เปิดขายพันธบัตรออมทรัพย์บนแอปเป๋าตัง อายุ 10 ปี

พันธบัตรออมทรัพย์  เปิดให้ประชาชนเข้าไปซื้อบนแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง อายุ 10 ปี ดอกเบี้ยเฉลี่ยปีละ 2.49% วงเงิน 5,000 ล้าน ลงทุนขั้นต่ำ 100 บาท ซื้อเพิ่มครั้งละ 100 บาท จากประกาศกระทรวงการคลัง ได้มีการเตรียมจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์บนวอลเล็ต สบม. อายุ 10 ปี วงเงิน 5,000 ล้านบาท บนแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง จ่ายอัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันได

  • ปีที่ 1-3 อัตราดอกเบี้ย 1.70% ต่อปี
  • ปีที่ 4-7 อัตราดอกเบี้ย 2.40% ต่อปี
  • ปีที่ 8-10 อัตราดอกเบี้ย 3.40% ต่อปี

คิดอัตราดอกเบี้ยเป็น 2.49% ต่อปี โดยจะมีการจ่ายดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน ลงทุนขั้นต่ำเพียง 100 บาท ซื้อเพิ่มได้ครั้งละ 100 บาท วงเงินซื้อสูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 20 ล้านบาทต่อคน ใช้วิธีการจัดสรรแบบ First come First Served มาก่อนได้สิทธิ์ก่อน หากวงเงินจำหน่ายคงเหลือน้อยกว่าวงเงินที่ซื้อ ผู้ซื้อจะไม่ได้รับการจัดสรรและจะคืยเงินให้กับผู้ซื้อทั้งจำนวน โดยไม่มีการจ่ายดอกเบี้ยหรือค่าตอบแทนอื่นๆ จำหน่ายให้กับบุคคลธรรมดาที่มีสัญชาติไทย ที่มีอายุ 15 ปี ขึ้นไปตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม 2568 ไปจนถึงวันที่ 7 สิงหาคม 2568

สำหรับผู้ที่สนใจจะซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ สามารถดาวห์โหลดแอปฯเป๋าตังได้ตั้งแต่วันนี้เพื่อดำเนินการลงทะเบียน ยืนยันตัวตนและเติมเงินเข้าวอลเล็ต สบม. ผ่าน Mobile Banking หรือผูกกับบัญชีธนาคารกรุงไทย รวมถึงเติมเงินด้วย Wallet ID ที่เคาน์เตอร์ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา สำหรับผู้ที่ซื้อผ่านช่องทางดังกล่าวไม่ทัน ทางสำนักงานบริหารหนี้ สาธารณะ หรือ สบน. ยังเปิดจำหน่ายผ่านธนาคารตัวแทนจำหน่าย 6 ธนาคารได้แก่

  1. ธนาคารกรุงไทย จำกัดมหาชน
  2. ธนาคารกรุงเทพ จำกัดมหาชน
  3. ธนาคารกสิกรไทย จำกัดมหาชน
  4. ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัดมหาชน
  5. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัดมหาชน
  6. ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด มหาชน

วงเงินรวมทั้งหมด 15,000 ล้านบาท รุ่นอายุและอัตราดอกเบี้ย รุ่นอายุ 10 ปี จำหน่ายตั้งแต่วันที่ 4-6 สิงหาคม 2568 เวลา 08.30 น. – 15.00 น. โดยอัตราดอกเบี้ยเป็นแบบ ขั้นบันได

  • ปีที่ 1-3 อัตราดอกเบี้ย 1.70% ต่อปี
  • ปีที่ 4-7 อัตราดอกเบี้ย 2.40% ต่อปี
  • ปีที่ 8-10 อัตราดอกเบี้ย 3.40% ต่อปี

อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยตลอดอายุพันธบัตร เท่ากับร้อยละ 2.49 ต่อปี โดยวิธีการจัดสรรแบบ Small Lot First หรือทยอยจัดสรรพันธบัตรเป็นรอบๆ รอบละ 1,000 บาท โดยเวียนจนครบผู้ซื้อทุกราย ลำดับการจองซื้อก่อน หลังไม่มีผลต่อการจัดสรร ในกรณีที่วงเงินในรอบสุดท้าย ไม่เพียงพอต่อการจัดสรร ระบบจะใช้วิธีสุ่ม (Random) เพื่อจัดวรรให้ครบตามวงเงินจำหน่าย ผู้ซื้อจะทราบผลการจัดสรรและได้รับเงินคืน กรณีไม่ได้รับการจัดสรร หรือ ได้รับไม่ครบ ภายในวันที่ 7 สิงหาคม 2568 รายละเอียด และ เงื่อนไขเพิ่มเติม เป็นไปตามเอกสารจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง

 

 

เงินผู้สูงอายุเดือนกรกฎาคม 2568 จ่ายแล้ว

สำนักงานประกันสังคม แจ้งว่ามีการจ่ายเงินแล้ว 7,500 บาท ให้กับผู้สูงอายุ เงินบำนาญชราภาพ เงินก้อนใหญ่รายเดือนกรกฎาคม 2568 เงินช่วยเหลือค่าครองชีพสำคัญผู้เกษียณอายุ สำหรับเงื่อนไขการรับเงิน และ สูตรคำนวณเงินที่จะได้รับหลังจ่ายเงินสมทบทุกเดือนที่ทำงาน สามารถดูรายละเอียดได้ด้านล่าง

ข่าวดีสำหรับผู้สูงอายุ 55 ปี ที่เป็นผู้ประกันตนทั่วประเทศ สำนักงานประกันสังคม สปส. ได้ดำเนินการโอนเงินบำนาญชราภาพ ประจำเดือนกรกฎาคม 2568 เข้าบัญชีผู้ประกันตนเรียบร้อยแล้วในวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 เงินก้อนโตสูงสุด สามารถรับได้ถึง 7,500 บาทต่อเดือน ถือเป็นเงินช่วยเหลือค่าครองชีพที่สำคัญสำหรับผู้เกษียณอายุ สำหรับเงื่อนไข และ รายละเอียดรวมไปถึงสูตรคำนวณเงินที่จะได้รับอ่านต่อเพิ่มเติมได้ด้านล่าง

เงินบำนาญชราภาพ กรกฎาคม 2568

วันที่ 25 ของทุกๆเดือนจะเป็นวันที่มีการจ่ายเงินบำนาญชราภาพ แต่ถ้าหากว่าวันที่ 25 ของเดือนไหนตรงกับวันหยุดราชการ เสาร์ – อาทิตย์ หรือ วันหยุดนักขัตฤกษ์ ทางสำนักงานประกันสังคม จะเลื่อนการจ่ายเงินเป็นวันทำการก่อนวันหยุดดังกล่าว เพื่อให้ผู้ประกันตนได้รับเงินอย่างต่อเนื่องไม่ต้องรอข้ามวันหยุด

