ขั้นตอนและระยะเวลาการอนุมัติบัตร American Express
American Express หรือ Amex เป็นบัตรเครดิตระดับพรีเมียมที่มีสิทธิประโยชน์มากมาย หลายคนที่ต้องการสมัครอาจมีคำถามว่า “สมัครบัตร American Express กี่วันรู้ผล?” ในบทความนี้ เราจะมารีวิวขั้นตอนการสมัคร รวมถึงระยะเวลาที่ใช้ในการอนุมัติ เพื่อช่วยให้คุณเตรียมตัวสมัครได้อย่างมั่นใจ
American Express มีกี่ประเภท และบัตรแบบไหนที่เหมาะกับคุณ?
ก่อนที่เราจะไปดูระยะเวลาการอนุมัติ มาดูกันก่อนว่า American Express มีบัตรประเภทไหนบ้าง และแต่ละแบบเหมาะกับใคร
ประเภทของบัตร American Express
American Express มีบัตรเครดิตหลายประเภทที่ออกแบบมาให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน เช่น:
- บัตร American Express Platinum – เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสิทธิพิเศษในการเดินทางท่องเที่ยวกับสายการบินต่างๆและการเข้าพักโรงแรมระดับหรู
- บัตร American Express Gold – เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้จ่ายในหมวดร้านอาหารและการท่องเที่ยว
- บัตร American Express Cashback – เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรับเงินคืนจากการใช้จ่าย
- บัตร American Express Green – เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการใช้จ่าย
สมัครบัตร American Express Platinum
ขั้นตอนการสมัครบัตร American Express
เงื่อนไขและคุณสมบัติที่ต้องมี
ในการสมัครบัตร American Express คุณจะต้องมีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขที่กำหนด ได้แก่:
- อายุ 20 ปีขึ้นไป (สำหรับผู้สมัครหลัก)
- มีรายได้ขั้นต่ำตามเงื่อนไขของบัตรแต่ละประเภท
- มีประวัติทางการเงินที่ดี และไม่ติดเครดิตบูโร
ช่องทางการสมัคร
คุณสามารถสมัครบัตร American Express ได้ผ่านช่องทางต่อไปนี้:
- สมัครออนไลน์ – ผ่านเว็บไซต์ของ American Express โดยกรอกข้อมูลและอัปโหลดเอกสารที่จำเป็น
- สมัครผ่านธนาคารพันธมิตร – เช่น ธนาคารกรุงเทพ
- สมัครผ่านเจ้าหน้าที่ฝ่ายขาย – โดยติดต่อเซลส์ของ American Express เพื่อให้ช่วยดำเนินการสมัคร
สมัครบัตร American Express กี่วันรู้ผล?
ระยะเวลาการพิจารณาอนุมัติ
โดยทั่วไป ระยะเวลาการอนุมัติบัตร American Express จะแบ่งออกเป็น 2 กรณี:
- สมัครออนไลน์ – ใช้เวลาประมาณ 5-7 วันทำการ หากเอกสารครบถ้วน
- สมัครผ่านธนาคารหรือตัวแทน – ใช้เวลาประมาณ 7-14 วันทำการ ขึ้นอยู่กับขั้นตอนภายในของธนาคาร
ปัจจัยที่มีผลต่อระยะเวลาการอนุมัติ
- ความครบถ้วนของเอกสาร – หากเอกสารไม่ครบ อาจต้องใช้เวลานานขึ้น
- ประวัติเครดิตของผู้สมัคร – หากมีประวัติเครดิตดี อาจได้รับการอนุมัติเร็วขึ้น
- กระบวนการตรวจสอบของธนาคาร – ในบางกรณีอาจมีการตรวจสอบเพิ่มเติม ทำให้ใช้เวลานานขึ้น
วิธีเช็คสถานะการสมัคร
หากคุณต้องการตรวจสอบสถานะการสมัครบัตร American Express สามารถทำได้ดังนี้:
- เช็คผ่านเว็บไซต์ – ไปที่เว็บไซต์ของ American Express และเข้าสู่ระบบเพื่อตรวจสอบสถานะ
- ติดต่อฝ่ายบริการลูกค้า – โทรไปที่ Call Center ของ American Express เพื่อสอบถามความคืบหน้า
- เช็คอีเมลหรือ SMS – American Express จะแจ้งผลการสมัครผ่านช่องทางที่คุณให้ข้อมูลไว้
คำแนะนำในการสมัครให้ผ่านเร็วขึ้น
หากคุณต้องการให้การสมัครบัตร American Express ได้รับอนุมัติเร็วขึ้น ลองทำตามคำแนะนำเหล่านี้:
- เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน – ตรวจสอบเอกสารก่อนส่งเพื่อป้องกันความล่าช้า
- รักษาเครดิตสกอร์ให้ดี – หากมีภาระหนี้มาก ควรเคลียร์หนี้บางส่วนก่อนสมัคร
- เลือกบัตรที่เหมาะกับรายได้ – สมัครบัตรที่ตรงกับระดับรายได้ของคุณเพื่อเพิ่มโอกาสในการอนุมัติ
- ติดตามผลการสมัคร – หากเกิน 7 วันแล้วยังไม่ได้รับการแจ้งผล ให้ติดต่อ American Express เพื่อติดตาม
การสมัครบัตร American Express โดยทั่วไปใช้เวลา 5-14 วันทำการ ขึ้นอยู่กับช่องทางที่สมัครและความสมบูรณ์ของเอกสาร หากต้องการให้ได้รับผลเร็วขึ้น ควรเตรียมเอกสารให้ครบ ตรวจสอบประวัติเครดิต และติดตามสถานะการสมัครอยู่เสมอ
หากคุณกำลังมองหาบัตรเครดิตที่มาพร้อมกับสิทธิประโยชน์มากมาย American Express เป็นตัวเลือกที่ดีที่ควรพิจารณา หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจขั้นตอนและระยะเวลาการสมัครมากขึ้น!
