อัปเดต iOS iPhone ด่วนก่อนใช้แอปกรุงไทยไม่ได้

ธนาคารกรุงไทยได้ออกมาแจ้งเตือนคนใช้ iPhone ให้เตรียมตัวอัพเดต iOS เพื่อความปลอดภัยในการใช้ Mobile Banking ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2568 ก่อนที่จะใช้ App Krungthai NEXT เป๋าตัง และ ถุงเงินไม่ได้

เพื่อเป็นการยกระดับความปลอดภัยทางธนาคารกรุงไทยได้ออกมาแจ้งเตือนให้คนที่ใช้ iPhone ออกมาอัปเดตระบบปฎิบัติการ iOS เพื่อความปลอดภัยที่มากขึ้นสำหรับการใช้โมบาย แบงก์กิ้งตั้งแต่เดือนมีนาคม 2568 เป็นต้นไป ก่อนที่จะไม่สามารถใช้ Krungthai NEXT เป๋าตัง และถุงเงินไม่ได้หากไม่ทำการอัปเดต

ขั้นตอนในการอัปเดตระบบปฎิบัติการของโทรศัพท์ ก่อนเข้าใช้งาน Krungthai NEXT ไม่ได้ในเดือนมีนาคม 2568

  • ไปที่เมนูตั้งค่า (Setting)
  • ไปที่เมนูทั่วไป (General)
  • ไปที่รายการอัปเดตซอฟต์แวร์ (Software Update)
  • กดดาวน์โหลดและติดตั้ง (Update Now)

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อ Krungthai Contact Center โทร 02-111-1111 ตลอด 24 ชั่วโมง

 

ตรวจสอบสิทธิผู้ประกันตน เปลี่ยนโรงพยาบาลประกันสังคมได้แล้ววันนี้

ผู้ประกันตนสามารถเช็คสิทธิ เปลี่ยนโรงพบาบาลประกันสังคมได้ที่เว็บไซต์ www.sso.go.th รู้ผล 2 วัน สำหรับผู้ประกันตนที่ถามกันเข้ามาเกี่ยวกับการย้ายสิทธิประกันสังคมออนไลน์ สามารถย้ายได้ถึงวันไหน และ ประกาศรายชื่อโรงพยาบาลประกันสังคม 2568 ว่ามีที่ไหนบ้าง สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ด้านล่างเลย

เช็คสิทธิประกันสังคม 2568 เข้าเว็บไซต์ www.sso.go.th ใหกับผู้ประกันตน สามารถเปลี่ยนโรงพยาบาลประกันสังคมได้แล้ววันนี้ แจ้งสิทธิแล้วสามารถตรวจสอบสิทธิได้ภายใน 2 วัน การย้ายสิทธิประกันสังคมสามารถย้ายผ่านทางออนไลน์ได้

ประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ได้ออกมาเปิดเผยว่า ผู้ประกันตนสามารถเปลี่ยนโรงพยาบาลตามสิทธิประจำปี 2568 ได้ง่ายๆตามขั้นตอนด้านล่าง

  • เข้าไปที่ Line @ssothai
  • กดลงทะเบียน ที่มุมขวาล่าง
  • เลือก เปลี่ยนโรงพยาบาล
  • เลือกโรงพยาบาลที่ต้องการ แล้วกดยืนยัน
  • เสร็จแล้วรอผลภายใน 2 วัน

** ผู้ประกันตนสามารถใช้สิทธิโรงพยาบาลใหม่ได้ภายในวันที่ 1 หรือ 16 ของเดือน

สิทธิประกันสังคม 2568 การเปลี่ยนสถานพยาบาล

  • ผู้ประกันตนสามารถใช้สิทธิเปลี่ยนโรงพยาบาลประกันสังคม สามารถดำเนินการได้ระหว่างวันที่ 16 ธันวาคม 2567 ไปจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2568
  • การเปลี่ยนโรงพยาบาลประกันสังคมระหว่างปี กรณีมีเหตุจำเป็นเช่น ย้ายที่พัก, ย้ายที่อยู่อาศัย, ย้ายสถานที่ทำงาน หรือ พิสูจน์ทราบว่าผู้ประกันตนไม่ได้มีทางเลือกสถานพยาบาลด้วยตนเอง ให้ยื่นเปลี่ยนสถานพยาบาลในระยะเวลา 30 วัน

ขั้นตอนในการเปลี่ยนโรงพยาบาลตามสิทธิ สำนักงานประกันสังคม เลือกได้ 4 วิธีให้ผู้ประกันตนทุกคนเลือกเปลี่ยนได้อย่างที่ตนเองสะดวก

  • เข้าไปที่เว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม www.sso.go.th
  • แอปพลิเคชั่น SSO Plus
  • สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานคร
  • ทำรายการผ่าน Line Official SSO โดยเพิ่มเพื่อน @ssothai

เปลี่ยนโรงพยาบาลใหม่ ย้ายสิทธิประกันสังคมออนไลน์ได้ถึงเมื่อไหร่?

  • สามารถเปลี่ยนได้แล้วตั้งแต่วันนี้ถึง 31 มีนาคม 2568

ช่องทางติดต่อสำนักงานประกันสังคม

  • สอบถามข้อมูลประกันสังคมได้ที่ www.sso.go.th
  • โทรสายด่วน 1506 ให้บริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง

อัพเดทค่าเงินบาท 21 ก.พ. 68 เปิดตลาดแข็งค่า

ค่าเงินบาทวันนี้ วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 เปิดตลาดแข็งค่าที่ 33.55 บาท ต่อดอลลาร์ ทางด้านกรุงไทย ชี้ตามเงินเยน ที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น บวกกับราคาทองที่รีบาวด์ มองเงินบาทวันนี้จะอยู่ระหว่าง 33.45 ถึง 33.75 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทปัจจุบันทยอยแข็งค่าขึ้นซึ่งใกล้จะเข้าโซนแนวรับสำคัญที่ 33.50 บาท ต่อดอลลาร์ ซึ่งจะอยู่ในกรอบ 33.52 ถึง 33.69 บาทต่อดอลลาร์ ปัจจัยสำคัญก็คือ ค่าเงินดอลลาร์ที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลง มาพร้อมกับการย่อตัวของบอนด์ยีลด์ 10 ปีสหรัฐ โดยคำกว่าวของบรรดาเจ้าที่เฟด ของสหรัฐสนับสนุนให้เฟดชะลอการลดดอกเบี้ย ท่ามกลางความไม่แน่นอนของนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาล Trump จากมาตรการดังกล่าวไม่ได้ช่วยหนุนเงินดอลลาร์เลย

เฟดสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง หรือ 50bps ในปีนี้ การทยอยแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องจองบรรดาสกุลเงินหลัก โดยเฉพาะเงินเยนญี่ปุ่น ที่ล่าสุดแข็งค่าขึ้นหลุดแนวรับสำคัญที่ 150 เยนต่อดอลลาร์ ท่ามกลางมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่หวังว่าธนาคารญี่ปุ่น หรือ Bank of Japan จะสามารถเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้อีกอย่างน้อย 1 ครั้ง เป็นส่วนทำให้มีการกดดันเงินดอลลาร์ และเป็นปัจจัยที่ทำให้ดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลง

แนวโน้มค่าเงินบาท

เงินบาททยอยแข็งค่าขึ้นซึ่งใกล้สู่แถวรับสำคัญแล้วเช่นกันที่ 33.50 บาทต่อดอลลาร์ในช่วงคืนที่ผ่านมา เป็นการประเมินที่เหนือความคาดหมาย ภายหลังบรรดาสกุลเงินหลักอย่างเงินเยนของญี่ปุ่น ยังคงแข็งค่าขึ้นทะลุแนวรับสำคัญที่ 150 เยนต่อดอลลาร์ อีกทั้งราคาทองยังสามารถรีบาวด์อีกด้วย

ตลาดค่าเงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลง พร้อมกับกดดันโดยรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาผสมกับผู้เล่นในตลาดที่ออกมาประเมินว่าราวๆ 52% ที่เฟดจะสามารถลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ แถมตอนนี้เงินดอลลาร์ถูกกดดันจากการแข็งค่าขึ้นของบรรดาสกุลเงินหลัก โดยเฉพาะเงินเยนของญี่ปุ่นที่แข็งค่าทะลุโซนแนวรับ 150 เยนต่อดอลลาร์ จากมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่เชื่อว่าธนาคารญี่ปุ่นจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยอีกอย่างน้อย 1 ครั้งในปีนี้ ทำให้โดยรวมเงินดอลลาร์ย่อตัวลงไปในโซน 106.4 จุด ส่วนราคาทองคำถึงแม้ว่าจะมีแรงเทขายออกมาทำกำไรของผู้เล่นในตลาด แต่ภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินโดยรวม ยังพอช่วยหนุนให้ราคาทองคำยังคงแกว่งในโซน

บัตรเครดิตที่สามารถสมัครผ่านออนไลน์ มีกี่ประเภท

การเลือกบัตรเครดิตที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดและจัดการการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการใช้บัตรเครดิตในการบริหารการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของคุณ ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ เนื่องจากบัตรเครดิตจะช่วยให้เราสามารถตรวจสอบการใช้จ่ายของเราย้อนหลังได้ แถมยังทำให้เราสามารถควบคุมการใช้เงินของเราได้ดีมากอีกด้วย นอกจากนี้บัตรเครดิตแต่ละประเภทยังมีข้อดีแตกต่างกันออกไป บางประเภทใช้แล้วได้รับเงินคือหรือที่เราเรียกว่า Cash Back หรือบางประเภทใช้แล้วจะได้คะแนนสะสมเป็น Reward Point เพื่อนำไปใช้เป็นส่วนลด หรือ เครดิตเงินคืนเพื่อช่วยเราประหยัดได้อีกด้วย

ประเภทของบัตรเครดิต

  1. บัตรเครดิตทั่วไป (Standard Credit Card): บัตรเครดิตพื้นฐานที่ใช้สำหรับการซื้อสินค้าและบริการ โดยผู้ถือบัตรจะต้องชำระเงินคืนตามรอบบิล

  2. บัตรเครดิตรางวัล (Rewards Credit Card): บัตรที่มอบคะแนนสะสมหรือเงินคืนเมื่อใช้จ่าย ซึ่งคะแนนเหล่านี้สามารถแลกของรางวัลหรือส่วนลดได้

  3. บัตรเครดิตสำหรับการเดินทาง (Travel Credit Card): บัตรที่มอบสิทธิประโยชน์เกี่ยวกับการเดินทาง เช่น ไมล์สะสม ประกันการเดินทาง หรือสิทธิ์เข้าใช้ห้องรับรองพิเศษ

  4. บัตรเครดิตสำหรับธุรกิจ (Business Credit Card): บัตรที่ออกแบบมาสำหรับเจ้าของธุรกิจ เพื่อจัดการค่าใช้จ่ายและเงินสดหมุนเวียน

  5. บัตรเครดิตนักเรียน (Student Credit Card): บัตรที่ออกแบบมาสำหรับนักศึกษา โดยมีวงเงินและเงื่อนไขที่เหมาะสม

เคล็ดลับในการเลือกบัตรเครดิต

  • วิเคราะห์พฤติกรรมการใช้จ่าย: เลือกบัตรที่มอบสิทธิประโยชน์ตรงกับการใช้จ่ายของคุณ

  • ตรวจสอบค่าธรรมเนียมและดอกเบี้ย: เปรียบเทียบค่าธรรมเนียมรายปีและอัตราดอกเบี้ยของบัตรต่าง ๆ

  • พิจารณาโปรโมชั่นและโบนัส: บางบัตรมีโปรโมชั่นพิเศษหรือโบนัสเมื่อสมัครหรือใช้จ่ายตามเงื่อนไข

