กรมอุตุพยากรณ์อากาศวันนี้ ประกาศเตือนคนกรุงรับมือฝนตก
สภาพอากาศวันนี้ ทางกรมอุตุพยากรณ์อากาศวันที่ 26 พฤษภาคม 2568 มีการแจ้งประกาศเตือนให้รับมือฝนตกหนัก ถึงหนักมากแจ้งว่าฝนตกหนักถึง 80% ของพื้นที่ สำหรับภาคเหนือ และ ภาคอีสาน จะมีฝนฟ้าคะนองครองคลุมทั้งภาค
พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณภาคเหนือ, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, ภาคกลาง รวมถึงกรุงเทพฯมหานคร และ ปริมณฑล ภาคใต้ฝั่งตะวันตก จะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ขอให้ประชาชนในบริเวณประเทศไทย ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และ ฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน, น้ำป่าไหลหลาก และ ดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหล และ พื้นที่ลุ่ม ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และ เส้นทาง ที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะพื้นที่ต่ำ อาจจะทำให้เกิดน้ำท่วมขังระยะสั้นได้
สำหรับเกษตรกร แนะนำให้เตรียมตัวป้องกันด้วยการปรับปรุงระบบน้ำในแปลงเพาะปลูก เพื่อเป็นการลดผลกระทบ และ ความเสียหายที่อาจะเกิดขึ้นกับผลผลิตทางการเกษตร และ สัตว์เลี้ยง เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และ ภาคใต้ตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และ อ่าวไทยที่มีกำลังปานกลาง
ในส่วนของคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงปรมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตรขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทย และ ทะเลอันดามันเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณฝนฟ้าคะนอง
พยากรณ์อากาศ ประเทศไทย 06.00 น. วันนี้ถึง 06.00 น. วันพรุ่งนี้
- กรุงเทพและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 80 ของพื้นที่ และ มีฝนตกหนักบางแห่ง
- ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 80 ของพื้นที่ และ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน, เชียงราย, เชียงใหม่, ลำพูน, ลำปาง, พะเยา, แพร่, น่าน, อุตรดิตถ์, สุโขทัย, ตาก, กำแพงเพชร, พิษณุโลก, พิจิตร และ เพชรบูรณ์
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70 ของพื้นที่ และ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณจังหวัดเลย, หนองคาย, บึงกาฬ, มุกดาหาร, มหาสารคาม, ร้อยเอ็ด, ยโสธร, อำนาจเจริญ, นครราชสีมา, บุรีรัมย์, สุรินทร์, ศรีสะเกษ และ อุบลราชธานี
- ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 80% ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครสวรรค์, อุทัยธานี, ชัยนาท, สิงห์บุรี, ลพบุรี, อ่างทอง, สระบุรี, สุพรรณบุรี, พระนครศรีอยุธยา, กาญจนบุรี, ราชบุรี, นครปฐม, สมุทรสงคราม และ สุมทรสาคร
- ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70% ของพื้นที่ และ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครนายก, สระแก้ว, ปราจีนบุรี, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ระยอง, จันทบุรี และ ตราด
- ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนตกร้อยละ 60% ของพื้นที ่และ มีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเพชรบุรี, ประจอบคีรีขันธ์, ชุมพร, สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช, พัทลุง และ สงขลา
ความคืบหน้าล่าสุด แจกเงินดิจิทัล 10,000 เฟส 3
แจกความคืบหน้าล่าสุด แจกเงินดิจิทัล 10,000 เฟส 3 ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ทางรัฐบาลแถลงเลื่อนโครงการไปอย่างไม่มีกำหนดแต่ทาง DGA Thailand หรือ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล แนะนำอย่าเพิ่งรีบลบแอปฯ ทางรัฐ เพราะอาจจะพลาดสิทธิ
แจ้งความคืบหน้าเงินดิจทัล 10,000 เฟส 3 ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ความคืบหน้าล่าสุด ทางรัฐบาลแถลงเลื่อนโครงการไปอย่างไม่มีกำหนด ซึ่งสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ได้ออกมาแนะนำประชาชนว่าอย่าเพิ่งรีบลบแอป เนื่องจากอาจจะพลาดสิทธิสำคัญ การเปลี่ยนแปลงดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3 ทางนายกรัฐมนตรีได้ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงโครงการ ดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3 ว่า เป้าหมายหลักของโครงการก็คือการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาได้เริ่มดำเนินการไปแล้วในรอบแรก และรอบสอง โดยได้เน้นในกลุ่มเปราะบาง และ กลุ่มผู้สูงอายุ
และเมื่อมีประเด็นเรื่องกำแพงภาษีจากสหัรฐเข้ามาเกี่ยวข้องทำให้รัฐบาลจะต้องทำการทบทวนแผนการดำเนินงาน โดยได้รับข้อเสนอจากทางธนาคารแห่งประเทศไทย และสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ให้พิจารณาใช้งบประมาณดังกล่าวในเรื่องที่จำเป็นและเร่งด่วนมากกว่า เช่นการจัดลำดับความสำคัญของนโยบายที่สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อประเทศได้ในเวลานี้ และเมื่อถูกถามว่า รัฐบาลหลีกเลี่ยงการใช้คำว่า “ยกเลิก” เพราะกลัวกระทบฐานเสียงหรือไม่ ทางด้านนายกออกมาแจ้งว่า รัฐบาลไม่ได้ยกเลิกโครงการ เพียงแค่ปรับตามสถานการณ์ เพื่อให้ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าที่สุด หากในอนาคตเศรษฐกิจฟื้นตัว และผลของการใช้ดิจิทัลวอลเล็ต เห็นผลชัดเจน พร้อมกลับนำมาใช้อีกครั้ง เพราะว่าจุดประสงค์หลัก คือการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เกิดประโยชน์สูงสุด
แจ้งเตือนอย่าเพิ่งลบแอปฯ ทางรัฐ เพราะอาจพลาดสิทธิ
สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล แนะนำประชาชนอย่าเพิ่งลบแอปทางรัฐ แจ้งว่าเป็นช่องทางสำคัญในการเข้าถึงสิทธิประโยชน์จากภาครัฐอย่างสะดวก และ ครบถ้วนโดยเฉพาะในยุคที่บริการภาครัฐกำลังเข้าสู่ระบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ
- ตรวจสอบสถานะความคืบหน้าในการแจ้งความ/แจ้งเหตุ/คดี
- เช็คสิทธิ-จ่ายบิลภาครัฐกว่า 192 บริการในที่เดียว
- แจ้งเตือนวันที่ใบอนุญาตต่างๆใกล้หมดอายุ เช่น ใบขับขี่, ภาษีรถยนต์ และ พาสปอร์ต