บัตรเครดิตถูกระงับ ต้องทำยังไง?
บัตรเครดิตเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยให้ชีวิตสะดวกสบายขึ้น แต่หากใช้งานไม่ระมัดระวัง อาจนำไปสู่ปัญหาทางการเงินได้ ฉันเคยประสบปัญหาบัตรเครดิตถูกระงับการใช้งาน และอยากแบ่งปันประสบการณ์นี้เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้อ่านทุกท่าน
สาเหตุที่ทำให้บัตรเครดิตถูกระงับ
ค้างชำระเกินกำหนด
ในช่วงเวลาหนึ่ง ฉันประสบปัญหาทางการเงิน ทำให้ไม่สามารถชำระยอดบัตรเครดิตตามกำหนดได้ เมื่อค้างชำระเกิน 30 วัน ธนาคารจึงระงับการใช้งานบัตรชั่วคราว หากปล่อยให้ค้างชำระเกิน 90 วัน บัตรอาจถูกระงับถาวร
การใช้งานที่ผิดวัตถุประสงค์
ครั้งหนึ่ง ฉันใช้บัตรเครดิตในการถอนเงินสด ซึ่งมีค่าธรรมเนียมและดอกเบี้ยสูง ธนาคารมองว่าเป็นการใช้งานที่ผิดวัตถุประสงค์ จึงระงับบัตรเพื่อป้องกันความเสี่ยง
ประวัติการใช้งานผิดปกติ
ฉันเคยมีการใช้จ่ายยอดสูงผิดปกติในต่างประเทศ โดยไม่ได้แจ้งธนาคารล่วงหน้า ธนาคารจึงสงสัยว่าอาจเป็นการฉ้อโกง และระงับบัตรชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย
วิธีแก้ไขเมื่อบัตรเครดิตถูกระงับ
ติดต่อธนาคารทันที
เมื่อทราบว่าบัตรถูกระงับ ฉันรีบติดต่อธนาคารผ่านหมายเลขบริการลูกค้า เพื่อสอบถามสาเหตุและวิธีแก้ไข
ชำระยอดค้างชำระ
หากสาเหตุเกิดจากการค้างชำระ ฉันดำเนินการชำระยอดที่ค้างทันที บางครั้งธนาคารอนุญาตให้ผ่อนชำระหรือปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อให้สามารถกลับมาใช้บัตรได้
ยืนยันการใช้งาน
ในกรณีที่ธนาคารสงสัยว่ามีการใช้งานผิดปกติ ฉันต้องยืนยันว่าการใช้จ่ายนั้นเป็นของฉันจริง เพื่อให้ธนาคารปลดล็อกการใช้งานบัตร
ปรับปรุงพฤติกรรมการใช้บัตร
หลังจากเหตุการณ์เหล่านี้ ฉันเรียนรู้ที่จะใช้บัตรเครดิตอย่างระมัดระวัง ชำระยอดตรงเวลา และหลีกเลี่ยงการใช้บัตรในลักษณะที่อาจถูกมองว่าเป็นความเสี่ยง
การที่บัตรเครดิตถูกระงับเป็นประสบการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ แต่หากเรารู้สาเหตุและวิธีแก้ไข ก็สามารถป้องกันและจัดการกับปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ การสื่อสารกับธนาคารและการปรับปรุงพฤติกรรมการใช้จ่ายเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาสถานะบัตรเครดิตให้ใช้งานได้อย่างราบรื่น
รายละเอียดล่าสุด ลงทะเบียนรับสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568
เปิดรายละเอียดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐล่าสุด 2568 สำหรับคนที่มีบัตร ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ สามารถเช็คสิทธิ์ได้เลย อายุ 18 ปีไม่ติดรายได้ ลงทะเบียนได้เลย
คำถามที่ถูกถามกันเข้ามากค่อนข้างเยอะก็คือ ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568 วันไหน สำหรับวันที่สามารถลงทะเบียนได้ ก็คือเดือน มีนาคม 2568 ทางรัฐบาลจะมีการเปิดให้ประชาชนที่มีสิทธิ ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568
ทางกระทรวงการคลังยังออกมาแจ้งอัพเดทข้อมูลเกี่ยวกับบัตรคนจน 2568 อีกว่า กลุ่มเดิม สำหรับคนที่มีบัตรแล้ว ไม่ต้องทำการลงทะเบียนใหม่ เพราะว่ารายชื่อนั้นจะถูกเข้าระบบอัตโนมัติ จากการตรวจสอบสิทธิ์ล่าสุด คนไทยที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไป ไม่ติดรายได้เกิน สามารถเตรียมตัวลงทะเบียนได้เลย รัฐบาลจ่ายเงินเดือน 1,545 บาท
รัฐบาลจ่ายเงินกี่บาท สำหรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568 ให้ค่าอะไรบ้าง
- รัฐจ่ายเงินรวม 1,545 บาทถ้วน
- วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค 300 บาทต่อคนต่อเดือน
- วงเงินค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ 750 บาท ต่อคนต่อเดือน
- วงเงินส่วนลดค่าก๊าซหุงต้ม 80 บาท ต่อคนต่อ 3 เดือน
- มาตรการบรรเทาภาระค่าน้ำประปา 100 บาท ต่อครัวเรือนต่อเดือน
- มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้า 315 บาท ต่อครัวเรือนต่อเดือน
เตรียมตัวลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568 รอบใหม่
