บทลงโทษการไม่ยื่นแบบ ภ.ง.ด. 90/91
อัพเดทล่าสุดจากกรมสรรพากร ประชาชน ผู้ประกอบ ข้าราชการ พ่อค้าแม่ค้า ออนไลน์ รวมถึงผู้ขับรถส่งอาหาร Youtuber และ Influencer ให้ระวังบทลงโทษ หรือไม่ยื่นภาษีแบบ ภ.ง.ด. 90/91 อัพเดตล่าสุด สำหรับบทลงโทษสามารถดูเพิ่มเติมได้ด้านล่าง
บทลงโทษของการไม่ยื่นแบบ ภ.ง.ด. 90/91 และ ชำระภาษี
- ไม่ยื่นแบบฯ หรือ ชำระภาษีเกินกำหนดเวลามีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท กรณีไม่ได้ยื่นแบบ ภ.ง.ด. 90/91
- เสียเงินเพิ่มร้อยละ 1.5 ต่อเดือน ของภาษีที่ต้องชำระ
เจ้าพนักงานตรวจสอบออกหมายเรียกและพอว่าไม่ได้ยื่นแบบฯ หรือ ยื่นแบบแต่ชำระภาษีต่ำไป
- โทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท กรณีไม่ได้ยื่นแบบ
- เบี้ยปรับ 1 เท่า หรือ 2 เท่าของภาษีที่ต้องชำระ
- เสียเงินเพิ่มร้อยละ 1.5 ต่อเดือนของภาษีที่ต้องชำระ
เจ้าพนักงานตรวจสอบ ออกหมายเรียกและพอว่าเจตนาไม่ยื่นแบบฯ เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษี
- โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปีหรือ ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
- เบี้ยปรับ 2 เท่าของภาษีที่ต้องชำระ
- เสียเงินเพิ่มร้อยละ 1.5 ต่อเดือนของภาษีที่ต้องชำระ
จงใจแจ้งข้อความเท็จ หรือ แสดงหลักฐานเท็จ เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษี
- โทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือนถึง 7 ปี
- โทษปรับตั้งแต่ 2,000 บาท ถึง 200,000 บาท
ทางกรมสรรพากร ยังได้ออกมาแจ้งถึงผู้ประกอบการ พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ รวมไปถึงผู้ขับรถส่งอาหาร Youtuber และ Influencer กรณีที่มีเงินได้ในปี 2567 ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภ.ง.ด. 90/91 ได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2568 ในกรณีที่ทำการยื่นผ่าน D-MyTax หรือ Digital MyTax และ ระบบ e-Filing รวมถึง Application RD Smart Tax ของกรมสรรพากร สามารถยื่นได้ถึงวันที่ 8 เมษายน 2568 ทางกรมสรรพากรได้อำนวยความสะดวก สำหรับผู้ที่ยื่นแบบออนไลน์ สามารถใช้บริการ Prefill ข้อมูลเงินได้ และ ค่าลดหย่อนบนระบบ D-MyTax
ถ้าหากข้อมูลไม่ถูกต้องครบถ้วน สามารถปรับปรุงข้อมูลก่อนที่จะทำการยื่นแบบออนไลน์ได้ทันที และ เพื่อเป็นการสร้างความเป็นธรรม ในการเสียภาษีกรมสรรพากรจะดำเนินการด้วยมาตรการที่เข้มงวด สำหรับกลุ่มผู้มีเงินได้ ที่ไม่ได้ยื่นแบบ หรือ ยื่นไม่ครบถ้วน โดยกรมสรรพากร จะนำข้อมูลทั้งจากแหล่งภายใน และ ภายนอก มาประมวลผล และ ใช้ติดตามจัดเก็บภาษี
การรีไฟแนนซ์รถยนต์เป็นวิธีที่ช่วยลดภาระทางการเงินสำหรับผู้ที่กำลังผ่อนชำระค่างวดรถอยู่ โดยการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการผ่อนชำระให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน บทความนี้จะอธิบายขั้นตอนและเอกสารที่จำเป็นในการรีไฟแนนซ์รถยนต์อย่างละเอียด
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง:
- 5 ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์รถยนต์ให้ผ่อนน้อยลง
- รวมขั้นตอนรีไฟแนนซ์รถยนต์ พร้อมค่าใช้จ่ายที่ต้องรู้
- รีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมด 2568 ทำได้หรือไม่ ที่ไหนดี
รีไฟแนนซ์รถยนต์คืออะไร?
