้จ่ายแต่ละรอบบัญชี น้อยกว่า 80,0000 บาท รับเครดิตเงินคืน 0.8%
- คุ้มครองสูงสุด 8,000,000 บาทสำหรับประกันการเดินทาง
- คุ้มครองสูงสุด 40,000 บาท/ครั้ง สำหรับประกันกระเป๋าเดินทางสูญเสียและสูญหายจากการเดินทาง
- ส่วนลดตั๋วเครื่องบินภายในประเทศ 4% จากราคาเต็มของตั๋วปกติ ที่ KTC WORLD TRAVEL SERVICE
- ฟรี บริการเลขาส่วนตัว ตลอด 24 ชั่วโมง
TMB So Smart
- รับเงินคืน 1% เข้าบัญชีเงินฝากไม่ประจำ ทีเอ็มบี ดอกเบี้ยสูง จากทุกยอดการใช้จ่ายผ่านบัตร สูงสุด 2,000 บาท/บัตร/รอบบัญชี
- สำหรับเงินคืน 1% ผู้สมัครต้องมีบัญชีเงินฝากไม่ประจำ ทีเอ็มบี ดอกเบี้ยสูง โดยเงินคืนของบัตรเสริมจะถูกโอนเข้าบัญชีเงินฝากฯ ของเจ้าของบัตรหลัก หากธนาคารไม่สามารถโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากไม่ประจำ ทีเอ็มบี ดอกเบี้ยสูง ธนาคารจะทำการเครดิตยอดเงินคืนดังกล่าวเข้าบัญชีบัตรเครดิต TMB So Smart (ของบัตรที่นำยอดค่าใช้จ่ายมาคำนวณ) ให้แทนโดยอัตโนมัติ
- ฟรี ค่าธรรมเนียมแรกเข้าและค่าธรรมเนียมรายปี
- รับความคุ้มครองประกันภัยอุบัติเหตุในการเดินทาง ด้วยวงเงินรวมสูงสุด 7,000,000 บาท
- รับค่าชดเชย ในกรณีความล่าช้าของเที่ยวบิน ความล่าช้าของกระเป๋าเดินทาง การสูญหายของกระเป๋าเดินทาง การลดจำนวนวันเดินทาง ด้วยวงเงินรวมสูงสุด 17,500 บาท
- ระยะปลอดดอกเบี้ยนานสุดถึง 50 วัน
- เลือกผ่อนชำระขั้นต่ำ 10% ของยอดเงินตามใบแจ้งยอดค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนได้ แต่ต้องไม่น้อยกว่า 1,000 บาท
SCB Family Plus
- รับเครดิตเงินคืน 1% สำหรับทุกยอดการซื้อสินค้าและบริการ ยอดผ่อนชำระดีจังรายงวด(ทุกประเภท) ยกเว้น ยอดใช้จ่ายที่สถานีบริการน้ำมัน ซุปเปอร์มาร์เก็ต และค่าเบี้ยประกันจะได้รับเงินคืน 0.25%
- ฟรีประกันอุบัติเหตุการเดินทางต่างประเทศ ด้วยวงเงินคุ้มครองสูงสุด 1,500,000 บาท กรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ สายตา หรือ ทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง (อบ.1) จากอุบัติเหตุขณะกำลังขึ้นหรือกำลังลงหรือขณะโดยสารอยู่ใน
- อากาศยานที่จดทะเบียนเพื่อบรรทุกผู้โดยสาร และ ประกอบการโดยสารการบินพาณิชย์
- ยานพาหนะทางบกสาธารณะ
- ยานพาหนะทางน้ำสาธารณะ
- ฟรีค่ารักษาพยาบาลจากการบาดเจ็บหรือเจ็บป่วย ขณะเดินทางอยู่ในต่างประเทศ (สูงสุดต่อครั้ง) 10,000 บาท
- รับเครดิตเงินคืนพิเศษเพิ่ม 3% เมื่อมียอดใช้จ่ายสะสม 5,000 บาทขึ้นไป ในวันคล้ายวันเกิด
- รับเครดิตเงินคืนพิเศษ เพิ่ม 4% เมื่อใช้จ่ายทุก 1,000 บาทขึ้นไปต่อเซลล์สลิปในหมวดร้านอาหาร (ยกเว้นร้านอาหารในโรงแรม) ใน 4 วันพิเศษสำหรับครอบครัวได้แก่ วันเด็ก (เสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคม) วันครอบครัว (14 เมษายน) วันแม่ (12 สิงหาคม) และวันพ่อ (5 ธันวาคม)