จากที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่ารัฐบาลมีประกาศออกมาว่าจะเปิดให้ประชาชนที่มีสิทธิลงทะเบียน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ ซึ่งรอบล่าสุดเปิดให้ลงทะเบียนไปในปี 2565 ซึ่งปีนี้เข้าสู่ปีที่ 2 จะมีการลงทะเบียนใหม่อีกครั้ง ทางกระทรวงการคลัง ได้ออกมาแจ้งเปิดให้ประชาชนคนไทย ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568 หรือ บัตรคนจนรอบใหม่
ซึ่งช่วงเวลานี้จะครบ 2 ปี หลังจากรอบล่าสุดที่เปิดลงทะเบียน เมื่อปลายปี 2565 เพื่อเป็นการทบทวนคุณสมบัติของผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการใหม่
กลุ่มไหนได้รับเงินจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐก่อนเป็นกลุ่มแรกในปี 2568
- กลุ่มเดิม สำหรับคนที่เคยมีบัตรอยู่แล้ว หรือ ผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรคนจนซึ่งในปัจจุบันมีจำนวนทั้งหมด 14.5 ล้านคน เป็นกลุ่มที่ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ ย้ำอีกครั้งว่าไม่ต้องทำการลงทะเบียนใหม่ กระทรวงการคลังจะนำชื่อไปคัดกรอกสิทธิโดยอัตโนมัติ
- กลุ่มผู้ลงทะเบียนใหม่ สำหรับคนที่ยังไม่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ทั่วไทยมีอยู่ราวๆ 10 ล้านคน คือกลุ่มที่ยังไม่เคยได้รับสิทธิมาก่อน ซ฿่งมาจากประชาชนที่มีอายุครบ 18 ปี ที่ได้ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ยังคงตรวจพบว่ามีกลุ่มตกหล่นจำนวน 8 แสนคน ที่ยังไม่มายืนยันตัวตน
เลือกบัตรไหนคุ้มค่าสำหรับการเดินทางต่างประเทศ 2025
การเดินทางไปต่างประเทศเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้น แต่การจัดการเรื่องการเงินอาจเป็นเรื่องท้าทาย การพกเงินสดจำนวนมากไม่ปลอดภัย และการใช้บัตรเครดิตทั่วไปอาจมีค่าธรรมเนียมสูง บัตร Travel Card จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักเดินทางที่ต้องการความสะดวกสบายและความคุ้มค่า ในบทความนี้ เราจะรีวิวบัตร Travel Card ที่ดีที่สุดในปี 2025 เพื่อช่วยคุณเลือกบัตรที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ
บัตร Travel Card คืออะไร?
บัตร Travel Card เป็นบัตรที่ออกแบบมาเพื่อการใช้จ่ายในต่างประเทศโดยเฉพาะ มีลักษณะเป็นบัตรเติมเงิน (Prepaid Card) หรือบัตรเดบิตที่สามารถแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศล่วงหน้าได้ ผู้ถือบัตรสามารถใช้บัตรนี้ในการชำระค่าสินค้าและบริการ หรือถอนเงินสดจากตู้ ATM ในต่างประเทศ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนหรือค่าธรรมเนียมที่สูง
รีวิวบัตร Travel Card ที่น่าสนใจในปี 2025
1. TTB all free: ธนาคารทหารไทยธนชาต
บัตร ttb all free เป็นบัตรเดบิตที่ออกแบบมาเพื่อการใช้จ่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ มาพร้อมกับสิทธิประโยชน์ที่น่าสนใจ เช่น
- เครดิตเงินคืน 1% สำหรับทุกการใช้จ่ายออนไลน์ สูงสุด 200 บาทต่อเดือน
- ไม่มีค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงิน 2.5% สำหรับการใช้จ่ายทุกสกุลเงินทั่วโลก
- ฟรีค่าธรรมเนียมการกดเงินสด โอน จ่าย และเติมเงิน ที่ตู้ ATM ทุกธนาคารในประเทศไทย
ค่าธรรมเนียม:
- ค่าธรรมเนียมออกบัตร: 200 บาทต่อใบต่อปี (ไม่เกิน 5 ใบต่อปี)
- ค่าธรรมเนียมรายปี: 250 บาท (ยกเว้นเมื่อมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรขั้นต่ำ 30,000 บาทต่อปี)
2. KBank Journey Card: ธนาคารกสิกรไทย
KBank Journey Card เป็นบัตรเดบิตที่ออกแบบมาสำหรับนักเดินทาง มอบสิทธิประโยชน์ที่คุ้มค่า เช่น
- ไม่มีค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงิน 2.5% สำหรับการใช้จ่ายทุกสกุลเงิน
- รับเงินคืน 5% และส่วนลดร้านค้าที่ร่วมรายการ สูงสุด 999 บาท
- บริการห้องรับรองพิเศษ เช่น Miracle Lounge, The Coral Lounge หรือ K Point KLUB (จำกัด 1 สิทธิ์ต่อผู้ถือบัตรต่อปี)
- ฟรีประกันการเดินทางต่างประเทศ สูงสุด 10 วัน จาก AXA
ค่าธรรมเนียม:
- ค่าธรรมเนียมออกบัตรใหม่: 550 บาท
- ค่าธรรมเนียมแรกเข้า: 700 บาท
- ค่าธรรมเนียมรายปี: 550 บาท (ฟรีในปีแรก)
3. YouTrip: ธนาคารกสิกรไทย
YouTrip เป็นบัตรเติมเงินที่รองรับการใช้จ่ายในกว่า 150 สกุลเงินทั่วโลก มาพร้อมกับสิทธิประโยชน์ดังนี้