สูตรคำนวณเงินบำนาญชราภาพ 2568 รับสูงสุด 7,500 บาท ต่อเดือน

วิธีคำนวณเงินบำนาญชราภาพ จะได้รับเท่าไหร่ ทางสำนักงานประกันสังคม มีสูตรคำนวณที่ชัดเจน โดยเงินบำนาญชราภาพ จะคำนวณจากร้อยละของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้ายก่อนเกษียณ ซึ่งอัตราเงินบำนาญชราภาพจะแตกต่างกันไปตามระยะเวลาของการส่งเงินสมทย ยิ่งส่งนานยิ่งได้มาก

  • ส่งเงินสมทบ 15-20 ปี รับประมาณ 3,000 – 4,125 บาทต่อเดือน
  • ส่งเงินสมทบ 21-25 ปี รับประมาณ 4,350 – 5,250 บาทต่อเดือน
  • ส่งเงินสมทบ 26-30 ปี รับประมาณ 5,475 – 6,375 บาทต่อเดือน
  • ส่งเงินสมทบ 31-35 ปี รับประมาณ 6,600 – 7,500 บาทต่อเดือน

หลักเกณฑ์การยื่นขอรับสิทธิ ได้เงินเร็วขึ้น ทำยังไง?

  • เงินบำเหน็จชราภาพ เงินก้อน ผู้ประกันตนจะได้รับเงินภายใน 7-10 วันทำการ หลังจากที่ได้รับการอนุมัติ
  • เงินบำนาญชราภาพ รายเดือนหลังจากได้รับการอนุมัติแล้ว เงินจะโอนเข้าบัญชีภายในวันที่ 25 ของเดือนถัดไป

เปิดคุณสมบัติสำคัญ ใครที่มีสิทธิรับเงินบำนาญชราภาพ 2568

  • ต้องมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์
  • สิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตน ความเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 พนักงานบริษัท หรือมาตรา 39 ผู้ประกันตนโดยสมัครใจ ต้องสิ้นสุดลง

 

เปิดรายละเอียด สภาพอากาศเมืองไทยต้นเดือน สิงหาคม 2568

สภาพอากาศเมืงไทย กรมอุตุนิยมวิทยา เผยต้นเดือนสิงหาคม 2568 ทั่วไทยมีฝนตกต่อเนือง แต่มีแนวโน้มฝนลดลง จากอิทธิพลของร่องมรสุมพาดผ่านโดยอัพเดทผลการพยากรณ์ฝนสะสมรายวันทุกๆ 24 ชั่วโมง นับตั้งแต่ 7.00 น. ถึง 7.00 น. วันรุ่งขึ้น และ ลมระดับ 925hPa 750 เมตร 15 วันล่วงหน้า ระหว่าง 29 กรกฎาคม 2568 ถึง 12 สิงหาคม 2568 จากศูนย์พยากรณ์อากาศระยะกลางยุโรป วิเคราะห์ตามผลจากแบบจำลอง เฉดสีแดงหมายถึงฝนหนัก สีเขียวหมายถึงฝนเล็กน้อย

ส่วนภาคอื่นจะยังคงมีฝนบางแห่ง จากอิทธิพลของร่องมรสุม และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมมีเริ่มมีกำลังอ่อนลงบ้าง สำหรับภาคใต้จะเริ่มมีฝนเพิ่มขึ้น คลื่นลมมีกำลังปานกลางโดยเฉพาะทะเลอันดามันตอนบน ชาวเรือชาวประมง ต้องเดินเรือด้วยความระมัดระวัง ยังต้องระวังคลื่นลมยังมีกำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรง ช่วงวันหยุดผู้ที่เดินทางไปภาคเหนือที่ที่เกิดอุทกภัยต้องตรวจสอบเส้นทางก่อนออกเดินทาง ระยะนี้ยังไม่มีพายุที่จะเคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย ไม่น่าวิตกและกังวล ฝนที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่ยังมาจากอิทธิพลของมรสุมตามฤดูกาล สำหรับข้อมูลหรือเส้นทางของพายุฯ อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ เนื่องจากยังมีปัจจัยอื่นๆมาเกี่ยวข้องในช่วงที่พายุกำลังเข้าใกล้ชายฝั่ง ใช้เป็นแนวทางประกอบการตัดสินใจและติดตามสภาพอากาศเบื้องต้น

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน และอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามัน และ อ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือไปบริเวณที่มรฝนฟ้าคะนอง

กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ สำหรับประเทศ”ทย 06.00 ถึง 06.00 วันพรุ่งนี้

  • กรุงเทพ และ ปริมณฑล มีฝนตกร้อยละ 60 ของพื้นที่และ มีฝนตกหนักบางแห่ง
  • ภาคเหนือ มีฝนตกหนักร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนตกร้อยละ 70 ของพื้นที่ และ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง
  • ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่ และ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง
  • ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70 ของพื้นที่ และ มีฝนตกหนักมากบางแห่ง
  • ภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่
  • ภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกร้อยละ 20 ของพื้นที่

 

ผ่อนไอ โฟน 17 บัตรเครดิตใบไหนดี รีวิวเปรียบเทียบปี 2025

เมื่อไอโฟน 17 เปิดตัว กลายเป็นกระแสที่หลายคนตั้งตารอ และหนึ่งในคำถามยอดฮิตก็คือ “ถ้าจะผ่อน ไอ โฟน 17 ใช้บัตรเครดิตใบไหนดีถึงจะคุ้มสุด?” เพราะทุกธนาคารต่างงัดโปรโมชั่นผ่อน 0% นานหลายเดือน และให้เครดิตเงินคืน หรือคะแนนสะสมแลกส่วนลดเพิ่มเติม มาดูรีวิวเปรียบเทียบบัตรเครดิตที่เหมาะสำหรับผ่อนไอโฟน 17 พร้อมเทคนิคเลือกให้เหมาะกับแต่ละไลฟ์สไตล์

เทคนิคเลือกบัตรเครดิตสำหรับผ่อนไอ โฟน 17 ให้คุ้มที่สุด

1. เลือกบัตรที่มีโปรผ่อน 0% ได้นาน 10 เดือนขึ้นไป

การผ่อน 0% เป็นจุดเด่นที่บัตรเครดิตแต่ละใบแข่งขันกันมากในช่วงเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ โดยระยะเวลาที่นิยมมักอยู่ที่ 10 เดือน, 15 เดือน หรือบางใบอาจนานถึง 24 เดือน ขึ้นอยู่กับดีลกับร้านค้า ตัวแทนจำหน่าย หรือ Apple Online Store