อ่านจบแล้ว ถ้าจะรู้สึกว่าอยากได้มาครอบครองไว้ทั้ง 5 ใบ ก็ไม่น่าแปลกใจนัก เพราะสิทธิประโยชน์มากมายไม่แพ้กันและมีความโดดเด่นที่แตกต่างกันออกไป หากต้องเลือกแค่หนึ่งหรือไม่กี่ใบ ลองเลือกโดยสังเกตจากนิสัยการใช้จ่ายและไลฟ์สไตล์ของตัวเองดู อาจช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น และขอให้สนุกกับการใช้งานบัตรเครดิต Cash Back กันทุกคน
จะเลือกใช้บัตรเครดิตทั้งที ก็ต้องเลือกแบบที่โดนใจและตรงกับไลฟ์สไตล์ เพื่อจะได้รับสิทธิประโยชน์อย่างเต็มที่ สำหรับคอหนังก็เช่นกัน จะเลือกบัตรเครดิตให้ตรงกับรสนิยม ก็ขอแนะนำบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตที่มีโปรแรงๆใช้ได้กับโรงหนังทุกแห่งทั่วไทย
แต่เนื่องจากโรงหนังในบ้านเรา แบ่งเป็นค่ายใหญ่ๆได้สองค่าย ดังนั้นเราจะรู้ได้อย่างไรว่า บัตรเครดิต/เดบิตที่เราถืออยู่ หรือบัตรเครดิต/เดบิตที่เรากำลังตัดสินใจจะสมัครนั้น มีโปรโมชั่นใช้ได้กับโรงหนังทั้งสองค่าย หรือมีโปรโมชั่นแค่กับเพียงค่ายเดียวกันแน่ ไม่ต้องเสียเวลาไปค้นหาด้วยตัวเอง เราสรุปลงในตารางให้แล้ว
โรงหนังในเครือเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ | โรงหนังในเครือเอสเอฟ |
KTC JCB PLATINUM บัตรเครดิตกรุงศรีเลดี้ไทเทเนียมมาสเตอร์การ์ด บัตรเครดิตกรุงศรี บัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ บัตรเครดิตอิออน บัตรเครดิตAEON N GEN VISA บัตรเครดิตอิออนโกลด์ บัตรเครดิตอิออนคลาสสิค บัตรเครดิตเฟิร์สช้อยส์ บัตรเครดิตเดอะแพสชั่นกสิกรไทย บัตรเครดิต UnionPay บัตรเครดิตเจซีบีแพลตตินัม บัตรเดบิตไทยพาณิชย์ บัตรบีเฟิสต์สมาร์ท ของธนาคารกรุงเทพ |
บัตรเครดิตกรุงศรีเลดี้ไทเทเนียมมาสเตอร์การ์ด บัตรเครดิตกรุงศรี บัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ บัตรเครดิตยูโอบีโยโล่แพลทินัม บัตรเครดิตยูโอบี บัตรเครดิตอิออน บัตรเครดิตเฟิร์สช้อยส์ บัตรเครดิตเดอะแพสชั่นกสิกรไทย บัตรเครดิตซิตี้ซิมพลิซิตี้ บัตรเครดิตSCB Beyond บัตรเครดิตเซ็นทรัลเดอะวัน บัตรเครดิตมาสเตอร์การ์ด บัตรกรุงศรีเดบิต บัตรเดบิตกสิกรไทย |
จากตาราง จะสังเกตได้ว่าบัตรเครดิตและบัตรเดบิตที่มีโปรโมชั่น ใช้ได้กับโรงหนังในเครือเมเจอร์และเครือเอสเอฟนั้นมีปริมาณมากพอ ๆ กัน ซึ่งส่วนมากแล้วบัตรเครดิตและบัตรเดบิตเพียงหนึ่งใบ ก็สามารถใช้กับโรงหนังได้ทั้งสองค่าย ได้แก่ บัตรเครดิตกรุงศรีบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ บัตรเครดิตอิออน บัตรเครดิตเฟิร์สช้อยส์ บัตรเครดิตเดอะแพสชั่นกสิกรไทย จะมีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่มีโปรโมชั่นกับเพียงค่ายเดียว