การรีไฟแนนซ์รถยนต์คือการขอสินเชื่อใหม่จากสถาบันการเงินเพื่อนำมาชำระหนี้สินเชื่อรถยนต์เดิมที่ยังผ่อนไม่หมด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงเงื่อนไขการผ่อนชำระ เช่น ลดอัตราดอกเบี้ย ขยายระยะเวลาผ่อนชำระ หรือปรับยอดค่างวดให้เหมาะสมกับความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้
ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์รถยนต์
- ตรวจสอบเงื่อนไขสินเชื่อปัจจุบันก่อนดำเนินการรีไฟแนนซ์ ควรตรวจสอบรายละเอียดสินเชื่อเดิมที่มีอยู่ เช่น อัตราดอกเบี้ยปัจจุบัน ยอดเงินคงเหลือ และค่าธรรมเนียมในการปิดบัญชีก่อนกำหนด ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยในการประเมินความคุ้มค่าของการรีไฟแนนซ์
- เปรียบเทียบข้อเสนอจากสถาบันการเงินต่าง ๆค้นหาข้อมูลจากสถาบันการเงินหลายแห่งเพื่อเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาผ่อนชำระ และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ การเปรียบเทียบนี้จะช่วยให้คุณเลือกข้อเสนอที่เหมาะสมและคุ้มค่าที่สุด
- เตรียมเอกสารที่จำเป็นการเตรียมเอกสารอย่างครบถ้วนจะช่วยให้กระบวนการรีไฟแนนซ์เป็นไปอย่างราบรื่น เอกสารที่จำเป็นได้แก่:
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- เล่มทะเบียนรถยนต์
- เอกสารแสดงรายได้ เช่น สลิปเงินเดือนหรือหนังสือรับรองเงินเดือน
- สัญญาเช่าซื้อเดิม (ถ้ามี)
- ยื่นคำขอรีไฟแนนซ์เมื่อเตรียมเอกสารครบถ้วน ให้ยื่นคำขอรีไฟแนนซ์กับสถาบันการเงินที่เลือก โดยกรอกแบบฟอร์มและส่งเอกสารที่จำเป็น สถาบันการเงินจะพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้และประวัติสินเชื่อของคุณ
- รอการอนุมัติหลังจากยื่นคำขอ สถาบันการเงินจะใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ในการพิจารณา หากได้รับการอนุมัติ จะมีการติดต่อเพื่อดำเนินการขั้นตอนต่อไป
- ปิดบัญชีสินเชื่อเดิมเมื่อได้รับการอนุมัติ สถาบันการเงินใหม่จะชำระยอดหนี้คงเหลือกับสถาบันการเงินเดิม คุณอาจต้องชำระค่าธรรมเนียมการปิดบัญชีก่อนกำหนด (ถ้ามี)
- ลงนามในสัญญาใหม่หลังจากปิดบัญชีเดิม คุณจะต้องลงนามในสัญญาเงินกู้ใหม่กับสถาบันการเงิน พร้อมชำระค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เช่น ค่าประเมินราคารถยนต์ และค่าจดทะเบียนจำนอง
- เริ่มผ่อนชำระกับสถาบันการเงินใหม่เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนทั้งหมด คุณจะเริ่มผ่อนชำระค่างวดกับสถาบันการเงินใหม่ตามเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้
ข้อดีของการรีไฟแนนซ์รถยนต์
- ลดอัตราดอกเบี้ย: ช่วยลดภาระดอกเบี้ยที่ต้องชำระในแต่ละเดือน
- ขยายระยะเวลาผ่อนชำระ: ทำให้ค่างวดต่อเดือนลดลง เพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน
- ได้รับเงินสดส่วนต่าง: หากมูลค่ารถยนต์สูงกว่ายอดหนี้คงเหลือ คุณอาจได้รับเงินสดส่วนต่างเพื่อนำไปใช้จ่ายตามความต้องการ
สิ่งที่ควรระวัง
- ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ: เช่น ค่าประเมินราคารถยนต์ ค่าจดทะเบียนจำนอง และค่าปรับการปิดบัญชีก่อนกำหนด
- ระยะเวลาผ่อนชำระที่ยาวขึ้น: อาจทำให้ยอดดอกเบี้ยรวมที่ต้องชำระเพิ่มขึ้น
หนี้และประวัติสินเชื่อของคุณ ก่อนอนุมัติสินเชื่อใหม่ หากได้รับการอนุมัติ คุณจะต้องลงนามในสัญญาเงินกู้ใหม่เพื่อดำเนินการรีไฟแนนซ์ให้เสร็จสมบูรณ์
การประเมินสภาพรถยนต์
หลังจากที่สถาบันการเงินอนุมัติสินเชื่อแล้ว จะมีการตรวจสอบสภาพรถยนต์ก่อนทำสัญญา ซึ่งอาจรวมถึงการตรวจสอบเลขตัวถัง หมายเลขเครื่องยนต์ และสภาพโดยรวมของรถ หากรถมีสภาพสมบูรณ์ตามที่กำหนด การรีไฟแนนซ์ก็จะดำเนินการต่อไปได้
การปิดบัญชีสินเชื่อเดิมและรับเงินกู้ใหม่
เมื่อการรีไฟแนนซ์ได้รับการอนุมัติ สถาบันการเงินแห่งใหม่จะดำเนินการชำระสินเชื่อเดิมให้กับธนาคารหรือบริษัทไฟแนนซ์ที่คุณเคยใช้บริการ หลังจากนั้น เงินส่วนต่าง (ถ้ามี) จะถูกโอนเข้าบัญชีของคุณตามเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้
ข้อดีและข้อเสียของการรีไฟแนนซ์รถยนต์
ข้อดีของการรีไฟแนนซ์รถยนต์
✅ ลดค่างวดรายเดือน – หากได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง หรือมีการขยายระยะเวลาผ่อนชำระ ค่างวดในแต่ละเดือนจะลดลง ช่วยให้มีสภาพคล่องทางการเงินมากขึ้น
✅ ได้รับเงินก้อนจากส่วนต่าง – ในกรณีที่มูลค่ารถสูงกว่ายอดหนี้ที่เหลืออยู่ คุณสามารถขอรับเงินกู้เพิ่มได้ตามเงื่อนไขของสถาบันการเงิน
✅ สามารถเลือกอัตราดอกเบี้ยที่ดีกว่า – หากสถาบันการเงินใหม่เสนออัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า คุณสามารถลดภาระดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายตลอดอายุสัญญา
ข้อเสียของการรีไฟแนนซ์รถยนต์
❌ ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม – อาจมีค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์ เช่น ค่าธรรมเนียมปิดบัญชี ค่าประเมินสภาพรถ และค่าธรรมเนียมดำเนินการ
❌ ระยะเวลาผ่อนชำระยาวขึ้น – หากเลือกขยายเวลาผ่อนชำระ แม้ว่าค่างวดจะลดลง แต่ดอกเบี้ยสะสมในระยะยาวอาจสูงขึ้น
สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจรีไฟแนนซ์รถยนต์
- อัตราดอกเบี้ยใหม่คุ้มค่าหรือไม่?
- เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยระหว่างสินเชื่อเดิมและสินเชื่อใหม่ หากอัตราดอกเบี้ยใหม่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ การรีไฟแนนซ์อาจเป็นทางเลือกที่ดี
- ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ส่งผลต่อความคุ้มค่าหรือไม่?
- ตรวจสอบค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรีไฟแนนซ์ เช่น ค่าปิดบัญชีเดิม ค่าดำเนินการ และค่าโอนทะเบียนรถ
- ภาระหนี้ในปัจจุบันของคุณเป็นอย่างไร?
- หากคุณมีหนี้สินอื่น ๆ อยู่แล้ว การเพิ่มภาระสินเชื่อรถยนต์อาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด ควรประเมินสถานะทางการเงินของตนเองก่อนตัดสินใจ
- สามารถผ่อนชำระค่างวดใหม่ได้หรือไม่?
