เพิ่มราคาบัตร บัตรประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าว เป็น 3,800 บาท

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาปรับเพิ่มราคาบัตรประกันสุขภาพสำหรับแรงงานต่างด้าวที่อยู่นอกระบบประกันสังคม จากเดิมประมาณ 1,000 บาท เป็น 3,800 บาทต่อปี เพื่อให้การดูแลสุขภาพของแรงงานกลุ่มนี้มีมาตรฐานเทียบเท่ากับคนไทย

ปัจจุบัน แรงงานต่างด้าวที่ไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคมจะได้รับการดูแลสุขภาพผ่านกองทุนประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าวของกระทรวงสาธารณสุข อย่างไรก็ตาม ค่าบัตรประกันสุขภาพที่มีอยู่ในปัจจุบันครอบคลุมเพียงบางโรคเท่านั้น ทำให้เกิดภาระเพิ่มเติมต่อระบบสาธารณสุขของไทย การปรับเพิ่มราคาบัตรประกันสุขภาพเป็น 3,800 บาทต่อปีนี้ จะช่วยให้การดูแลสุขภาพของแรงงานต่างด้าวครอบคลุมมากขึ้น และลดภาระของระบบสาธารณสุขไทย

นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ยังได้กล่าวถึงสถานการณ์ของผู้ลี้ภัยที่อาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราวทั้ง 9 แห่งตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา ซึ่งมีจำนวนประมาณ 100,000 คน เนื่องจากสหรัฐอเมริกาได้ระงับงบประมาณช่วยเหลือด้านสาธารณสุขสำหรับผู้ลี้ภัยเหล่านี้เป็นเวลา 90 วัน ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพของผู้ลี้ภัย กระทรวงสาธารณสุขจึงได้วางแผนลงพื้นที่โรงพยาบาลแม่สอด จังหวัดตาก ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์นี้ เพื่อประเมินสถานการณ์และให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์

ในศูนย์พักพิงผู้ลี้ภัยมีหน่วยพยาบาลที่ให้การรักษาเบื้องต้นอยู่แล้ว แต่หากผู้ลี้ภัยมีอาการป่วยที่รุนแรง จำเป็นต้องส่งต่อไปยังโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุขในประเทศไทย แม้ว่าจำนวนผู้ป่วยที่ต้องส่งต่อจะไม่มากนัก แต่ก็เป็นภาระเพิ่มเติมต่อระบบสาธารณสุขไทย ดังนั้น การปรับเพิ่มราคาบัตรประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าวจะช่วยลดภาระนี้ได้

สำหรับข้อมูลการขึ้นทะเบียนบัตรประกันสุขภาพของกองทุนประกันสุขภาพคนต่างด้าวและแรงงานต่างด้าวในช่วงเดือนมกราคมถึงตุลาคม พ.ศ. 2567 พบว่ามีการขึ้นทะเบียนทั้งหมด 309,416 คน แบ่งเป็นแรงงานหรือผู้ติดตามอายุเกิน 7 ปี จำนวน 262,843 คน ผู้ติดตามอายุไม่เกิน 7 ปี จำนวน 39,602 คน และคนต่างด้าวทั่วไป 6,971 คน โดยสัญชาติของผู้ขึ้นทะเบียนส่วนใหญ่เป็นชาวเมียนมา 66.4% กัมพูชา 27.7% ลาว 16.71% และที่เหลือเป็นเวียดนามและอื่นๆ

การปรับเพิ่มราคาบัตรประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าวเป็น 3,800 บาทต่อปีนี้ ไม่เพียงแต่จะช่วยให้แรงงานต่างด้าวได้รับการดูแลสุขภาพที่ครอบคลุมมากขึ้น แต่ยังเป็นการลดภาระของระบบสาธารณสุขไทย และป้องกันการแพร่ระบาดของโรคที่อาจเกิดขึ้นจากแรงงานต่างด้าวที่ไม่ได้รับการดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสม

นอกจากนี้ การดำเนินการดังกล่าวยังเป็นการตอบสนองต่อความกังวลของสังคมเกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรสาธารณสุขของแรงงานต่างด้าว และเป็นการสร้างความเป็นธรรมในการเข้าถึงบริการสาธารณสุขสำหรับทุกคนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม การปรับเพิ่มราคาบัตรประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าวยังต้องได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี และอาจมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดเพิ่มเติมตามความเหมาะสม กระทรวงสาธารณสุขจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และดำเนินการตามนโยบายที่ได้รับการอนุมัติเพื่อให้การดูแลสุขภาพของแรงงานต่างด้าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

ในระหว่างนี้ แรงงานต่างด้าวที่อยู่นอกระบบประกันสังคมควรติดตามข่าวสารและข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมความพร้อมในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

การปรับเพิ่มราคาบัตรประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าวเป็น 3,800 บาทต่อปี เป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็งและยั่งยืนสำหรับทุกคนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ทั้งนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนจะได้รับการดูแลสุขภาพที่เหมาะสมและเท่าเทียมกัน

ทีทีบีออกบัตรเครดิตลาย ดีสนีย์ สมัครได้แล้ววันนี้

เปิดตัวใหม่ล่าสุดเลยสำหรับบัตรเครดิต ทีทีบี ที่เปิดให้เราได้เป็นเจ้าของบัตรเดบิต และ บัตรเครดิต ลายดิสนีย์ที่มีให้เราเลือกมากถึง 20 ลาย จากแบรนด์ดังของดิสนีย์เช่น Marvel, Star Wars, Disney, Pixar, Mickey & Friends, Disney Princess, Heroines, Elas จาก Frozen, Buzz Lightyear จาก Toy Story และ อื่นๆอีกเพียบ สำหรับสายสะสม หรือแฟนตัวจริงของดิสนีย์ ต้องไม่พลาดที่จะเลือกลายที่ชอบ สำหรับผู้ที่ถือบัตรเครดิตยังมีสิทธิ์ใช้ e-Slip หลากหลายธีม เพื่อประสบการณ์ที่แตกต่าง

คุ้มค่าทุกการใช้จ่ายกับสิทธิประโยชน์จากบัตรเดบิต และ บัตรเครดิต ทีทีบี ดิสนีย์ ที่จะได้ตลอดปี บัตรเคดริตทีทีบี เป็นบัตรที่สามารถตอบโจทย์ทุก Lifestyle การใช้ชีวิต มีลายจากดิสนีย์ให้คุณเลือกมากถึง 20 กว่าลายเลยทีเดียว รับคะแนนสะสม 5 เท่าเมื่อใช้จ่ายในหมวดออนไลน์, ร้านอาหาร และ ซูเปอร์มาร์เก็ต และยังสามารถใช้คะแนนแลกของรางวัลสุดแรร์กับ TTB Disney Reward Catalog

