บัตรเครดิต KTC มีกี่แบบ?
หากคุณกำลังมองหาบัตรเครดิตที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน บัตรเครดิต KTC ถือเป็นตัวเลือกยอดนิยมในประเทศไทย ด้วยความหลากหลายของประเภทบัตรและสิทธิประโยชน์ที่ตอบสนองทุกความต้องการ คำถามที่หลายคนสงสัยคือ บัตรเครดิต KTC มีกี่แบบ และแต่ละแบบมีจุดเด่นอะไร? บทความนี้จะพาคุณสำรวจทุกมุมมองเกี่ยวกับบัตรเครดิต KTC พร้อมเคล็ดลับในการเลือกบัตรที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ
ประเภทของบัตรเครดิต KTC
บัตรเครดิต KTC แบ่งออกเป็นหลากหลายประเภทเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้ใช้งาน ซึ่งสามารถจัดประเภทหลัก ๆ ได้ดังนี้:
1. บัตรเครดิต KTC Visa และ Mastercard
บัตรเครดิตประเภทนี้เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะบัตรเครดิตมาตรฐานที่เหมาะสำหรับการใช้จ่ายทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นการช้อปปิ้ง เดินทาง หรือรับประทานอาหาร จุดเด่นของบัตรนี้คือการรองรับการใช้งานทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการสะสมคะแนน KTC FOREVER เพื่อแลกรับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เช่น
- สะสมคะแนนทุกการใช้จ่าย 25 บาท = 1 คะแนน
- ผ่อนชำระ 0% กับร้านค้าที่ร่วมรายการ
- โปรโมชั่นพิเศษสำหรับร้านค้าออนไลน์
2. บัตรเครดิต KTC JCB
สำหรับผู้ที่รักการเดินทางและช้อปปิ้งในประเทศญี่ปุ่น บัตรเครดิต KTC JCB ถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม โดยมีสิทธิประโยชน์พิเศษที่เน้นการใช้งานในประเทศญี่ปุ่น เช่น:
- รับส่วนลดและสิทธิพิเศษจากร้านค้าและร้านอาหารในญี่ปุ่น
- สะสมคะแนน KTC FOREVER ได้อย่างรวดเร็ว
- บริการห้องรับรองพิเศษที่สนามบินในญี่ปุ่น
3. บัตรเครดิต KTC UnionPay
บัตรเครดิตที่ออกแบบมาเพื่อการใช้จ่ายในประเทศจีนและเอเชีย บัตร KTC UnionPay เหมาะสำหรับผู้ที่เดินทางหรือทำธุรกิจในภูมิภาคนี้ สิทธิประโยชน์ของบัตรได้แก่:
- ส่วนลดพิเศษสำหรับร้านค้าและโรงแรมในจีน
- การสะสมคะแนน KTC FOREVER สำหรับทุกการใช้จ่าย
- โปรโมชั่นพิเศษกับร้านค้าในเครือ UnionPay
4. บัตรเครดิต KTC สำหรับสายการบิน
ผู้ที่ชื่นชอบการเดินทางและสะสมไมล์ไม่ควรพลาดบัตรเครดิต KTC ที่ร่วมมือกับสายการบิน เช่น KTC Royal Orchid Plus โดยมีจุดเด่นดังนี้:
- สะสมไมล์สะสมของการบินไทย
- รับสิทธิ์เข้าถึงห้องรับรองพิเศษ
- โปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินราคาพิเศษ
5. บัตรเครดิต KTC CASH BACK
สำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย บัตรเครดิต KTC CASH BACK เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ ด้วยสิทธิประโยชน์ในการรับเงินคืนทุกครั้งที่ใช้จ่าย เช่น:
- รับเงินคืนสูงสุด 1-5% ตามประเภทการใช้จ่าย
- โปรโมชั่นพิเศษสำหรับการใช้จ่ายที่ร้านค้าและบริการออนไลน์
- ไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปี
6. บัตรเครดิต KTC สำหรับองค์กร
สำหรับธุรกิจที่ต้องการจัดการค่าใช้จ่าย บัตรเครดิต KTC Corporate Card ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้จ่ายในองค์กร โดยมีจุดเด่นคือ:
- การควบคุมค่าใช้จ่ายองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ
- บริการจัดทำรายงานการใช้จ่าย
- โปรโมชั่นพิเศษสำหรับองค์กร
วิธีเลือกบัตรเครดิต KTC ที่เหมาะกับคุณ
การเลือกบัตรเครดิต KTC ที่เหมาะสมที่สุดนั้นขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้จ่ายและเป้าหมายทางการเงินของคุณ เราขอแนะนำแนวทางดังนี้:
- วิเคราะห์พฤติกรรมการใช้จ่าย
- หากคุณใช้จ่ายส่วนใหญ่ไปกับการเดินทางและท่องเที่ยว ให้เลือกบัตรเครดิตที่มีสิทธิประโยชน์เกี่ยวกับการสะสมไมล์และโปรโมชั่นสายการบิน
- หากคุณเน้นการช้อปปิ้งออนไลน์หรือซื้อสินค้าในประเทศ ให้เลือกบัตร KTC CASH BACK หรือบัตรที่มีคะแนนสะสม
- ตรวจสอบสิทธิประโยชน์ที่คุ้มค่า
- เปรียบเทียบสิทธิประโยชน์ เช่น อัตราการสะสมคะแนน เงินคืน หรือส่วนลดจากพันธมิตร
- ตรวจสอบค่าธรรมเนียมรายปีและเงื่อนไขในการยกเว้นค่าธรรมเนียม
- เลือกตามไลฟ์สไตล์
- หากคุณเดินทางไปญี่ปุ่นบ่อยครั้ง บัตร KTC JCB อาจเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
- หากคุณทำธุรกิจในจีนหรือเอเชีย บัตร KTC UnionPay จะตอบโจทย์มากกว่า
คำแนะนำเพิ่มเติมในการใช้บัตรเครดิต KTC