- ตรวจสอบว่าคุณสามารถรับผิดชอบค่างวดใหม่ได้โดยไม่กระทบต่อค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
ธนาคารออมสินได้เปิดตัวฟังก์ชันใหม่ “MyMo Secure Plus”
การเปิดตัวครั้งนี้จากทางธนาคารออมสิน ได้ผ่านตัวผ่าน บนแอปพลิเคชัน MyMo เพื่อเป็นการส่งเสริมสร้างความปลอดภัยในการทำธุรกรรมออนไลน์ ป้องกันการถูกมิจฉาชีพหลอกลวงและโอนเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต
ความสำคัญของ MyMo Secure Plus
ในยุคดิจิทัลที่การทำธุรกรรมออนไลน์เป็นเรื่องปกติ ความเสี่ยงจากมิจฉาชีพที่ใช้วิธีการหลอกลวงผ่านโทรศัพท์ ข้อความ หรืออีเมลเพิ่มมากขึ้น มิจฉาชีพมักแอบอ้างเป็นหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อข่มขู่หรือหลอกลวงให้เหยื่อกดลิงก์ปลอม ซึ่งอาจนำไปสู่การสูญเสียทรัพย์สิน ธนาคารออมสินจึงได้พัฒนา MyMo Secure Plus เพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว
การทำงานของ MyMo Secure Plus
เมื่อเปิดใช้งานโหมด MyMo Secure Plus ผู้ใช้จะไม่สามารถโอนเงินจากบัญชีธนาคารออมสินไปยังบัญชีผู้อื่นได้ ยกเว้นการโอนเงินไปยังบัญชีของตนเองที่ธนาคารอื่น ฟังก์ชันนี้ช่วยลดความเสี่ยงในกรณีที่ผู้ใช้เผลอกดลิงก์ปลอมหรือถูกแฮกเกอร์เข้าควบคุมอุปกรณ์ ผู้ใช้ยังคงสามารถใช้บริการอื่น ๆ ของแอป MyMo ได้ตามปกติ
วิธีการเปิดใช้งาน MyMo Secure Plus
ผู้ใช้สามารถเปิดใช้งานโหมด MyMo Secure Plus ได้ด้วยตนเองผ่านแอป MyMo โดยทำตามขั้นตอนดังนี้:
- เข้าสู่ระบบแอป MyMo
- เลือกเมนูการตั้งค่า
- เปิดใช้งานโหมด MyMo Secure Plus
ฟังก์ชันนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีความจำเป็นต้องโอนเงินบ่อยครั้ง หรือผู้ที่ต้องการเพิ่มความปลอดภัยในการจัดการเงินฝากระยะยาว
คำแนะนำเพิ่มเติมจากธนาคารออมสิน
ธนาคารออมสินย้ำว่า ไม่มีนโยบายให้ผู้บริหารหรือพนักงานโทรสอบถามข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลทางการเงิน และจะไม่ส่งลิงก์ผ่านอีเมลหรือข้อความเพื่อให้ลูกค้าดำเนินการใด ๆ หากได้รับการติดต่อที่น่าสงสัย ควรตรวจสอบข้อมูลผ่านช่องทางอย่างเป็นทางการของธนาคาร เช่น เว็บไซต์ www.gsb.or.th, แอปพลิเคชัน MyMo, เฟซบุ๊ก GSB Society, หรือ LINE Official Account: GSB NOW หากพบธุรกรรมที่ผิดปกติ ควรติดต่อ GSB Contact Center ทันที
การเปิดตัว MyMo Secure Plus เป็นการตอบสนองต่อความต้องการในการป้องกันการทุจริตทางการเงินในยุคดิจิทัล ธนาคารออมสินมุ่งมั่นในการเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับลูกค้า เพื่อให้สามารถทำธุรกรรมออนไลน์ได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยยิ่งขึ้น
ค่าฝุ่นวันนี้ กรุงเทพฯฝุ่นเยอะ กระทบสุขภาพ
อัพเดทค่าฝุ่นละออง PM 2.5 วันนี้ กรุงเทพฯ อากาศไม่ดี ประชาชนหลายคนบ่นว่าหายใจลำบาก เนื่องจากเจอพิษฝุ่น เกินค่ามาตรฐาน ระดับสีส้มทุกพื้นที่
สถานการณ์ล่าสุด ค่าฝุ่น PM 2.5 วันนี้ ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 44.9 มคก./ลบ.ม หนักอยู่อยู่ที่เขตบึงกุ่มอยู่ที่ 62 มคก./ลบ.ม. แนะนำสำหรับเด็กนักเรียนที่เดินทางไปโรงแรม แนะนำให้สวมใส่หน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันฝุ่น PM 2.5
12 เขตที่มีค่าฝุ่น PM 2.5 สูงสุดในกรุงเทพฯ:
- เขตบึงกุ่ม: 62 มคก./ลบ.ม.
- เขตลาดกระบัง: 61.7 มคก./ลบ.ม.
- เขตหนองจอก: 61 มคก./ลบ.ม.
- สวนหนองจอก เขตหนองจอก: 57.5 มคก./ลบ.ม.
- เขตมีนบุรี: 55.9 มคก./ลบ.ม.
- เขตคลองสามวา: 55.4 มคก./ลบ.ม.
- เขตบางเขน: 55.1 มคก./ลบ.ม.
- เขตวังทองหลาง: 53.8 มคก./ลบ.ม.
- เขตคันนายาว: 53.3 มคก./ลบ.ม.
- เขตจตุจักร: 52.2 มคก./ลบ.ม.
- เขตสายไหม: 51.8 มคก./ลบ.ม.
- สวนเสรีไทย เขตบึงกุ่ม: 50.7 มคก./ลบ.ม.