- ไม่มีค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงิน 2.5% สำหรับการใช้จ่ายในสกุลเงินต่างประเทศ
- อัตราแลกเปลี่ยนพิเศษ ที่สามารถล็อกเรทล่วงหน้าได้
- ฟรีค่าธรรมเนียมการกดเงินสดจากตู้ ATM ต่างประเทศ ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2568
- รองรับการชำระเงินผ่าน Google Pay เพื่อความสะดวกสบายในการใช้จ่าย
ค่าธรรมเนียม:
- ค่าธรรมเนียมสมัครและรายปี: ไม่มี
4. Krungsri Boarding Card: ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
Krungsri Boarding Card เป็นบัตรเติมเงินที่ออกแบบมาสำหรับนักเดินทาง มีจุดเด่นดังนี้
- อัตราแลกเปลี่ยนพิเศษ สำหรับ 16 สกุลเงินหลัก
- ไม่มีค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงิน 2.5% สำหรับการใช้จ่ายทุกสกุลเงิน
- สามารถล็อกอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้าได้ถึง 15 วัน เพื่อความมั่นใจในการใช้จ่าย
ค่าธรรมเนียม:
- ค่าธรรมเนียมสมัครบัตร: 150 บาท (ฟรีเมื่อสมัครผ่านแอป Krungsri และยืนยันเปิดใช้บัตรระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2568 – 30 มิถุนายน 2568)
- ค่าธรรมเนียมรายปี: ไม่มี
วิธีเลือกบัตร Travel Card ที่เหมาะกับคุณ
หากคุณกำลังมองหาบัตร Travel Card ที่เหมาะกับการเดินทางของคุณ ควรพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้
1. อัตราแลกเปลี่ยนและค่าธรรมเนียม
เลือกบัตรที่มีอัตราแลกเปลี่ยนดีและไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
2. ความสะดวกในการเติมเงิน
บางบัตรสามารถเติมเงินผ่านแอปมือถือได้ง่าย ในขณะที่บางบัตรต้องไปเติมเงินที่ธนาคาร
3. จำนวนสกุลเงินที่รองรับ
หากคุณเดินทางไปหลายประเทศ บัตรที่รองรับหลายสกุลเงินจะช่วยให้คุณไม่ต้องแลกเงินหลายรอบ
4. ความปลอดภัยและฟีเจอร์เสริม
เลือกบัตรที่มีระบบป้องกันการโจรกรรม เช่น ระบบล็อกบัตรผ่านแอป หรือระบบแจ้งเตือนการใช้จ่าย
สรุป: บัตร Travel Card ใบไหนดีที่สุด?
หากคุณต้องการบัตรที่ใช้งานง่ายและไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง ttb all free และ SCB Planet Card เป็นตัวเลือกที่ดี
หากต้องการบัตรที่รองรับหลายสกุลเงินและล็อกอัตราแลกเปลี่ยนได้ล่วงหน้า Krungthai Travel Card และ KBank Multi-Currency Travel Card อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะกว่า
สุดท้ายแล้ว การเลือกบัตรที่ดีที่สุดขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการเดินทางและความต้องการของคุณเอง อย่าลืมศึกษารายละเอียดให้ดีและเลือกบัตรที่ให้ความคุ้มค่ามากที่สุด!
การเลือกบัตร Travel Card ที่เหมาะสมจะช่วยให้การเดินทางของคุณสะดวกสบายและคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น แต่ละบัตรมีจุดเด่นและสิทธิประโยชน์ที่แตกต่างกัน ควรพิจารณาจากรูปแบบการใช้จ่ายและความต้องการของคุณเอง เพื่อให้การเดินทางครั้งต่อไปเป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุด
รายละเอียดการทำสัญญากู้ยืมเงินอย่างถูกต้อง
การจัดทำสัญญากู้ยืมเงินเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยปกป้องสิทธิ์ของทั้งผู้ให้กู้และผู้กู้ เพื่อให้การกู้ยืมเงินเป็นไปอย่างราบรื่นและถูกต้องตามกฎหมาย บทความนี้จะนำเสนอขั้นตอนและข้อควรพิจารณาในการจัดทำสัญญากู้ยืมเงินอย่างละเอียด
ความสำคัญของสัญญากู้ยืมเงิน
สัญญากู้ยืมเงินเป็นเอกสารที่ระบุข้อตกลงระหว่างผู้ให้กู้และผู้กู้ โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนเงินที่กู้ ดอกเบี้ย กำหนดการชำระคืน และเงื่อนไขอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง การมีสัญญาที่ชัดเจนจะช่วยลดความขัดแย้งและปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ข้อควรพิจารณาก่อนทำสัญญากู้ยืมเงิน
-
จำนวนเงินกู้ยืม: หากจำนวนเงินกู้ยืมเกินกว่า 2,000 บาท กฎหมายกำหนดให้ต้องมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร มิฉะนั้นจะไม่สามารถฟ้องร้องบังคับคดีได้
-
อัตราดอกเบี้ย: กฎหมายกำหนดให้อัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 15% ต่อปี หากกำหนดเกินกว่านี้ ดอกเบี้ยส่วนที่เกินจะถือเป็นโมฆะ
-