รายละเอียดบัตรเดบิต และ บัตรเครดิต ทีทีบีออลล์ฟรี ดิสนีย์

  • ใช้จ่ายออนไลน์ รับเงินคืน 1% และ พิเศษกว่า รับเงินคืน 2% ในวันดับเบิลเดย์ (ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธันวาคม 2568)
  • ใช้จ่ายในสกุลเงินต่างประเทศ ไม่มีชาร์จ Fix Rate 2.5% เป็นเรททั่วโลก เที่ยวต่างประเทศไม่ต้องแลกเงิน
  • รับสิทธิ์ใช้ e-Slip โอนเงินหลากหลายธีมจากดิสนีย์
  • ส่วนลด 20% จากร้านค้าทั่วประเทศ
  • โปรโมชั่นพิเศษ หากสมัครบัตรเดบิต ทีทีบีออลล์ฟรี ดิสนีย์ ทั้งลูกค้าปัจจุบัน และ ลูกค้าใหม่ ระหว่างวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 ไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568 รับฟรี กระเป๋า Mickey Mouse Cross Body Limited Edition มูลค่า 3,990 บาท เพียงมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรตั้งแต่ 7,000 บาท ขึ้นไปภายใน 45 วัน นับจากวันที่ออกบัตร และ พิเศษ กว่านั้นรับกระเป๋าเดินทาง Mickey Mouse 20 นิ้ว Two Tone Limited Edition มูลค่า 5,990 บาท เพียงฝากเงินเพิ่ม 150,000 บาท และคงไว้ในบัญชีตามเงื่อนไข

รายละเอียดบัตรเครดิต ทีทีบี ดิสนีย์

  • รับคะแนน 5 เท่า ในหมวดร้านอาหาร, ซูเปอร์มาร์เก็ต และ ใช้จ่ายออนไลน์
  • แลกคะแนนสะสมกับแรร์ไอเท็มจากดิสนีย์ กับทีทีบี ดิสนีย์ รีวอร์ด แค็ตตาล็อก
  • เลือกจ่าย 0% นานสูงสุด 6 เดือน กับร้านค้าดิสนีย์ที่ร่วมรายการ ทั้งในร้านค้า หรือ การทำธุรกรรมผ่านทางออนไลน์ รวมไปถึงการจองกิจกรรมดิสนีย์ผ่าน Klook เริ่มตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ทำรายการแบ่งจ่ายด้วยตัวเองกับบริการ TTB So Goood บนแอป ทีทีบีทัช
  • แบ่งจ่าย 0% ได้นานสูงสุด 3 เดือนทุกรายการที่มียอดใช้จ่าย  1,000 บาทขึ้นไป ต่อเซลล์สลิป ทุกร้านค้าทั่วโลก ทำรายการแบ่งจ่ายด้วยตัวเองกับบริการ TTB so goood บนแอปทีทีบีทัช
  • ในส่วนของผู้สมัครบัตรเครดิต ทีทีบี ดิสนีย์ ลูกค้าใหม่เท่านั้นที่สมัครและ อนุมัติระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ถึง 30 มิถุนายน 2568 รับกระเป๋าเดินทาง Mickey Mouse 20 นิ้ว Limited Edition มูลค่า 5,990 บาท เพียงมียอดใช้จ่ายผ่านบัตร 15,000 บาทขึ้นไปภายใน 30 วัน นับจากวันที่บัตรได้รับการอนุมัติ พร้อมสมัครใช้บริการแอป ทีทีบี ทัส และ e-Statement

รับสิทธิประโยชน์สุดพิเศษจาก 11 แบรนด์ชั้นนำ

  1. McDonald’s รับสิทธิซื้อชุดอิ่มคุ้มเพียง 69 บาท จากราคาปกติ 204 บาท
  2. Bar B Q Plaza รับส่วนลด 50% เมื่อซื้อชุดประหยัดหมูจากราคาปกติ 255 บาท
  3. SEKI รับสิทธิ์ซื้อเมนู Special Salmon Set ราคาพิฌศษเพียง 99 บาท จากราคาปกติ 329 บาท
  4. การบินไทย รับไมล์สะสมเพิ่มสูงสุด 3,000 ไมล์ เมื่อซื้อตั๋วเครื่องบินในเส้นทาง ฮ่องกง, เซี่ยงไฮ้, โตเกียว และ ปารีส
  5. Sealife สมัครบัตรสมาชิกรายปี Platinum ในราคาพิเศษเริ่มเพียง 1,690 บาท พร้อม FIN Package บัตรเข้าชม One Day Pass และ กิจกรรม Virtual Reality ในราคาพิเศษ 500 บาท ต่อท่าน
  6. Makor Cineplex รับฟรีที่นั่งสำหรับเด็ก เมื่อซื้อบัตรชมภาพยนต์ที่ Kids Cinema
  7. Klook รับส่วนลดสูงสุด 1,000 บาท เมื่อมียอดซื้อ 5,000 บาทขึ้นไป สำหรับบัตรเข้าสวนสนุก Disneyland รวมถึงบัตร Express Pass และ แพ็กเกจโรงแรมดิสนีย์ พร้อมรับสิทธิ์แบ่งจ่าย 0% นาน 6 เดือน
  8. Global Union Express รับแพ็กเกจห้องพัก พร้อมตั๋วเครื่องบิน ราคาพิเศษเส้นทางฮ่องกง, เซี่ยงไฮ้, โตเกียว และ ปารีส
  9. โรงแรมในเครือไมเนอร์ รับส่วนลด 15% สำหรับค่าห้องพักจาก Best Available Rate พร้อมรับเครดิตเงินคืน 10% สำหรับห้องพักโรงแรมในเครือภายในประเทศที่ร่วมรายการ
  10. The Mall รับ 200 M Point เมื่อมียอดใช้จ่ายทุกๆ 2,500 บาท
  11. โรงแรมในเครือดุสิตธานี รับส่วนลด 10% สำหรับค่าห้องพัก และ ค่าอาหาร พร้อมรับเครดิตเงินคืน 10% สำหรับห้องพักโรงแรมภายในประเทศที่ร่วมรายการ

 

 

ออกใหม่เงินเดือนข้าราชการ 2568 ปรับฐานใหม่ล่าสุด

ฐานเงินเดือนข้าราชการใหม่ออกแล้ว ปรับเงินเดือนข้าราชการ 2568 ล่าสุด เงินเข้ามือทุกวุฒิการศึกษา ปวช., ปวส., ป.ตรี, ป.เอก ได้เงินวันไหนในเดือนพฤษภาคม 2568

จากการติดตามการปรับฐานเงินข้าราชการ 2568 ล่าสุด เกี่ยวกับการปรับฐานเงินเดือนใหม่ 2568 ออกมาแล้ว มีข่าวดีด้วยเพราะว่าการปรับล่าสุดนั้นปรับให้กับทุกวุฒิการศึกษา เงินขึ้นคนบรรจุใหม่ จ่ายเงินเดือนข้าราชการเริ่มต้น 11,380 – 27,960 บาท เข้ามาอัพเดทเงินเดือนข้าราชการ 2568 ได้ด้านล่าง พ.ร.บ. งบประมาณ 2568 ได้มีกำหนดรายละเอียดเอาไว้อย่างชัดเจนว่า วงเงินที่จะนำมาใช้ในการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ กลุ่มแรกบรรจุ ที่มีวุฒิการศึกษาในระดับ ปริญญาตรี ภายใต้วงเงินงบประมาณจ่ายงบกลาง ซึ่งตั้งเอาไว้ที่จำนวน 882,001 ล้านบาท