- จัดการการชำระเงินอย่างมีวินัย การใช้บัตรเครดิตควรมีการวางแผนการชำระเงินที่ชัดเจนเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียดอกเบี้ย
- ตรวจสอบโปรโมชั่นเป็นประจำ KTC มีโปรโมชั่นที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เช่น ส่วนลดร้านอาหาร ร้านค้า หรือการสะสมคะแนนพิเศษ
- ใช้สิทธิประโยชน์ให้คุ้มค่า
- ใช้คะแนนสะสมแลกรับของรางวัลหรือสิทธิพิเศษต่าง ๆ
- ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับการปรับปรุงสิทธิประโยชน์ของบัตร
บัตรเครดิต KTC มีความหลากหลายเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นการช้อปปิ้ง การเดินทาง หรือการจัดการค่าใช้จ่ายในองค์กร ด้วยตัวเลือกที่ครอบคลุมทั้งบัตร KTC Visa, Mastercard, JCB, UnionPay, CASH BACK และบัตรองค์กร การเลือกบัตรเครดิตที่เหมาะสมที่สุดจะช่วยเพิ่มความสะดวกและคุ้มค่าในทุกการใช้จ่ายของคุณ
หากคุณกำลังมองหาบัตรเครดิตที่เหมาะกับคุณ อย่าลืมสำรวจตัวเลือกและเงื่อนไขต่าง ๆ อย่างรอบคอบ เพื่อให้บัตรเครดิต KTC กลายเป็นเครื่องมือที่ช่วยยกระดับการใช้จ่ายของคุณในทุกด้าน
ช็คสิทธิเงินดิจิทัล 10000 เฟส 2 ล่าสุด
รัฐบาลได้ดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการมอบเงินดิจิทัลจำนวน 10,000 บาทให้กับผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งมีจำนวนกว่า 4 ล้านคน โดยมีกำหนดโอนเงินในวันที่ 27 มกราคม 2568
การเตรียมความพร้อมสำหรับผู้สูงอายุ:
- ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขบัตรประชาชน: ผู้มีสิทธิ์ควรตรวจสอบและดำเนินการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขบัตรประชาชนให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 22 มกราคม 2568 เพื่อให้สามารถรับเงินได้ตามกำหนด
- ตรวจสอบสถานะบัญชีธนาคาร: ควรยืนยันว่าบัญชีธนาคารที่ผูกกับพร้อมเพย์ยังคงใช้งานได้ปกติ เพื่อป้องกันปัญหาในการรับโอนเงิน
คุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์รับเงินดิจิทัล 10,000 บาท:
- สัญชาติไทย
- อายุ 60 ปีขึ้นไป ณ วันที่ 15 กันยายน 2567 (เกิดก่อนหรือในวันที่ 16 กันยายน 2507)
- รายได้พึงประเมินไม่เกิน 840,000 บาท สำหรับปีภาษี 2566
- ยอดเงินฝากรวมกันไม่เกิน 500,000 บาท ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567
- ไม่เป็นผู้อาศัยในสถานสงเคราะห์ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2567
- ไม่เป็นผู้ต้องขังตามฐานข้อมูลของกรมราชทัณฑ์ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2567
- ไม่เคยได้รับเงินจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือเป็นคนพิการ
ขั้นตอนการตรวจสอบสิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ”:
- เข้าสู่ระบบแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” และกดปุ่มตรวจสอบสถานะ
- ยืนยันการเข้าถึงข้อมูลและกรอกเบอร์โทรศัพท์มือถือเพื่อรับรหัส OTP
- กรอกรหัส OTP ที่ได้รับและยืนยันหมายเลขโทรศัพท์มือถือ
- อนุญาตให้แอปพลิเคชันเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล
- ระบบจะแสดงสถานะการรับสิทธิ์ตามโครงการ
ข้อความที่จะแสดงในแอปพลิเคชัน:
- หากได้รับสิทธิ์: “ยินดีด้วยคุณได้รับสิทธิโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ” พร้อมคำแนะนำในการตรวจสอบบัญชีธนาคารที่ผูกกับพร้อมเพย์และรอรับการโอนเงินในวันที่ 27 มกราคม 2568
- หากไม่ได้รับสิทธิ์: “ท่านลงทะเบียนสำเร็จ แต่ไม่เป็นผู้สูงอายุ ตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ”
หมายเหตุ: ผู้ที่ไม่สะดวกในการดำเนินการด้วยตนเอง ควรขอความช่วยเหลือจากสมาชิกในครอบครัวหรือบุคคลใกล้ชิด เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างราบรื่นและทันเวลา
วิธีเพิ่มวงเงินบัตรเครดิต SCB พร้อมเคล็ดลับในการขออนุมัติอย่างรวดเร็ว
การเพิ่มวงเงินบัตรเครดิตเป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยให้เรามีความสะดวกในการจัดการการเงินและรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ใช้บัตรเครดิต SCB (ธนาคารไทยพาณิชย์) ที่มอบสิทธิพิเศษและบริการที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในทุกมิติ ในบทความนี้ เราจะมาดูวิธีเพิ่มวงเงินบัตรเครดิต SCB รวมถึงเคล็ดลับที่ช่วยให้คำขออนุมัติวงเงินเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็วที่สุด
1. วงเงินบัตรเครดิต SCB คืออะไร และทำไมต้องเพิ่มวงเงิน?