2. มองหาสิทธิพิเศษเครดิตเงินคืน หรือคะแนนสะสมเพิ่ม

นอกจากโปรผ่อน 0% แล้ว หลายธนาคารยังให้เครดิตเงินคืน 2-5% หรือให้คะแนนสะสม X3-X5 สำหรับยอดผ่อนสินค้าไอทีชิ้นใหญ่ บางแคมเปญแลกคะแนนส่วนลดได้ทันที ณ จุดขาย ช่วยลดต้นทุนจริงในกระเป๋า

3. พิจารณาเงื่อนไขการสมัครและยอดขั้นต่ำในการผ่อน

บัตรเครดิตบางใบอาจมีเงื่อนไขเฉพาะ เช่น ผ่อนขั้นต่ำ 10,000 บาทขึ้นไป หรือผ่อนกับร้านค้าที่ร่วมรายการเท่านั้น ก่อนเลือกบัตรควรอ่านรายละเอียดให้ครบถ้วน จะได้ไม่เสียโอกาสรับสิทธิ์

แนะนำบัตรเครดิตน่าใช้สำหรับผ่อนไอ โฟน 17 ปี 2025

1. บัตรเครดิต KBank (กสิกรไทย)

หนึ่งในบัตรยอดนิยมสำหรับผ่อนไอโฟน เพราะจับมือกับร้านตัวแทน Apple, Studio 7, BaNANA และ Apple Store Online ให้โปรผ่อน 0% สูงสุด 24 เดือนในบางแคมเปญ พร้อมรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 3% เมื่อมียอดใช้จ่ายตามที่กำหนด

2. บัตรเครดิต SCB (ไทยพาณิชย์)

ขึ้นชื่อเรื่องโปรโมชั่นผ่อน iPhone ทุกปี ผ่อน 0% สูงสุด 15 เดือน รับเครดิตเงินคืน 2-5% และแลกคะแนน SCB Rewards ลดราคาหน้าร้านได้ทันที จุดเด่นอีกข้อคือสามารถผ่อนผ่านแอป SCB EASY ได้โดยตรง ง่ายและสะดวก

3. บัตรเครดิต Krungsri (กรุงศรี)

โปรแรงทุกครั้งที่ iPhone รุ่นใหม่เปิดตัว ผ่อน 0% สูงสุด 36 เดือน (บางร้าน) พร้อมรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 5% และมีโปรแลกคะแนน Krungsri First Choice รับส่วนลดเพิ่มเติม เหมาะกับคนที่อยากผ่อนยาวๆ แบบเบาสบาย

4. บัตรเครดิต UOB

อีกหนึ่งทางเลือกที่ดี ผ่อน 0% สูงสุด 20 เดือน รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 4% และรับคะแนนสะสม UOB Reward Plus เพิ่มในช่วงโปรโมชั่น สามารถใช้คะแนนแลกส่วนลดหน้าร้านที่ร่วมรายการกับตัวแทน Apple ทั่วประเทศ

5. บัตรเครดิต TTB (ทีทีบี)

ทีทีบีเด่นตรงที่ให้โปรผ่อน 0% นาน 18 เดือน รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 3% หรือเลือกใช้คะแนนแลกส่วนลด ณ จุดขายได้ทันที ผ่อนง่ายได้ทั้งร้านค้าออนไลน์และหน้าร้านในเครือ

ตารางเปรียบเทียบโปรผ่อนไอ โฟน 17 ด้วยบัตรเครดิตยอดนิยม

บัตรเครดิต ผ่อน 0% สูงสุด เครดิตเงินคืนสูงสุด แลกคะแนนลด/ส่วนลด หมายเหตุ
KBank 24 เดือน 3% มี เฉพาะร้านร่วมรายการ
SCB 15 เดือน 5% มี ผ่อนผ่านแอป SCB EASY ได้
Krungsri 36 เดือน 5% มี เลือกแบ่งชำระ First Choice ได้
UOB 20 เดือน 4% มี คะแนน Reward Plus ใช้แลกลดเพิ่มได้
TTB 18 เดือน 3% มี ใช้คะแนนลด ณ จุดขาย

ข้อควรระวังและเทคนิคการผ่อน iPhone 17 ให้คุ้มจริง

1. เช็ครายละเอียดร้านค้าที่ร่วมรายการก่อนผ่อน

แต่ละบัตรจะร่วมโปรผ่อน 0% กับร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่แตกต่างกัน เช่น Studio 7, BaNANA, iStudio, Power Buy หรือ Apple Store Online ควรตรวจสอบก่อนว่าบัตรที่ถือรองรับร้านไหนบ้าง

2. คำนวณวงเงินคงเหลือและภาระการเงินก่อนตัดสินใจ

ควรดูวงเงินบัตรเครดิตให้เพียงพอ และคำนวณภาระผ่อนรายเดือนว่าตรงกับกำลังจ่ายหรือไม่ อย่าเน้นแค่โปรโมชั่นผ่อนยาวแต่ลืมดูยอดผ่อนรวมทั้งหมด

3. ใช้คะแนนแลกส่วนลดหรือเครดิตเงินคืนอย่างคุ้มค่า

ถ้ามีคะแนนสะสมหรือโปรเครดิตเงินคืน ควรใช้ให้เต็มสิทธิ์ เช่น บางบัตรให้แลกคะแนนลดราคาสินค้าในวันเดียวกับซื้อ หรือรับเครดิตเงินคืนภายในรอบบัญชี ช่วยประหยัดได้จริง

บัตรเครดิตใบไหนคุ้มสุดสำหรับผ่อนไอ โฟน 17?

ไม่มีคำตอบตายตัวว่าบัตรใบไหน “ดีที่สุด” สำหรับผ่อนไอโฟน 17 เพราะต้องดูไลฟ์สไตล์ผู้ถือบัตรเป็นหลัก แต่ถ้าเน้นผ่อนยาวดอกเบี้ย 0% และรับเครดิตเงินคืนเยอะ บัตร Krungsri และ SCB คือคำตอบที่หลายคนเลือก ส่วนถ้าอยากใช้คะแนนสะสมแลกส่วนลดหน้าร้าน UOB กับ KBank คืออีกตัวเลือกยอดนิยม แต่ไม่ว่าจะเลือกบัตรไหน อย่าลืมอ่านเงื่อนไขร้านค้าและโปรโมชั่นล่าสุดทุกครั้ง เพื่อให้ได้ดีลที่ตรงกับความต้องการและคุ้มค่าที่สุดในปี 2025