  • อ่านรีวิวและความคิดเห็น: ศึกษาประสบการณ์ของผู้ใช้จริงเพื่อประกอบการตัดสินใจ

5 ประสบการณ์การใช้งานจากผู้ใช้จริง 

จากการสอบถามความคิดเห็นของผู้ใช้บัตรเครดิตที่มีประสบการณ์จริง หลายคนแชร์ข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับประเภทของบัตรที่พวกเขาเลือกใช้ โดยแบ่งออกเป็นหมวดหมู่หลัก ๆ ดังนี้:

1. ผู้ที่เน้นการใช้จ่ายเพื่อรับคะแนนสะสมและของรางวัล

ประสบการณ์:
“ใช้บัตรเครดิตสะสมคะแนนมาหลายปี การนำคะแนนไปแลกเป็นตั๋วเครื่องบินและของรางวัลต่างคุ้มมากๆ ควรเลือกบัตรที่มีอัตราการแลกเปลี่ยนคะแนนที่คุ้มค่า และไม่มีวันหมดอายุของคะแนน เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุด”

คำแนะนำ:

  • เลือกบัตรที่มีอัตรา 1 บาท = 1 คะแนน หรือดีกว่า
  • ตรวจสอบว่าคะแนนมีวันหมดอายุหรือไม่
  • ใช้จ่ายให้ตรงกับหมวดหมู่ที่ให้คะแนนพิเศษ เช่น ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า หรือการเดินทาง

2. ผู้ที่ต้องการเงินคืน (Cashback) เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย

ประสบการณ์:
“ชอบบัตรที่ให้ Cashback เพราะช่วยลดค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนได้จริง ใช้บัตรเครดิตซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ต และได้คืนประมาณ 5% ซึ่งถือว่าช่วยได้เยอะ”

คำแนะนำ:

  • เลือกบัตรที่มี Cashback สูงสุดในหมวดที่คุณใช้บ่อย เช่น ค่าอาหาร น้ำมัน หรือช้อปปิ้งออนไลน์
  • ตรวจสอบเงื่อนไขการรับเงินคืน เช่น วงเงินคืนสูงสุดต่อรอบบิล
  • บางบัตรต้องลงทะเบียนก่อนจึงจะได้รับสิทธิ์เงินคืน

3. ผู้ที่เดินทางบ่อย และต้องการสิทธิประโยชน์ด้านไมล์สะสม

ประสบการณ์:
“เดินทางบ่อยและใช้บัตรสะสมไมล์ ตอนแรกคิดว่าไม่คุ้ม แต่พอลองใช้จริง ๆ พบว่าช่วยลดค่าใช้จ่ายเรื่องตั๋วเครื่องบินได้เยอะมาก และยังได้สิทธิ์ใช้ห้องรับรองที่สนามบินฟรีอีกด้วย”

คำแนะนำ:

  • เลือกบัตรที่มีอัตราสะสมไมล์ที่คุ้มค่า เช่น 20 บาท = 1 ไมล์
  • ตรวจสอบว่าสามารถแลกไมล์กับสายการบินที่คุณใช้บ่อยได้หรือไม่
  • เลือกบัตรที่ให้สิทธิพิเศษอื่น ๆ เช่น Fast Track, Lounge Access, Travel Insurance

4. ผู้ที่ใช้บัตรเครดิตเพื่อบริหารค่าใช้จ่ายในธุรกิจ

ประสบการณ์:
“บัตรเครดิตธุรกิจช่วยให้จัดการค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น โดยเฉพาะการแยกค่าใช้จ่ายส่วนตัวกับธุรกิจ นอกจากนี้ยังได้สิทธิพิเศษ เช่น เครดิตเงินคืน และประกันสินค้า”

คำแนะนำ:

  • เลือกบัตรที่มีโปรแกรมพิเศษสำหรับธุรกิจ เช่น เครดิตเงินคืนจากค่าใช้จ่ายสำนักงาน
  • ตรวจสอบว่าบัตรมีรายงานสรุปค่าใช้จ่ายรายเดือนเพื่อช่วยบริหารบัญชีหรือไม่
  • เลือกบัตรที่ให้เครดิตเทอมยาวเพื่อช่วยกระแสเงินสดในธุรกิจ

5. ผู้ที่เป็นนักศึกษา และใช้บัตรเครดิตเพื่อสร้างเครดิตสกอร์

ประสบการณ์:
“ตอนเป็นนักศึกษา ใช้บัตรเครดิตที่สมัครง่ายและไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี เพื่อฝึกวินัยทางการเงินและสร้างเครดิตสกอร์ให้ดี เผื่อในอนาคตจะสมัครสินเชื่อหรือบัตรที่ดีกว่า”

คำแนะนำ:

  • เลือกบัตรที่สมัครง่าย และไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี
  • ใช้บัตรอย่างมีวินัย และจ่ายเต็มจำนวนตรงเวลาทุกเดือน
  • หลีกเลี่ยงการใช้วงเงินเกิน 30% ของเครดิตที่ได้รับ

เงินเดือน 100,000 สมัครบัตรเครดิตใบไหนดี?

สำหรับผู้ที่มีรายได้ต่อเดือนตั้งแต่ 100,000 บาทขึ้นไป การเลือกบัตรเครดิตที่เหมาะสมสามารถเพิ่มความสะดวกสบายและมอบสิทธิประโยชน์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคุณได้อย่างเต็มที่ ในบทความนี้ เราขอแนะนำบัตรเครดิตที่น่าสนใจสำหรับผู้มีรายได้ระดับนี้ พร้อมรายละเอียดและสิทธิประโยชน์ที่ควรพิจารณา

1. บัตรเครดิต KTC X VISA SIGNATURE

บัตรเครดิต KTC X VISA SIGNATURE ออกแบบมาสำหรับผู้ที่ต้องการสิทธิประโยชน์ที่หลากหลายและคุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นการสะสมคะแนน การใช้บริการห้องรับรองพิเศษที่สนามบิน หรือส่วนลดพิเศษในร้านอาหารและโรงแรมชั้นนำ

สิทธิประโยชน์ที่น่าสนใจ:

  • คะแนนสะสม KTC FOREVER: รับคะแนนสูงสุด x3 เมื่อใช้จ่ายตามเงื่อนไขที่กำหนด
  • บริการห้องรับรองพิเศษ: สิทธิ์การใช้บริการห้องรับรองพิเศษ MIRACLE LOUNGE 2 ครั้งต่อปี เมื่อเดินทางระหว่างประเทศด้วยสายการบินไทย
  • ส่วนลดร้านอาหารและโรงแรม: รับส่วนลดตลอดปีที่ห้องอาหารในโรงแรมชั้นนำทั่วประเทศ
  • ประกันการเดินทาง: คุ้มครองอุบัติเหตุการเดินทางทั้งในและต่างประเทศด้วยวงเงินสูงสุด 20 ล้านบาท

เงื่อนไขการสมัคร:

  • รายได้ขั้นต่ำ: 50,000 บาทต่อเดือน

ค่าธรรมเนียม:

  • ค่าธรรมเนียมรายปี 5,000 บาท (ไม่รวม VAT) ยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีในปีถัดไปเมื่อมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรรวมกันไม่ต่ำกว่า 600,000 บาทภายใน 12 เดือน

2. บัตรเครดิต KTC X WORLD REWARDS MASTERCARD

บัตรเครดิต KTC X WORLD REWARDS MASTERCARD เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินทางและต้องการสะสมคะแนนเพื่อแลกสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ

สิทธิประโยชน์ที่น่าสนใจ:

  • คะแนนสะสม KTC FOREVER: รับคะแนนสูงสุด x3 เมื่อใช้จ่ายตามเงื่อนไขที่กำหนด
  • บริการห้องรับรองพิเศษ: สิทธิ์การใช้บริการห้องรับรองพิเศษ MIRACLE LOUNGE 2 ครั้งต่อปี
  • สิทธิพิเศษในการเข้าพักโรงแรม: รับสิทธิ์พักฟรี 1 คืนที่โรงแรมในเครือที่ร่วมรายการ
  • ประกันการเดินทาง: คุ้มครองอุบัติเหตุการเดินทางด้วยวงเงินสูงสุด 20 ล้านบาท

เงื่อนไขการสมัคร:

  • รายได้ขั้นต่ำ: 50,000 บาทต่อเดือน

ค่าธรรมเนียม:

  • ค่าธรรมเนียมรายปี 5,000 บาท (ไม่รวม VAT) ยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีในปีถัดไปเมื่อมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรรวมกันไม่ต่ำกว่า 600,000 บาทภายใน 12 เดือน

3. บัตรเครดิต KTC X – BANGKOK AIRWAYS VISA SIGNATURE

สำหรับผู้ที่เดินทางกับสายการบินบางกอกแอร์เวย์สเป็นประจำ บัตรเครดิต KTC X – BANGKOK AIRWAYS VISA SIGNATURE มอบสิทธิประโยชน์พิเศษที่คุ้มค่า

สิทธิประโยชน์ที่น่าสนใจ:

  • การแลกคะแนนสะสม: ใช้คะแนน 1.5 คะแนน KTC FOREVER แลก 1 คะแนนฟลายเออร์โบนัส
  • บริการห้องรับรองพิเศษ: สิทธิ์การใช้บริการ Blue Ribbon Club Lounge ฟรี 4 ครั้งต่อปี
  • ส่วนลดพิเศษ: รับส่วนลด 15% เมื่อใช้คะแนนฟลายเออร์โบนัสแลกรางวัลบัตรโดยสาร
  • ประกันการเดินทาง: คุ้มครองอุบัติเหตุการเดินทางด้วยวงเงินสูงสุด 20 ล้านบาท

เงื่อนไขการสมัคร:

  • รายได้ขั้นต่ำ: 50,000 บาทต่อเดือน

ค่าธรรมเนียม:

  • ค่าธรรมเนียมรายปี 5,000 บาท (ไม่รวม VAT) ยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีในปีถัดไปเมื่อมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรรวมกันไม่ต่ำกว่า 600,000 บาทภายใน 12 เดือน

4. บัตรเครดิต KTC X – AGODA WORLD REWARDS MASTERCARD

บัตรเครดิต KTC X – AGODA WORLD REWARDS MASTERCARD เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการจองที่พักผ่าน Agoda

สิทธิประโยชน์ที่น่าสนใจ:

  • สิทธิ์ Agoda VIP Platinum: รับส่วนลดสูงสุด 25% เมื่อจองห้องพักที่ร่วมรายการ
  • คะแนนสะสม KTC FOREVER: รับคะแนนเพิ่ม 400 คะแนนเมื่อใช้จ่ายที่ Agoda ตามเงื่อนไข
  • บริการห้องรับรองพิเศษ: สิทธิ์การใช้บริการห้องรับรองพิเศษ MIRACLE LOUNGE 2 ครั้งต่อปี
  • ประกันการเดินทาง: คุ้มครองอุบัติเหตุการเดินทางด้วยวงเงินสูงสุด 20 ล้านบาท

เงื่อนไขการสมัคร:

  • รายได้ขั้นต่ำ: 50,000 บาทต่อเดือน

ค่าธรรมเนียม:

  • ค่าธรรมเนียมรายปี 5,000 บาท (ไม่รวม VAT)
  • ยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีในปีถัดไปเมื่อมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรรวมกันไม่ต่ำกว่า 600,000 บาทภายใน 12 เดือน

5. บัตรเครดิต American Express Platinum

บัตรเดียวที่คุ้มที่สุด สำหรับคนที่ชอบเดินทางท่องเที่ยว หรือมี Business Trip บ่อยๆบอกเลยว่าบัตรเครดิต American Express Platinum เป็นบัตรเครดิตระดับพรีเมี่ยม ที่มอบสิทธิประโยชน์สูงสุดๆให้คุณได้สัมผัสความสะดวกสบายที่เหนือระดับ มีบริการพิเศษที่ช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้กับทุกท่านสามารถเดินทางพร้อมบริการที่เหนือกว่า