วงเงินบัตรเครดิต SCB คือจำนวนเงินสูงสุดที่ผู้ถือบัตรสามารถใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตได้ โดยวงเงินนี้ขึ้นอยู่กับรายได้ สถานะทางการเงิน และประวัติการชำระเงินของผู้ถือบัตร การเพิ่มวงเงินบัตรเครดิตมีข้อดีหลายประการ เช่น:
- รองรับค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน เช่น ค่ารักษาพยาบาล หรือการเดินทาง
- เพิ่มอิสระในการใช้จ่าย โดยเฉพาะผู้ที่มีแผนการซื้อสินค้าหรือบริการที่มีราคาสูง
- ช่วยปรับปรุงคะแนนเครดิต (Credit Score) หากใช้งานอย่างระมัดระวัง
2. วิธีเพิ่มวงเงินบัตรเครดิต SCB
ธนาคาร SCB มีสองวิธีหลักสำหรับการขอเพิ่มวงเงินบัตรเครดิต:
2.1 การขอเพิ่มวงเงินชั่วคราว
วงเงินชั่วคราวเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการวงเงินเพิ่มในช่วงเวลาสั้น ๆ เช่น การเดินทางต่างประเทศ การซื้อสินค้าขนาดใหญ่ หรืองานสำคัญในครอบครัว ขั้นตอนมีดังนี้:
- ติดต่อ SCB Call Center ที่หมายเลข 02-777-7777
- แจ้งความประสงค์ขอเพิ่มวงเงินชั่วคราว
- ธนาคารจะตรวจสอบข้อมูลและอนุมัติวงเงินภายในระยะเวลาสั้น ๆ (โดยปกติไม่เกิน 24 ชั่วโมง)
2.2 การขอเพิ่มวงเงินถาวร
สำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มวงเงินถาวร ธนาคารจะพิจารณาจากประวัติการใช้งานบัตร เครดิต และรายได้ปัจจุบัน ขั้นตอนมีดังนี้:
- เตรียมเอกสาร
- สำเนาบัตรประชาชน
- สลิปเงินเดือนหรือหนังสือรับรองรายได้ (อายุไม่เกิน 3 เดือน)
- รายการเดินบัญชีย้อนหลัง (Statement) 3-6 เดือน
- ยื่นคำขอ
- ผ่านแอป SCB EASY
- ยื่นที่สาขาธนาคารไทยพาณิชย์
- รอการอนุมัติ
โดยปกติใช้เวลา 3-7 วันทำการ
3. เคล็ดลับเพิ่มโอกาสอนุมัติวงเงิน
เพื่อเพิ่มโอกาสให้คำขอของคุณผ่านการอนุมัติ ลองใช้เคล็ดลับเหล่านี้:
3.1 มีประวัติการชำระเงินที่ดี
การชำระเงินตรงเวลาและไม่มียอดค้างชำระจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้ธนาคาร
3.2 ใช้บัตรเครดิตอย่างเหมาะสม
ควรใช้วงเงินไม่เกิน 30-50% ของวงเงินที่มีอยู่ และหลีกเลี่ยงการรูดบัตรจนเต็มวงเงิน
3.3 เพิ่มรายได้ที่พิสูจน์ได้
หากคุณมีรายได้เพิ่มเติมจากงานเสริมหรือการลงทุน ให้แนบเอกสารเพื่อยืนยันรายได้ เช่น ใบแจ้งยอดบัญชีธนาคาร
3.4 ใช้สิทธิ์โปรโมชันจากธนาคาร
SCB มักมีโปรโมชันพิเศษสำหรับลูกค้าที่ต้องการเพิ่มวงเงิน เช่น การให้คะแนนสะสมเพิ่มเมื่อขอวงเงินในช่วงโปรโมชัน
4. สิ่งที่ควรรู้ก่อนเพิ่มวงเงินบัตรเครดิต SCB
- ตรวจสอบเงื่อนไขการใช้งาน
บางครั้งการเพิ่มวงเงินอาจมาพร้อมกับการปรับเปลี่ยนเงื่อนไข เช่น อัตราดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียม - ไม่ควรใช้วงเงินเกินความจำเป็น
การเพิ่มวงเงินควรคำนึงถึงความสามารถในการชำระเงินคืน เพื่อป้องกันการเป็นหนี้สะสม - เปรียบเทียบสิทธิประโยชน์
หากคุณมีบัตรเครดิตหลายใบ ควรเปรียบเทียบว่าวงเงินที่เพิ่มมานั้นคุ้มค่ากับสิทธิประโยชน์ที่ได้รับหรือไม่
การเพิ่มวงเงินบัตรเครดิต SCB ไม่เพียงช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้จ่าย แต่ยังช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว หากคุณเตรียมเอกสารครบถ้วน มีประวัติการใช้งานที่ดี และปฏิบัติตามคำแนะนำด้านบน การอนุมัติวงเงินจะไม่ใช่เรื่องยาก
ลองติดต่อ SCB และขอคำปรึกษาเพิ่มเติมเพื่อเลือกแผนวงเงินที่เหมาะสมกับคุณ และอย่าลืมใช้บัตรเครดิตอย่างมีความรับผิดชอบเพื่อประโยชน์สูงสุด!
สมัครบัตรเครดิต American Express ออนไลน์ 2025
หากคุณกำลังมองหาบัตรเครดิตที่ให้สิทธิพิเศษเหนือระดับ พร้อมประสบการณ์ที่คุ้มค่าในทุกมิติของการใช้ชีวิต บัตรเครดิต American Express (Amex) อาจเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ที่สุด ไม่ว่าคุณจะหลงใหลการเดินทาง ชื่นชอบการช้อปปิ้ง หรือต้องการเพิ่มความสะดวกสบายในการทำธุรกรรมประจำวัน บัตร Amex มีทุกสิ่งที่คุณต้องการในแบบที่ไม่เหมือนใคร
เหตุผลที่คุณควรเลือกสมัครบัตรเครดิต American Express
- สิทธิพิเศษด้านการเดินทาง • รับคะแนนสะสมทุกครั้งที่ใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นค่าตั๋วเครื่องบิน โรงแรม หรือบริการการเดินทางอื่นๆ คุณสามารถสะสมคะแนนเพื่อแลกตั๋วเครื่องบินฟรี หรืออัปเกรดที่พักระดับหรูได้ง่ายๆ • บริการ Lounge Access ในสนามบินชั้นนำทั่วโลก สัมผัสประสบการณ์การเดินทางที่ผ่อนคลายและสะดวกสบายยิ่งขึ้น
- สิทธิพิเศษสำหรับการช้อปปิ้ง • รับส่วนลดพิเศษและข้อเสนอสุดพิเศษจากร้านค้าชั้นนำทั่วโลก • ระบบประกันสินค้าและการขยายระยะเวลาการรับประกันสินค้า ให้คุณมั่นใจในการช้อปปิ้งทั้งในและต่างประเทศ