รีวิวเจาะลึก TTB Absolute: คุ้มค่าทุกการใช้จ่ายในต่างประเทศจริงหรือ

เมื่อพูดถึงบัตรเครดิตที่ตอบโจทย์สายเดินทางต่างประเทศหรือสายช้อปออนไลน์ข้ามประเทศ บัตรเครดิต TTB Absolute มักเป็นชื่อที่ถูกพูดถึงอยู่เสมอ ด้วยจุดเด่นด้านการยกเว้นค่าธรรมเนียมแปลงสกุลเงิน (FX Fee) 2.5% ที่หลายคนต้องเจอเมื่อนำบัตรเครดิตไทยไปรูดจ่ายที่ต่างประเทศ หรือช้อปออนไลน์เว็บต่างประเทศ แล้วข้อดี-ข้อจำกัดของบัตรนี้คืออะไร? เหมาะกับใคร? และคุ้มค่ากว่าบัตรเครดิตอื่นแค่ไหน? มาหาคำตอบกันแบบละเอียดในรีวิวนี้

จุดเด่นหลักของบัตรเครดิต TTB Absolute

1. ฟรีค่าธรรมเนียมแปลงสกุลเงินต่างประเทศ 2.5%

นี่คือจุดขายสำคัญที่สุดของบัตร TTB Absolute เพราะโดยปกติแล้วบัตรเครดิตทุกใบในไทยจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมแปลงสกุลเงินราว 2.5% เวลาคุณนำบัตรไปใช้ที่ร้านค้า โรงแรม ร้านอาหาร หรือเว็บไซต์ต่างประเทศ การมีบัตรที่ยกเว้นค่าธรรมเนียมนี้ ทำให้ผู้ถือบัตรประหยัดได้จริงในทุกการใช้จ่ายข้ามสกุลเงิน

2. คะแนนสะสม x2 ทุกการใช้จ่าย

นอกจากสิทธิฟรี FX Fee ทุกยอดใช้จ่ายที่เป็นสกุลเงินต่างประเทศ ยังได้รับคะแนนสะสม TTB Reward Plus ในอัตรา 2 เท่าทุกการใช้จ่าย (ยกเว้นหมวดที่ระบุไว้ชัดเจน) โดยคะแนนเหล่านี้สามารถนำไปแลกของรางวัล ไมล์สายการบิน หรือเครดิตเงินคืนได้

3. ประกันการเดินทางและชดเชยเที่ยวบิน/กระเป๋าสัมภาระ

บัตรเครดิต TTB Absolute ยังมีประกันการเดินทางต่างประเทศอัตโนมัติ เพียงใช้บัตรจ่ายค่าตั๋วเครื่องบิน โดยให้ความคุ้มครองสูงสุดถึง 16 ล้านบาท รวมถึงประกันอุบัติเหตุ ค่ารักษาพยาบาล และชดเชยกรณีเที่ยวบินล่าช้า/กระเป๋าสัมภาระล่าช้า ครอบคลุมปัญหาที่นักเดินทางมักเจอ

สิทธิประโยชน์อื่นที่น่าสนใจ

  • ฟรี Priority Pass เข้าใช้ Lounge สนามบินทั่วโลก 2 ครั้ง/ปี
  • บริการเลขาส่วนตัว 24 ชม. (Concierge Service)
  • รับเครดิตเงินคืน 5% ในหมวดที่ร่วมรายการ เช่น โรงแรม รถเช่า
  • สิทธิพิเศษส่วนลดร้านอาหาร โรงแรม สปา ที่ร่วมรายการ
  • ฟรีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปี เมื่อมียอดใช้จ่ายครบตามที่กำหนด

โปรโมชั่น สมัครบัตร TTB

 

เจาะลึก บัตร TTB Absolute นี้เหมาะกับใคร

1. คนที่เดินทางต่างประเทศบ่อย

หากคุณเดินทางไปต่างประเทศปีละ 1-2 ครั้งขึ้นไป หรือมีการจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรมต่างประเทศ หรือช้อปออนไลน์กับเว็บนอกบ่อย ๆ การยกเว้น FX Fee จะเห็นผลลัพธ์เป็นเงินที่ประหยัดได้ทันทีทุกครั้ง

2. นักช้อปออนไลน์สายเว็บต่างประเทศ

ใครที่ชอบช้อปปิ้งเว็บต่างประเทศ เช่น Amazon, eBay, Apple Store ต่างประเทศ, หรือสั่งซื้อแบรนด์เนมจากยุโรป อเมริกา จะได้ประโยชน์จากอัตราแลกเปลี่ยนที่ดีกว่าและไม่มี FX Fee ซ่อนอยู่

3. สายสะสมแต้มและไมล์

การให้คะแนนสะสม x2 ทุกยอดใช้จ่ายช่วยให้สะสมคะแนนได้เร็วขึ้น สามารถนำไปแลกไมล์สายการบินหลัก ๆ ได้หลากหลาย ทั้ง Thai Airways, Singapore Airlines, Cathay Pacific ฯลฯ

เปรียบเทียบบัตร TTB Absolute กับบัตรเครดิตพรีเมียมอื่น

คุณสมบัติ TTB Absolute บัตรเครดิตทั่วไป
ค่าธรรมเนียมแปลงสกุลเงิน ไม่มี 2.5% ของยอดใช้จ่าย
คะแนนสะสม 2 เท่า ทุกยอด 1 เท่า/ยอด (บางใบอาจ x2 บางหมวด)
Priority Pass 2 ครั้ง/ปี 1-2 ครั้ง/ปี หรือไม่มี
ประกันเดินทาง สูงสุด 16 ล้านบาท 5-10 ล้านบาท

ข้อจำกัดและข้อควรรู้ก่อนสมัคร

1. รายได้ขั้นต่ำค่อนข้างสูง

ผู้สมัคร TTB Absolute ต้องมีรายได้ขั้นต่ำ 100,000 บาท/เดือน หรือ 1.2 ล้านบาท/ปี ซึ่งเหมาะกับกลุ่มพนักงานรายได้สูงหรือผู้ประกอบการ

2. เงื่อนไขการยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปี

แม้จะฟรีค่าธรรมเนียมรายปี แต่ต้องมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรขั้นต่ำ 300,000 บาท/ปี เพื่อคงสิทธิฟรีค่าธรรมเนียมในปีถัดไป

3. หมวดใช้จ่ายบางรายการไม่ได้คะแนนสะสม

เช่น การจ่ายภาษี ค่าสาธารณูปโภค หรือดอกเบี้ย เป็นต้น ซึ่งเป็นมาตรฐานเหมือนบัตรอื่น ๆ

คุ้มค่าทุกการใช้จ่ายในต่างประเทศจริงหรือ?