แต่สำหรับใครที่กำลังถือบัตรที่มีโปรโมชั่นกับโรงหนังเพียงค่ายเดียว ก็ไม่ต้องน้อยอกน้อยใจไป เพราะบัตรเครดิต/เดบิตที่ใช้ได้กับโรงหนังค่ายเดียว ก็อาจมีโปรโมชั่นที่ดุดัน คุ้มค่ายิ่งกว่าบัตรไหน ๆ ก็เป็นได้
ถ้าอย่างนั้นเรามาดูตัวอย่างของบัตรเครดิต/เดบิตที่มีโปรดูหนังแบบแรง ๆ ปัง ๆ กันเลยดีกว่า
บัตรเครดิต AEON N GEN VISA
โปรสุดแรงที่โรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ (ทุกสาขาทั่วประเทศ)
- ฟรี บัตรชมภาพยนตร์ 1 ที่นั่ง ทุกวัน ทุกเรื่อง ทุกรอบ (จำกัด 1 สิทธิ์/ หมายเลขบัตร/ เดือน (หรือจนครบสิทธิ์ที่บริษัทฯ กำหนด) สำหรับที่นั่งปกติ ในระบบดิจิตอล 2D เท่านั้น
- ชุด M GEN สุดคุ้ม เพียง 120 บาท
- อัพเกรดที่นั่งแบบ honeymoon seat ฟรี จำนวน 24,000 สิทธิ์ (จำกัด 1 สิทธิ์/ ที่นั่ง/ หมายเลขบัตร/ เดือน) เฉพาะซื้อราคาสมาชิก M GEN และมีที่นั่งว่าง/ จำนวนสิทธิ์คงเหลือเท่านั้น
- ซื้อตั๋วหนัง 1 ที่นั่ง รับฟรี 1 ที่นั่ง ในระบบ IMAX ทุกวันจันทร์ (จำกัด 1 สิทธิ์/ หมายเลขบัตร/ เดือนเท่านั้น) (เฉพาะสาขา ควอเทียร์ ซีเนอาร์ต และ สาขาเวสต์เกต ซีนีเพล็กซ์ เท่านั้น)
- ฟรีตั๋วหนัง 1 ที่นั่ง สำหรับวันเกิด (จำกัด 1 สิทธิ์/ หมายเลขบัตร) เฉพาะในวันเกิดเท่านั้น ไม่สามารถโอนสิทธิ์ในวันอื่นได้ เฉพาะการชมภาพยนตร์ ในระบบดิจิตอล 2D สำหรับที่นั่งปกติเท่านั้น
ส่วนลดพิเศษเมื่อซื้อบัตรชมภาพยนตร์ในระบบ Digital 2D-IMAX
– ส่วนลด 50 บาท ทุกประเภทที่นั่ง (ยกเว้นโซฟา) ที่ IMAX สาขา ควอเทียร์ ซีเนอาร์ต
– ส่วนลด 30 บาท ทุกประเภทที่นั่ง (ยกเว้นโซฟา) ที่ IMAX สาขาเวสต์เกต ซีนีเพล็กซ์
– ส่วนลด 20 บาท ทุกประเภทที่นั่ง ทุกสาขา ในระบบดิจิตอล 2D-4DX
บัตรเครดิตเดอะแพสชั่นกสิกรไทย
- ทุกๆ 1,000 คะแนน = 1 ที่นั่ง สำหรับทุกโรงภาพยนตร์เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ และอีจีวี ทุกสาขา ยกเว้นควอเทียร์ ซีเนอาร์ต
- ทุกๆ 1,000 คะแนน = 1 ที่นั่ง ที่โรงภาพยนตร์ในเครือ เอส เอฟ สำหรับที่นั่ง Deluxe ระบบปกติ
- แลกคะแนนเป็นบัตรชมภาพยนตร์
– ทุกๆ 1,000 คะแนน = 1 ที่นั่ง (สำหรับที่นั่งปกติ ระบบปกติ มูลค่า 190 – 220 บาท) โรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์
– ทุกๆ 1,200 คะแนน = 1 ที่นั่ง (สำหรับที่นั่งปกติ ระบบปกติ มูลค่า 190 – 260 บาท) โรงภาพยนตร์พารากอน ซีนีเพล็กซ์ และเอสพลานาด ซีนีเพล็กซ์
– ทุก ๆ 1,000 คะแนน = 1 ที่นั่ง (สำหรับที่นั่งปกติ ระบบปกติ มูลค่า 200 บาท) ที่โรงภาพยนตร์ในเครือ เอส เอฟ
– ทุก ๆ 1,200 คะแนน = 1 ที่นั่ง (สำหรับที่นั่งปกติ ระบบปกติ มูลค่า220 บาท) ที่โรงภาพยนตร์ในเครือ เอส เอฟ