คุณภาพอากาศในกรุงเทพฯ ทุกพื้นที่อยู่ในระดับสีส้ม ซึ่งหมายถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ประชาชนทั่วไปควรสวมหน้ากากป้องกัน PM 2.5 เมื่อออกนอกอาคาร และจำกัดระยะเวลาในการทำกิจกรรมกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก หากมีอาการผิดปกติ เช่น ไอ หายใจลำบาก หรือระคายเคืองตา ควรปรึกษาแพทย์ สำหรับประชาชนกลุ่มเสี่ยง ควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัย ควรตรวจสอบคุณภาพอากาศก่อนออกจากบ้านผ่านแอปพลิเคชัน AirBKK หรือเว็บไซต์ airquality.airbkk.com การป้องกันตนเองจากฝุ่น PM 2.5 เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อสุขภาพที่ดีของทุกคน
เตรียมตัวเช็คให้พร้อม สำหรับโมบายแบงก์กิ้ง ต้องตรงกับเบอร์มือถือ
มาตรการล่าสุดจากทางกระทรวงดิจิทัล ได้ประกาศเริ่มแผนการ กำจัดบัญชีม้าเพื่อไม่ให้เข้าถึงโมบายแบงก์กิ้ง มาตรการนี้จะช่วยลดบัญชีม้าที่เกิดขึ้นได้อย่างดีเลยทีเดียว ถ้าหากว่าข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ ไม่ตรงกับเบอร์ที่ทำการลงทะเบียนใช้งานโมบายแบงก์กิ้ง ที่ได้รับ SMS จากทางธนาคาร ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นต้องไป จะต้องไปแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้องภายใน 90 วัน หรือก่อนวันที่ 30 เมษายน 2568 นี้ถ้าหากเลยวันดังกล่าวไปแล้ว จะไม่สามารถใช้บริษัท Mobile Banking ได้อีก
มาตรการนี้ที่ออกมาเพื่อยกระดับความปลอดภัยของผู้ใช้บริการ และ เพื่อเป็นการสกัดกั้นบัญชีม้า ที่เป็นปัณหาหลักของประเทศไทยอยู่ในตอนนี้ เนื่องจากมีประชาชนจำนวนมากถูกหลอกให้โอนเงินไปยังบัญชีม้า โดยชื่อเจ้าของบัญชี โมบายแบงกิ้ง และ ชื่อของผู้ที่จดทะเบียนเบอร์โทรศัพท์ จะต้องตรงกัน ถ้าหากไม่ตรงจะได้รับ SMS ให้เข้าไปปรับปรุงข้อมูลภายใน 90 วัน ถ้าหากไม่ปรับก็จะไม่สามารถใช้งานได้
ขั้นตอนในการตรวจสอบเบอร์มือถือกับบัญชีโมบายแบงก์กิ้ง ว่าตรงกันหรือไม่
- กดที่หน้าจอโทรศัพท์
- กดโทรออกไปที่ *179* ตามด้วยเลขบัตรประชาชน 13 หลัก ตามด้วย # แล้วกดโทรออก
- หลังจากกดเสร็จเรียบร้อย จะได้รับข้อความตามภาพนี้หากตรงก็จะไม่มีอะไร หากไม่ตรงจะมีข้อความเข้ามาให้ผู้ใช้งานปรับปรุงข้อมูล
ธนาคารมีการเริ่มส่ง SMS ไปยังเบอร์ที่ลงทะเบียนโมบายแบงก์กิ้ง ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 โดยจะไม่มีลิงก์ให้กด แต่จะเป็นการเชิญให้ผู้ใช้งานปรับชื่อให้ตรงกันระหว่างผู้จดทะเบียน และ โมบายแบงก์กิ้ง
แนะนำ 10 ของขวัญวันวาเลนไทน์ 2025
วันวาเลนไทน์ 2025 กำลังจะมาถึง หากคุณกำลังมองหา ของขวัญวันวาเลนไทน์ ที่สร้างความประทับใจให้คนรัก แต่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกอะไรดี วันนี้เรามีไอเดียของขวัญที่น่าสนใจ 10 อย่างที่ทั้งโรแมนติกและมีความหมาย เหมาะกับทุกสไตล์ความรัก พร้อมแนะนำวิธีเลือกให้เหมาะกับคู่ของคุณ
1. ดอกไม้สุดพิเศษ พร้อมข้อความแทนใจ
ดอกกุหลาบ เป็นของขวัญวันวาเลนไทน์สุดคลาสสิก แต่ถ้าคุณอยากให้พิเศษยิ่งขึ้น ลองเลือก ดอกไม้ที่มีความหมายเฉพาะตัว เช่น
- กุหลาบสีขาว (แทนความรักบริสุทธิ์)
- ดอกทิวลิป (แทนความรักที่สมบูรณ์แบบ)
- ดอกลิลลี่ (แทนความอ่อนโยนและจริงใจ)
อย่าลืมแนบ การ์ดข้อความบอกรัก เพื่อเพิ่มความประทับใจ
2. เครื่องประดับแทนใจ
เครื่องประดับ เป็นของขวัญที่สามารถใช้ได้ทุกวัน เช่น
- แหวนเงินแท้ สลักชื่อคนรัก
- สร้อยคอพร้อมจี้รูปหัวใจ
- กำไลข้อมือคู่รัก
เลือกเครื่องประดับที่เข้ากับสไตล์ของคนรัก รับรองว่าเขาหรือเธอจะต้องดีใจ
3. น้ำหอมกลิ่นเสน่ห์แห่งความรัก
กลิ่นหอมช่วยสร้างความทรงจำที่ดี เลือกน้ำหอมที่เข้ากับบุคลิกของคนรัก เช่น
- กลิ่นหอมหวาน (เหมาะกับสาวโรแมนติก)
- กลิ่นสดชื่น (เหมาะกับคนที่มีพลังและสดใส)
- กลิ่นอบอุ่น (เหมาะกับหนุ่มที่มีเสน่ห์และสุขุม)
4. ขนมหวานหรือช็อกโกแลตสุดพิเศษ
ช็อกโกแลต เป็นของขวัญยอดนิยมในวันวาเลนไทน์ แต่ถ้าอยากให้พิเศษขึ้น ลองเลือก:
- ช็อกโกแลตทำมือจากร้านพิเศษ
- มาการองหรือเค้กที่ตกแต่งเป็นธีมวาเลนไทน์
- ขนมที่คนรักชื่นชอบเป็นพิเศษ
5. ตุ๊กตาหมีแทนความอบอุ่น
ตุ๊กตาหมีหรือ ตุ๊กตาน่ารักๆ สามารถเป็นตัวแทนของความอบอุ่นและความรัก เหมาะกับคนที่ชอบความน่ารักและความอ่อนโยน
6. สมุดภาพหรืออัลบั้มความทรงจำ