การคิดดอกเบี้ยทบต้น: ห้ามคิดดอกเบี้ยทบต้น ยกเว้นกรณีที่ค้างชำระดอกเบี้ยไม่น้อยกว่าหนึ่งปี และมีการตกลงให้ดอกเบี้ยทบเข้ากับเงินต้น
-
อายุความในการฟ้องร้อง: การฟ้องร้องเรียกเงินตามสัญญากู้ยืมเงินต้องดำเนินการภายใน 10 ปี นับจากวันที่ถึงกำหนดชำระคืน
ขั้นตอนการจัดทำสัญญากู้ยืมเงิน
การจัดทำสัญญากู้ยืมเงินสามารถทำได้ด้วยตนเอง โดยมีรายละเอียดดังนี้:
-
วันที่ทำสัญญา: ระบุวันที่ที่สัญญาถูกจัดทำขึ้น
-
ข้อมูลของคู่สัญญา: ระบุชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ และข้อมูลติดต่อของผู้กู้และผู้ให้กู้
-
จำนวนเงินกู้: ระบุจำนวนเงินที่กู้ทั้งตัวเลขและตัวหนังสือ
-
กำหนดการชำระคืน: ระบุวันที่หรือระยะเวลาที่ผู้กู้ต้องชำระคืน
-
อัตราดอกเบี้ย: ระบุอัตราดอกเบี้ยที่ตกลงกัน (ไม่เกิน 15% ต่อปี)
-
ลายเซ็น: ผู้กู้และผู้ให้กู้ต้องลงลายมือชื่อในสัญญา
หากต้องการสัญญาที่เรียบง่าย สามารถระบุว่า “นาย A ได้กู้ยืมเงินจากนาย B จำนวน xxx บาท” และลงลายมือชื่อของผู้กู้
ตัวอย่างสัญญากู้ยืมเงิน
เพื่อความเข้าใจที่ชัดเจน นี่คือตัวอย่างสัญญากู้ยืมเงิน:
สัญญากู้ยืมเงิน
วันที่: [วันที่ทำสัญญา]
ข้าพเจ้า [ชื่อผู้กู้] อยู่ที่ [ที่อยู่ผู้กู้] ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า “ผู้กู้”
และ [ชื่อผู้ให้กู้] อยู่ที่ [ที่อยู่ผู้ให้กู้] ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า “ผู้ให้กู้”
ทั้งสองฝ่ายตกลงทำสัญญาดังนี้:
-
จำนวนเงินกู้: ผู้ให้กู้ตกลงให้ผู้กู้ยืมเงินจำนวน [จำนวนเงิน] บาท ([จำนวนเงินเป็นตัวหนังสือ])
-
อัตราดอกเบี้ย: ผู้กู้ตกลงชำระดอกเบี้ยในอัตรา [อัตราดอกเบี้ย] ต่อปี
-
กำหนดการชำระคืน: ผู้กู้ตกลงชำระเงินคืนเต็มจำนวนพร้อมดอกเบี้ยภายในวันที่ [วันที่กำหนด]
ลงชื่อ____________________ ผู้กู้
ลงชื่อ____________________ ผู้ให้กู้
ข้อควรระวังในการทำสัญญากู้ยืมเงิน
-
ตรวจสอบความถูกต้องของสัญญา: ก่อนลงลายมือชื่อ ควรตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมดในสัญญาให้ถูกต้อง
-
หลีกเลี่ยงการเซ็นสัญญาเปล่า: ห้ามลงลายมือชื่อในสัญญาที่ยังไม่มีการกรอกข้อมูลครบถ้วน
-
จัดทำสำเนาสัญญา: ควรจัดทำสัญญาอย่างน้อย 2 ฉบับ เพื่อให้ทั้งผู้กู้และผู้ให้กู้เก็บไว้เป็นหลักฐาน
การจัดทำสัญญากู้ยืมเงินที่ถูกต้องและชัดเจนจะช่วยป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และทำให้ทั้งสองฝ่ายมีความมั่นใจในการทำธุรกรรมร่วมกัน
เปิดรายละเอียด เงินดิจิทัลเฟส 3 แลกเป็นเงินสด
เงินดิจิทัลล่าสุด 10,000 บาทเฟส 3 สำหรับกลุ่มที่มีอายุ 16-59 ปี แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต มีกลุ่มเดียวที่สามารถแลกเป็นเงินสดได้ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถดูได้ด้านล่าง
หนึ่งในโครงการจากรัฐบาล เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ แจกเงินดิจิทัล เฟส 3 แจกเงิน 10,000 บาท สำหรับกลุ่มคนทั่วไปที่มีอายุ 16-59 ปี ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต มีเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้น ที่สามารถแลกเงินดิจิทัลเป็นเงินสดได้ สำหรับใครที่สามารถแลกเป็นเงินสดได้บ้างนั้น และ ลิสต์รายการสินค้าที่ซื้อได้ และ ซื้อไม่ได้ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ด้านล่าง
ข้อมูลจากทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ออกมาเปิดเผยล่าสุดเกี่ยวกับโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทเฟส 3 ยืนยันว่ากลุ่มคนทั่วไปจะได้รับเงินในระบบ ดิจิทัลวอลเล็ต เท่านั้น จะไม่มีการแจกเป็นเงินสด และ ไม่สามารถแลกเป็นเงินสดได้ และในส่วนของกลุ่มคนที่สามารถถอนเงินสดออกมาได้นั้น จะมีเพียงกลุ่มเดียว นั่นก็คือกลุ่มร้านค้านั่นเอง โดยมีการพิจารณาผ่อนปรนให้กับร้านค้าและประชาชน สามารถใช้จ่ายเงินดิจิทัลเฟส 3 ดิจิทัลวอลเล็ตได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม เช่นกำหนดให้ร้านค้าสามารถถอนเงินสดออกมาใช้ได้ ก็ต่อเมื่อใช้จ่ายตั้งแต่รอบที่ 2 เป็นต้นไป
สำหรับข้อจำกัดในเรื่องพื้นที่ หรือ อำเภอตามทะเบียนบ้านนั้น ต้องรอข้อสรุปจากทางคณะกรรมการ ซึ่งจะมีการประชุมเร็วๆนี้ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2568 แต่คาดว่ามีแนวโน้มจะใช้พื้นที่เขตอำเภอเดิม