- ประสบการณ์การรับประทานอาหารที่เหนือระดับ • รับส่วนลดและสิทธิพิเศษที่ร้านอาหารระดับพรีเมียม • บริการจองร้านอาหารชื่อดังทั่วโลกผ่านผู้ช่วยส่วนตัว
- ความสะดวกในการทำธุรกรรม • บัตร American Express รองรับการใช้งานในหลายประเทศและหลายสกุลเงินทั่วโลก • ระบบชำระเงินที่ปลอดภัยและทันสมัย พร้อมบริการแจ้งเตือนผ่านแอปพลิเคชันเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน
ประเภทของบัตร American Express ที่เหมาะกับคุณ
- American Express Platinum Card สำหรับผู้ที่ต้องการสิทธิพิเศษในทุกมิติของการใช้ชีวิต บัตรนี้เหมาะกับคุณที่สุด ด้วยสิทธิประโยชน์ครบครัน เช่น บริการผู้ช่วยส่วนตัวตลอด 24 ชั่วโมง การเข้าถึง Lounge ระดับโลก และคะแนนสะสมพิเศษจากทุกการใช้จ่าย
- American Express Gold Card เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสะสมคะแนนได้รวดเร็วและเพลิดเพลินกับข้อเสนอพิเศษในด้านการเดินทางและการรับประทานอาหาร
- American Express Green Card ทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่เริ่มต้นใช้งานบัตรเครดิต Amex พร้อมสิทธิพิเศษพื้นฐานที่คุ้มค่า
วิธีการสมัครบัตรเครดิต American Express
- ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัคร • อายุ 20 ปีขึ้นไป (สำหรับบัตรเสริม ผู้สมัครควรมีอายุ 15 ปีขึ้นไป) • มีรายได้ตามเกณฑ์ที่กำหนดสำหรับบัตรแต่ละประเภท
- เตรียมเอกสารให้พร้อม • สำเนาบัตรประชาชนหรือหนังสือเดินทาง • เอกสารแสดงรายได้ เช่น สลิปเงินเดือนหรือหนังสือรับรองรายได้ • สำเนาบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน
- กรอกใบสมัครออนไลน์หรือที่สาขา คุณสามารถสมัครผ่านเว็บไซต์ American Express หรือไปยังสาขาใกล้บ้านเพื่อกรอกใบสมัครและยื่นเอกสาร
- รอการอนุมัติ การอนุมัติบัตรใช้เวลาประมาณ 7-14 วันทำการ หากเอกสารครบถ้วนและตรงตามเกณฑ์ที่กำหนด
เคล็ดลับการใช้งานบัตร American Express ให้คุ้มค่า
- สะสมคะแนนให้เต็มที่ ใช้บัตรสำหรับการใช้จ่ายในหมวดที่ให้คะแนนสะสมสูง เช่น การเดินทางหรือการรับประทานอาหาร เพื่อสะสมคะแนนได้รวดเร็ว
- ตรวจสอบโปรโมชั่นประจำเดือน American Express มีโปรโมชั่นพิเศษทุกเดือน เช่น ส่วนลดร้านค้า หรือคะแนนสะสมพิเศษ อย่าลืมตรวจสอบและใช้สิทธิ์ให้เต็มที่
- ใช้สิทธิ์ Lounge Access หากคุณเดินทางบ่อย การใช้ Lounge Access จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและผ่อนคลายในระหว่างการเดินทาง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการสมัครบัตร American Express
สมัครบัตร American Express มีค่าใช้จ่ายแรกเข้าและค่าธรรมเนียมรายปีหรือไม่?
ใช่ บัตรแต่ละประเภทมีค่าธรรมเนียมรายปีแตกต่างกัน แต่คุณสามารถได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมในปีแรกหรือแลกรับส่วนลดพิเศษได้ หากสมัครในช่วงโปรโมชั่น
บัตร American Express ใช้ได้ในประเทศไทยหรือไม่?
บัตร Amex ใช้ได้ในร้านค้าหลายแห่งในประเทศไทยและยังครอบคลุมการใช้งานในต่างประเทศอีกด้วย
จะทำอย่างไรหากบัตรสูญหายหรือถูกขโมย?
คุณสามารถติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของ American Express ได้ทันทีเพื่ออายัดบัตรและออกบัตรใหม่โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
การสมัครบัตรเครดิต American Express ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้จ่าย แต่ยังมอบสิทธิประโยชน์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในทุกมิติของชีวิต หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์การใช้บัตรเครดิตที่เหนือระดับ อย่ารอช้า สมัครบัตร American Express วันนี้ แล้วคุณจะได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร
บัตรเครดิตยูโอบีวัน สมัครออนไลน์
บัตรเครดิตยูโอบีวัน คือบัตรเครดิตเงินคืนที่ถือว่าดีที่สุดจากทางธนาคาร UOB เป็นบัตรที่รับคืนได้ทุกวันจากทุกการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต UOB One เป็นบัตรที่เปรียบเสมือนเพื่อร่วมทางสำหรับการมใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ทำให้คุณได้รับเงินคืนทุกๆการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต แถมยังช่วยให้คุณใช้จ่ายได้อย่างคุ้มค่า เพราะว่าผู้ถือบัตรจะได้รับเงินคืนทุกๆการใช้จ่ายนั่นเอง
สมัครบัตรยูโอบีวัน รับเครดิตเงินคืน 2,000 บาท
- โปรโมชั่นสมัครบัตรเครดิต ยูโอบีวัน รับเงินคืน 2,000 บาท
- โปรโมชั่นสมัครบัตรตั้งแต่ 1 มกราคม 2568 ถึง 31 มีนาคม 2568
สิทธิพิเศษบัตรเครดิต ยูโอบีวัน