สำหรับใครที่ต้องเดินทางต่างประเทศเป็นประจำ หรือมีพฤติกรรมช้อปออนไลน์ข้ามประเทศบ่อย ๆ TTB Absolute คือหนึ่งในบัตรเครดิตที่ให้ความคุ้มค่าสูงสุด ทั้งประหยัดค่า FX Fee สะสมแต้มไว มีประกันเดินทางและ Priority Pass ให้ครบ เหมาะกับกลุ่มพรีเมียมที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และต้องการ maximize ทุกการใช้จ่าย หากรายได้ถึงเกณฑ์และมีวินัยในการใช้บัตร บัตรนี้คือหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจและคุ้มค่าในปี 2025

เปิดรายละเอียดค่าเงินบาทเช้านี้ อ่อนค่าลงอยู่ที่ 32.50 บาท

ข้อมูลล่าสุดจากนักกลยุทธ์ตลาดเงินทุน เปิดเผยว่าค่าเงินบาทวันนี้ เปิดเช้าที่ระดับ 32.50 บาทต่อดอลล่าร์ อ่อนค่าลง จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 32.36 บาทต่อดอลลาร์ ระดับปิดวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 จากที่มองดูกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้จะอยู่ที่ระดับ 32.10-33.00 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ในระดับ 32.40-32.65 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

วัดตั้งแต่ช่วงคืนวันศุกร์ของสัปดาห์ก่อน จนถึงวันจันทร์ที่ 28 กรกฏาคม 2568 ที่ผ่านมาเงินบาทหรือ USDTHB เคลื่อนไหว ทยอยอ่อนค่า ทดสอบโซนแนวต้านอยู่ที่ 32.50 บาทตอดอลลาร์ ในลักษณะ Sideways Up แกว่งตัวในกรอบ 32.33-32.51 บาทต่อดอลลาร์ สอดคล้องกับการทยอยแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ โดยเฉพาะในช่วงวันจันทร์ ที่ผ่านมาหลังเงินยูโร EUR อ่อนค่าลงหนักสู่ระดับ 1.16 ดอลลาร์ต่อยูโร ซึ่งต่ำมากๆ ถึงแม้ว่าสหภาพยุโรปหรือ EU จะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐอเมริกาได้ก็ตาม แต่บรรดาผู้เล่นในตลาดต่างกังวลผลกระทบจากข้อตกลงการค้าดังกล่าว กับหลายๆอุตสาหกรรมของยุโรป สะท้อนถึงการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นยุโรป นอกจากนี้เงินบาทของเรายังเจอแรงกดดันอ่อนค่าเพิ่มเติม หลังราคาทองคำ ยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่องเข้าใกล้โซนแนวรับล 3,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งยังคงเห็นแรงซื้อจากผู้เล่นในตลาดบางส่วน และ ช่วยพยูงราคาทองคำเหนือโซนดังกล่าวได้

แนวโน้มค่าเงินบาท

ปัจจุบันแนวโน้มค่าเงินบาทนั้นมีความเสี่ยงที่จะทยอยอ่อนค่าลงได้ ซึ่งเงินบาทเสี่ยงเผชิญกับ Two Way Risk ซึ่งเคลื่อนไหวได้ 2 ทาง ทั้งด้านอ่อนค่า และ ด้านแข็งค่า ทั้งนี้ขึ้นกับทิศทางของเงินดอลลาร และ ราคาทองคำ โดยต้องรอลุ้นทั้งผลการเจรจาการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐ ซึ่งขึ้นกับสถานการณ์ชายแดนไทยกัยกัมพูชา ว่าทั้งสองฝ่ายจะปฎิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงหรือไม่ รวมไปถึงรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐอย่ง ข้อมูลการจ้างงาน ซึ่งประเมินว่าหากบรรยากาศในตลาดการเงินยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยงหรือ Risk On ซึ่งจะขึ้นกับการรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนและแนวโน้มนโยบายการค้าของสหรัฐอเมริกา ภาพดังกล่าวอาจจะยังคงกดดันราคาทองคำต่อทำให้เงินบาทอาจจะขาดปัจจัยหนุนฝั่งแข็งค่าไป

ฝั่งไทยผู้เล่นในตลาด จะรอติดต่อภาวะภาคการผลิตของไทย ผ่านรายงานดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม หรือ Manufacturing Production Index อัตราการใช้กำลังการผลิต หรือ Capacity Utilization ในเดือนมิถุนายน รวมถึงดัชนี PMI ภาคการผลิตและดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ หรือ Business Sentiment เดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นอีกข้อมูลทีช่วยสะท้อนถึงผลกระทบจากนโยบายการค้าของสหรัฐต่อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจอื่นๆของไทยได้

 

 

 

NPL พุ่งแซงโควิด กลุ่มแบงก์หน้าห่วง

ภายหลังประกาศผลดำเนินงานครึ่งปีของกลุ่ม ธนาคารพาณิชย์ ไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ถึงแม้การประกาศโดยรวมในด้านกำไรสุทธิ จะลดลงเพียงเล็กน้อยเฉียด 3% อยู่ที่ 65,354 ล้านบาท สำหรับกลุ่มธนาคาร หากเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปี 2568

แต่ถ้าลองเทียบกับครึ่งปีหลัง 2567 ผลดำเนินงานกลุ่มแบงก์ยังเติบโตได้โดนเด่น โดยได้กำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 132,199 ล้านบาท เติบโตขึ้น 27.44% จากช่วงเดียวกันกับปีก่อน ภายใต้ผลการประกาศโดยรวมหลักแสนล้านบาท ยังมีสิ่งที่น่าห่วงนั่นก็คือภาพรวมสินเชื่อของระบบ ธนาคารพาณิชย์ และ หนี้เสีย หรือ NPL ซึ่งเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ซึ่งมีตัวเลขว่าหลายธนาคารยังปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าสิ้นปี 2567 ถ้าหากนับย้อนกลับไปตั้งแต่โควิด-19 เมื่อปี 2563 หนี้เสียหลายแบงก์ยังปรับตัวขึ้น สวนทางกับธนาคารที่สินเชื่อลดลงในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แม้ส่วนหนึ่งมาจากฐานสินเชื่อที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้สัดส่วนเพิ่มขึ้นตาม แต่ปฎิเสธไม่ได้ว่าหลายแบงก์สินเชื่อไม่ได้เติบโต แต่หนี้เสียกลับขยายตัวเพิ่มสูงขึ้น เหล่านี้ถือว่าเป็นภาวะที่น่าห่วงอย่างมาก

หนี้เสียของกลุ่มธนาคารในไตรมาส 2 ของปี 2568 ที่ผ่านมารวมอยู่ที่ 547,976 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.97% ถ้าเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เพิ่มขึ้น 4.22% หากเทียบกับปี 2567 ที่ผ่านมา โดยธนาคารที่หนี้เสียปรับตัวสูงขึ้นในไตรมาส 2 อันดับแรกคือ ธนาคารกรุงเทพ ที่หนี้เสียปรับตัวสูงขึ้น โดยหนี้เสียรวมอยู่ที่ 105,521 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.90% หากเทียบกับไตรมาสก่อนและเพิ่มขึ้น 22.94% หากเทียบกับสิ้นปี 2567 ส่งลให้สัดส่วนหนี้ของ BBL เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3.20% หากเทียบกับ 3.0% และ 2.70% จากไตรมาสก่อนหน้า และ สิ้นปี 2567 ในขณะที่สินเชื่อของธนาคาร ปรับตัวลดลงมาอยูา่ที่ 2.71 ล้านล้านบาท ลดลง 0.33% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่ยังเพิ่มขึ้น 0.73% หากเทียบกับสิ้นปี 2567

แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ไตรมาส 2 ที่ผ่านมาหนี้เสียรวมอยู่ที่ 7,771 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.10% จากไตรมาสก่อนหน้า และ เพิ่มขึ้น 14.89% จากสิ้นปีก่อนส่งผลให้สัดส่วนหนี้เสียโดยรวมอยู่ที่ 2.59% จาก 2.51% และ 2.34% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และ สิ้นปีก่อน แต่หากดูด้านสินเชื่อโดยรวมถือว่ายังมีการเติบโตอยู่ที่ 2.99 แสนล้านบาทเพิ่มขึ้น 1.74% และ 3.53% จากไตรมาสก่อนหน้า และ สิ้นปีก่อน

อันดับที่ 3 ที่หนี้เสียปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในบรรดาธนาคาร ก็คือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา หรือ BAY ที่มีหนี้เสียโดยรวมอยู่ที่ 75,617 ล้านบาท หนี้เสียเพิ่มขึ้น 2.39% จากไตรมาสก่อนหน้า และ 2.65% จากสิ้นปีก่อน ส่งผลให้สัดส่วนหนี้เสียเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3.39% และ 3.05% จากไตรมาสก่อนหน้า และ สิ้นปี 2567 โดยสวนทางกับการปล่อยสินเชื่อไตรมาสนี้ ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 1.86 ล้านล้านบาท ลดลง 1.60% และ 1.57% หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และ เทียบกับสิ้นปีก่อน

อันดับ 4 ที่มีหนี้เสียเพิ่มขึ้น คือกลุ่มเงิน TISCO ที่หนี้เสียเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5,668 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.38% และ 3.75% หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และ เทียบกับสิ้นปี 2567 ส่งผลให้สัดส่วนหนี้เสียมาอยู่ที่ 2.41% ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า 2.42% แต่เพิ่มขึ้นหากเทียบกับสิ้นปีที่หนี้เสียอยู่ที่ 2.35%

เที่ยวไทยคนละครึ่ง เตรียมตัวลงทะเบียนผ่านแอปทางรัฐ เร็วๆนี้

โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง เตรียมตัวเปิดระบบให้คนไทยที่ต้องการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง ลงทะเบียนผ่านแอปทางรัฐ ในส่วนของขั้นตอนการดาวน์โหลดแอปฯ และ วิธีการสมัครใช้งานก่อนรอรับสิทธิ์นั้น สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ด้านล่าง

จากกรณีที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้ประการปิดระบบการลงะทเบียน เที่ยวไทยคนละครึ่ง โดยเปิดเผยว่า จะมีการเปิดระบบใหม่ผ่านแอปพลิเคชั่น “ทางรัฐ” ที่รองรับการเข้าใช้งานพร้อมกันได้มากกว่า และ มีระบบยืนยันตัวตนอยู่แล้ว โดยคนที่ได้รับสิทธิในช่องที่ปิดระบบ จะจองห้องไม่ได้ ส่วนคนที่ได้สิทธิ์และ จองห้องแล้ว สามารถเดินทางได้ตามปกติ ตามที่เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้

แอปพลิเคชั่นทางรัฐ เป็น Super Application ของภาครัฐที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อเชื่อมโยงการบริการจากหน่วยงานต่างๆ ให้กับประชาชนติดต่อราชการได้ผ่านทางออนไลน์ในแอปฯเดียว โดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ซึ่งหลายคนยอาจจะคุ้นเคยและได้มีโอกาสใช้งานมาบ้างแล้ว เพราะเป็นช่องทางสำหรับยืนยันตัวตนเพื่อรับสิทธิเข้าร่วมโครงการ เติมเงิน 10,000 บาทผ่าน Digital Wallet สำหรับใครที่ยังไม่เคยใช้บริการ จะมีขั้นตอนและวิธีการตามด้านล่าง

ขั้นตอนสมัครแอปฯ ทางรัฐ

1. ดาวน์โหลดแอปฯ ทางรัฐ

2. หลังจากดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นเสร็จเรียบร้อยและเปิดแอปพลิเคชั่นขึ้นมาแล้วกดที่ปุ่ม สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ สำหรับคนที่มีบัญชีอยู่แล้ว

3. กดที่ปุ่มสมัครด้วยบัตรประชาชนบนแอปพลิเคชั่นทางรัฐ โดยไม่ต้องใช้แอปอื่นไม่ต้องไปเสีบบัตรที่ Counter Service ช่วยให้ลงทะเบียน

4. อ่านข้อกำหนดและความเป็นส่วนตัว จากนั้นคลิกที่เครื่องหมายถูกต้อง แล้วกดยอมรับ

5. อ่านข้อแนะนำในการถ่ายรูปบัตรประชาชน จากนั้นกดปุ่มเพื่อถ่ายรูป

7. กรอกข้อมูลของท่าน และ ตรวจสอบให้ถูกต้องตามบัตรประชาชน แล้วกดที่ปุ่ม ยืนยันตัวตน

8. อ่านข้อแนะนำในการแสกนใบหน้า จากนั้นเริ่มสแกนใบหน้าของท่าน

9. กำหนด ชื่อบัญชี และ รหัสผ่าน ในการเข้าสู่แอปพลิเคชั่น แล้วกด ยืนยัน

10. เปิดใช้งานแสกนใบหน้า ของท่านโดนกดที่ปุ่ม ใช้งาน

11. จากนั้นกดเริ่มใช้งาน และ เตรียมพร้อมรอติดตามประกาศวันกดยืนยัน ขอรับสิทธิจากรัฐบาล

 

มาสเตอร์การ์ดเปิดตัว World Legend Mastercard

บัตรเครดิตระดับสูงสุด ถูกเปิดตัวออกมาโดย Mastercard ซึ่งบัตรใบนี้ใช้ชื่อว่า World Legend Mastercard เป็นบัตรที่อยู่ในระดับสูงสุด ขยายพอร์ตกลุ่มผู้ถือบัตรที่ใช้จ่ายสูง พร้อมเปิดตัว The Mastercard Collection มอบสิทธิ์ประโยชน์ระดับพรีเมี่ยม ครอบคลุมทั่วโลก