- แลกคะแนนแทนเงินสด ทุก ๆ 1,000 คะแนน = 100 บาท
บัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ
- ใช้คะแนนสะสมทุก 1,000 คะแนน แลกรับทันทีบัตรชมภาพยนตร์ที่นั่งปกติ ในระบบปกติ 1 ที่นั่ง ณ โรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ทุกสาขาที่ร่วมรายการ
- ใช้คะแนนสะสมทุก 1,000 คะแนน แลกรับทันทีบัตรชมภาพยนตร์ ที่นั่ง Deluxe ในระบบปกติ 1 ที่นั่ง ที่โรงภาพยนตร์ในเครือ เอส เอฟ
บัตรเครดิตกรุงศรี
- ทุกๆ 1,000 คะแนน แทนส่วนลด 100 บาท ที่โรงภาพยนตร์ในเครือ Major
- แลกคะแนนสะสม 1,400 คะแนน เพื่อรับบัตรชมภาพยนตร์ฟรี 1 ที่นั่ง ที่โรงภาพยนตร์ในเครือ เอส เอฟ
- ใช้ 799 คะแนน แลกรับ Combo Size M ป๊อบคอร์นขนาดกลาง + น้ำอัดลม 22 ออนซ์ที่โรงภาพยนตร์ในเครือ เอส เอฟ
บัตรบีเฟิสต์ สมาร์ท
- ดูหนังทุกเรื่องทุกรอบ ในราคาที่นั่งละ 88 บาท เมื่อจ่ายผ่านบัตรบีเฟิสต์ สมาร์ท ทีพีเอ็น ยูเนี่ยนเพย์ ที่โรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์
นี่เป็นโปรโมชั่นชองบัตรเครดิตและบัตรเดบิตเพียงบางส่วนเท่านั้น หากใครกำลังถือบัตรเหล่านี้อยู่ สบายใจได้เลยว่าจะได้ดูหนังในราคาที่แสนคุ้มค่าและได้สิทธิพิเศษมากมายอย่างแน่นอน แต่สำหรับใครที่กำลังถือบัตรอื่น ๆ อยู่ ก็สามารถเช็คโปรโมชั่นเพิ่มเติมได้ หรือทำได้แม้กระทั่งการแสดงความคิดเห็นไปทางบัตรที่ถืออยู่ ว่าต้องการโปรโมชั่นดูหนังในลักษณะใด เพราะจะช่วยทำให้ทางธนาคารทราบถึงความต้องการของลูกค้า และตอบสนองความต้องการได้อย่างตรงจุด
เปิดเทคนิคการใช้บัตรเครดิตแบบมือโปร
สำหรับมือโปรการใช้บัตรเครดิตให้คุ้มค่าและได้ประโยชน์สูงสุดคงไม่ใช่เรื่องยาก แต่สำหรับมือใหม่จะทำบัตรเครดิตอย่างไรให้คุ้มค่าที่สุดล่ะ ดังนั้นเราจึงมีคำแนะนำในการใช้บัตรเครดิตอย่างมือโปร ที่มือใหม่ก็นำไปใช้ได้ไม่ยาก มาแนะนำกัน
1. เช็คโปรโมชั่นก่อนรูดซื้อสินค้า
ไม่เฉพาะสินค้าที่เป็นชิ้นเป็นอันเท่านั้น แม้แต่การรูดบัตรเครดิตเพื่อจ่ายค่าอาหารก็เช่นกัน เพราะแท้ที่จริงแล้ว ประโยชน์ของบัตรเครดิตไม่ได้มีแค่ใช้แทนเงินสด หรือดึงเงินในอนาคตมาใช้เท่านั้น แต่ยังมีสิทธิประโยชน์ในรูปแบบของการลด แลก แจก แถม อีกมากมาย ซึ่งเรามักจะเห็นโปรโมชั่นที่อัพเดทสุดๆ ได้จากหน้าเคาน์เตอร์แคชเชียร์ หรือบนโต๊ะอาหารนั่นเอง
ตัวอย่างโปรโมชั่นที่พบเห็นได้บ่อย ได้แก่ หากใช้บัตรเครดิตของธนาคารนี้จ่ายค่าอาหาร จะได้รับเมนูแนะนำของทางร้านฟรี และได้รับส่วนลดเพิ่มอีก 10% หรือเมื่อรูดบัตรเครดิตของธนาคารนี้รูดบัตรซื้อสินค้าชิ้นนี้ จะได้รับส่วนลดพิเศษเพิ่มอีก 200 บาท หรือมีโปรโมชั่นผ่อนสินค้านานสุด 10 เดือนด้วยอัตราดอกเบี้ย 0% ฟังแค่ตัวอย่างก็น่าสนใจแล้วใช่ไหม ดังนั้นอย่าลืมสังเกตก่อนจ่ายค่าสินค้าและค่าอาหารสักนิด เพื่อประโยชน์สูงสุดของคุณเอง