หากต้องการของขวัญที่มีความหมาย ลองทำ สมุดภาพ DIY หรือ อัลบั้มรูป ที่รวมภาพถ่ายและเรื่องราวความรักของคุณสองคนไว้ด้วยกัน รับรองว่าคนรักจะต้องซาบซึ้ง
7. แพ็กเกจสปาหรือการนวดผ่อนคลาย
หากคนรักของคุณทำงานหนัก การให้ แพ็กเกจนวดหรือสปา เป็นของขวัญจะช่วยให้เขาหรือเธอได้พักผ่อนและผ่อนคลาย เป็นของขวัญที่แสดงถึงความใส่ใจได้เป็นอย่างดี
8. แกดเจ็ตหรืออุปกรณ์ไอทีที่มีประโยชน์
หากคู่ของคุณเป็นสายไอที ลองเลือก แกดเจ็ตที่ใช้งานได้จริง เช่น
- หูฟังไร้สาย
- สมาร์ทวอทช์
- ลำโพงบลูทูธ
- เครื่องอ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book Reader)
9. เซอร์ไพรส์ด้วยดินเนอร์สุดโรแมนติก
มื้อค่ำใต้แสงเทียน เป็นไอเดียที่โรแมนติกเสมอ คุณสามารถพาคนรักไปทานอาหารที่ร้านหรู หรือทำอาหารเองที่บ้านก็ได้ เพิ่มบรรยากาศด้วยเพลงและแสงไฟนุ่มๆ รับรองว่าสร้างความประทับใจได้แน่นอน
10. ทริปท่องเที่ยวสุดพิเศษ
หากคุณต้องการของขวัญที่เป็น ประสบการณ์ร่วมกัน ลองจัด ทริปสั้นๆ เช่น
- ทริปทะเลสุดโรแมนติก
- ทริปแคมป์ปิ้งชมดาว
- ทริปต่างประเทศที่คนรักใฝ่ฝัน
เลือกสถานที่ที่เหมาะกับสไตล์ของคู่ของคุณ และสร้างความทรงจำดีๆ ร่วมกัน
วิธีเลือกของขวัญวันวาเลนไทน์ให้โดนใจ
- เข้าใจบุคลิกและรสนิยม ของคู่ของคุณ
- เลือกของขวัญที่มีความหมายพิเศษ หรือเป็นสิ่งที่เขาหรือเธออยากได้
- ให้ของขวัญด้วยความจริงใจ พร้อมคำพูดที่ออกมาจากใจ
วันวาเลนไทน์ 2025 นี้ อย่าลืมมอบของขวัญที่สะท้อนความรักของคุณ ไม่ว่าจะเป็น ของขวัญแทนใจ หรือ ประสบการณ์พิเศษ ที่คุณสร้างร่วมกัน ของขวัญที่ดีที่สุดไม่ใช่ราคาแพง แต่เป็นของขวัญที่มาจากใจและสื่อถึงความรักได้อย่างแท้จริง
เงินอุดหนุนบุตร และ กลุ่มเปราะบาง ก.พ. 68 เข้าวันไหน
เปิดเผยข้อมูลจากทางกระทรวงการพัฒนาสังคม และ ความมั่นคงของมนุษย์ ประกาศรายละเอียดการจ่ายเงินกลุ่มเปราะบาง, เงินอุดหนุนบุตร และ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในเดือน กุมภาพันธ์ 2568 ประจำปีงบประมาณ 2568 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 นี้เงินเข้าวันไหนบ้าง สามารถเช็ครายละเอียดเพิ่มเติมได้ด้านล่าง
โอนเงินเข้าบัญชีที่ได้รับสิทธิ สำหรับ 3 กลุ่มเปราะบางในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 นี้หลายๆคนยังคงหาข้อมูลว่า ในเดือนนี้แต่ละกลุ่มได้รับเงินโอนวันไหนบ้าง ทางกระทรวงพัฒนาสังคม และ ความมั่นคงของมนุษย์ ได้แจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับเงินเยียวยาดังกล่าว ว่าจะเข้าวันไหน และ สามารถเช็คได้เมื่อไหร่ นอกจากนี้ขั้นตอนการลงทะเบียนรับเงินช่วยเหลือจากทางรัฐบาลด้วย
เงินอุดหนุนบุตร เบี้ยเด็ก กุมภาพันธ์ 2568 เงินเข้าวันไหน
- เงินเข้าบัญชี วันจันทร์ 10 กุมภาพันธ์ 2568
ทางกรมบัญชีกลาง ได้แจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับการโอนเงินอุดหนุนบุตร ว่าเงินจะเข้าบัญชีผู้ที่มีสิทธิในวันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 โดยหลักเกณฑ์ในการจ่ายเงิน จะยึดหลักเกณฑ์ว่าเงินจะเข้าบัญชีทุกวันที่ 10 ของทุกเดือน หากวันโอนตรงกับวันเสาร์-วันอาทิตย์ หรือ วันหยุดราชการ จะจ่ายเงินอุดหนุนบุตรล่วงหน้าก่อนวันหยุด
ขั้นตอนในการลงทะเบียน ขอรับเงินช่วยเหลือ เงินอุดหนุนบุตร, เบี้ยเด็ก กุมภาพันธ์ 2568
การแจ้งลงทะเบียนขอรับเงินอุดหนุนบุตร เพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด และ เด็กที่มีสัญชาติไทย พ่อแม่ผู้ปกครอง สามารถยื่นคำร้องในพื้นที่ที่เด็กแรกเกิด และ ผู้ปกครองอาศัยอยู่จริง ไม่จำเป็นต้องเป็นที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน
- กรุงเทพฯ ลงทะเบียนได้ที่สำนักงานเขต
- เมื่องพัทยา ลงทะเบียนได้ที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา
- ส่วนภูมิภาค ลงทะเบียนได้ที่องค์การบริหารส่วนตำบลหรือเทศบาล
- ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่น “เงินเด็ก” ทั้งนี้ผู้ปกครองต้องพิสูจน์ และ ยืนยันตัวตนผ่าน แอปพลิเคชั่น ThaiD ของกรมการปกครองก่อน เมื่อตรวจสอบสิทธิผ่านแล้ว จะได้รับเงินมีผล ตั้งแต่เดือนที่ลงทะเบียนรับเงิน
เบี้ยผู้สูงอายุ เบี้ยคนชรา กุมภาพันธ์ 2568 เงินเข้าวันไหน
โอนเงินเข้าบัญชีวันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568
ตารางจ่ายเงินเบี้ยผู้สูงอายุ และ เบี้ยคนชรา