- รับสิทธินโยบายภาครัฐใหม่ๆที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
ปรับขั้นค่าจ้างใหม่ 2568 ใครได้เงินค่าแรงสูงสุด 800 บาท
ลูกจ้างมีเฮ ปรับขึ้นค่าจ้างใหม่ 2568 ใครได้รับค่าแรงสูงสุด 800 บาท ต่อวัน เช็คได้เลย 13 กลุ่มอาชีพค่าจ้างพุ่งกี่บาท พร้อมกับอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงานใหม่ล่าสุด มีผลบังคับใช้วันไหน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ด้านล่าง
เปิดรายละเอียดกลุ่มผู้โชคดีวันนี้ มีการปรับขึ้นค่าจ้างใหม่ 2568 ใครได้เงินค่าแรงสูงสุด 800 บาทต่อวัน สามารถเช็คได้สำหรับ 13 กลุ่มอาชีพค่าจ้างพุ่ง เปิดเผยข้อมูลจากทางรองโฆษกประจำสำนักนกยารัฐมนตรี ได้มีการแถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติรับทราบประกาศคณะกรรมการค้าจ้างเรื่องอัตราค้าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ ฉบับ 14 ลงวันที่ 9 เมษายน 2568 มีผลบังคังใช้ 90 วัน ภายหลังวันที่ออกประกาศในราชกิจจานุเบกษา การปรับขึ้นค่าจ้างครั้งนี้ ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับแรงงานหลายๆกลุ่ม ที่ต้องการค่าตอบแทนที่เป็นธรรมและสอดคล้องกับทักษะความสามารถ
เปิด 13 อาชีพค่าแรงพุ่ง ดูได้ด้านล่างใครได้สูงสุด 800 บาทต่อวัน
- พนักงานขับรถโดยสารสาธารณะ เพื่อการท่องเที่ยว (รถทัวร์) ระดับ 1: อัตราค่าจ้าง 600 บาทต่อวัน
- ช่างซ่อมบำรุงรถยนต์ไฟฟ้า ระดับ 2 อัตราค่าจ้าง 600 บาท ต่อวัน
- ผู้บังคังรถปั้นจั่นตีนตะขาบ ระดับ 1 อัตราค่าจ้าง 620 บาท ต่อวัน
- ผู้บังคับรถปั้นจั่นล้อยาง ระดับ 1 อัตราค้าจ้าง 620 บาท ต่อวัน
- ผู้บังคังปั้นจั่นติดรถบรรทุก ระดับ 1 อัตราค่าจ้าง 560 บาท ต่อวัน
- พนักงานขับรถบรรทุก ระดับ 1 อัตราค่าจ้าง 485 บาท ต่อวัน
- ช่างเทคนิคเครื่องปรับอากาศสำหรับห้องสะอาด ระดับ 1 อัตราค่าจ้าง 720 บาท ต่อวัน และ ระดับ 2 อัตราค่าจ้าง 800 บาทต่อวัน
- ช่างอิเล็กทริกส์ ระดับ 1 อัตราค่าจ้าง 500 บาท ต่อวัน
- ช่างไฟฟ้าสำหรับอุตสาหกรรม การจัดงานประชุมการเดินทางเพื่อเป็นรางวัล และ การแสดงสินค้าระดับ 2 อัตราค่าจ้าง 600 บาท ต่อวัน
- นักเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (ภาษีซี) ระดับ 1 อัตราค่าจ้าง 700 บาท ต่อวัน
- นักดูและ และ บริหารระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ระดับ 2 อัตราค่าจ้าง 770 บาท ต่อวัน
- ช่างควบคุมหุ่นยนต์ อุตสาหกรรม ระดับ 1 อัตราค่าจ้าง 605 บาท ต่อวัน
- ผู้ฝึกสอนมวยไทย ระดับ 1 อัตราค่าจ้าง 565 บาท ต่อวัน
การประกาศอัตราค่าจ้างใหม่นี้ ช่วยให้แรงงานสามาร
สรุปค่าธรรมเนียมบัตรเดบิตและบัตรเครดิตทุกธนาคาร หลังปรับเงื่อนไขใหม่
ในปี 2568 หลายธนาคารในประเทศไทยได้มีการปรับปรุงค่าธรรมเนียมของบัตรเดบิตและบัตรเครดิต เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมผู้ใช้งานยุคดิจิทัล และลดต้นทุนในการให้บริการ บทความนี้จะพาผู้อ่านมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมใหม่ล่าสุด พร้อมแนะนำวิธีเลือกใช้บัตรให้คุ้มค่ามากที่สุด