- รับเครดิตเงินคืน 10% ที่รถไฟฟ้า และ รถไฟฟ้า MRT
- รับเครดิตเงินคืน 10% ที่คาเฟ่อเมซอน
- รับเครดิตเงินคืนที่ 7-11, Grab และ ร้านวัตสัน
รายละเอียดบัตรเครดิต UOB One
- รับเงินคืน 10% และ 5% สำหรับร้านค้าที่ร่วมรายการ
- รับเครดิตเงินคืน 1% สำหรับยอดใช้จ่ายอื่นๆ
- สิทธิซื้อบัตรชมภาพยนต์ 1 ฟรี 1
- รับประกันอุบัติเหตุระหว่างการเดินทาง
- ยิ่งชวนมาก ยิ่งได้มาก แนะนำเพื่อนสมัครบัตร รับเงินคืน 1,000 บาท เมื่อแนะนำเพื่อสำเร็จ 1 คน
- ฟรีค่าธรรมเนียมรายปีแรก 2,000 บาท ในปีถัดไป + VAT 140 บาท
- อายุผู้สมัคร 20-60 ปีอัตรา
ข้อควรรู้ก่อนสมัครบัตร UOB One
- ค่าธรรมเนียมรายปี ปีแรก ฟรี
- ค่าธรรมเนียมสำหรับบัตรหลักในปีถัดไป 2,000 บาท + VAT 140 บาท
- ค่าธรรมเนียมรายปีสำหรับบัตรเสริม 1,000 บาท + VAT 70 บาท
- ค่าธรรมเนียมรายปี สำหรับปีถัดไป จะได้รับการยกเว้นเมื่อมียอดใช้จ่าย ผ่านบัตร UOB One ไม่ต่ำกว่า 60,000 บาท ภายในระยะเวลา 12 รอบบัญชี
- ค่าธรรมเนียมในการเบิกถอนเงินสด 3% ของเงินสดที่ถอนในแต่ละครั้ง
- อัตราการผ่อนชำระขั้นต่ำกว่าร้อยละ 8 ของยอดเงินตามใบแจ้งยอดบัญชีในแต่ละเดือน เริ่มตั้งแต่ 1 มกราคม 2567 ถึง 31 ธันวาคม 2568
- ระยะเวลาในการชำะเงินคืน โดยปลอดดอกเบี้ย หากชำระตามกำหนด สูงสุด 55 วัน นับจากวันที่สรุปยอดรายการครั้งก่อน
เปิดรายละเอียดคุณสมบัติผู้สมัคร
- บัตรหลัก 20-60 ปี
- บัตรเสริม 15-80 ปี
รายได้ต่อเดือน
- รายได้ต่อเดือนคนไทย 15,000 บาท ขึ้นไป
- รายได้ต่อเดือนสำหรับชาวต่าวชาติ 50,000 บาทขึ้นไป
อายุงาน
- พนักงานประจำ 4 เดือน ต้องผ่านการทดลองงาน
- เจ้าของกิจการ 3 ปี
เอกสารประกอบการพิจาณา
- สำเนาบัตรประชาชน สำหรับคนไทย, สำเนาทะเบียนบ้าน, หนังสือรับรองรายได้, สลิปเงินเดือน เดือนล่าสุด, สำเนาบัญชีส่วนตัว
- ต่างชาติ ใช้สำเนาหนังสือเดินทาง, ใบอนุญาตทำงาน, หนังสือรับรองรายได้, สลิปเงินเดือน เดือนล่าสุด, สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท, สำเนาบัญชีส่วนตัว
รายละเอียดการสมัครบัตรเครดิต UOB แต่ละประเภท
กรมบัญชีกลางชี้แจง เรื่องการแจกเงิน 10,000 บาท
จากการเปิดเผยข้อมูลล่าสุด จากกรมบัญชีกลางได้ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับเงิน 10,000 บาท ซึ่งเป็นเงินดิจิทัล 10,000 บาท ให้กับกลุ่มผู้สูงวัย เด็ก และ คนพิการ ได้รับเงิน มกราคม 2568 นั้น ทางกรมบัญชีกลางแนะนำให้ตรวจาอบก่อนเชื่อ มาพร้อมกับเงื่อนไขแจกเงิน 10,000 บาทเฟส 2 ซึ่งระยะเวลาในการประกาศรายชื่อผู้ที่มีสิทธิ์ได้รับเงินจะได้รับจากแอป ทางรัฐ หลายคนยังสงสัยว่าเงินจะเข้าวันไหน สามารถไปตรวจสอบได้ด้านล่างเลย
ทางกรมบัญชีกลาง ได้ออกมาตรวจสอบประเด็นเกี่ยวกับข่าวกระทรวงการคลัง ได้มีการโอนเงินเยียวยากลุ่มผู้สูงอายุ ในเดือนมกราคม 2568 คิดเป็นจำนวนเงิน 10,000 บาท ไม่ใช่ 11,000 บาท ตามที่มีกระแสข่าวบนโลกออนไลน์ รวมไปถึงการแชร์ภาพข่าวปลอมดังกล่าวด้วย
ทางกรมบัญชีกลางได้ออกมาเปิดเผยถึงประเด็นที่ว่า กระทรวงการคลังได้โอนเงินเยียวยากลุ่มผู้สูงอายุผ่านแอปพลิเคชั่นทางรัฐ ซึ่งผู้ที่ได้รับสิทธิจะต้องเป็นผู้ที่มีสัญชาติไทย และ มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ณ วันที่ 15 กันยายน 2567 หรือ เกินก่อนวันที่ 16 กันยายน 2507 ทางกรมบัญชีกลางยังออกมาย้ำว่า ยังไม่มีการจ่ายเงินเยียวยาให้กับเด็ก หรือ คนพิการ แนะนำว่าอย่าสับสน ข้อมูลที่ถูกส่งต่อๆกัน อาจจะเป็นข้อมูลที่ผิด
แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 2 ล่าสุดใครได้รับเงินบ้าง
- ผู้ที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่นทางรัฐ ตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 23 เมษายน 2567
- เป็นบุคคลที่มีสัญชาติไทย
- มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ณ วันที่ 15 กันยายน 2567 หรือ เกิดก่อนวันที่ 16 กันยายน 2507
- .ไม่เป็นผู้ที่มีเงินฝากรวมกันเกิน 500,000 บาท ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567
- ไม่เป็นผู้ที่มีเงินได้พึงประเมินเกิน 840,000 บาท สำหรับปีภาษี 2566
- ไม่เป็นผู้อยู่ในวถานสงเคราะห์ในสังกัด กระทรวงการพัฒนาสังคม และ ความมั่นคงของมนุษย์ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2567
- ไม่เป็นผู้ต้องขัง 4 ประเภท ได้แก่นักโทษเด็ดขาด, ผู้ต้องขังระหว่างผู้ต้องกักขัง และ ผู้ต้องกักกัน ตามฐานข้อมูลของกรมราชทัณฑ์ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2567
- ไม่เป็นกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และ คนพิการ