เงินดิจิทูลเฟส 3 เหลืออีกประมาณ 16 ล้านคน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า แจกเงิน 10,000 เฟส 3 จะเหลืออีกประมาณ 16 ล้านคน สำหรับกลุ่มคนที่มีอายุ 16-59 ปี ที่ไม่ติดเงื่อนไขทรัพย์สิน และ รายได้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด รัฐบาลยืนยันว่า ได้มีการเตรียมการเอาไว้แล้ว โดยอยู่ระหว่างจัดทำระบบการจ่ายเงินดิจิทัลเบื้องหลังมีระบบล็อกส่วนการเชื่อมระบบการชำระเงินนั้น ได้หาลือกับสถาบันการเงินแล้ว เกี่ยวกับการเชื่อมต่อ Open Loop ร่วมกัน เหลือแค่เพียงขั้นตอนรายละเอียดปลีกย่อยและมีระยะเวลาในการทดสอบระบบ
เงินดิจิทัล 10,000 บาทเฟส 3 คนทั่วไป อายุ 16-59 ปี ใครได้รับบ้าง
- บุคคลที่ลงทะเบียนแอปทางรัฐ ยืนยันตัวตน
- ประชากรที่มีอยู่ในทะเบียนบ้าน
- สัญชาติไทย
- อายุตั้งแต่ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ก่อนวันที่ 16 กันยายน 2567
- ไม่เป็นผู้ที่มีรายได้ 840,000 บาท สำหรับปีภาษี 2566
- ไม่เป็นผู้ที่มีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์ และ สถาบันการเงินเฉพาะกิจรวมกันเกิน 500,000 บาท ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567
- ไม่เป็นผู้ที่อยู่ระหว่างต้องโทษจำคุกในเรือนจำ
- ไม่เป็นผู้ที่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียนเงินคืนในมาตรการ หรือ โครงการอื่นๆของรัฐบาล
- ไม่เป็นผู้ฝ่าฝืนเงื่อนไขมาตรการ หรือ โครงการอื่นๆของรัฐบาล
ฝนตกหนักวันนี้ กรุงเทพฯ และ ปริมณฑลตก 40% ของพื้นที่
กลุมอุตุพยากรณ์อากาศวันนี้ วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 มีมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ ทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้ ส่งผลให้มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดความชื้นจากทะเลจีนใต้ และ อ่าวไทย เข้ามาปกคลุมภาคเหนือนตอนล่าง ทำให้หลายๆภาคเช่น ภาคกลาง และ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งรวมกรุงเทพมหานคร และ ปริมณฑล มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง และอาจจะมีลมกระโชกแรง รวมถึงฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่
สำหรับอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียสในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ, ภาคกลาง, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีอากาศเย็นในตอนเช้า แนะนำให้หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้งใต้ต้นไม้ใหญ่, ป้ายโฆษณา เนื่องจากมีกระแสลมแรง
ภาคใต้มีในเพิ่มมากขึ้นมีคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีแนวโน้มที่จะมีกำลังแรงขึ้น แนะนำให้หลีกเลี่ยงการเดินเรียนในช่วงเวลาที่มีฝนตก สำหรับสภาวะอากาศในครั้งนี้ มีการสะสมของฝุ่นละออง และ หมอกควัน บริเวณภาคเหนือตอนล่าง และ ภาคกลางตอนบน อยู่ในเกณฑ์ปานกลางถึงมาก เนื่องจากมีลมที่พัดปกคลุมมีกำลังอ่อน
อัพเดทรายละเอียดสิทธิประโยชน์ บัตร Amex Platinum ล่าสุด
บัตรที่ถือว่าสมัครยากมากที่สุด ถือว่าเป็นบัตรที่อยู่จุดสูงสุดของบัตรเครดิต เป็นบัตรเครดิตระดับบนๆเลยก็ว่าได้ เนื่องจากผู้ที่จะถือบัตรเครดิตนี้ได้นั้น จะต้องเป็นผู้ที่มีเงินเดือนหลักแสนถึงจะสมัครผ่าน เพราะว่าเงื่อนไขในการสมัครค่อนข้างเยอะ ผู้สมัครต้องมีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป และ ต้องมีรายได้ขั้นต่ำ 1,200,000 บาทต่อปี แถมเป็นบัตรเครดิตเดียวในประเทศไทย ที่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมสูงถึง 35,000 บาทต่อปี ไม่สามารถเวฟได้ด้วย
สิทธิพิเศษเหนือระดับสำหรับผู้สมัครบัตร AMEX
สมัครบัตร Amex Platinum รับคะแนนโบนัสสูงสุด 150,000 โบนัสคะแนน ซึ่งคะแนนสะสมนี้จะเรียกว่า คะแนนสะสมเม็มเบอร์ชิป รีวอร์ด สมัครตอนนี้ยังได้บัตรกำนัลห้องพัก Deluxe King, Park View โรงแรมดุสิตธานีกรุงเทพ 1 คืน พร้อมอาหารเช้าสำหรับ 2 ท่าน มูลค่ากว่า 18,000 บาท เมื่อสมัครบัตรแพลทินัม และได้รับการอนุมัติภายใน 28 กุมภาพันธ์ 2568 และ ใช้จ่ายตามเงื่อนไข