มาสเตอร์การ์ด (Mastercard) เปิดตัวสิทประโยชน์ใหม่ล่าสุด สำหรับลูกค้าบัตรกลุ่มระดับสูง ที่ใช้ชื่อว่า The Master Collection เพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน จากการวิจัยล่าสุดของ Mastercard ได้เปิดเผยถึงข้อมูลและแนวโน้มใหม่ของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ที่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการใช้เวลา และเงินไปกับสิ่งที่สามารถเติมเต็มควาสุขให้กับชีวิต โดยเฉพาะประสบการณ์ร่วมกับคนสำคัญๆ ผู้ที่ถือบัตร The Master Collection รวมถึงเพื่อนและครอบครัว สามารถรับสิทธิประโยชน์ระดับพรีเมี่ยม เช่นร้านอาหาร, ความบันเทิง และการท่องเที่ยวที่ยกระดับขึ้นและเชื่อมต่อกันทั่วทุกมุมโลก

  • อาหาร: สิทธิ์ในการจองร้านอาหารยอดนิยมก่อนใคร รับเมนูพิเศษที่รังสรรค์ขึ้นโดยเฉพาะ เปิดประสบการณ์ที่จะเปลี่ยนมื้ออาหารของคุณให้กลายเป็นความทรงจำอันน่าประทับใจ
  • ความบันเทิง: สิทธิ์ในการซื้อบัตรรับชม รวมถึงการจองล่วงหน้าและที่นั่งพิเศษ สำหรับคอนเสิร์ตยอดนิยม ผ่านความร่วมมือระดับโลก Live Nation พร้อมสิทธิ์ในการซื้อบัตรเข้าชมงานแข่งขันกีฬาอีกด้วย
  • ท่องเที่ยว: เดินทางได้สะดวก รวดเร็วขึ้นด้วยสิทธิ์ในการเข้าใช้บริการช่องทางตรวจความปลอดภัยพิเศษหรือ Fast Track จาก 190 จุดในสนามบินกว่า 30 แห่ง และ สิทธิ์ในการเข้า lounge สนามบิน มากกว่า 1,350 แห่ง จากเมืองสำคัญๆ มากกว่า 600 เมือง ใน 150 ประเทศทั่วโลก เพื่อให้ทุกการเดินทางเริ่มต้นได้อย่างราบรื่น

นอกจากนี้ทาง Mastercard ยังแจ้งอีกด้วยว่าในอนาคตจะมีการเปิดตัวการให้บริการห้องอาหารสุดพิเศษในสนามบินเฉพาะ Mastercard เท่านั้นในสนามบินนานาชาติที่เข้าร่วมรายการ เพื่อมอบประสบการณ์ก่อนขึ้นเครื่องที่เหนือระดับ

World Legend เปิดตัวล่าสุดจาก Mastercard

World Legend เปิดตัวโดย Mastercard เนื่องจากต้องการขยายพอร์ตโฟลิโอ สำหรับบัตรระดับโลก เพื่อเป็นการตอบโจทย์ผู้ถือบัตรกลุ่มที่มีการใช้จ่ายสูง ด้วยการเปิดตัวบัตร World Legend Mastercard ซึ่งเป็นบัตรใหม่ที่มอบข้อเสนอและสิทธิพิเศษเหนือระดับให้กับผู้ที่มองหาประสบการณ์พิเศษเฉพาะตัวและให้ความสำคัญกับประสบการณ์สุดพรีเมี่ยม

บัตร World Legend Mastercard พร้อมให้บริการกับธนาคารทั่วโลกตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และเตรียมเปิดให้ผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกาเริ่มใช้งานครั้งแรกในไตรมาส 3 ของปีนี้ ก่อนขยายสู่ตลาดต่างประเทศในระดับถัดไป นอกจากนี้บัตร World Legend Mastercard ยังสามารถรับสิทธิ์ The Mastercard Collection ได้เช่นเดียวกับลูกค้าบัตรมาสเตอร์การ์ดระดับ World และ World Elite

The Mastercard Collection ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่สูงขึ้น

The Mastercard Collection มอบความสำคัญกับการใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมาย โดยเน้นในการใช้จ่ายเพื่อสร้างประสบการณ์ที่มีความหมายมากกว่าการซื้อสิ่งของทั่วไป โดยผลจากการวิจัยในปี 2024 ระบุว่า 75% ของผู้ถือบัตรรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขเมื่อได้ใช้เวลาไปกับสิ่งที่ตนเองรัก ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาร้านอาหารใหม่ และ การเสพศิลปะ หรือการดื่มด่ำไปกับวัฒนธรรมท้องถิ่น และ การใช้เวลาให้มีคุณค่ากับความสัมพันธ์ที่สำคัญที่สุด ถึงแม้แนวโน้มการให้ความสำคัญกับประสบการณ์จะเกิดขึ้นกับผู้บริโภคทุกกลุ่ม แต่จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่า กลุ่มผู้ที่มีรายได้สูง 30% แรกมีพฤติกรรมการใช้จ่ายมากกว่าผู้ถือบัตรทั่วไปถึง 2 เท่า ดังนั้นการเข้าถึงและสร้างความสัมพันธ์ ระยะยาวกับกลุ่มนี้ถือว่าเป็นกุญแจสำคัญ สำหรับกลุ่มสถาบันการเงิน

UOB Zenith กับ บัตรเครดิตพรีเมียมอื่น ทำไม UOB Zenith ถึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

ในยุคที่ไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียมกลายเป็นหนึ่งในปัจจัยที่กำหนดความสะดวกสบายและเอกสิทธิ์เฉพาะตัว การมีบัตรเครดิตพรีเมียมที่ตอบโจทย์ทั้งด้านสิทธิประโยชน์ การเดินทาง ไลฟ์สไตล์ และคะแนนสะสมที่คุ้มค่า กลายเป็นเรื่องสำคัญสำหรับคนรุ่นใหม่และนักธุรกิจยุคนี้ บทความนี้จะพาเจาะลึก UOB Zenith เปรียบเทียบกับบัตรเครดิตพรีเมียมชั้นนำอื่น ๆ ทั้ง KBank THE WISDOM, SCB Private Banking, Citi Prestige และ KTC Visa Signature ว่าทำไม UOB Zenith ถึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์เหนือระดับ

UOB Zenith คืออะไร?