รายละเอียดแจกเงิน 10,000 บาท เฟส 2 ให้กับผู้สูงอายุ
- การจ่ายเงินกับกลุ่มเป้าหมายไม่สำเร็จในครั้งแรก จะมีการดำเนินการจ่ายเงินซ้ำ ให้กับกลุ่มเป้าหมายที่จ่ายเงินไม่สำเร็จครั้งแรก 3 ครั้ง
- หากพ้นกำหนดการจ่ายเงินซ้ำ ครั้งที่ 3 ไปแล้ว รัฐจะทำการยุติการจ่ายเงินให้กับกลุ่มเป้าหมาย และ ถือว่ากลุ่มเป้าหมาย ไม่ประสงค์รับเงินภายใต้โครงการ
กระทรวงการคลังจะมีการประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รับสิทธิรับเงินผ่านแอปพลิเคชั่น ทางรัฐ ซึ่งเป็นช่องทางเดียวกับที่เปิดให้ลงทะเบียน ซึ่งประชาชนสามารถตรวจสอบรายชื่อได้ประมาณวันที่ 20 – 21 มกราคม 2568
เงิน 10,000 บาทเฟส 2 จะใช้งบประมาณประมาณ 40,000 ล้าน บาท โดยผู้ที่ได้รับเงินจะได้รับก่อนวันตรุษจีน 2568 หรือวันที่ 29 มกราคม 2568
เงินช่วยเหลือ ผู้สูงอายุ เงินคนพิการ และ เงินเด็กเข้าบัญชีแล้ว
วันที่ 10 มกราคม 2568 3 กลุ่มเปราะบาง วันนี้มีเงินเข้าบัญชีแล้ว สำหรับใครที่ยังมีคำถามว่า ใครได้เงินบ้าง แล้วเงินช่วยเหลือผู้สูงอายุ, เงินเยียวยา เงินอุดหนุนบัตร และ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เบี้ยคนพิการ เข้าเกณฑ์จ่ายเงินเข้าบัญชี มกราคม 2568 สำหรับผู้ที่ได้ลงทะเบียนเอาไว้ สามารถเข้าไปตรวจสอบเงินโอนเข้าบัญชีได้ผ่านแอปทางรัฐ แอปเงินเด็กซึ่งประชาชนมีสิทธิเปิดลงทะเบียนเงินผู้สูงอายุ
CreditCardTH ได้ตรวจสอบข้อมูล และติดต่อการโอนเงินช่วยเหลือล่าสุดเกี่ยวกับการเยียวยากลุ่มเปราะบาง วันนี้มีเงินเข้าบัญชีแล้วสำหรับกลุ่มเปราะบาง ใครได้รับเงินบ้าง สามารถตรวจสอบเพิ่มเติมได้ด้านล่างเลย
เงินเยียวยากลุ่มเปราะบางได้แก่ เงินช่วยเหลือผู้สูงอายุ, เงินอุดหนุนบุตร, เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และ เงินคนพิการ สำหรับคนที่เข้าเกณฑ์การจ่ายเงิน จะได้รับเงินโอนเข้าบัญชีวันที่ 10 มกราคม 2568 ทางด้านกรมบัญชีกลาง ได้ย้ำประชาชนที่มีสิทธิ ให้ลงทะเบียนเงินผู้สูงอายุรอบใหม่ได้เงินใช้ทุกเดือน
กลุ่มเปราะบางเงินช่วยเหลือผู้สูงอายุ เดือนมกราคม 2568 เบี้ยยังชีพผู้สูงอายึ โอนเงินวันไหนได้กี่บาท สามารถเช็คได้ด้านล่าง
ตารางจ่ายเงินเบี้ยผู้สูงอายุ 2568
- เดือนมกราคม 2568 เงินโอนเข้าวันศุกร์ที่ 10 มกราคม 2568
เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเดือนมกราคม 2568 จ่ายแบบขั้นบันได
- ผู้สูงอายุ 60-69 ปี รับเบี้ยยังชีพเป็น 600 บาท
- ผู้สูงอายุ 70-79 ปี รับเบี้ยยังชีพเป็น 700 บาท
- ผู้สูงอายุ 80-89 ปี รับเบี้ยยังชีพเป็น 800 บาท
- ผู้สูงอายุ 90 ปีขึ้นไป รับเบี้ยยังชีพเป็น 1,000 บาท
ทำบัตรเครดิตผ่านตัวแทน หรือ สมัครผ่านออนไลน์ อันไหนดีกว่า
ปัจจุบันการสมัครบัตรเครดิต เพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวันหรือสมัครเพื่อนำมาผ่อนสินค้า หรือ บริการถือว่าเป็นเรื่องปกติมากๆ ซึ่งผู้บริโภคอย่างเราๆ สามารถเลือกสมัครกับทางสถาบันการเงินชั้นนำต่างๆในประเทศไทยได้ง่ายๆ ส่วนใหญ่แล้วจะมี 2 ตัวเลือกหากเราต้องการสมัครบัตรเครดิตโดย สมัครผ่านทางเซลล์ หรือ คลิกสมัครผ่านทางออนไลน์ด้วยตัวเอง โดยกรอกข้อมูลง่ายๆ ไม่กี่อย่าง แล้วรอธนาคารติดต่อกลับ
คนไทยหลายคนเลยมีคำถามว่าถ้าจะสมัครบัตรเครดิตสักใบ เราจะเลือกสมัครผ่านตัวแทนดีกว่าไหม จะโดนเอาเอกสารไปใช้อย่างอื่นรึเปล่า หากสมัครกับทางตัวแทน อันนี้เป็นอะไรที่ผู้สมัครหลายๆท่านให้ความกังวลเรื่องความปลอดภัยของเอกสาร ทำให้เลือกสมัครผ่านทางออนไลน์กันเป็นส่วนใหญ่
การสมัครบัตรเครดิตผ่านตัวแทนนั้น จะปลอดภัยหากว่าเราเลือกตัวแทนที่เชื่อถือได้ ยกตัวอย่างเช่น การเปิดบูธต่างๆของทางธนาคาร ที่ห้างสรรพสินค้า ซึ่งตัวแทนเหล่านี้ จะมีการติดต่อกับทางธนาคารโดยตรง จะมีรายละเอียดต่างๆที่ครบ สามารถตรวจสอบได้ เนื่องจากจะมีสมัครงานช่วยดูแลในเรื่องเอกสารต่างๆ ว่าครบถ้วนถูกต้องหรือไม่ และ ยังให้คำแนะนำสำหรับผู้สมัครได้ดีอีกด้วย ตัวแทนสมัครบัตรเครดิตบางท่าน ยังช่วยผู้สมัครดูในเรื่องของตัวเลขบัญชี ว่าคุณสามารถสมัครผ่านหรือไม่ ด้วยตัวเลขบัญชีเท่านี้ เป็นต้น
นอกจากนี้ตัวแทนที่ให้บริการสมัครบัตรเครดิต โดยมากจาะส่งเอกสารไปยังสำนักงานใหญ่ หรือ หน่วยงานที่จัดการเรื่องบัตรเครดิตโดยตรง ตรวจสอบได้ และ สามารถพิจารณาบัตรเครดิตได้อย่างรวดเร็ว กว่าการสมัครผ่านสาขาของธนาคาร ส่วนมากของสาขาธนาคารจะมีรอบการส่งเอกสารแต่ละสัปดาห์ แตกต่างจากการสมัครผ่านช่องทางออนไลน์บนเว็บไซต์ ส่วนมากจะต้องส่งเอกสารตามหลัง ซึ่งอาจจะใช้เวลาที่นานกว่า แต่จะได้รับความสะดวกสบายมากกว่า เนื่องจากจะมีพนักงานติดต่อกลับ
ทำบัตรเครดิตผ่านตัวแทน น่ากลัวหรือไม่?