2. หมั่นอัพเดทข่าวสารโปรโมชั่นที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคุณ
อย่างที่กล่าวถึงไปแล้วในข้อก่อนหน้า ว่าบัตรเครดิตไม่ได้มีประโยชน์เพียงรูดซื้อสินค้าเท่านั้น แต่ยังมีสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมมากมาย ดังนั้นจึงควรอัพเดทข่าวสารอยู่เสมอ เพราะหากมีโปรโมชั่นแรงๆ โดนๆ ที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคุณแล้วล่ะก็ จะได้รีบคว้าไว้ได้ทันเวลา
เช่นถ้าหากคุณเป็นคนชอบเดินทางท่องเที่ยว ควรส่องโปรโมชั่นใหม่ๆ ที่ออกมาเกี่ยวกับตั๋วเครื่องบิน โรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร ฯลฯ แต่หากคุณเป็นสายรักสุขภาพและการดูแลตัวเอง ควรส่องโปรโมชั่นดีๆ ที่เกี่ยวกับสปา ฟิตเนส สินค้าสุขภาพ และยิ่งถ้าเป็นสายบันเทิง บัตรเครดิตหลายใบจัดโปรโมชั่นดูหนังฟรี หรือใช้แต้มแลกตั๋วหนังฟรีอยู่บ่อยๆ เชื่อเถอะว่าการอัพเดทโปรโมชั่นของบัตรเครดิต ไม่ใช่เรื่องเสียเวลาหรือเสียเปล่า เรามักจะได้อะไรดีๆ กลับมาเสมอ
3. สะสมแต้มแลกของ gift voucher และส่วนลดต่างๆ
การใช้บัตรเครดิตทุกครั้ง จะมีแต้มคะแนนสะสมเพิ่มขึ้น ซึ่งแต้มคะแนนสะสมเหล่านี้ เราสามารถนำไปแลกหรือใช้เพื่อสิทธิประโยชน์ต่างๆได้อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นส่วนลดสุดพิเศษ gift voucher แทนเงินสดเพื่อซื้อสินค้าในห้างสรรพสินค้าหรือร้านอาหาร รวมถึงแลกข้าวของเครื่องใช้ต่างๆในบ้าน ดังนั้นมือโปรหลายคนจึงขยันใช้บัตรเครดิตเพื่อสะสมแต้ม แต่เมื่อใช้แล้วก็กันเงินสดส่วนนั้นไว้เพื่อจ่ายเต็มในรอบบิลถัดไป ทำให้ได้แต้มคะแนนสะสม แต่ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยให้กับทางธนาคารเลย และยังสะสมแต้มเอาไปแลกสิทธิประโยชน์อื่นๆอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยได้อีก ถือเป็นวิธีที่ดีมากโดยเฉพาะกับผู้ที่มีวินัยทางการเงิน
4. จ่ายเกินขั้นต่ำ
สำหรับใครก็ตามที่ไม่สามารถจ่ายเต็มได้ทุกรอบบิล บางครั้งอาจจะแอบจ่ายตามขั้นต่ำที่บัตรกำหนดยอดไว้ให้บ้าง แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ควรทำเมื่อไม่สามารถจ่ายเต็มรอบบิลได้ ก็คือการจ่ายมากกว่าขั้นต่ำ จะจ่ายมากกว่าเท่าไรก็ได้ แต่ขอให้จ่ายมากเกินกว่าขั้นต่ำเข้าไว้ เพราะการจ่ายเท่ากับยอดขั้นต่ำของรอบบิลนั้นๆ เท่ากับว่าเราจะต้องรับภาระดอกเบี้ยสูงที่สุดเท่าที่ทางธนาคารจะสามารถเรียกเก็บจากเราได้ แต่หากเราจ่ายเกินขั้นต่ำ ไม่ว่าจะเกินมามากหรือน้อยก็ตาม จะทำให้ภาระดอกเบี้ยของเราลดน้อยลง และมีโอกาสที่จะหลุดพ้นจากภาระหนี้บัตรเครดิตได้เร็วมากขึ้น (อย่างไรก็ตามทางเราขอแนะนำว่าจ่ายเต็มให้ได้ทุกรอบดีว่านะ)