สำหรับคะแนนสะสม 150,000 คะแนน สามารถแลกรับบัตรโดยสารชั้นธุรกิจ ไปหรือกลับ อเมริกา หรือ ยุโรป ได้ 1 ที่นั่ง
รายละเอียดการรับคะแนนสะสมสำหรับผู้สมัครบัตรใหม่
- 50,000 บาทใช้จ่ายภายใน 30 วันแรก รับโบนัสคะแนนสะสม 20,000 คะแนน
- 300,000 บาทใช้จ่ายภายใน 3 เดือนแรก รับเพิ่มอีก 130,000 โบนัสคะแนน รวม 150,000 โบนัสคะแนน + ห้องพักโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ 1 คืน
เงื่อนไขการรับคะแนนสะสม Membership Reward 150,000 คะแนน
- รับคะแนนสะสม 20,000 โบนัสคะแนน เมื่อมียอดใช้จ่ายครบ 50,000 บาท ใน 30 วันแรกของการเป็นสมาชิกบัตร
- รับเพิ่มอีก 130,000 โบนัสคะแนน + บัตรกำนัลห้องพักโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ 1 คืน เมื่อใช้จ่ายครบ 300,000 บาทภายใน 3 เดือนแรกของการเป็นสมาชิกบัตร
- สำหรับ 150,000 คะแนนสะสม Membership reward สามารถโอนไปเป็นไมล์สะสมได้สูงสุด 100,000 ไมล์ ซึ่งสามารถแลกรับบัตรโดยสารชั้นธุรกิจเส้นทางกรุงเทพฯ-อเมริกา หรือ กรุงเทพฯ-ยุโรป 1 ที่นั่ง กับสายการบิน Qatar Airways อ้างอิงข้อมูลจากโปรแกรมสมาชิก British Avios เดือนธันวาคม 2567 ที่ปรากฎใน www.britishairways.com
- ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ยหรือค่าปรับ 16% ต่อปี
สมัครบัตร American Express Platinum
สิทธิประโยชน์จากบัตรแพลทินัม 2568
- ห้องพัก 1 คืน ณ โรงแรมในต่างประเทศ ที่เข้าร่วมรายการ ยกตัวอย่างเช่น The Fullerton Hotel Singapore, The St. Regis Singapore, Banyan Tree Vabbinfaru และ โรงแรมอื่นๆอีกมากมาย
- รับบัตรโดยสารชั้นธุรกิจสำหรับเพื่อนร่วมเดินทาง ไป-กลับ ฮ่องกง หรือ สิงคโปร์ จากสายการบิน เอมิเรตส์ หรือ สิงคโปร์ กับสิงคโปร์แอร์ไลน์ เมื่อใช้จ่ายตามเงื่อนไข
- เครดิตรับประทานอาหารสูงสุด 14,000 สำหรับร้านอาหารทั้งใน และ ต่างประเทศกว่า 2,000 แห่ง ใน 20 ประเทศ พร้อมรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 7,000 บาท สำหรับประสบการณ์ การรับประทานอาหารในต่างประเทศเมื่อใช้จ่ายในสกุลเงินต่างประเทศ สูงสุด 7,000 บาท สำหรับร้านอาหารในประเทศ
- บริการลีมูซีน รับ-ส่ง สนามบิน ไม่จำกัดจำนวนครั้ง สิทธิพิเศษเพิ่มความสะดวกสบายให้กับการเดินทาง อภินันทนาการลีมูซีน รับ-ส่งสนามบิน ทั้งขาไป-ขากลับ จากสนามบินสุวรรณภูมิ หรือ สนามบินดอนเมือง โดยท่านสามารถเลือกบริการ ได้ระหว่างประเภท Luxury Van หรือ Luxury Sedan เมื่อใช้จ่ายตามเงื่อนไขที่กำหนด
- สิทธิ์เข้าใช้ห้องรับรองสนามบินในรายการ American Express Global Lounge สะดวกสบายกว่า ในทุกๆการเดินทางด้วยอภินันทนาการในการเข้าใช้ห้องรับรองสนามบินกว่า 1,400 แห่ง กว่า 140 ประเทศทั่วโลก อาทิเช่น เดอะ เซ็นจูเรียน (The Centurion Lounge), ห้องรับรอง ไพรออริตี้ พาส (Priority Pass), พลาซ่า พรีเมียม (Plaza Premium) เป็นต้น
- กรมธรรม์ประกันการเดินทาง ที่มอบความคุ้มครอบสูงสุด 25 ล้านบาท อุ่นใจขั้นสุด กับประกันการเดินทางที่ติดตัวคุณไปทุกที่ มอบความคุ้มครองสมาชิกบัตรหลัก, คู่สมรส และ บุตรของสมาชิกบัตรหลัก รวมไปถึง สมาชิกบัตรเสริม และ ยังครอบคลุมถึงความคุ้มครองที่จำเป็นตามข้อกำหนดสำหรับการขอ วีซ่าเข้าประเทศในกลุ่มแชงเก้น
ทำประกันเดินทางแบบไหนเหมาะกับเรามากที่สุด
อัพเดทประกันเดินทาง สำหรับใครที่กำลังวางแผนเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นช่วงต้นปีหรือปลายปีก็ตาม การซื้อประกันเดินทาง ถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก เนื่องจากการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศนั้น อาจจะมีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เพื่อความปลอดภัย นักท่องเที่ยวหลายๆท่าน เลยเลือกซื้อประกันเดินทางติดตัวไปด้วยนอกจากจะทำให้เราอุ่นใจแล้ว ยังเป็นตัวช่วยสำคัญให้เราหลายกังวล ไม่ว่าจะเป็น เจ็บป่วย, อุบัติเหตุ, ของหาย, กระเป๋าเดินทางหาย, เที่ยวบินยกเลิก, เที่ยวบินดีเลย์ และสิ่งที่ไม่คาดคิดอีกเพียบเลย
ตัวประกันการเดินทางถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักท่องเที่ยวในยุคนี้ไปแล้ว เพราะว่ามันช่วยลดความเสี่ยงต่างๆ ที่เราอาจจะคาดไม่ถึงนั่นเอง คนไทยหลายคนยังส่งสัยว่าประเภทของการเดินทางนั้นมีแบบไหนบ้างต่างกันยังไงลองไปศึกษารายละเอียดด้านล่างดู