กลุ่มเข้าเกณฑ์ขึ้นเงินเดือน 2568

  • เงินเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการ ตั้งไว้วงเงิน 13,000 ล้านบาท
  • เงินช่วยเหลือข้าราชการ ลูกจ้าง และ พนักงานรัฐ ตั้งวงเงินไว้ 5,000 ล้านบาท
  • เงินเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ ตั้งวงเงินไว้ 354,500 ล้านบาท
  • เงินสมทบลูกจ้างประจำตั้งวงเงินไว้ 370 ล้านบาท
  • เงินสำรอง เงินสมทบ และ เงินชดเชยของข้าราชการ ตั้งวงเงินไว้ 82,775 ล้านบาท

อัตราเงินเดือนข้าราชการ วุฒิการศึกษา ปวช.

  • ปีงบประมาณ 2567 อัตรา 10,340 – 11,380 บาท
  • ปีงบประมาณ 2568 เพิ่มเป็น 11,380 – 12,520 บาท

อัตราเงินเดือนข้าราชการ วุฒิการศึกษา ปวส. 

  • ปีงบประมาณ 2567 อัตรา 12,650 – 13,920 บาท
  • ปีงบประมาณ 2568 เพิ่มเป็น 13,920 – 15,320 บาท

ฐานเงินเดือนข้าราชการ วุฒิการศึกษา ปริญญาตรี 

  • ปีงบประมาณ 2567 อัตรา 16,500 – 18,150 บาท
  • ปีงบประมาณ 2568 เพิ่มเป็น 18,150 – 19,970 บาท

ฐานเงินเดือนข้าราชการ วุฒิการศึกษา ปริญญาโท

  • ปีงบประมาณ 2567 อัตรา 19,250 – 21,180 บาท
  • ปีงบประมาณ 2568 เพิ่มเป็น 21,180 – 23,300 บาท

ฐานเงินเดือนขึ้นข้าราชการ วุฒิการศึกษา ปริญญาเอก

  • ปีงบประมาณ 2567 อัตรา 23,100 – 25,410 บาท
  • ปีงบประมาณ 2568 เพิ่มเป็น 25,410 – 27,960 บาท

บอกต่อ สินเชื่อออนไลน์ ดีหรือไม่

ในยุคดิจิทัลที่ทุกอย่างสามารถทำได้ผ่านอินเทอร์เน็ต สินเชื่อออนไลน์กลายเป็นหนึ่งในทางเลือกที่หลายคนหันมาใช้เพื่อแก้ปัญหาทางการเงิน ทั้งในกรณีฉุกเฉินหรือเพื่อต่อยอดธุรกิจ แต่คำถามสำคัญคือ สินเชื่อออนไลน์เป็นตัวช่วยที่ดี หรือเป็นกับดักหนี้สินกันแน่? วันนี้เราจะพาคุณมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อดี ข้อเสีย และสิ่งที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจสมัครสินเชื่อออนไลน์

สินเชื่อออนไลน์คืออะไร?

สินเชื่อออนไลน์คือรูปแบบของเงินกู้ที่สามารถสมัครผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลโดยไม่ต้องเดินทางไปที่ธนาคารหรือสถาบันการเงิน กระบวนการอนุมัติรวดเร็ว ใช้เอกสารน้อย และสามารถโอนเงินเข้าบัญชีได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงหรือนาที ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละผู้ให้บริการ

ข้อดีของสินเชื่อออนไลน์

1. สมัครง่าย ไม่ยุ่งยาก

หนึ่งในข้อดีหลักของสินเชื่อออนไลน์คือขั้นตอนการสมัครที่สะดวกและรวดเร็ว ผู้กู้สามารถกรอกข้อมูลผ่านแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์โดยไม่ต้องไปสาขาธนาคาร ลดปัญหาเรื่องเอกสารที่ยุ่งยากและเวลาการอนุมัติที่ยาวนาน

2. อนุมัติไว ได้เงินเร็ว

หากเทียบกับสินเชื่อแบบดั้งเดิม สินเชื่อออนไลน์มักอนุมัติภายในไม่กี่ชั่วโมงหรือนาที โดยเฉพาะสินเชื่อจากผู้ให้บริการที่ใช้ระบบ AI หรือ Big Data ในการวิเคราะห์เครดิต ซึ่งช่วยให้ผู้กู้ได้รับเงินอย่างรวดเร็วเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน

3. ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน

สินเชื่อออนไลน์บางประเภท เช่น สินเชื่อบุคคลดิจิทัลหรือ Nano Finance ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ทำให้เข้าถึงง่ายสำหรับผู้ที่ไม่มีทรัพย์สินหรือต้องการกู้เงินโดยไม่ต้องเสี่ยงสูญเสียทรัพย์สินของตน

4. มีตัวเลือกที่หลากหลาย

ปัจจุบันมีผู้ให้บริการสินเชื่อออนไลน์มากมาย ทั้งจากธนาคาร สถาบันการเงิน และแพลตฟอร์ม FinTech ทำให้ผู้กู้สามารถเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขที่เหมาะสมกับตนเองได้

ข้อเสียของสินเชื่อออนไลน์

อัตราดอกเบี้ยสูง

เนื่องจากสินเชื่อออนไลน์ส่วนใหญ่ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ความเสี่ยงสำหรับผู้ให้กู้จึงสูงขึ้น ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยสูงกว่าสินเชื่อปกติ บางครั้งอัตราดอกเบี้ยต่อปีอาจสูงถึง 30-40% ซึ่งอาจทำให้ภาระหนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

วงเงินจำกัด

สินเชื่อออนไลน์มักให้วงเงินที่จำกัดเมื่อเทียบกับสินเชื่อธนาคารทั่วไป โดยเฉพาะสินเชื่อสำหรับผู้ที่ไม่มีประวัติทางการเงินหรือเครดิตสกอร์ต่ำ ซึ่งอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการทางการเงินในบางกรณี

มีโอกาสพบเจอผู้ให้บริการที่ไม่น่าเชื่อถือ

ด้วยความสะดวกของสินเชื่อออนไลน์ ทำให้มีผู้ให้บริการจำนวนมาก แต่บางรายอาจเป็นมิจฉาชีพหรือมีเงื่อนไขที่ไม่เป็นธรรม เช่น ดอกเบี้ยที่เกินกว่ากฎหมายกำหนด หรือมีค่าธรรมเนียมแอบแฝง ดังนั้นควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของผู้ให้บริการก่อนทำการสมัคร