การสมัครบัตรเครดิตผ่านตัวแทนนั้นไม่น่ากลัวอย่างที่คิด เนื่องจากเอกสารทุกอย่างที่เรากรอก ทางตัวแทนจะให้เราเซ็นชื่อกำกับทุกครั้ง ว่าใช้ทำอะไร โดยตัวแทนจะมีตราประทับปั้มมาให้ ทำให้เรามั่นใจได้ในระดับนึงว่าเอกสารของเรา จะไม่ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด นอกจากนี้หลายๆคนอาจจะสงสัยว่าการสมัครบัตรเครดิตผ่านตัวแทนนั้น มีโอกาสที่ได้รับบัตรมากกว่าสมัครผ่านทางออนไลน์หรือไม่ ต้องตอบตรงนี้ว่า ไม่เกี่ยวกับ จะสมัครผ่านตัวแทน หรือ สมัครผ่านทางออนไลน์ โอกาสที่จะสมัครบัตรเครดิตผ่านนั้นเท่ากันหมด เนื่องจากทางธนาคารจะตรวจสอบข้อมูลของเราโดยละเอียด ว่ามีคุณสมบัติที่จะสมัครบัตรเครดิตผ่านหรือไม่ รายได้เหมาะกับการสมัครบัตรเครดิตแบบไหน
สมัครบัตรเครดิตผ่านทางเว็บไซต์ดียังไง?
หลายคนที่กำลังตัดสินใจจะสมัครบัตรเครดิตผ่านทางออนไลน์อยู่ตอนนี้อาจจะมีคำถามว่า ถ้าเลือกสมัครบัตรเครดิตผ่านทางออนไลน์นั้นจะดีกว่าไหม แล้วมันดีกว่ายังไง ต้องตอบตรงนี้เลยว่า การสมัครบัตรเครดิตผ่านทางออนไลน์นั้น เราสามารถดูและ เปรียบเทียบบัตรเครดิตได้อย่างละเอียด แถมยังสามารถดูรีวิวจากการสมัครบัตรของลูกค้าท่านอื่นได้อีกด้วย ซึ่งการสมัครบัตรผ่านตัวแทนเราอาจจะเปรียบเทียบได้น้อยกว่า ไม่ว่าจะเป็น โปรโมชั่นของบัตรเครดิตต่างๆ, การแลกคะแนนสะสม รวมไปถึงโปรโมชั่นต่างๆ ของบัตรเครดิตนั้นๆ
นอกจากนี้การสมัครบัตรเครดิตผ่านทางออนไลน์นอกจากจะได้เปรียบเทียบบัตรเครดิตแล้ว เรายังสามารถเช็คสิทธิพิเศษต่างๆ ที่บางครั้งตัวแทนไม่ได้บอกเรา แต่กลับมีข้อมูลบนเว็บไซต์ที่มากกว่า เนื่องจากการให้ข้อมูล และ รายละเอียดนั้นมันละเอียดและลึกกว่าที่ตัวแทนจะอธิบายให้เรานั่นเอง อีกอย่างก็คือการเลือกสมัครผ่านทางออนไลน์นั้นมันง่าย สะดวกบายกว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถสมัครได้ จุดเด่นที่สำคัญแถมยังเป็นจุดดึงดูดให้ผู้ที่ต้องการสมัครบัตรเครดิต สมัครผ่านทางออนไลน์ก็คือ โปรโมชั่นเฉพาะสมัครบัตรเครดิตผ่านช่องทางออนไลน์ ที่เหนือกว่าการสมัครผ่านตัวแทน ยกตัวอย่างเช่น การแจกของพวกหูฟัง, Cash Voucher ต่างๆ ที่มีให้เฉพาะลูกค้าที่เลือกสมัครผ่านทางออนไลน์เท่านั้น
กรุงเทพฯติดอันดับ เมืองที่มีมลพิษสูงสุดที่ในโลกอันดับ 9
จากการอัพเดทข้อมูลดัชนีคุณภาพอากาศแบบ Realtime ของ IQAir วันที่ 9 มกราคม 2568 เวลาโดยประมาณ 8.30 กรุงเทพมหานครของเรา ติดอันดับเมืองใหญ่ที่มีมลพิษมากที่สุดในโลก โดยมีคะแนนดัชนีคุณภาพอากาศ AQI อยู่ที่ 163 คะแนน ซึ่งคะแนนระดับนี้ มีผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน คนที่เป็นโรคทางเดินหายใจ หรือ ภูมิแพ้ อาการอาจจะกำเริบได้ แนะนำไม่ให้ทำกิจกรรมกลางแจ้ง และใส่หน้ากากอนามัยเพื่อลดเความเสียง สำหรับมิลพิษหลักที่ทำให้ระดับมลพิษของกรุงเทพฯสูงขนาดนี้ก็คือ PM2.5 นั่นเองอยู่ที่ 72.5 µg/m³ เป็นระดับที่สูงกว่าเกณฑ์แนะนำประจำปีขององค์การอนามัยโลกถึง 14.5 เท่า
นอกจากกรุงเทพฯแล้ว ประเทศไทยยังมีจังหวัดเชียงใหม่ที่ติดอันดับ 14 เมืองที่มีมลพิษสูงที่สุดในโลกอีกเช่นเดียวกัน สำหรับอับดับดัชนีคุณภาพอากาศ หรือ AQI นั่นจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เป็นข้อมูลแบบ Realtime สำหรับใครที่สนใจอยากจะตรวจสอบข้อมูลแบบ Realtime สามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ IQAir เพื่อตรวจสอบข้อมูลด้วยตัวของท่านเอง
เปิด 10 อันดับเมืองใหญ่ที่มีมลพิษมากที่สุดในโลก ณ วันที่ 9 มกราคม 2568
- นิวเดลี ประเทศอินเดีย AQI 281
- ละฮอร์ ประเทศปากีสถาน AQI 198
- กินชาซา ประเทศคองโก AQI 191
- กัมปาลา ประเทศยูกันดา AQI 189
- ธากา ประเทศบังคลาเทศ AQI 187
- ฮานอย ประเทศเวียดนาม AQI 183
- มานามา ประเทศบาห์เรน AQI 164
- กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย AQI 163
- โฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม AQI 161
IQAir คืออะไร?