- ประกันเดินทางระยะสั้น
- ประกันเดินทางระยะยาว
การซื้อประกันเดินทางนั้นแบ่งออกเป็น 2 ประเภทด้วยกันได้แก่ประกันเดินทางระยะสั้น เช่นการเดินทางไปเที่ยวในระยะเวลาสั้นๆ อาทิตย์ หรือ 2 อาทิตย์ ส่วนประกันเดินทางระยะยาวนั้น จะเป็นการเดินทางแบบ ไปเรียนต่อต่างประเทศหลายๆเดือนเป็นต้น
ความคุ้มครองของประกันเดินทาง
การเลือกซื้อประกันการเดินทางนอกจากราคาที่เราต้องเปรียบเทียบแล้ว ยังมีความคุ้มครองที่เราต้องอ่านด้วย เนื่องจากบางประกันการเดินทาง ไม่ครอบคลุมในสิ่งที่เราต้องการนั่นเอง เช่น ค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ, เจ็บป่วย, ค่าชดเชยกรณีเที่ยวบินล่าสุด, เที่ยวบินถูกยกเลิก และ ของหาย
เตรียมเอกสารก่อนซื้อประกันการเดินทาง
ก่อนที่เราจะซื้อประกันการเดินทางนั้น เราจะต้องทำการสมัครและต้องเตรียมเอกสารให้พร้อมก่อนที่จะซื้อประกันการเดินทาง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาล่าช้า ยกตัวอย่างเช่น Passport, บัตรประชาชน รวมไปถึงข้อมูลการเดินทางต่างๆ
ซื้อประกันการเดินทาง
หลังจากที่เตรียมเอกสารเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อมาก็คือการจ่ายเบี้ยประกันการเดินทางนั่นเอง การชำระเบี้ยประกันการเดินทางนั้น เราสามารถจ่ายเงินได้ตามที่บริษัทกำหนด ยกตัวอย่างเช่น การโอนเงิน, การชำระผ่านบัตรเครดิต สิ่งที่เราต้องดูก็คือ ชื่อบริษัทประกัน กับชื่อบริษัทที่เราโอนเงินไปนั้น ชื่อตรงกันหรือไม่ เผื่อเป็นการป้องกันมิจฉาชีพนั่นเอง
การซื้อประกันการเดินทาง ในยุคปัจจุบันนั้นถือว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับนักท่องเที่ยวคนไทยไปแล้ว เพราะว่าประกันการเดินทาง นอกจากจะช่วยให้เราอุ่นใจแล้ว ยังสามารถช่วยเราประหยัดเงินในกระเป๋าหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น อย่างอุบัติเหต, เจ็บป่วยที่ต่างประเทศ, กระเป๋าหาย หรือเที่ยวบิน ความกังวลเหล่านี้จะหายไป ถ้าหากเรามีประกันการเดินทางนั่นเอง
นักวิเคราะห์เตือน เงินเฟ้อ สหราชอาณาจักรพุ่งสูง 2.8%
นักวิเคราะห์การเงินออกมาเตือนเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อของสหราชอาณาจักร ที่มีแนวโน้มว่าอาจจะพุ่งสูงขึ้นถึง 2.8% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในรอบ 10 เดือน เป็นการกดดันให้ BoE ระวังการลดอัตราดอกเบี้ย พร้อมกับควบคุมเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
จากการเปิดเผยของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ได้ออกมารายงานเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อ ของสหราชอาณาจักร ว่ามีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่สูงสุดในรอบ 10 เดือนที่ผ่านมานั้นมาจากแรงกดดันด้านราคาในสหราชอาณาจักรที่เริ่มเพิ่มขึ้นอีกครั้งตัวเลขเงินเฟ้อภาคบริการที่ตึงตัวส่งผลให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Bank of England ช้ากว่าปกติ
นักเศรษฐศาสตร์ที่มีการสำรวจ Bloomberg ได้ออกมาคาดการณ์ว่า ผู้บริโภคในเดือนกุมภาพันธ์นั้น จะเพิ่มขึ้น 2.8% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว สำหรับสาเหตุนั้นมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าธรรมเนียมโรงเรียนเอกชน และ การเปลี่ยนแปลงของปัจจุบันผันผวน ที่มีต่อเงินเฟ้อในเดือนมกราคม
ถึงแม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในระดับที่สูงขึ้น แต่ทางธนาคารหรือ Bank of England ยังคงให้ความสำคัญและระมัดระวัง ในการปรับลดดอกเบี้ย เนื่องจากต้องควบคุมเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ข้อมูลดังกล่าว เป็นสิ่งที่หน้ากังวลสำหรับคณะกรรมการที่กำหนดอัตราดอกเบี้ยของ Bank of England เนื่องจากแนวโน้มเงินเฟ้อของสหราชอาณาจักรดูเหมือนจะไม่สดใส ในขณะเดียวกันเศรษฐกิจของประเทศตอนนี้ยังอยู่ในภาวะที่ซบเซา
ทางด้าน Bank of England ยังออกมาคาดการณ์อีกด้วยว่า ราคาพลังงานที่สูงขึ้นจะทำให้อัตราเงินเฟ้อของผู้บริโภคสูงขึ้นด้วย คาดว่าจะสูงสุดที่ 3.7% ในช่วงปลายปี 2025 นี้