มีผลต่อเครดิตสกอร์

การกู้เงินออนไลน์บ่อยครั้งหรือผิดนัดชำระหนี้ อาจส่งผลเสียต่อเครดิตสกอร์ของคุณ ทำให้ในอนาคตการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินแบบดั้งเดิมอาจทำได้ยากขึ้น

สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนสมัครสินเชื่อออนไลน์

  1. ตรวจสอบอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม – คำนวณอัตราดอกเบี้ยจริงที่ต้องจ่ายและเปรียบเทียบกับตัวเลือกอื่นๆ เพื่อให้แน่ใจว่าเหมาะสมกับสถานะทางการเงินของคุณ
  2. อ่านข้อกำหนดและเงื่อนไขอย่างละเอียด – อย่าลงนามในข้อตกลงใดๆ โดยไม่เข้าใจรายละเอียดเกี่ยวกับค่าปรับเมื่อผิดนัดชำระหนี้ และนโยบายการคืนเงิน
  3. เช็ครีวิวจากผู้ใช้งานจริง – ดูความคิดเห็นและรีวิวจากผู้ใช้รายอื่นว่าผู้ให้บริการมีความน่าเชื่อถือหรือไม่
  4. ไม่กู้เกินความสามารถในการชำระคืน – แม้ว่าจะสามารถกู้ได้ง่าย แต่ต้องแน่ใจว่าสามารถผ่อนชำระได้ตรงเวลา

สินเชื่อออนไลน์ดีหรือไม่?

สินเชื่อออนไลน์เป็นทางเลือกที่สะดวกและรวดเร็วสำหรับผู้ที่ต้องการเงินด่วน แต่ก็มีข้อเสียที่ต้องพิจารณา โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยที่สูงและความเสี่ยงจากผู้ให้บริการที่ไม่น่าเชื่อถือ หากคุณกำลังมองหาสินเชื่อออนไลน์ ควรเลือกผู้ให้บริการที่ได้รับการรับรองจากธนาคารแห่งประเทศไทยหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเปรียบเทียบเงื่อนไขให้ดีก่อนตัดสินใจ เพื่อให้แน่ใจว่าการกู้เงินครั้งนี้เป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

ประกันสังคมอัพเดทเงินชราภาพ ผู้ประกันตนต้องรู้

ประกาศล่าสุดจากทางประกันสังคมทเกี่ยวกับ เงินชราภาพ หรือ เงินบำนาญชราภาพ ได้ออกหนังสือแจ้งเตือนย้ำถึงขั้นตอน ให้รีบทำความเข้าใจก่อน จะได้รู้วิธีตั้งแต่เนิ่นๆ และ ไม่เสียเวลาสำหรับผู้ที่มีสิทธิ

สำนักงานประกันสังคม ออกมาตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับผู้ประกันตนในกรณีมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ จะได้รับเงินชราภาพ ทางสำนักงานประกันสังคมจะมีหนังสือแจ้งเตือนก่อนหรือไม่ โดยทางสำนักงานประกันสังคมได้ออกย้ำเตือนว่า จะมีการส่งมอบเอกสารแจ้งไปยังที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน โดยให้เร่งมาดำเนินการตามสิทธิที่มี ถ้าหากช้ากว่านั้น ต้องไม่เกิน 2 ปี สามารถไปแจ้งความจำนงที่สำนักงานประกันสังคมตามความสะดวกของผู้ประกันตน ยกเว้นสำนักงานใหญ่ในบริเวณกระทรวงสาธารณสุข

ขั้นตอนในการขอรับประโยชน์ทดแทน เงินชราภาพ ประกันสังคม

  • ผู้ประกันตนต้องกรอกแบบ สปส. 2-01 พร้อมกับลงลายมือชื่อและนำมายื่นที่สำนักงานประกันสังคม
  • เจ้าหน้าที่ตรวจสอบหลักฐานและพิจารณา
  • สำนักงานประกันสังคม มีหนังสือแจ้งผลพิจารณา
  • พิจารณาสั่งจ่าย

เงื่อนไข กรณีเงินบำนาญชราภาพ

  • ต้องมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์
  • ไม่เป็นผู้ประกันตน ทั้งมาตรา 33 และ มาตรา 39
  • ผู้ประกันตนจะต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 180 เดือน ไม่ว่าระยะเวลา 180 เดือนจะติดต่อกันหรือไม่ก็ตาม
  • หากเป็นเงินบำนาญชราภาพ จะจ่ายเป็นรายเดือน เงินบำเหน็จชราภาพจะจ่ายครั้งเดียว
  • สอบถามข้อมูลประกันสังคมได้ที่ www.sso.go.th หรือโทนสายด่วน 1506 ให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง

 

อัพเดทรายละเอียดบัตร American Express มีกี่แบบ

เปรียบเทียบบัตรเครดิต American Express ล่าสุด สำหรับใครที่กำลังสนใจ อยากสมัครบัตรเครดิต อเมริกันเอ็กเพรส อาจจะต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับบัตรก่อนว่า บัตรแต่ละประเภทของ AMEX มีกี่แบบ ไปเช็คกันก่อนเลยว่าบัตรแต่ละใบของ American Express มีทั้งหมดกี่แบบสามารถตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้ด้านล่าง

บัตร American Express มีทั้งหมด 5 ประเภท

  1. บัตร American Express Platinum
  2. บัตร American Express Gold Card
  3. บัตร American Express Green Card
  4. บัตร American Express Thai Platinum Credit Card
  5. บัตร American Express Credit Card

บัตร American Express Platinum

  • ทุกๆ 25 บาทรับคะแนนสะสม 1 คะแนน
  • รับ Membership Reward Plus อัตโนมัติ และยังได้รับสิทธิประโยชนเพิ่มเติมในการแลกรับของรางวัล ด้วยคะแนนสะสมที่น้อยกว่า และ สิทธิ์ในการโอนคะแนน สะสมไปยังรายการพิเศษ สำหรับผู้ที่เดินทางด้วยเครื่องบินประจำ และรายการพิเศษผู้ที่เข้าพักประจำเพื่อแลกรับรางวัลบินฟรี หรือ ที่พักฟรีได้เร็วขึ้น
  • ค่าธรรมเนียมรายปี 40,000 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว
  • ความคุ้มครองที่จำเป็นตามข้อกำหนดสำหรับขอวีซ่าเข้าประเทศ ในเครือเชงเก็น
  • ประกันภัยอุบัติเหตุระหว่างเดินทาง คุ้มครอง 25 ล้านบาท
  • ค่าใช้จ่ายการแพทย์ฉุกเฉิน การเคลื่อนย้าย ทางการแพทย์ฉุกเฉินและการส่งผู้ป่วยกลับประเทศ
  • การยกเลิกการเดินทางและการเดินทางหยุดชะงัก
  • ความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอก
  • แผนคุ้มครองความไม่สะดวกในการเดินทาง กรณีคลาดการต่อเที่ยวบิน, กรณีกระเป๋าเดินทางล่าช้า และ กรณีกระเป๋าเดินทางสูญหาย
  • ความคุ้มครอบการรับคืนสินค้า ชดเชยสูงสุดให้ไม่เกิน 32,000 บาทต่อบัญชีบัตร
  • แผนพิทักษ์การซื้อสินค้าคุ้มครองสูงสุดไม่เกิน 480,000 บาทต่อบัญชีบัตร
  • การรับประกันการรับรองราคาสินค้าชดเชยสูงสุด 32,000 บาทต่อบัญชีบัตร
  • สิทธิพิเศษสายการบิน
  • สิทธิพิเศษจากเรือสำราญและโรงแรมชั้นนำระดับโลก
  • แผนบริการเดินทางสำหรับสมาชิกบัตรแพลทินัม
  • บริการให้ความช่วยเหลือบนท้องถนน
  • บริการให้ความช่วยเหลือขณะเดินทางต่างประเทศ
  • ส่วนลดพิเศษจากหลากหลายห้องอาการโรงแรมชั้นนำของไทย
  • แพลทินัมเน็ตเวิร์ค จัดขึ้นเพื่อท่านสมาชิกบัตรแพลทินัมเท่านั้น
  • แผนกบิรการความช่วยเหลือสำหรับสมาชิกบัตรแพลทินัม
  • ไม่มีการเรียกเก็บดอกเบี้ยหากชำระค่าใช้จ่ายครบถ้วนเต็มจำนวนตามเวลาที่กำหนด