IQAir คือบริษัทเทคโนโลยี ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับคุณภาพอากาศระดับโลก ซึ่งการให้ข้อมูลของบริษัท IQAir นั้นเป็นข้อมูลในรูปแบบ Realtime บริษัทนี้สามารถให้ข้อมูลแบบ Realtime ได้ก็เพราะว่ามีเครื่องตรวจจับคุณภาพอากาศที่ถูกวางไว้ทั่วโลก ทำให้ IQAir สามารถบอกข้อมูลคุณภาพอากาศได้ตรงมากๆ การให้ข้อมูลของ IQAir นั้นจะให้ผ่าน AirVisual ที่ดัชนีคุณภาพอากาศของสหรัฐ หรือ US AQI ที่ถูกพัฒนาขึ้นจากทางสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของสหรัฐอเมริกานั่นเอง เป็นเครื่องมือที่ถูกใช้เพื่อการสื่อสารว่าอากาศที่เราหายใจเข้าไปนั้นมีมลพิษมากน้อยแค่ไหน และ มีผลต่อสุขภาพของมนุษย์หรือไม่
ดัชนี AQI สามารถวัดระดับมลพิษทางอากาศได้ทั้งหมด 5 ชนิดด้วยกัน
- PM2.5 ฝุ่นที่มีอนุภาคขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน ซึ่้งสามารถแทรกซึมเข้าไปในปอดของมนุษย์ และ เข้าสู่กระแสเลือดได้
- PM10 ฝุ่นที่มีอนุภาพขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน เป็นฝุ่นที่ทำให้เกิดปัญหาทางเดินหายใจได้
- O3 โอโซน เป็นก๊าซที่อาจจะทำให้เกิดปัญหางเดินหายใจ และ ปัญหาสุขภาพอื่นๆ
- NO2 ไนโตรเจนไอออกไซด์ สามารถทำให้ทางเดินหายใจเกิดการระคายเคืองและทำให้เกิดโรคทางเดินหายใจกำเริบได้
- CO คาร์บอนมอนอกไซด์ เป็นก๊าซที่ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น อาจทำให้เกิดอันตรายหากสูดดมในปริมาณมาก
เปิดตารางรับเงินอุดหนุนบุตร 2568
สำหรับใครที่กำลังรอรายละเอียดการจ่ายเงินอุดหนุนบุตรอยู่ในตอนนี้ ทางกรมบัญชีกลางได้ออกมาเปิดเผย เกี่ยวกับการโอนเงินว่าจะจ่ายเงินเข้าบัญชีวันไหนบ้างในปี 2568 รวมไปถึงเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ, เบี้ยคนพิการ และ ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สำหรับรอบจ่ายครั้งแรก ของเงินอุดหนุนบุตรในปี 2568 นั้นจะตรงกับวันที่ 10 มกราคม 2568 นี้ มาพร้อมกับขั้นตอนการลงทะเบียนรับเงินช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง
กรมบัญชีกลางได้ออกมาเปิดเผยรายละเอียดการจ่ายเงินเยียวยากลุ่มเปราะบางตลอดปี 2568 ว่าจะทำการโอนเงินวันไหนบ้างสำหรับเบี้ยยังชีพ, เบี้ยผู้สูงอายุ, เบี้ยคนพิการ และ ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มาพร้อมกับขั้นตอนการลงทะเบียนรับเงินช่วยเหลือ
เงินอุดหนุนบุตร เบี้ยเด็กแรกเกิด มกราคม 2568 เงินเข้าบัญชีวันไหน
กรมบัญชีกลางแจ้งว่า เงินอุดหนุนบุตรจะถูกโอนเข้าบัญชี ผู้ที่ได้รับสิทธิในวันที่ 10 มกราคม 2568 โดยจะทำการยึดหลักเกณฑ์จ่ายเงินเข้าบัญชี ทุกๆวันที่ 10 ของเดือนถ้าหากเดือนไหนตรงกับวันเสาร์ และ วันอาทิตย์ หรือ วันหยุดราชการ จะทำการจายเงินเด็กแรกเกิดเข้าบัญชีล่วงหน้าก่อนวันหยุด
สามารถตรวจสอบเงินอุดหนุนบุตรผ่านช่องทางไหนได้บ้าง?
- ตรวจสอบผ่านเว็บไซต์ กรมกิจการเด็กและเยาวชน
- ตรวจสอบผ่านแอปพลิเคชั่น ทางรัฐ
- ตรวจสอบผ่านแอปพลิเคชั่น เงินเด็ก
การลงทะเบียนขอรับเงินอุดหนุนบุตร เบี้ยเด็กแรกเกิด
การขอรับเงินอุดหนุนเงินเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด และ เด็กที่มีสัญชาติไทยนั้น ผู้ปกครองสามารถยื่นคำร้องได้ในพื้นที่ที่เด็กแรกเกิด และ ผู้ปกครองอาศัยอยู่จริง ไม่จำเป็นจะต้องอยู่ตามทะเบียนบ้าน สำหรับรายพื้นที่ในการลงทะเบียนสามารถดูเพิ่มเติมได้ด้านล่าง
- กรุงเทพมหานคร ลงทะเบียนได้ที่สำนักงานเขต
- เมื่อพัทยา ลงทะเบียนได้ที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา
- ส่วนภูมิภาค ลงทะเบียนได้ที่องค์การบริหารส่วนตำบล หรือ เทศบาล
- ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่น เงินเด็ก ทั้งนี้ผู้ปกครองจะต้องพิสูจน์ และ ยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชั่น ThaiID ของกรมการปกครองก่อน เมื่อตรวจสอบสิทธิผ่านแล้วจะได้รับเงินที่มีผลตั้งแต่เดือนที่ลงทะเบียนรับเงิน
สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่กรมกิจการเด็กและเยาวชนโทร 082-091-7245, 082-037-9767, 083-431-3533, 065-731-3199 หรือ ติดต่อที่ศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน 1300
วันจ่ายเงินอุดหนุนบุตร 2568
- วันศุกร์ที่ 10 มกราคม 2568
- วันจันทร์ที่ 10 มีนาคม 2568
- วันพฤหัสบดีที่ 10 เมษายน 2568
- วันศุกร์ที่ 9 พฤษภาคม 2568
- วันอังคารที่ 10 มิถุนายน 2568
- วันพุธที่ 9 กรกฎาคม 2568
- วันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม 2568
- วันพุธที่ 10 กันยายน 2568