สิทธิประโยชน์ที่น่าสนใจ:

  • รับ่สวนลดและข้อเสนอพิเศษกว่า 40 แพลทินัมพาร์ตเนอร์
  • กรมธรรม์ประกันภัยการเดินทางที่ให้ความคุ้มครอง สูงสุด 25 ล้านบาท
  • บริการลีมูซีนรับ-ส่งสนามบินทั้งไปและกลับสำหรับทุกการเดินทาง
  • สามารถลงทะเบียนเพื่อรับคะแนนสะสม Membership Reward 5 เท่าจากยอดใช้จ่ายต่างประเทศ
  • พบกับห้องอาหารกว่า 1,400 แห่งใน 20 ประเทศที่ร่วมรายการ รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 7,000 บาท เมื่อรับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารที่ร่วมรายการในประเทศไทย
  • ฟรีที่พัก 1 คืนในห้อง Deluxe Premier Room โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ

เงื่อนไขในการสมัคร:

  • รายได้ขั้นต่ำต่อปี 1,200,000 บาท

ค่าธรรมเนียม

  • ค่าธรรมเนียมรายปี 40,000 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว

สิทธิบัตรทอง 30 บาท ไปคลินิกทันตกรรมเอกชนที่ร่วมได้ทุกที่

รักษาฟรี 5 รายการ สำหรับสิทธิบัตรทอง 30 บาท สามารถเดินทางไปคลินิกทันตกรรมเอกชน ที่ร่วม 30 บาทรักษาทุกโลกได้แบบไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม สำหรับทำฟันเทียม, รากฟันเทียม สามารถติดต่อ โรงพยาบาลรัฐประจำอำเภอและโรงพยาบาลรัฐประจำจังหวัดได้ทุกแห่ง

จากข่าวที่ออกมากรณีผู้ป่วยทันตกรรม รับสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง 30 บาท เข้ารับบริการทำฟันที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดนนทบุรี และ ได้รับแจ้งจากทางเจ้าหน้าที่ว่าต้องรอคิวนานถึง 8 ปี ต่อมาทางสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้พูดคุยระหว่างผู้ป่วย และ ได้ประสานงานกับสำนักงาน สาธารณสุขจังหวัด โดยจะนำผู้ป่วยเข้ารับบริการที่โรงพยาบาลปากเกร็ดเนื่องจากสภาวะช่องปากต้องได้การใส่ฟัน

จากการตรวจสอบข่าวที่ออกไปนั้นพบว่า น่าจะเกิดจากข้อมูลที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในการบริหารจัดการคิดบริการของโรงพยาบาล แต่ส่วนของระบบบัตรทองนั้น ทางด้านสปสช. ยืนยันในสิทธิประโยชน์บริการทันตกรรมที่ครอบคลุมเพื่อมอบให้กับประชาชนคนไทยผู้มีสิทธิทุกคน แต่ละเคสต้องใช้เวลามากน้อยแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับความยากง่าย ทำให้มีข้อจำกัดในการให้บริการประชาชนเป็นจำนวนมากในแต่ละวัน

ปัจจุบันมีคลินิกทันตกรรมเอกชนที่ขึ้นทะเบียนในระบบแล้วจำนวน 1,427 แห่งรวมให้บริการ 30 บาท รักษาทุกโรค ที่ครอบคลุมการบริการทันตกรรม 5 รายการ ประชาชนสามารถเข้ารับบริการได้ปีละ 3 ครั้งตามรายละเอียดด้านล่าง

  1. อุดฟัน
  2. ขูดหินปูน
  3. ถอนฟัน
  4. เคลือบหลุมร่องฟัน
  5. เคลือบฟลูออไรด์

สำหรับประชาชนที่ทำฟันเทียม หรือ รากฟันเทียมนั้น ประชาชนสามารถติดต่อรับบริการโดยใช้สิทธิบัตรทองได้ที่ โรงพยาบาลรัฐประจำอำเภอ และ โรงแรมพยาบาลรัฐประจำจังหวัดทุกที่ ในส่วนของสัดส่วนของผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง 30 บาทต่อทันตแพทย์ที่อยู่ในสังกัดโรงพยาบาลของรัฐ เช่น โรงพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข หรือ โรงพยาบาลในสังกัดมหาวิทยาลัย เท่ากับทันตแพทย์ จะต้องดูแลผู้ป่วยบัตรทองในสัดส่วนที่สูงมาก เช่น ทันตแพทย์ 1 คนจะต้องดูแลผู้ป่วนประมาณ 9,150 คน ซึ่งมากกว่าสัดส่วนที่ควรจเป็นถึง 3 เท่า

จากตัวเลขดังกล่าวบอกให้เห็นถึงจำนวนตัวเลขของทันตแพทย์ สำหรับรองรับผู้ป่วยสิทธิบัตรทองที่ยังมีไม่เพียงพอ ทำให้เกิดปัญหาการรอคิวในการทำฟันในระยะเวลาที่นาน

เงินเดือน 12,000 สมัครบัตรเครดิตเจ้าไหนดี?

ในปัจจุบัน บัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยเพิ่มสภาพคล่องและมอบสิทธิประโยชน์หลากหลายให้กับผู้ใช้ อย่างไรก็ตาม เกณฑ์การสมัครบัตรเครดิตส่วนใหญ่มักกำหนดรายได้ขั้นต่ำที่ 15,000 บาทขึ้นไป ทำให้ผู้ที่มีรายได้ 12,000 บาทอาจรู้สึกว่ามีตัวเลือกจำกัด แต่ยังมีบัตรกดเงินสดหลายแห่งที่เปิดโอกาสให้ผู้มีรายได้ระดับนี้สามารถสมัครได้ พร้อมทั้งมอบสิทธิประโยชน์ที่น่าสนใจ

บัตรกดเงินสดที่น่าสนใจสำหรับผู้มีรายได้ 12,000 บาท

1. KTC Proud

จุดเด่น:

  • รายได้ขั้นต่ำ: 12,000 บาท
  • ค่าธรรมเนียม: ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปีและค่าธรรมเนียมเบิกถอนเงินสด
  • อัตราดอกเบี้ย: พิเศษ 19.99% ต่อปี (แบบลดต้นลดดอก)
  • ระยะเวลาผ่อนชำระ: สูงสุด 60 งวดสำหรับยอดกู้ก้อนแรก
  • สิทธิพิเศษ: ผ่อนสินค้า 0% นานสูงสุด 24 เดือน
  • การสมัคร: ออนไลน์ รู้ผลอนุมัติภายใน 30 นาที

บัตร KTC Proud เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการวงเงินสำรองพร้อมใช้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าธรรมเนียม พร้อมทั้งมีโปรโมชั่นผ่อนชำระสินค้าที่น่าสนใจ

สมัครบัตรกดเงินสด KTC Proud ออนไลน์ได้ที่นี่

2. บัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์

จุดเด่น:

  • รายได้ขั้นต่ำ: 12,000 บาท
  • อัตราดอกเบี้ย: กดเงินสดดอกเบี้ย 0% นานสูงสุด 30 วัน
  • สิทธิพิเศษ: ผ่อนสินค้าแบรนด์ดัง 0% นานสูงสุด 36 เดือน
  • บริการเพิ่มเติม: Pay Later ใช้ก่อน ผ่อนทีหลัง

บัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการผ่อนชำระสินค้าแบรนด์ดัง พร้อมทั้งมีบริการที่ยืดหยุ่นในการชำระเงิน

3. TTB flash

จุดเด่น:

  • รายได้ขั้นต่ำ: 10,000 บาท
  • ค่าธรรมเนียม: ไม่มีค่าธรรมเนียมเบิกเงินสด แรกเข้า และรายปี
  • อัตราดอกเบี้ย: โอนยอดบัตรอื่นมาอยู่ทีทีบี รับดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้น 13% ต่อปี
  • ระยะเวลาผ่อนชำระ: สูงสุด 99 เดือน
  • สิทธิพิเศษ: ผ่อนสินค้า 0% สูงสุด 60 เดือน (เฉพาะร้านค้าที่ร่วมรายการ)

TTB flash เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการโอนยอดหนี้จากบัตรอื่น เพื่อรับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง พร้อมทั้งมีระยะเวลาผ่อนชำระที่ยาวนาน

4. A Money

จุดเด่น:

  • รายได้ขั้นต่ำ: 5,000 บาท
  • อัตราดอกเบี้ย: เริ่มต้นเพียง 17% ต่อปี สูงสุดไม่เกิน 25%
  • วงเงิน: สูงสุดไม่เกิน 5 เท่าของรายได้
  • การสมัคร: ง่าย อนุมัติเร็ว
  • การชำระคืน: ขั้นต่ำ 3% ของยอดคงเหลือ หรือไม่ต่ำกว่า 100 บาท

A Money เป็นบัตรกดเงินสดที่เปิดโอกาสให้ผู้มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงวงเงินสำรองได้ พร้อมทั้งมีอัตราดอกเบี้ยที่แข่งขันได้

รายละเอียดการสมัครบัตรเครดิต UOB แต่ละประเภท

คำแนะนำสำหรับผู้มีรายได้ 12,000 บาท

แม้ว่าบัตรเครดิตส่วนใหญ่จะกำหนดรายได้ขั้นต่ำที่ 15,000 บาท แต่บัตรกดเงินสดที่กล่าวมาข้างต้นเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้มีรายได้ 12,000 บาท เนื่องจากมีเงื่อนไขการสมัครที่ยืดหยุ่นกว่า พร้อมทั้งมอบสิทธิประโยชน์ที่คล้ายคลึงกับบัตรเครดิต

อย่างไรก็ตาม ควรพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ของตนเอง และเลือกบัตรที่ตรงกับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของตนเอง เพื่อป้องกันปัญหาทางการเงินในอนาคต

สำหรับผู้ที่มีรายได้เพิ่มเติม เช่น ค่าคอมมิชชั่น หรือรายได้เสริมอื่น ๆ ที่ทำให้รายได้รวมเกิน 15,000 บาท อาจพิจารณาสมัครบัตรเครดิตที่มีสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมได้ แต่อย่าลืมรักษาวินัยทางการเงินและชำระเงินตรงเวลา เพื่อรักษาประวัติทางการเงินที่ดี

การเลือกบัตรที่เหมาะสมจะช่วยเสริมสร้างสภาพคล่องทางการเงิน และเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน

ไข้หวัดใหญ่กำลังระบาด โรงพยาบาลไหนฉีดได้บ้าง

การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นหนึ่งในวิธีการป้องกันโรคที่มีประสิทธิภาพสูง โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย อย่างไรก็ตาม หลายคนที่ไม่มีสิทธิประกันสังคมอาจสงสัยว่าตัวเองสามารถเข้ารับวัคซีนได้ที่ไหนบ้าง และค่าใช้จ่ายจะเป็นอย่างไร วันนี้เราจะพาคุณไปสำรวจสถานที่ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่สำหรับผู้ที่ไม่มีสิทธิประกันสังคม รวมถึงข้อดี-ข้อเสียของแต่ละแห่ง เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

1. โรงพยาบาลรัฐ

โรงพยาบาลของรัฐเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในราคาประหยัด แม้ว่าจะไม่มีสิทธิประกันสังคมก็ตาม โดยปกติแล้ว โรงพยาบาลรัฐมักมีโครงการฉีดวัคซีนในราคาที่ถูกกว่าคลินิกเอกชน แต่บางแห่งอาจมีข้อจำกัดในเรื่องของจำนวนวัคซีนที่มีอยู่

ข้อดี:

  • ค่าใช้จ่ายถูกกว่าคลินิกเอกชน
  • มีมาตรฐานความปลอดภัยสูง
  • มีแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ที่เชี่ยวชาญ

ข้อเสีย:

  • อาจต้องรอคิวนาน
  • ต้องตรวจสอบก่อนว่ามีวัคซีนให้บริการหรือไม่
  • บางโรงพยาบาลอาจไม่มีวัคซีนไข้หวัดใหญ่สำหรับบุคคลทั่วไป

ค่าฉีดวัคซีนโดยประมาณ: 400 – 800 บาทต่อเข็ม

2. โรงพยาบาลเอกชน

สำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น โรงพยาบาลเอกชนก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ แม้ว่าค่าใช้จ่ายจะสูงกว่าโรงพยาบาลรัฐ แต่คุณจะได้รับการบริการที่รวดเร็วขึ้น และสามารถเลือกวันเวลาฉีดวัคซีนได้ตามสะดวก

ข้อดี:

  • บริการรวดเร็ว ไม่ต้องรอคิวนาน
  • สามารถเลือกวันและเวลาฉีดได้สะดวก
  • มีวัคซีนให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ

ข้อเสีย:

  • ค่าใช้จ่ายสูงกว่าโรงพยาบาลรัฐ
  • บางแห่งอาจไม่มีโปรโมชั่นสำหรับบุคคลทั่วไป

ค่าฉีดวัคซีนโดยประมาณ: 800 – 1,500 บาทต่อเข็ม

3. คลินิกเวชกรรมและศูนย์วัคซีนเอกชน

คลินิกเอกชนและศูนย์วัคซีนเฉพาะทางเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ โดยมักมีโปรโมชั่นหรือแพ็กเกจพิเศษให้เลือก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกและไม่ต้องรอคิวนาน

ข้อดี:

  • รวดเร็วและสะดวก
  • มีโปรโมชั่นและแพ็กเกจให้เลือก
  • มีวัคซีนที่ทันสมัย

ข้อเสีย:

  • ราคาอาจสูงกว่ารัฐบาล แต่ไม่สูงเท่าโรงพยาบาลเอกชน
  • ควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของคลินิกก่อนเข้ารับบริการ

ค่าฉีดวัคซีนโดยประมาณ: 600 – 1,200 บาทต่อเข็ม

4. ร้านขายยาที่มีบริการฉีดวัคซีน

ปัจจุบันมีร้านขายยาหลายแห่งที่ให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ โดยเภสัชกรที่ผ่านการอบรมสามารถฉีดวัคซีนได้ตามมาตรฐานทางการแพทย์ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายและไม่อยากเดินทางไปโรงพยาบาล

ข้อดี:

  • สะดวก ใกล้บ้าน
  • ค่าใช้จ่ายไม่แพงมาก
  • ไม่ต้องรอคิวนาน

ข้อเสีย:

  • อาจไม่มีวัคซีนครบทุกยี่ห้อ
  • บางร้านอาจไม่มีบริการฉีดวัคซีนตลอดทั้งปี

ค่าฉีดวัคซีนโดยประมาณ: 500 – 900 บาทต่อเข็ม

5. โครงการฉีดวัคซีนของภาครัฐและองค์กรต่าง ๆ

ในบางช่วงของปี ภาครัฐและองค์กรต่าง ๆ อาจมีโครงการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรีสำหรับประชาชนทั่วไป แม้คุณจะไม่มีสิทธิประกันสังคมก็ตาม สามารถติดตามข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข หรือหน่วยงานท้องถิ่นที่อาจมีโครงการฉีดวัคซีนฟรีเป็นระยะ ๆ

ข้อดี:

  • ฟรี หรือเสียค่าใช้จ่ายต่ำมาก
  • มีความปลอดภัยสูง
  • เป็นการสนับสนุนจากภาครัฐ

ข้อเสีย:

  • ต้องติดตามข่าวสารและลงทะเบียนล่วงหน้า
  • มีจำนวนจำกัด และอาจไม่มีวัคซีนเพียงพอ
  • มักจัดขึ้นเป็นครั้งคราวเท่านั้น

ค่าฉีดวัคซีนโดยประมาณ: ฟรี หรือไม่เกิน 300 บาทต่อเข็ม

หากคุณไม่มีสิทธิประกันสังคม และกำลังมองหาสถานที่ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ มีตัวเลือกมากมายให้พิจารณาตามงบประมาณและความสะดวกของคุณ หากต้องการฉีดในราคาประหยัด โรงพยาบาลรัฐและโครงการฉีดวัคซีนของภาครัฐอาจเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ถ้าต้องการความรวดเร็วและสะดวกสบาย โรงพยาบาลเอกชนหรือคลินิกเวชกรรมก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม

ไม่ว่าคุณจะเลือกฉีดที่ไหน การได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยป้องกันโรคและลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อ ดังนั้น อย่าลืมวางแผนและเข้ารับการฉีดวัคซีนตามกำหนดเพื่อสุขภาพที่แข็งแรงของคุณและคนรอบข้าง!

 

มีบัตรเครดิต ทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้หรือไม่ มีคำตอบ

ถูกถามกันเข้ามาเยอะมาก สำหรับผู้ที่ต้องการทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แต่ตัวเองกลับมีบัตรเครดิตอยู่ในมือ เลยมีคำถามออกมาว่า “คนมีบัตรเครดิต ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568 รอบใหม่ได้หรือไม่”

การลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจนรอบใหม่ในปี 2568 นั้นจะเปิดให้ลงทะเบียนรอบใหม่ปลายเดือนมีนาคม 2568 หรือวันที่ 31 มีนาคม 2568 เพื่อคัดกรองกลุ่มเป้าหมาย ที่จะมีสิทธิ์ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลในทุกๆเดือน

สำหรับผู้ที่ได้รับสิทธิ์ในการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568 นั้นจะต้องมีคุณสมบัติตามที่กระทรวงการคลังกำหนด ทางด้านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังได้ออกมาเปิดเผยในเดือนที่แล้วว่ากำลังพิจารณาเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ และ เงื่อนไขบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568 สำหรับเงื่อนไขบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568 ยังไม่ชัดเจน แต่มีการคาดการณ์ออกมาว่าจะไม่ต่างจากปี 2565