บัตร American Express Gold Card

  • ทุกๆการใช้จ่าย 25 บาท รับคะแนนสะสม 1 คะแนน
  • เข้าร่วมรายการ Membership Reward อัตโนมัติ เพื่อแลกรับของรางวัล มากมายเช่น ช้อปปิ้ง, รับประทานอาหาร, รายการบันเทิง และ บัตรกำนัล
  • ค่าธรรมเนียมรายการ 3,210 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว
  • การประกันภัยอุบัติเหตุระหว่างเดินทาง คุ้มครองสูงสุด 2 ล้านบาท
  • แผนคุ้มครองความไม่สะดวกในกาสรเดินทางกรณีคลาดการต่อเทียวบิน, กระเป๋าเดินทางล่าช้า, กระเป๋าเดินทางสูญหาย
  • ความคุ้มครองการรับคืนสินค้าชดเชยสูงสุดให้ไม่เกิน 32,000 บาทต่อบัญชีบัตร
  • แผนพิทักษ์การซื้อสินค้าคุ้มครองสูงสุดไม่เกิน 240,000 บาท ต่อบัญชีบัตร
  • การรับประกันการรับรองราคาสินค้าชดเชยสูงสุดให้ไม่เกิน 32,000 บาทต่อบัญชีบัตร
  • ดอกเบี้ย  16% ต่อปี
  • ระยะเวลาการชำระคืนโดยปลอดดอกเบี้ย หากชำระตามกำหนด สูงสุด 55 วันจากวันสรุปยอดบัญชี

บัตร American Express Green Card 

  • ทุกๆการใช้จ่าย 25 บาท รับคะแนนสะสม 1 คะแนน
  • เข้าร่วมรายการ Membership Reward โดยอัตโนมัติ เพื่อแลกรับรางวัลมากมายอาทิช้อปปิ้ง ท่องเที่ยว รับประทานอาหาร รายการบันเทิง และ บัตรกำนัล
  • ค่าธรรมเนียมรายปี 1,765 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว
  • การประกันภัยอนุบัติเหตุระหว่างเดินทางคุ้มครองสูงสุด 1.5 ล้านบาท
  • แผนคุ้มครองความไม่สะดวกในการเดินทางกรณีคลาดต่อเที่ยวบิน, กรณีกระเป๋าเดินทางล่าช้า, กรณีกระเป๋าเดินทางสูญหาย
  • แผนพิทักษ์การซื้อสินค้าคุ้มครองสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาทต่อบัญชีต่อบัตร
  • ไม่มีเรียกเก็บดอกเบี้ย เพียงชำระค่าใช้จ่ายโดยครบถ้วนเต็มจำนวนตามกำหนดเวลา

บัตร American Express Thai Platinum Credit Card

  • ทุกๆการใช้จ่าย 25 บาท รับคะแนนสะสม 1.5 คะแนน
  • รับไมล์สะสม 2 เท่าเมื่อชำระค่าบัตรโดยสารสายการบินไทย หรือ แพ็กเกจทัวร์เอื้องหลวงที่สำนักงานของการบินไทยในประเทศไทย, เว็บไซต์การบินไทย และ อเมริกันเอ็กซ์เพรส แทรเวิล เซอร์วิส
  • ค่าธรรมเนียมรายปี 4,280 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว
  • แผนประกันอุบัติเหตุการเดินทาง สูงสุด 10,000,000 บาท
  • แผนคุ้มครองความไม่สะดวกในการเดินทาง กรณีคลาดการต่อเที่ยวบิน, กรณีกระเป๋าเดินทางล่าช้า, กรณีกระเป๋าเดินทางสูญหาย
  • สิทธิพิเศษเลื่อนสถานสู่สมาชิกบัตรทองรอยัล ออร์คิดพลัส
  • สิทธิพิเศษแลกรับรางวัลเดินทางสำหรับเพื่อนร่วมเดินทางด้วยไมล์สะสมเพียง 50%
  • สิทธิพิเศษรับเพิ่ม 50% โบนัสไมล์สะสม สำหรับเส้นทางการบินที่กำหนด
  • รับอภินันทนาการบัตรโดยสารชั้น 1 ที่นั่ง เมื่อเดินทางบนที่นั่งชั้น 1 สายการบินไทยครบทุก 7.5 ที่นั่ง ไป-กลับ หรือ ครบ 15 เที่ยวบิน
  • ดอกเบี้ย 16% ต่อปี
  • ระยะเวลาการชำระคืนโดยปลอดดอกเบี้ย หากชำระตามที่กำหนด สูงุสด 55วัน หลังจากวันสรุปยอดบัญชี

สมัครบัตร American Express Platinum

ราคาทองคำยังคงขึ้นต่อเนื่องหลังมีประกาศขึ้นภาษีรอบใหม่

ราคาทองคำทั้งในประเทศไทย และ ต่างประเทศ ต่างปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากการขึ้นภาษีของสหรัฐอเมริกา ซึ่งขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ ตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา ทะลุระดับ 2,900 ดอลลาร์เป็นครั้งแรก หลังจากได้แรงหนุน จากการขู่ขึ้นภาษีใหม่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

สำนักข่าวรอยเตอร์ส ได้ออกมารายงานถึงราคาทองคำตลาดโลก พอว่าทองคำตลาดโลก หรือ Spot Gold ราคาพุ่งสูงขึ้น 1.6% ทำให้ถึงระดับ 2,905.24 ดอลลาส์ต่อออนซ์ เมื่อเวลา 13.45 น. ตามเวลาสหรัฐอเมริกา หลังจากแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 2,911.30 ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์ข้อมูลโบรกเกรอ์ของสหรัฐชื่อดัง ได้ออกมาระบุว่า สงครามภาษีที่อยู่เบื้องหลังการเพิ่มขึ้นครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความไม่แน่นอน และความตึงเครียดที่เพิ่มมากขึ้น ในสถานการณ์การค้าโลก