UOB Zenith คือบัตรเครดิตพรีเมียมระดับสูงสุดจากธนาคารยูโอบี ที่ถูกออกแบบมาเพื่อกลุ่มลูกค้าระดับ High Net Worth โดยเฉพาะ จุดเด่นของบัตรนี้คือ “ความพรีเมียมแบบไร้ข้อจำกัด” ทั้งด้านสิทธิประโยชน์ การสะสมคะแนน การเข้าถึงประสบการณ์เหนือระดับ และความยืดหยุ่นที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์

เปรียบเทียบ UOB Zenith กับบัตรเครดิตพรีเมียมอื่น

ก่อนจะตัดสินใจว่าบัตรไหนเหมาะสมที่สุด ต้องเข้าใจจุดแข็งของแต่ละใบ โดยเราจะเปรียบเทียบ UOB Zenith กับบัตรชั้นนำในตลาด

1. สิทธิประโยชน์สนามบินและการเดินทาง

  • UOB Zenith – เข้าเลานจ์สนามบินทั่วโลกไม่จำกัดครั้ง พร้อมรับบริการ Fast Track และลีมูซีนรับส่งสนามบินในประเทศฟรี 6 ครั้งต่อปี
  • KBank THE WISDOM – เลานจ์สนามบิน, Priority Pass, รถลีมูซีนแต่จำนวนจำกัด
  • SCB Private Banking – คล้ายกับ THE WISDOM แต่จำกัดจำนวนครั้ง และเงื่อนไขมากกว่า

2. คะแนนสะสมและการแลกของรางวัล

  • UOB Zenith – ทุกยอดใช้จ่าย 15 บาท รับ 1 คะแนน UOB Reward Plus คะแนนไม่มีวันหมดอายุ และอัตราแลกไมล์ที่ดีที่สุดในตลาด (เพียง 18 บาท = 1 ไมล์)
  • KBank THE WISDOM – 25 บาท = 1 คะแนน คะแนนหมดอายุ 3 ปี
  • SCB Private Banking – 25 บาท = 2 คะแนน คะแนนหมดอายุ 3 ปี

3. ไลฟ์สไตล์และสิทธิพิเศษร้านอาหาร โรงแรม

  • UOB Zenith – ส่วนลดร้านอาหาร Fine Dining สูงสุด 50%, ฟรีห้องพักในเครือโรงแรมชั้นนำ และบริการผู้ช่วยส่วนตัวตลอด 24 ชม.
  • KBank THE WISDOM – ส่วนลดร้านอาหาร, ห้องพักโรงแรม, กอล์ฟ
  • SCB Private Banking – เน้น Wellness, Medical Check-up, และร้านอาหารชั้นนำ

4. การประกันและความคุ้มครอง

  • UOB Zenith – ประกันเดินทางต่างประเทศสูงสุด 50 ล้านบาท คุ้มครองอุบัติเหตุ และประกันของมีค่าที่ซื้อด้วยบัตร
  • KBank THE WISDOM – ประกันสูงสุด 31 ล้านบาท
  • SCB Private Banking – ประกัน 20 ล้านบาท

สมัครบัตรเครดิต UOB ได้ที่นี่

ทำไม UOB Zenith ถึงเหนือกว่า? เหตุผลที่เลือกบัตรใบนี้

หลังจากเทียบจุดเด่นแต่ละใบแล้ว จะเห็นว่า UOB Zenith เด่นกว่าในหลายด้าน โดยเฉพาะผู้ที่มองหาความครบเครื่องแบบไม่มีเงื่อนไข ไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง คะแนนสะสม หรือไลฟ์สไตล์ระดับสูง

1. คะแนนสะสมเร็วกว่า แลกไมล์คุ้มสุด

การสะสมคะแนนของ UOB Zenith เร็วกว่าทุกเจ้า เหมาะสำหรับสายเดินทางที่ต้องการสะสมไมล์ หรือแลกของรางวัลพรีเมียม ไม่ต้องกังวลเรื่องคะแนนหมดอายุ พร้อมอัตราแลกไมล์ที่ถูกที่สุด

2. เลานจ์สนามบินทั่วโลกไม่จำกัด

บัตรเครดิตบางใบให้สิทธิเข้าเลานจ์แค่ 2-3 ครั้ง/ปี หรือจำกัดประเทศ แต่ UOB Zenith ให้เข้าเลานจ์ได้ทั่วโลกไม่จำกัดครั้ง เหมาะกับคนที่เดินทางบ่อยและต้องการความสะดวกสบายขั้นสุด

3. ฟรีลีมูซีน 6 ครั้งต่อปี ไม่มีค่าธรรมเนียมแฝง

สิทธิพิเศษรถรับส่งสนามบินของ UOB Zenith ไม่ต้องแลกคะแนน ไม่ต้องจองผ่านแอปซับซ้อน แค่ถือบัตรก็ใช้สิทธิ์ได้ฟรี 6 ครั้ง/ปี

4. สิทธิ์ส่วนลดร้านอาหารและโรงแรมระดับสูง

UOB Zenith มีพาร์ทเนอร์กับร้านอาหาร Fine Dining และโรงแรมชั้นนำทั่วโลก จึงมีส่วนลดสูงกว่าคู่แข่ง และยังมีโปรพิเศษหมุนเวียนทุกเดือน

5. การบริการลูกค้าพิเศษ 24 ชม. และผู้ช่วยส่วนตัว

Zenith Concierge ให้บริการช่วยเหลือแบบ Exclusive ไม่ว่าจะเป็นการจองร้านอาหาร โรงแรม หรือการจัดทริปพิเศษ ทั้งหมดจัดการให้เสร็จครบวงจร

ใครเหมาะกับ UOB Zenith?

ถ้าคุณเป็นคนที่ใช้ชีวิตระดับ High Net Worth เดินทางต่างประเทศบ่อย มีค่าใช้จ่ายสูง และให้ความสำคัญกับสิทธิพิเศษระดับสูงสุด UOB Zenith คือตัวเลือกที่ตอบโจทย์ที่สุด เหมาะสำหรับเจ้าของกิจการ นักลงทุน นักธุรกิจ และผู้ที่ต้องการภาพลักษณ์เหนือระดับ

ข้อควรพิจารณาก่อนสมัคร UOB Zenith

  • รายได้ขั้นต่ำ: 1,500,000 บาท/ปี หรือเงินฝาก/กองทุน 5 ล้านบาทขึ้นไป
  • ค่าธรรมเนียมรายปี: ประมาณ 50,000 บาท/ปี (ฟรีปีแรกในบางแคมเปญ)
  • สิทธิประโยชน์ส่วนใหญ่เหมาะกับผู้ที่ใช้จ่ายสูงและเดินทางบ่อย

UOB Zenith คือบัตรพรีเมียมที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่

UOB Zenith เป็นบัตรเครดิตพรีเมียมที่ไม่ได้เน้นแค่ภาพลักษณ์ แต่ให้สิทธิประโยชน์จริงจังและครบทุกมิติ เหมาะสำหรับคนที่มองหาประสบการณ์เหนือระดับ คะแนนสะสมเร็ว สิทธิพิเศษจัดเต็ม และบริการที่ดูแลแบบ VIP เมื่อเทียบกับบัตรเครดิตพรีเมียมอื่น ๆ ในตลาด Zenith คือคำตอบของคนรุ่นใหม่ที่มองหาความแตกต่างและคุณค่าอย่างแท้จริง