คาดการเงื่อนไขสมัครบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568

  • ลงทะเบียนรายบุคคล และ ตรวจสอบคุณสมบัติเป็นรายบุคคล และ ครอบครัว
  • เป็นบุคคลที่มีสัญชาติไทย อายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
  • มีรายได้คนละไม่เกิน 100,000 บาท ต่อปี หรือภายในครอบครัว มีรายได้เฉลี่ยไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปี
  • ทรัพย์สินทางการเงินได้แก่ เงินฝาก พันธบัตร ตราสารหนี้ต่างๆ ต้องไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนหรือในระดับครอบครัวไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปีเช่นเดียวกัน
  • ไม่มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ หรือที่ดิน เกินจากเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนด
  • ไม่มีบัตรเครดิต
  • ไม่มีวงเงินกู้บ้านตั้งแต่ 1.5 ล้านบาทขึ้นไป
  • ไม่มีวงเงินกู้ซื้อรถตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป
  • ไม่เป็นภิกษุ สามเณร ผู้ต้องขัง บุคคลที่อยู่ในสถานสงเคราห์ ข้าราชการ พนักงานราชการ ผู้รับบำเหน็จรายเดือน ผู้รับบำนาญ ข้าราชการการเมือง รวมถึง สส. และ สว.
  • กรณีไม่มีครอบครัว ห้องชุดต้องไม่เกิน 35 ตร.ม. และที่ดินที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตร ไม่เกิน 1 ไร่ และ ใช้ในการเกษตร ไม่เกิน 10 ไร่ มีบ้านพร้อมที่ดิน บ้านเดียว ทาวน์เฮาส์ ตึกแถวไม่เกิน 25 ตร.ว. และรวมกันหมดแล้ว พื้นที่การเกษตรไม่เกิน 10 ไร่

มีบัตรเครดิต ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568 ได้ไหม?

หากยึดตามเกณฑ์ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 ผู้ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะต้องไม่มีบัตรเครดิต ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง นั่นหมายความว่า คนที่มีบัตรเครดิต ถึงแม้จะลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568 ไปแล้วก็จะไม่ได้รับสิทธิ์เนื่องจากไม่เข้าคุณสมบัติ และหลักเกณฑ์ตามที่กระทรวงการคลังกำหนดเอาไว้ หากมีการเปลี่ยนแปลง หรือ มีความคืบหน้า จะรีบแจ้งให้ทราบ

หุ้นสหรัฐพุ่งสูงปิดบวก 3 วันติด

เกิดขึ้นแล้วสำหรับหุ้นสหรัฐ ที่ทำยอดพุ่งสูงแบบ New High ปิดตลาดแบบบวกมา 3 วันติด ทางด้าน BofA ได้ออกมาเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงที่ฟองสบู่อาจจะแตกได้ ซึ่งอาจจะซ้ำรอย Nifty Fifty และ dot-com เนื่อจากสถานการณ์ที่มีหุ้นใหญ่ที่มีอิทธิพลต่อตลาด อาจจะฉุดดัชนี S&P 500 ให้ดำดิ่งถึง 40%

CNBC ได้ออกมารายงานเกี่ยวกับ ดัชนี S&P 500 ที่มีการปิดตลาดไปในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 ที่มีการทำสถิติสูงสุดใหม่เป็นการปิดตลาดบวกถึง 3 วันติดต่อกัน ท่ามกลางความกังวลของนักลงทุน เกี่ยวกับความผันผวนทางการค้าทั่วโลก รวมไปถึงอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น บวกกับความตื่นเต้นของนักลงทุนที่ตอนนี้ยังอยู่ในกระแสของ AI เป็นอีกหนึ่งสามารถหลักของฟองสบู่ ในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกานั่นเอง

ฤดูกาล ผลประกอบการ จบแล้ว

นักวิเคราะห์หุ้นสหรัฐจาก RBC Capital Markets ได้กล่าวเกี่ยวกับการซื้อของในตลาดหุ้นของอเมริกาว่าตอนนี้ที่หุ้นมีการปิดบวกแบบ 3 วันติด อาจจะเป็นเพราะนักลงทุนกำลังจับต่อดูความเปลี่ยนแปลงของนโยบาบเศษฐกิจของรัฐบาลทรัมป์ รวมไปถึงรายงานผลประกอบการล่าสุด

ซึ่งฤดูกาลรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ได้สิ้นสุดลงแล้วโดยบริษัท 383 แห่ง ในดัชนี S&P 500 มีการรายงานผลประกอบการครบทุกบริษัท เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา จากข้อมูลของ LSEG พบว่า บริษัทเหล่านี้ มีผลประกอบการที่ดีกว่าที่มีการคาดกาณ์เอาไว้

Bank of America เปิดเผยข้อมูล ดีชนี S&P 500 เสี่ยงดิ่ง 40%

จากข้อมูลดังกล่าวทางด้าน Bank of America ได้ออกมาเปิดเผยถึงรายละเอียดเกี่ยวกับหุ้นที่ใหญ่ที่สุด 5 อันดับแรก ในสหรัฐอเมริกาดัชนี S&P 500 คิดเป็น 26.4% ของดัชนีทั้งหมด นอกจากนี้หุ้นในกลุ่ม เศรษฐกิจใหม่ ยังมีมูลค่า ตลาดรวมกันมากกว่าครึ่งหนึ่งของมูลค่ารวมของดัชนี S&P 500 ถือว่าเป็นสัดส่วนสูงสุดเท่าที่เคยมีมา

สิ่งแรกที่ต้องจับตามองเลยก็คือดัสชี S&P 500 แบบถ่วงน้ำหนักเท่ากันเริ่มมีผลการดำเนินงานที่ดีกว่าดัชนีแบบถ่วงน้ำหนักตามมูลค่าตลาด นอกจากนี้ควรพิจารณาลงทุนในหุ้นที่มีคุณภาพซึ่งมีความเสี่ยงน้อยกว่าหุ้น Magnificent Seven และ กระจายความเสี่ยงที่ไม่ควรถือหุ้นแต่ละตัวในพอร์ตเกิน 15%