ทรัมป์ได้ออกมาประกาศแผนที่จะทำการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้น 25% สำหรับการนำเข้าเหล็ก และ อลูมิเนียมทั้งหมด นอกจากนี้เข้ายังได้ประกาศอีกด้วยว่า จะทำการจัดเก็บภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ในสัปดาห์นี้ โดยจะทำการจัดเก็บในอัตราที่เท่ากันกับประเทศอื่นๆ กำหนดและจะนำไปใช้ในทันที

การขึ้นภาษีศุลกากรอาจทำให้เงินเฟ้อของสหรัฐรุนแรงขึ้น โดยนักลงทุนจะรอข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค และ ดัชนีราคาผู้ผลิต ที่จะเผยแพร่ในช่วงปลายสัปดาห์นี้ ถ้าหากข้อมูลของดัชนีราคาผู้บริโภค และ ดัชนีราคาผู้ผลิต ออกมาต่ำกว่าคาด อาจจะส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่า และ ทำให้ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้น และถ้าหากข้อมูลออกมาสูงเกิดคาด อาจจะส่งให้พันธบัตรของสหรัฐพุ่งสูงขึ้น และ กดราคาทองคำลง

ราคาทองคำแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งที่ 7

ราคาทองคำโลกแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งที่ 7 ของปีนี้ เป็นผลมาจากการขู่ขึ้นภาษีของทรัมป์ซึ่งทำให้เกิดความไม่แน่นอน เกี่ยวกับการเติมโตของเศรษฐกิจโลก, สงครามการค้า และ อัตราเงินเฟ้อที่สูง ทำให้ผู้ลงทุนหันมาซื้อทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย และนี่ก็เป็นเหตุให้ราคาทองคำโลกพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนั่นเอง

ราคาทองคำในประเทศไทย 5 ปี ย้อนหลัง

วันนี้เรามาดูราคาทองคำในประเทศไทย ของเรากันสำหรับคนที่กำลังวางแผนจะลงทุนในทองคำ ไม่ว่าจะเป็นทองคำแท่ง หรือ ทองคำรูปพรรณ ว่าน่าลงทุนหรือไม่

  • ปี 2564 ราคาทองคำ +1,800 บาท
  • ปี 2565 ราคาทองคำ +1,200 บาท
  • ปี 2566 ราคาทองคำ +3,800 บาท
  • ปี 2567 ราคาทองคำ +8,750 บาท
  • ปี 2568 ตั้งแต่เดือน มกราคม 2568 ถึง กุมภาพันธ์ 2568 ราคาทองคำ +4,950

 

เปิดเคล็ดลับในการลดภาระดอกเบี้ยบัตรเครดิต

แม้ว่าดอกเบี้ยบัตรเครดิตจะสูง แต่ยังมีวิธีที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายได้ การใช้บัตรเครดิตอย่างชาญฉลาดจะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดโดยไม่ต้องเสียค่าดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียมที่ไม่จำเป็น สิ่งสำคัญที่สุดคือ การมีวินัยทางการเงิน และ ชำระเงินตรงเวลา เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาหนี้สินสะสม หากคุณสามารถวางแผนการใช้จ่ายและบริหารบัตรเครดิตได้ดี บัตรเครดิตจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณมีความคล่องตัวทางการเงิน และสามารถใช้ประโยชน์จากสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่

6 เคล็ดลับในการลดภาระดอกเบี้ย จากบัตรเครดิต

  1. ชำระยอดค้างชำระเต็มจำนวนทุกเดือน
    หากเป็นไปได้ ควรชำระยอดใช้จ่ายทั้งหมดในรอบบิลนั้น ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการคิดดอกเบี้ย เพราะการชำระเพียงขั้นต่ำจะทำให้ยอดหนี้พอกพูนขึ้นเรื่อย ๆ
  2. หลีกเลี่ยงการชำระล่าช้า
    การจ่ายเงินล่าช้าไม่เพียงแต่ทำให้เกิดดอกเบี้ย แต่ยังมีค่าปรับที่อาจสูงถึง 200 – 300 บาทต่อครั้ง ทางที่ดีควรตั้งระบบหักบัญชีอัตโนมัติหรือแจ้งเตือนวันครบกำหนดชำระ
  3. ไม่ใช้บัตรเครดิตในการเบิกถอนเงินสด
    ค่าธรรมเนียมและดอกเบี้ยจากการเบิกถอนเงินสดสูงกว่าการใช้บัตรกดเงินสดหรือสินเชื่อส่วนบุคคล หากจำเป็นต้องใช้เงินสด ควรพิจารณาทางเลือกอื่นที่มีต้นทุนต่ำกว่า
  4. เลือกใช้บัตรเครดิตที่มีโปรโมชั่นปลอดดอกเบี้ย
    บางธนาคารมีโปรโมชั่นปลอดดอกเบี้ยนาน 3-6 เดือนสำหรับการซื้อสินค้าบางประเภท หรือผ่อน 0% ควรใช้สิทธิ์เหล่านี้ให้เกิดประโยชน์
  5. พยายามลดจำนวนบัตรเครดิต
    การมีหลายบัตรอาจทำให้ใช้จ่ายเกินตัวและมีโอกาสชำระล่าช้าหรือไม่ครบจำนวน การมีบัตรเพียง 1-2 ใบที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์จะช่วยให้จัดการเงินได้ง่ายขึ้น
  6. รีไฟแนนซ์หนี้บัตรเครดิต
    หากมีหนี้บัตรเครดิตจำนวนมากที่ดอกเบี้ยสูง อาจพิจารณารีไฟแนนซ์โดยเปลี่ยนไปใช้สินเชื่อส่วนบุคคลที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าเพื่อช่วยลดภาระดอกเบี้ยในระยะยาว

 

 

ขั้นตอนและวิธีคิด ดอกเบี้ยบัตรเครดิต

บัตรเครดิตเป็นเครื่องมือทางการเงินที่มอบความสะดวกสบายในการใช้จ่ายและเสริมสภาพคล่องทางการเงินในยามจำเป็น อย่างไรก็ตาม การใช้บัตรเครดิตอย่างไม่ระมัดระวังอาจนำไปสู่การเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม โดยเฉพาะดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจากการชำระเงินไม่เต็มจำนวนหรือไม่ตรงเวลา การเข้าใจวิธีการคำนวณดอกเบี้ยบัตรเครดิตจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ถือบัตรสามารถบริหารจัดการการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ดอกเบี้ยบัตรเครดิตคืออะไร?