ความแตกต่างระหว่างค่าธรรมเนียมบัตรเดบิตและบัตรเครดิต
ค่าธรรมเนียมบัตรเดบิต
บัตรเดบิตมีลักษณะการใช้งานที่เชื่อมโยงกับบัญชีเงินฝากโดยตรง ผู้ใช้จะสามารถใช้เงินได้เท่ากับยอดคงเหลือในบัญชี โดยค่าธรรมเนียมที่พบบ่อย ได้แก่:
- ค่าธรรมเนียมแรกเข้า (บางธนาคารยกเว้น)
- ค่าธรรมเนียมรายปี: โดยทั่วไปอยู่ระหว่าง 200 – 350 บาทต่อปี
- ค่าธรรมเนียมเบิกถอนข้ามธนาคาร: เฉลี่ย 10 – 20 บาทต่อครั้ง
- ค่าธรรมเนียมการออกบัตรใหม่: 100 – 150 บาท
ค่าธรรมเนียมบัตรเครดิต
บัตรเครดิตเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มาพร้อมวงเงินสินเชื่อ การใช้บัตรจึงมีต้นทุนในการให้บริการมากกว่าบัตรเดบิต โดยค่าธรรมเนียมหลัก ๆ ได้แก่:
- ค่าธรรมเนียมรายปี: ตั้งแต่ 300 บาทไปจนถึงหลายพันบาท ขึ้นอยู่กับประเภทบัตร
- ค่าธรรมเนียมชำระเงินล่าช้า: 100 – 350 บาท หรือคิดเป็น % ของยอดค้างชำระ
- ค่าธรรมเนียมเบิกเงินสด: 3% ของยอดเบิก + VAT
- ค่าธรรมเนียมแปลงสกุลเงินต่างประเทศ: 2 – 3.5% ของยอดใช้จ่าย
เปรียบเทียบค่าธรรมเนียมบัตรเดบิตและเครดิตของธนาคารชั้นนำ
ธนาคาร | ค่ารายปีบัตรเดบิต | ค่ารายปีบัตรเครดิต | ค่าธรรมเนียมเบิกเงินสด | ค่าธรรมเนียมต่างประเทศ |
กสิกรไทย | 350 บาท | ฟรีปีแรก, ปีถัดไป 300-1,200 บาท | 3% + VAT | 2.50% |
ไทยพาณิชย์ | 300 บาท | เริ่มต้น 500 บาท | 3% + VAT | 2.50% |
กรุงไทย | 250 บาท | เริ่มต้น 500 บาท | 3% + VAT | 2.75% |
กรุงเทพ | 200 บาท | ฟรีปีแรก, ปีถัดไป 500 บาท | 3% + VAT | 2.75% |
TTB | 250 บาท | 1,000 บาท | 3% + VAT | 2% |
แนวโน้มและเหตุผลในการปรับค่าธรรมเนียม
การเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมผู้บริโภค
ธนาคารพบว่าผู้ใช้งานเริ่มหันไปใช้ Mobile Banking มากขึ้น การทำรายการผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์มีต้นทุนต่ำกว่าการใช้ตู้ ATM หรือสาขาโดยตรง ทำให้ธนาคารต้องปรับค่าธรรมเนียมเพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนใหม่
การส่งเสริมให้ใช้จ่ายผ่านช่องทางดิจิทัล
ธนาคารหลายแห่งลดหรือยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีสำหรับบัตรเครดิตดิจิทัล หรือบัตรที่สมัครผ่านแอปฯ เพื่อกระตุ้นการใช้งานออนไลน์ เช่น บัตร SCB BEYOND หรือ UOB EVOL มีโปรโมชั่นยกเว้นค่ารายปีถ้าผู้ถือบัตรใช้จ่ายครบตามที่กำหนด
ข้อควรพิจารณาในการเลือกบัตรให้คุ้มค่า
- ตรวจสอบค่าธรรมเนียมแฝง เช่น ค่าธรรมเนียมแปลงสกุลเงิน ค่าธรรมเนียม SMS แจ้งเตือน
- เลือกบัตรที่เหมาะกับพฤติกรรม เช่น ถ้าใช้จ่ายต่างประเทศบ่อย ควรเลือกบัตรที่มีค่าธรรมเนียมแปลงสกุลเงินต่ำ
- พิจารณาสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม เช่น คะแนนสะสม, Cash Back หรือ ประกันการเดินทาง
- สำรวจโปรโมชั่นจากธนาคาร เช่น ยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีเมื่อใช้จ่ายครบตามเกณฑ์