- อายุ 60-69 ปี รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 600 บาทต่อเดือน
- อายุ 70-79 ปี รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 700 บาทต่อเดือน
- อายุ 80-89 ปี รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 800 บาทต่อเดือน
- อายุ 90 ปีขึ้นไป รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 1,000 บาทต่อเดือน
เบี้ยคนพิการ กุมภาพันธ์ 2568 เงินเข้าวันไหน
โอนเงินเข้าบัญชี วันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568
- อายุต่ำกว่า 18 ปี รับเงินเบี้ยความพิการ จาก อปท. 800 บาทต่อเดือน รับเพิ่มอีก 200 บาทต่อเดือนรวมเป็นเงิน 1,000 บาท
- อายุ 18 ปีขึ้นไป ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ได้รับเงินเบี้ยความพิการจาก อปท. 800 บาทต่เดอืน และ สามารถกดเพิ่มจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอีก 200 บาทต่อเดือนรวมเป็น 1,000 บาท ต่อเดือน
- อายุ 18 ปีขึ้นไป แต่ไม่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ได้รับเบี้ยความพิการจาก อปท. 800 บาทต่อเดือน ก็จะไม่มีสิทธิได้รับเพิ่มอีก 200 บาทต่อเดือน
เตือนภัยมิจฉาชีพ จากทางกระทรวงดิจิทัลอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมบัญชีกลาง
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ได้ออกประกาศเตือนข้าราชการและผู้รับบำนาญเกี่ยวกับกลุ่มมิจฉาชีพที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมบัญชีกลาง เพื่อหลอกลวงเกี่ยวกับเงินค้างจ่าย กลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้มักใช้วิธีการต่าง ๆ เพื่อหลอกลวงเหยื่อ ดังนี้:
- การโทรศัพท์หลอกลวง: มิจฉาชีพจะโทรหาผู้รับบำนาญหรือครอบครัว โดยอ้างว่ามีเงินค้างจ่ายที่ต้องได้รับ และขอให้ดำเนินการบางอย่างเพื่อรับเงินดังกล่าว
- การแอดไลน์: มิจฉาชีพอาจขอให้เหยื่อเพิ่มบัญชีไลน์ของพวกเขาเพื่อสื่อสารเพิ่มเติม
- การสแกนใบหน้า: บางครั้งมิจฉาชีพจะขอให้เหยื่อสแกนใบหน้าผ่านแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ที่ไม่ปลอดภัย
- การดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน: มิจฉาชีพอาจแนะนำให้เหยื่อดาวน์โหลดแอปพลิเคชันที่ไม่เป็นทางการ ซึ่งอาจมีมัลแวร์หรือใช้เพื่อขโมยข้อมูลส่วนตัว
กรมบัญชีกลางได้ยืนยันว่าไม่มีนโยบายในการโทรหาผู้รับบำนาญหรือครอบครัว ไม่มีบัญชีไลน์ทางการ (Line Official Account) และไม่ส่งข้อความผ่าน SMS หรือ Facebook หากได้รับการติดต่อในลักษณะดังกล่าว ควรสงสัยว่าเป็นการหลอกลวง
ข้อควรปฏิบัติเมื่อสงสัยว่าถูกมิจฉาชีพแอบอ้าง:
- ตรวจสอบข้อมูล: หากได้รับการติดต่อที่น่าสงสัย ควรติดต่อ Call Center ของกรมบัญชีกลางที่หมายเลข 02 270 6400 เพื่อยืนยันข้อมูล
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ: หากจำเป็นต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ควรทำผ่าน App Store หรือ Google Play เท่านั้น เพื่อป้องกันการติดตั้งแอปพลิเคชันที่ไม่ปลอดภัย
- ระมัดระวังการให้ข้อมูลส่วนตัว: ไม่ควรให้ข้อมูลส่วนตัว เช่น หมายเลขบัตรประชาชน หรือข้อมูลทางการเงิน กับบุคคลที่ไม่รู้จักหรือไม่ได้รับการยืนยัน
หากพบว่าตนเองตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวง ควรรีบโทรอายัดบัญชีที่สายด่วน AOC หมายเลข 1441 ซึ่งให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
การเพิ่มความระมัดระวังและการตรวจสอบข้อมูลอย่างถี่ถ้วนจะช่วยป้องกันตนเองจากการตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ
เลือกสมัครบัตรกดเงินสด ที่ไหนดีในปี 2025
การมี บัตรกดเงินสด เป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับการบริหารจัดการเงินสดในยามฉุกเฉิน ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายเร่งด่วน ค่าเรียน ค่ารักษาพยาบาล หรือใช้เพื่อหมุนเวียนเงินสดในธุรกิจ การเลือก บัตรกดเงินสดที่เหมาะสม เป็นสิ่งสำคัญ เพราะอัตราดอกเบี้ย วงเงิน อัตราผ่อน และโปรโมชั่นต่าง ๆ สามารถช่วยให้คุณบริหารเงินได้มีประสิทธิภาพขึ้น
ในปี 2025 สถาบันการเงินหลายแห่งเสนอ บัตรกดเงินสด ที่ให้สิทธิพิเศษต่าง ๆ เช่น ฟรีค่าธรรมเนียม อนุมัติไว ผ่อน 0% และดอกเบี้ยต่ำ แต่การเลือกบัตรที่ดีที่สุดนั้นต้องพิจารณาจากปัจจัยหลายด้าน
ทำความเข้าใจบัตรกดเงินสด: ใช้อย่างไรให้คุ้มค่า?