ดอกเบี้ยบัตรเครดิตคือค่าตอบแทนที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินเรียกเก็บจากผู้ถือบัตรเมื่อมีการใช้วงเงินเครดิตและไม่ได้ชำระคืนเต็มจำนวนภายในระยะเวลาที่กำหนด ดอกเบี้ยนี้จะถูกคำนวณตามอัตราที่กำหนดไว้และขึ้นอยู่กับจำนวนวันที่ค้างชำระ

สาเหตุที่ทำให้เกิดดอกเบี้ยบัตรเครดิต

  1. ชำระเงินไม่เต็มจำนวนหรือชำระขั้นต่ำ: เมื่อผู้ถือบัตรเลือกชำระเงินเพียงบางส่วนหรือชำระขั้นต่ำตามที่ธนาคารกำหนด ส่วนที่เหลือจะถูกคิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ทำรายการจนถึงวันที่ชำระเงิน
  2. ชำระเงินล่าช้า: หากผู้ถือบัตรชำระเงินหลังจากวันที่กำหนด ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยจากยอดค้างชำระทั้งหมดตั้งแต่วันที่ทำรายการ นอกจากนี้ยังอาจมีค่าธรรมเนียมการชำระล่าช้าเพิ่มเติม
  3. การเบิกถอนเงินสดล่วงหน้า: การใช้บัตรเครดิตเพื่อเบิกถอนเงินสดจะทำให้เกิดดอกเบี้ยทันทีตั้งแต่วันที่เบิกถอน โดยไม่มีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย และยังมีค่าธรรมเนียมการเบิกถอนเพิ่มเติม

อัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้อง

อัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตในประเทศไทยถูกกำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย โดยปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่ธนาคารสามารถเรียกเก็บได้อยู่ที่ 16% ต่อปี นอกจากนี้ยังมีค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ที่ผู้ถือบัตรควรทราบ เช่น ค่าธรรมเนียมการเบิกถอนเงินสด ค่าธรรมเนียมการชำระเงินล่าช้า และค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินต่างประเทศ

วิธีการคำนวณดอกเบี้ยบัตรเครดิต

การคำนวณดอกเบี้ยบัตรเครดิตจะแตกต่างกันไปตามสถานการณ์การชำระเงิน ดังนี้:

  1. กรณีชำระขั้นต่ำตรงเวลาเมื่อผู้ถือบัตรชำระเงินขั้นต่ำตามที่ธนาคารกำหนด ดอกเบี้ยจะถูกคำนวณจากยอดเงินที่ยังไม่ได้ชำระเต็มจำนวน โดยมีวิธีการคำนวณดังนี้:
    • ดอกเบี้ยจากยอดเงินต้น: คำนวณจากวันที่ทำรายการถึงวันก่อนวันชำระเงินดอกเบี้ย=ยอดใช้จ่าย×อัตราดอกเบี้ยต่อปี×จำนวนวัน/365ดอกเบี้ย = ยอดใช้จ่าย × อัตราดอกเบี้ยต่อปี × จำนวนวัน / 365
    • ดอกเบี้ยจากยอดค้างชำระ: คำนวณจากยอดเงินที่ยังไม่ได้ชำระหลังจากชำระขั้นต่ำดอกเบี้ย=ยอดค้างชำระ×อัตราดอกเบี้ยต่อปี×จำนวนวัน/365ดอกเบี้ย = ยอดค้างชำระ × อัตราดอกเบี้ยต่อปี × จำนวนวัน / 365

    ตัวอย่าง:

    นาย A ใช้บัตรเครดิตซื้อสินค้ามูลค่า 30,000 บาท ในวันที่ 1 มกราคม วันสรุปยอดบัญชีคือวันที่ 15 ของเดือน และวันครบกำหนดชำระเงินคือวันที่ 30 ของเดือน อัตราดอกเบี้ย 16% ต่อปี นาย A ชำระเงินขั้นต่ำ 10% ของยอดค้างชำระในวันที่ 30 มกราคม

    • ดอกเบี้ยจากยอดเงินต้น:30,000บาท×1630,000 บาท × 16% × 29 วัน (1 ม.ค. – 29 ม.ค.) / 365 = 380.27 บาท
    • ดอกเบี้ยจากยอดค้างชำระ:ยอดค้างชำระหลังชำระขั้นต่ำ = 30,000 บาท – 3,000 บาท = 27,000 บาท

      27,000บาท×1627,000 บาท × 16% × 15 วัน (30 ม.ค. – 14 ก.พ.) / 365 = 177.26 บาท

    ดังนั้น ดอกเบี้ยรวมที่นาย A ต้องชำระคือ 380.27 บาท + 177.26 บาท = 557.53 บาท

  2. กรณีชำระเต็มจำนวนแต่ล่าช้าหากผู้ถือบัตรชำระยอดค้างชำระเต็มจำนวนแต่หลังจากวันครบกำหนด ดอกเบี้ยจะถูกคำนวณจากยอดเงินต้นตั้งแต่วันที่ทำรายการจนถึงวันที่ชำระเงิน

    ตัวอย่าง:

    นาย B ใช้บัตรเครดิตซื้อสินค้ามูลค่า 20,000 บาท ในวันที่ 1 มีนาคม วันสรุปยอดบัญชีคือวันที่ 15 ของเดือน และวันครบกำหนดชำระเงินคือวันที่ 30 ของเดือน นาย B ชำระเงินเต็มจำนวนในวันที่ 5 เมษายน

    • ดอกเบี้ยจากยอดเงินต้น:20,000บาท×1620,000 บาท × 16% × 35 วัน (1 มี.ค. – 4 เม.ย.) / 365 = 307.40 บาท

    นอกจากดอกเบี้ยนี้ นาย B อาจต้องเสียค่าธรรมเนียมการชำระล่าช้าเพิ่มเติมตามที่ธนาคารกำหนด

  3. กรณีเบิกถอนเงินสดล่วงหน้าการเบิกถอนเงินสดจากบัตรเครดิตจะทำให้เกิดดอกเบี้ยทันทีตั้งแต่วันที่เบิกถอน และไม่มีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยเหมือนการใช้จ่ายผ่านบัตร นอกจากนี้ยังมีค่าธรรมเนียมการเบิกถอนเงินสดเพิ่มเติม ซึ่งปกติจะอยู่ที่ประมาณ 3% ของยอดที่เบิกถอน และยังต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 7% บนค่าธรรมเนียมอีกด้วย

    ตัวอย่างการคำนวณดอกเบี้ยจากการเบิกถอนเงินสด

    นาย C เบิกถอนเงินสดจากบัตรเครดิตจำนวน 10,000 บาท ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ อัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตอยู่ที่ 16% ต่อปี และค่าธรรมเนียมการเบิกถอนเงินสดอยู่ที่ 3% โดยนาย C ทำการชำระเงินคืนเต็มจำนวนในวันที่ 15 กุมภาพันธ์