ค่าธรรมเนียมบัตรเดบิตและเครดิตในปี 2568 ได้รับการปรับใหม่เพื่อให้เหมาะสมกับพฤติกรรมของผู้ใช้บริการยุคดิจิทัลมากขึ้น โดยมีแนวโน้มลดค่าธรรมเนียมบัตรดิจิทัลและเพิ่มสิทธิประโยชน์ที่จับต้องได้ หากเลือกใช้งานอย่างเหมาะสม ผู้บริโภคจะสามารถลดค่าใช้จ่ายส่วนเกินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568 ใครได้ไปต่อรับเงิน 1,545 บาท
ข้อมูลล่าสุดวันที่ 23 พฤษภาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานเกี่ยวกับความคืบหน้าของการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐปี 2568 ในส่วนของกลุ่มเปราะบาง ผู้ที่มีรายได้น้อย ซึ่งจากเดิมคาดว่าเปิดให้ลงทะเบียนภายในเดือนมีนาคม 2568 ที่ผ่านมา
ทางด้านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้กล่าวว่าตอนนี้ยังไม่สามารถกำหนดวันลงทะเบียนโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในปี 2568 ได้เนื่องจากอยู่ระหว่างการพิจาณาหลักเกณฑ์การใช้ชีวิต และการวัดความยากจน
ปัจจุบันกำหนดเกณฑ์รายได้ทั้งปีไม่เกิน 100,000 บาทหรือไม่เกินวันละ 274 บาท โดยกระทรวงการคลังกำลังพิจาณาว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเกณฑ์ตรงนี้หรือไม่ เพื่อให้การช่วยเหลือมีความเหมาะวสมและตรงเป้าหมายมากยิ่งขึ้น
บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568 ใครได้ไปต่อบ้าง?
- กลุ่มเดิม คือผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจนปัจจุบันจำนวน 14.5 ล้านคน ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ กระทรวงการคลังจะนำรายชื่อไปคัดกรองอัตโนมัติ
- กลุ่มใหม่ คือคนที่ไม่เคยได้รับสิทธิมาก่อน คาดว่าจะมีจำนวน 10 ล้านคน โดยมาจากประชาชนที่อายุเพิ่งครบ 18 ปี โดยคาดว่าจะมีการเปิดให้ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่น “ทางรัฐ” สำหรับผู้ที่ไม่เคยได้รับสิทธิมาก่อน และ เข้าเกณฑ์คุณสมบัติ รวมถึงกลุ่มตกหล่นที่ลงทะเบียนในปี 2565 แล้วยังไม่ได้ทำการยืนยันตัวตน
เปิดคุณสมบัติ ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่
- ลงทะเบียนรายบุคคล และตรวจสอบคุณสมบัติเป็นรายบุคคลและครอบครัว
- ต้องเป็นบุคคลที่มีสัญชาติไทย
- อายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
- มีรายได้คนละไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี
- ภายในครอบครัว มีรายได้เฉลี่ยไม่เกิน 100,000 บาท ต่อคนต่อปี
- ทรัพย์สินทางการเงิน ได้แก่เงินฝาก พันธบัตร ตราสารหนี้ต่างๆ ต้องไม่เกิน 100,000 บาทต่อคน
- คนในครอบครัวไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปี
- ต้องไม่มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ หรือ ที่ดิน เกินจากเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนด
- ไม่มีบัตรเครดิต
- ไม่มีวงเงินกู้บ้านที่มีราคาตั้งแต่ 1.5 ล้านบาทขึ้นไป
- วงเงินกู้ซื้อรถตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป
- ต้องไม่เป็นพระภิกษุ สามเณร ผู้ต้องขัง หรือ บุคคลที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ ข้าราชการ พนักงานราชการ ผู้รับบำเหน็จรายเดือน ผู้รับบำนาญ ข้าราชการการเมือง รวมถึง สส. และ สว.
รับเงินช่วยเหลือ 1,545 บาท แบ่งเป็นค่าอะไรบ้าง?
- วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค 300 บาทต่อคนต่อเดือน
- วงเงินค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ 750 บาทต่อคนต่อเดือน
- วงเงินส่วนลดค่าก๊าซหุงต้ม 80 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน
- มาตรการบรรเทาภาระค่าน้ำประปา 100 บาท ต่อครัวเรือนต่อเดือน
- มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้า 315 บาท ต่อครัวเรือน ต่อเดือน
- รวมเป็นเงินช่วยเหลือทั้งสิ้น 1,545 บาท
ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ 2568 ผ่านช่องทางไหน?
สำหรับการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568 รอบใหม่นั้นทางรัฐบาลแจ้งว่า จะเปิดให้ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่นทางรัฐ ในส่วนของขั้นตอนการลงทะเบียนผ่านแอปนั้น เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน
นอกจากนี้ยังมีคำสั่งให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ดำเนินการตรวจสอบบททวนหลักเกณฑ์ทั้งเก่าและใหม่ เพื่อให้ครอบคลุมกับการดำเนินงาน เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้คนจนไม่จริงเข้ามาสวมสิทะิ ซึ่งในด้านเกณฑ์รายได้ครัวเรือนยังมีอยู่เหมือนเดิม
ออกตรงกำหนด รัฐจ่ายเงินเดือนข้าราชการ 2568
ข้าราชการเงินเข้าทุกคนแล้ว ทางรัฐบาลแจ้งว่าเงินเดือนข้าราชการ 2568 ออกตรงกำหนดรอบแรกเดือนพฤษภาคม 2568 ใครได้เงินบ้างตรวจสอบได้ มีเงินเพิ่ม ขึ้นเงินเดือนข้าราชการ 2568
อัพเดทความเครื่องไหวรอบจ่ายเงินเดือนล่าสุด ข้าราชการเงินเข้าทุกคนแล้ว รัฐบาลจ่ายเงินเดือนข้าราชการ 2568 และ ค่าจ้างลูกจ้างประจำ ออกตรงกำหนดรอบเดือนพฤษภาคม 2568 เช็คเลยใครได้เงินแล้วบ้าง
เงินเพิ่ม สำหรับคนบรรจุใหม่ ขึ้นเงินเดือนข้าราชการ 2568 ทุกวุฒิการศึกษา ปวช. – ปวส.ม ปริญญาตรี – ปริญญาโท – ปริญญาเอก
อัพเดทเงินเดือนข้าราชการ เดือนพฤษภาคม 2568 ค่าจ้างลูกจ้างประจำ มีการจ่ายเงินเดือน 2 รอบ โดยกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลังได้มีกำหนดให้ข้าราชการ และ ลูกจ้างประจำได้รับเงินเดือน 2 รอบต่อเดือน เริ่มมาตั้งแต่เดือน มกราคม 2567
ข้าราชการแจ้งแสดงความประสงค์รับเงินเดือน 2 รอบทุกเดือน
- ข้าราชการ และ ลูกจ้างประจำที่ต้องการเปลี่ยนรูปแบบการรับเงินเดือน สามารถยื่นเอกสารแสดงความประสงค์ได้ปีละ 1 ครั้ง
- โดยสามารถยื่นแบบแสดงความประสงค์ต่อส่วนราชการ ได้ตั้งแต่วันที่ 1 – 15 ธันวาคม ของทุกปี
- จะมีผลสำหรับการรับเงินเดือนหรือค่าจ้างตั้งแต่เดือนมกราคมของปีถัดไป
เงื่อนไขการแบ่งจ่ายเงินเดือนข้าราชการ 2568 เป็นอย่างไร?