บัตรกดเงินสดเป็น สินเชื่อหมุนเวียน ที่อนุมัติวงเงินให้ผู้ถือบัตรสามารถกดเงินจากตู้ ATM หรือโอนเข้าบัญชีเพื่อใช้จ่าย โดยแตกต่างจากบัตรเครดิตตรงที่
✅ ไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปี
✅ กดเงินสดได้เต็มวงเงิน ที่ได้รับอนุมัติ
✅ ไม่มีขั้นต่ำในการใช้จ่าย – เบิกเท่าที่จำเป็น
✅ สามารถผ่อนชำระขั้นต่ำได้
การใช้บัตรกดเงินสดให้คุ้มค่า ควรเลือกบัตรที่ ดอกเบี้ยต่ำสุด วงเงินสูง และสมัครง่าย เพื่อช่วยให้การกู้ยืมมีภาระดอกเบี้ยน้อยที่สุด
4 อันดับบัตรกดเงินสดที่ดีที่สุดในปี 2025
1. บัตรกดเงินสด KBank Xpress Cash – อนุมัติไว วงเงินสูง
✅ อนุมัติเร็วภายใน 15 นาที สำหรับผู้มีบัญชี KBank
✅ วงเงินสูงสุด 1.5 ล้านบาท หรือ 5 เท่าของรายได้
✅ ฟรีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปี
✅ อัตราดอกเบี้ยต่ำสุด 18% ต่อปี
✅ ถอนเงินผ่าน K-PLUS ได้ ไม่ต้องใช้บัตร
📌 เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการวงเงินสูงและต้องการอนุมัติไว
2. บัตรกดเงินสด SCB Speedy Cash – ดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือน
✅ สมัครง่ายผ่านแอป SCB EASY
✅ ดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือนแรก (เฉพาะลูกค้าใหม่)
✅ วงเงินสูงสุด 1 ล้านบาท
✅ ผ่อนสบาย เริ่มต้น 300 บาท/เดือน
✅ กดเงินสดได้จากทุกตู้ ATM ฟรีค่าธรรมเนียม
📌 เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการกู้ยืมระยะสั้นโดยไม่มีดอกเบี้ยในช่วง 3 เดือนแรก
3. บัตรกดเงินสด UOB Cash Plus – ฟรีดอกเบี้ย 60 วัน
✅ ดอกเบี้ย 0% นาน 60 วัน สำหรับการกดเงินครั้งแรก
✅ ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์หรือผู้ค้ำประกัน
✅ วงเงินสูงสุด 5 เท่าของรายได้
✅ ถอนเงินได้ตลอด 24 ชั่วโมงผ่านตู้ ATM ทุกธนาคาร
✅ มีโปรแกรมแบ่งจ่ายรายเดือน 0% นานสูงสุด 12 เดือน
📌 เหมาะสำหรับ: คนที่ต้องการกดเงินโดยไม่เสียดอกเบี้ยในช่วงแรก
4. บัตรกดเงินสด First Choice – ผ่อนนานสูงสุด 36 เดือน
✅ ดอกเบี้ยเริ่มต้น 19.99% ต่อปี
✅ กดเงินสดได้จากทุกตู้ ATM ทั่วประเทศ
✅ เลือกระยะเวลาผ่อนชำระได้นานสูงสุด 36 เดือน
✅ ฟรีค่าธรรมเนียมรายปีตลอดชีพ
✅ มีโปรโมชั่นผ่อน 0% สำหรับบางรายการ
📌 เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการแผนการผ่อนระยะยาวเพื่อควบคุมค่าใช้จ่าย
วิธีเลือกบัตรกดเงินสดที่เหมาะกับคุณ
💡 1. เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย – บัตรที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดจะช่วยให้คุณจ่ายน้อยลงในระยะยาว
💡 2. ตรวจสอบวงเงินอนุมัติ – เลือกบัตรที่ให้วงเงินเหมาะสมกับรายได้ของคุณ
💡 3. ดูเงื่อนไขการผ่อนชำระ – ถ้าคุณต้องการผ่อนนาน ให้เลือกบัตรที่มีโปรแกรมผ่อนสบาย
💡 4. เช็คโปรโมชั่นและสิทธิพิเศษ – เช่น ดอกเบี้ย 0% ในช่วงแรก หรือโปรแกรมสะสมแต้ม
สมัครบัตรกดเงินสดที่ไหนดี?