    1. ค่าธรรมเนียมการเบิกถอนเงินสด10,000×3%=300บาท10,000 × 3\% = 300 บาทค่าธรรมเนียมนี้จะถูกคิดเพิ่มเข้าไปในยอดหนี้รวมทันที
    2. ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) บนค่าธรรมเนียม300×7%=21บาท300 × 7\% = 21 บาทดังนั้นค่าธรรมเนียมทั้งหมดที่ต้องจ่ายคือ 321 บาท
    3. ดอกเบี้ยจากการเบิกถอนเงินสด
      คำนวณดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. – 14 ก.พ. (14 วัน)(10,000+321)×16%×14/365=63.80บาท(10,000 + 321) × 16\% × 14 / 365 = 63.80 บาทดอกเบี้ยรวมที่นาย C ต้องชำระคือ 63.80 บาท และค่าธรรมเนียมเบิกถอนเงินสด 321 บาท
      รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด = 10,000 + 321 + 63.80 = 10,384.80 บาท

    จากตัวอย่างนี้จะเห็นได้ว่าการเบิกถอนเงินสดจากบัตรเครดิตมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงหากไม่จำเป็น

 

อัพเดทสิทธิลงทะเบียน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568

บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568 โครงการช่วยเหลือจากรัฐบาลไทย ได้เปิดรายละเอียด เงินช่วยเหลือ และ เงินเยียวยา กลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุ และ คนพิการ ที่สามารถลงทะเบียนเพื่อขอรับสิทธิ ซึ่งเงื่อนไขจะต้องเป็นกลุ่มคนที่ไม่ติดรายได้ที่เกินเกณฑ์

กระทรวงการคลัง ได้แจ้งเตือนล่วงหน้า ในเดือนีนาคม 2568 สามารถลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568 ผ่าน Super App หรือ แอปทางรัฐ ในการวางกรอบลงทะเบียนครั้งใหม่ ซึ่งมีข้อมูล ลำดับขั้นตอนที่ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568 สำหรับคุณสมบัตินั้น จะต้องมีอะไรบ้าง สามารถเช็ครายชื่อบัตรคนจน 2568 รัฐบาลจ่าย 1,545 บาท ใครที่ได้รับเงินบ้างอัพเดทด้านล่าง

หลังจากลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ได้เข้าสู่ปีที่ 2 ซึ่งจะมีการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ โดยกระทรวงการคลัง ได้มีการแจ้งว่าจะเปิดให้ประชาชนคนไทย ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568 หรือ บัตรคนจน รอบใหม่ ช่วงเวลานี้กำลังจะครบ 2 ปี หลังจากรอบล่าสุดที่ได้เปิดลงทะเบียนเมื่อปลายปี 2565 เพื่อเป็นการทบทวนคุณสมบัติของผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการใหม่

ทางด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้เปิดเผยก่อนหน้านี้ ว่าที่ประชุมได้รับทราบ และ ได้หารือเกี่ยวกับการเปิดให้ลงทะเบียนโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ ซึ่งจะเริ่มก่อนสิ้นเดือนมีนาคม 2568 ในส่วนของรายละเอียด ข้อมูลการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่นั้น สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ด้านล่าง

  • เปิดรับลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568
  • ตรวจสอบคุณสมบัติข้อมูลผู้ลงทะเบียน และ สมาชิกในครอบครัวของผู้ลงทะเบียน
  • ประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติ
  • เริ่มใช้สิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568 ผ่านบัตรประจำตัวประชาชน

ใครสามารถลงทะเบียน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้บ้าง และ หลักเกณฑ์ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568 แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม

  • กลุ่มเดิม คนเคยมีบัตรแล้ว ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรคนจน ในปัจจุบัน 14.5 ล้านคน ไม่ต้องทำการลงทะเบียนใหม่ ทางกระทรวงการคลัง จะนำรายชื่อไปคัดกรองสิทธิอัตโนมัติ
  • กลุ่มผู้ลงทะเบียนใหม่ คนยังไม่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ทั่วไทยมีอยู่ราวๆ 10 ล้าน คนกลุ่มนี้ยังไม่เคยได้รับสิทธิมาก่อน ซ่งมาจากประชาชน อายุครบ 18 ปีที่ได้ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ปรากฎว่ายังมีกลุ่มตกหล่นจำนวน 8 แสนคน ที่ยังไม่มายืนยันตัวตน

โหลดแอปฟรี ทางรัฐ เข้าระบบรอยืนยันตัวตนรับสิทธิ ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568

ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568 ยืนยันตัวตนเพื่อรับสิทธิ จะเริ่มได้ก่อนสิ้นเดือนมีนาคม 2568 โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อศึกษาการลงทะเบียนผ่านแอปทางรัฐ หรือ Super App และขั้นตอนการลงทะเบียน ที่อำนวยความสะดวกให้กับประชาชน

คุณสมบัติคนมีสิทธิลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568

  • ต้องเป็นบุคคลที่มีสัญชาติไทย
  • มีอายุตั้งแต่ 18 ปี บริบูรณ์ขึ้นไป
  • มีรายได้คนละไม่เกิน 100,000 บาทต่อเดือน หรือ ภายในครอบครัวมีรายได้เฉลี่ยไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปี รวมไปถึงกลุ่มเปราะบาง ผู้มีรายได้น้อย, ผู้สูงอายุ และ คนพิการ
  • ทรัพย์สินทางการเงินได้แก่ เงินฝาก, พันธบัตร, ตราสารหนี้ต่างๆ ต้องไมเ่กิน 100,000 บาทต่อคนหรือ ในระดับครอบครัวไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปีเช่นเดียวกัน
  • ต้องไม่มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ หรือ ที่ดิน เกินจากเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนด
  • ไม่มีบัตรเครดิต
  • ไม่มีวงเงินกู้บ้านตั้งแต่ 1.5 ล้านบาทขึ้นไป
  • ไม่มีวงเงินกู้ซื้อรถ ตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป
  • ไม่เป็นภิกษุ สามเณร ผู้ต้องขัง บุคคลที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ ข้าราชการ พนักงานราชการ ผู้รับบำเหน็จรายเดือน ผู้รับบำนาญ ข้าราชการการเมือง ราวมถึง สส. และ สว.
  • กรณีไม่มีครอบครัว ห้องชุดต้องไม่เกิน 35 ตร.ม. และ ที่ดินที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตร ไม่เกิน 1 ไร่ และ ใช้ในการเกษตร ไม่เกิน 10 ไร่ มีบ้านพร้อมที่ดิน บ้านเดียว ทาวน์เฮาส์ ตึกแถว ไม่เกิน 25 ตร.ว. และ รวมกันหมดแล้วพื้นที่การเกษตร ไม่เกิน 10 ไร่
  • รายละเอียดบัตรคนจน 2568 รัฐบาลจ่าย 1,545 บาทใครได้เงินบ้าง
  • วงเงินซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค 300 บาทต่อคนต่อเดือน
  • วงเงินค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ 750 บาท ต่อคนต่อเดือน
  • วงเงินส่วนลดค่าก๊าซหุงต้ม 80 บาท ต่อคนต่อ 3 เดือน
  • มาตรการบรรเทาภาระค่าน้ำประปา 100 บาท ต่อครัวเรือน ต่อเดือน
  • มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้า 315 บาท ต่อครัวเรือนต่อเดือน