- ข้าราชการสามารถเลือกได้ว่าจะรับเงินเดือนแบบแบ่งจ่าย 2 รอบต่อเดือนหรือไม่ โดยเป็นไปตามความสมัครใจ
การเลือกรับเงินเดือนข้าราชการ 2568
- ข้าราชการ และ ลูกจ้างประจำที่ไม่แสดงความประสงค์ที่จะรับเงินเดือน 2 รอบจะได้รับเงินเดือนในรอบที่ 2 ของเดือนนั้นๆ
- ตั้งแต่การรับเงินเดือน 2 รอบเป็นทางเลือกสำหรับข้าราชการเท่านั้น หากไม่เลือกก็ยังคงได้รับเงินเดือนตามปกติเพียงแต่ได้รับในรอบที่ 2
เปิดกำหนดวันจ่ายเงินเดือนข้าราชการ 2568 ออกวันไหน ค่าจ้างลูกจ้างประจำเดือนพฤษภาคม 2568
- กำหนดจ่ายรอบแรก รัฐจ่ายวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 ตรงกับวันหวยออก
- กำหนดจ่ายรอบ 2 รัฐจ่ายวันที่ 27 พฤษภาคม 2568
ขึ้นเงินเดือนข้าราชการ 2568 ล่าสุดใครได้บ้าง?
พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา โดย พ.ร.บ. งบประมาณปี 2568 มีกำหนดรายละเอียดเอาไว้อย่างชัดเจน วงเงินที่จะนำมาใช้ในการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ กลุ่มแรก บรรจุที่มีวุฒิการศึกษาในระดับ ปริญญาตรี ภายใต้วงเงินงบประมาณจ่ายงบกลาง ซึ่งตั้งเอาไว้ 842,001 ล้านบาท
ข้าราชการบรรจุใหม่ เงินเดือนขึ้นกี่บาท พร้อมอัพเดตทุกวุฒิการศึกษา อัตราเงินเดือนข้าราชการ 2568
วุฒิการศึกษา ปวช. เงินขึ้นกี่บาท
- ปีงบประมาณ 2567 อัตรา 10,340 – 11,380 บาท
- ปีงบประมาณ 2568 เพิ่มเป็น 11,380 – 12,520 บาท
วุฒิการศึกษา ปวส. เงินขึ้นกี่บาท
- ปีงบประมาณ 2567 อัตรา 12,650 – 13,920 บาท
- ปีงบประมาณ 2568 เพิ่มเป็น 1,3920 – 15,320 บาท
วุฒิการศึกษาปริญญาดท เงินขึ้นกี่บาท
- ปีงบประมาณ 2567 อัตรา 19,250- 21,180 บาท
- ปีงบประมาณ 2568 เพิ่มเป็น 21,180 – 23,300 บาท
วุฒิการศึกษา ปริญญาเอก เงินขึ้นกี่บาท
- ปีงบประมาณ 2567 อัตรา 23,100 – 25,410 บาท
- ปีงบประมาณ 2568 เพิ่มเป็น 25,410 – 27,960 บาท
True ออกแถลงการณ์ ขออภัย Internet ล่ม
ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ต True ไม่สามารถใช้ Internet ซึ่งบางส่วนทีมงานกำลังเร่งแก้ไข ส่วนผู้ที่ใช้งานดีแทคไม่ได้รับผลกระทบ ไม่สามารถใช้งานได้หลายพื้นที่ ตั้งแต่เวลา 10.00 ช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยผู้ใช้งานระบบออนไลน์จากผู้ใช้ True รายงานว่าเกิดเหตุขัดข้องในหลายบริการของ True เช่น สัญญาญอินเตอร์เน็ตมือถือ, อินเทอร์เน็ตบ้าน, ระบบ DNS และ Server หลัก
สำหรับพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างชัดเจนก็คือ กรุงเทพมหานคร และ ยังมีผู้ใช้งานต่างจังหวัดจำนวนมากผ่าน Social Media ว่าประสบปัญหาเดียวกัน เช่นเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต และ การใช้งานบริการโทรศัพท์ไม่สามารถโทรเข้า-ออกได้
ล่าสุด True ได้ออกแถลงการณ์ ขออภัย สำหรับเหตุขัดข้องที่เกิดขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้งานมือถือ ลูกค้าทรูทั่วประเทศบางส่วน โดยระบุว่า “ทีมงานกำลังเร่งแก้ไขอย่างเร่งด่วนที่สุด ทั้งนี้ผู้ใช้งานดีแทค จะไม่ได้รับผลกระทบดังกล่าว”
แผนกระตุ้นเศรษฐกิจ 2540 vs 2568