📍 หากคุณต้องการ อนุมัติไว → KBank Xpress Cash หรือ Citi Ready Credit
📍 หากต้องการ ดอกเบี้ย 0% → SCB Speedy Cash หรือ UOB Cash Plus
📍 หากต้องการ ผ่อนนาน → First Choice
📍 หากต้องการ วงเงินสูง → SCB Speedy Cash หรือ KBank Xpress Cash
สมัครง่าย ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ของแต่ละธนาคาร ใช้เอกสารไม่ยุ่งยาก และ อนุมัติรวดเร็ว
บัตรกดเงินสด เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการเงินสดหมุนเวียนในชีวิตประจำวันหรือใช้ในยามฉุกเฉิน โดยในปี 2025 สถาบันการเงินต่าง ๆ นำเสนอเงื่อนไขที่ดีกว่าเดิม ทั้งในเรื่อง ดอกเบี้ยต่ำ วงเงินสูง และโปรโมชั่นพิเศษ
หากคุณกำลังมองหา บัตรกดเงินสดที่ดีที่สุด ในปีนี้ อย่าลืมเปรียบเทียบเงื่อนไขและเลือกบัตรที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของคุณ เพื่อให้ทุกการใช้จ่าย คุ้มค่า และไม่เป็นภาระทางการเงินในระยะยาว 🎯
📌 พร้อมสมัครบัตรกดเงินสด? เลือกบัตรที่ใช่แล้วสมัครเลยวันนี้! 🚀
บัตรเครดิตยูโอบีสำหรับคะแนนสะสม: ตัวเลือกที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
การเลือกบัตรเครดิตที่มอบคะแนนสะสมสูงสุดเป็นวิธีที่ชาญฉลาดในการเพิ่มความคุ้มค่าให้กับทุกการใช้จ่าย ธนาคารยูโอบี (UOB) นำเสนอหลากหลายบัตรเครดิตที่ตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นสายช้อปปิ้ง ท่องเที่ยว หรือทำธุรกรรมออนไลน์
1. บัตรเครดิตยูโอบี เวิลด์
สิทธิพิเศษที่คุณไม่ควรพลาด
- รับ เครดิตเงินคืน 2,000 บาท เมื่อเปิดบัตรเครดิตยูโอบี เวิลด์
- สะสมคะแนนยูโอบี รีวอร์ด 5 เท่า สำหรับการใช้จ่ายในหมวดออนไลน์, e-wallet, ร้านอาหาร, ท่องเที่ยว และสกุลเงินต่างประเทศ
- รับคะแนนสะสมยูโอบี รีวอร์ด 2 เท่า สำหรับการใช้จ่ายในหมวดอื่น ๆ
จุดเด่น: เหมาะสำหรับคนที่ชอบทำธุรกรรมออนไลน์และการเดินทางต่างประเทศ
2. บัตรเครดิตยูโอบี ซีนิท
สัมผัสประสบการณ์ที่เหนือระดับ
- สะสมคะแนนยูโอบี รีวอร์ด 3 เท่า สำหรับการใช้จ่ายในสกุลเงินต่างประเทศ
- รับคะแนนยูโอบี รีวอร์ด 2 เท่า สำหรับการใช้จ่ายภายในประเทศ
- รับสิทธิพิเศษการเดินทาง เช่น บริการรถลิมูซีน รับ-ส่งสนามบินในเอเชียแปซิฟิก และ ห้องพักรับรองพิเศษ Priority Pass™ แบบไม่จำกัดจำนวนครั้ง
จุดเด่น: บัตรนี้ออกแบบมาเพื่อผู้ที่ชื่นชอบการเดินทางและต้องการบริการที่หรูหรา
3. บัตรเครดิตยูโอบี พรีเฟอร์
สิทธิพิเศษที่ตอบโจทย์การใช้จ่ายประจำวัน
- รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 2,000 บาท เมื่อสมัครบัตรครั้งแรก
- รับ เครดิตเงินคืน 15% เมื่อใช้จ่ายที่ร้านค้าชั้นนำ เช่น Shopee, Lazada, Cafe Amazon, GRAB, Line Pay
- สะสมคะแนน The1 X3 สำหรับการใช้จ่ายที่ Central, Robinson, Tops, และ Central Food Hall
จุดเด่น: บัตรนี้เหมาะสำหรับสายช้อปปิ้งที่ชื่นชอบการใช้จ่ายในห้างสรรพสินค้า
4. บัตรเครดิตยูโอบี เมอร์เซเดส
ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรักรถหรู
- รับคะแนนสะสมยูโอบี รีวอร์ด 20,000 คะแนน เมื่อลงทะเบียนบัตร
- รับคะแนนสะสมสูงสุด 20 เท่า สำหรับทุกการใช้จ่าย 25 บาท
- รับส่วนลดเพิ่ม 20% เมื่อใช้คะแนนสะสมเท่ากับยอดใช้จ่ายที่ตัวแทนจำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์
จุดเด่น: เหมาะสำหรับผู้ขับขี่รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่ต้องการสิทธิพิเศษสุดคุ้ม
5. บัตรเครดิตยูโอบี แกร็บ
ตัวช่วยที่ดีที่สุดสำหรับสายเดินทางและบริการ Grab
- รับรวมสิทธิพิเศษสูงสุด 3,900 บาท (เครดิตเงินคืน 1,500 บาท + ส่วนลด Grab มูลค่า 2,400 บาท)
- รับคะแนนสะสมยูโอบี รีวอร์ด 10 เท่า สำหรับการใช้จ่ายในบริการ Grab
- รับคะแนนสะสมยูโอบี รีวอร์ด 3 เท่า สำหรับการใช้จ่ายในหมวดร้านอาหาร, ร้านค้าออนไลน์, แฟชั่น, และโรงพยาบาล
จุดเด่น: เหมาะสำหรับผู้ใช้งาน Grab เป็นประจำ
6. บัตรเครดิตยูโอบี แม็คโคร
เพื่อนคู่ใจของนักช้อปแม็คโคร
- รับคะแนนสะสมยูโอบี รีวอร์ดสูงสุด 12,000 คะแนน พร้อมรับบัตรกำนัลมูลค่า 1,000 บาท
- รับ 2 คะแนนสะสม ทุกวันที่ 16 ของเดือน
- รับ 1 คะแนนสะสม สำหรับทุก 100 บาทที่ใช้จ่ายในแม็คโคร หรือ 25 บาทของการใช้จ่ายในหมวดอื่น
จุดเด่น: ตอบโจทย์ผู้ที่ชอบซื้อสินค้าจำนวนมากและต้องการคะแนนสะสมเพิ่ม
ทำไมต้องเลือกบัตรเครดิตยูโอบีสำหรับคะแนนสะสม?
- ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์: ยูโอบีนำเสนอหลากหลายบัตรเครดิตที่ออกแบบมาเพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลาย เช่น ช้อปปิ้ง การเดินทาง หรือการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
- คะแนนสะสมที่คุ้มค่า: ทุกการใช้จ่ายของคุณสามารถเปลี่ยนเป็นคะแนนสะสมที่แลกได้ทั้งสินค้า บริการ หรือสิทธิพิเศษ
- โปรโมชั่นที่น่าสนใจ: ธนาคารยูโอบีจัดโปรโมชั่นตลอดทั้งปีเพื่อเพิ่มความคุ้มค่าให้กับสมาชิกบัตรเครดิต
บัตรเครดิตยูโอบีสำหรับคะแนนสะสมเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มมูลค่าให้กับทุกการใช้จ่าย ด้วยสิทธิพิเศษหลากหลายที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง คุณสามารถเลือกบัตรเครดิตที่เหมาะกับคุณ และเริ่มต้นประสบการณ์การใช้จ่ายที่คุ้มค่าได้แล้ววันนี้!