- ตรวจสอบรายการชำระเงินถ้ามีอะไรแปลกต้องแจ้งทางธนาคารทันที
บางคนอาจเลือกช่องทางการรับใบแจ้งหนี้ผ่านทางไปรษณีย์ บางคนอาจเลือกช่องทางการรับใบแจ้งหนี้ผ่านอีเมล แต่สิ่งสำคัญคือ คุณได้ดูรายการค่าใช้จ่ายที่ปรากฏในใบแจ้งหนี้บ้างหรือไม่ สำหรับคนที่เลือกจ่ายบัตรด้วยตัวเอง อาจจะได้ดูรายการผ่านตาบ้าง แต่สำหรับใครก็ตามที่เลือกจ่ายบัตรผ่านการหักบัญชี ไม่ควรละเลยการตรวจสอบใบแจ้งหนี้อย่างเด็ดขาด เพราะมีโอกาสที่จะมีค่าใช้จ่ายแปลกปลอมปะปนเข้ามา หรือมีค่าธรรมเนียมที่ไม่ควรเกิดแทรกเข้ามาซึ่งเป็นการเสียประโยชน์อย่างยิ่ง สำหรับคนที่เคยมีประสบการณ์เจอรายการแปลกๆ แทรกเข้ามาอยู่ในรายการใช้จ่าย อาจจะพอทราบดีว่าเราสามารถทักท้วงว่าค่าใช้จ่ายนั้นไม่ใช่ของเราได้
ดังนั้นการใช้บัตรเครดิตโดยไม่ตรวจสอบรายการใช้จ่าย จึงถือเป็นการถือบัตรเครดิตที่อันตรายและประมาทอย่างมาก ควรตรวจสอบรายการใช้จ่ายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรักษาสิทธิ์และประโยชน์ของตัวเราเอง
- ค่าธรรมเนียมบางอย่าง สามารถขอยกเว้นได้
โดยปกติบัตรเครดิตแต่ละใบจะมีการกำหนดค่าธรรมเนียมเอาไว้แล้ว แต่ก็มีเงื่อนไขยกเว้นให้ด้วย เช่น หากใช้บัตรเครดิตยอดเกินกว่า 300,000 บาทใน 1 ปี จะได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปี หรือหากใช้บัตรเครดิตยอดเท่าไรก็ได้ เป็นจำนวนมากกว่า 12 ครั้ง จะได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปี ซึ่งหากใครไม่รู้เงื่อนไขนี้ ก็อาจตกเป็นผู้เสียประโยชน์ได้
ในขณะเดียวกันสำหรับคนที่ใส่ใจดูรายการค่าใช้จ่าย และสังเกตเห็นว่ามีรายการของค่าธรรมเนียมรายปีเกิดขึ้น สามารถโทรเข้าคอลเซ็นเตอร์เพื่อติดต่อขอยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปี หรือที่มักเรียกกันติดปากว่า ขอเวฟค่าธรรมเนียมรายปี ได้ การ0tยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีนั้น ก็ขึ้นอยู่กับทางเจ้าหน้าที่และนโยบายของทางธนาคาร ว่าจะยกเว้นให้ได้ในทันที หรือจะยกเว้นให้ต่อเมื่อนำบัตรเครดิตไปรูดใช้จ่ายเพิ่มอีกกี่ครั้ง แต่ยังไม่เคยเจอกรณีที่ทางธนาคารไม่ยกเว้นให้ หากผู้ถือบัตรเป็นผู้ติดต่อเข้าไปเอง ดังนั้นจึงอยากให้ทุกคนได้ทราบถึงเรื่องนี้โดยทั่วกัน เพื่อจะได้ไม่เสียประโยชน์ของตนไปโดยง่าย
อ่านมาถึงตรงนี้ คงจะพอเข้าใจและได้ไอเดียการใช้บัตรเครดิตให้เป็นแบบมือโปรมากขึ้นแล้ว ซึ่งจะใช้ให้ได้แบบมือโปรก็ต้องอาศัยความใส่ใจ การสังเกต และวินัยทางการเงินอยู่ด้วย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินกว่าจะทดลองทำ เชื่อเถอะว่าหากได้ทดลองทำตามดูแล้ว จะยิ่งเห็นประโยชน์และมีวินัยทางการเงินที่ดีติดตัวไปด้วยอย่างแน่นอน