ปัจจุบันเศรษฐกิจของประเทศไทย กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหม่ ซึ่งต้องการแรงขับเคลื่อนครั้งใหญ่ ทางรัฐบาลชุดปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนแนวทางการใช้จ่ายงบประมาณ โดยได้โยกงบประมาณ 1.57 แสนล้านบาท จากโครงการ ดิจิทัลวอลเล็ตเดิม เพื่อนำมาสนับสนุนในภาคส่วนที่เจาะจงมากขึ้น แทนแนวทางใหม่นี้ เพื่อหวังที่จะนำเม็ดเงินจำนวนมาก ไปสู่ภาคส่วนที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจ และ ชุมชนโดยตรง ยกตัวอย่างเช่น
- SME (Small and Medium-sized Businesses)
- การท่องเที่ยว
- การเกษตร
- แก้ไขปัญหาถนน
การใช้จ่ายด้วยงบประมาณมหาศาลขนาดนี้มาจากงบประมาณกลางของประเทศ นั่นก็คือ เงินภาษีของประชาชนซึ่งมันต้องมาพร้อมกับคำว่า “ความคุ้มค่า” ที่ประเทศ และ ประชาชนจะได้รับ
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในปี 2540 (วิกฤติต้มยำกุ้ง)
หากย้อนไปในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้งในปี 2540 รัฐบาลในขณะนั้นได้มีโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญโดยใช้ชื่อโครงการว่า “มิยาซาวา” หรือ Miyazawa Initiative ซึ่งโครงการนี้ได้รับความช่วยเหลือจาะประเทศญี่ปุ่น ในรูปแบบของเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ หรือที่เราเรียกกันว่า Soft Loan ซึ่งวิธีการก็คือการค้ำประกันพันธบัตร ประเทศไทยก็ได้เข้าร่วมโครงการดังกล่าว โดยทำให้มีเม็ดเงินเข้ามาฟื้นฟูเสถียรภาพทางการเงิน และช่วยเสริมสภาพคล่อง และ กระตุ้นเศรษฐกิจ
โครงการมิยาซาวา ในขณะนั้นได้ชื่อว่าเป็นโครงการที่ช่วยกอบกู้วิกฤติสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยในขณะนั้นทำให้ ธุรกิจต่างๆ สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ และยังช่วยบรรเทาผลกระทบที่เกิดจากการขาดแคลนสภาพคล่อง นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น ซึ่งมีส่วนช่วยในการสร้างงาน และ เป็นการวางรากฐานสำหรับฟื้นตัวในระยะยาว โครงการนี้ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนชาวต่างชาติ และตลาดโลก รวมถึงช่วยกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับประเทศญี่ปุ่น ถึงแม้จะเป็นเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ แต่ก็ยังคงเป็นภาระหนี้สินที่รัฐบาลไทยต้องรับผิดชอบ และ ชำระคืนในระยะยาว ซึ่งถือว่าเป็นต้นทุน หรือ ความคุ้มค่าในอีกมุมหนึ่ง
มาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลไทยในปี 2568
สำหรับมาตรการ การกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลไทยในปัจจุบันนั้น ใช้งบประมาณกลางประมาณ 1.57 แสนล้านบาท ถือว่าเป็นภาษีของประชาชน ความแตกต่างด้านแหล่งเงินทุน เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ในการพิจารณาความคุ้มค่า การกระตุ้นครั้งใหญ่นี้เน้นการสนับสนุนแบบเจาะจงภาคส่วน โดยมุ่งเป้าไปที่ระบบการเงิน และ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเป็นหลัก ซึ่งการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่นี้ มุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนแบบเจาะจงภาคส่วน พุ่งไปที่ภาคส่วนที่เจอปัญหาเฉพาะหน้า แตกต่างจากโครงการ มิยาซาวา ที่เน้นไปที่การแก้ไขปัญหาสภาพคล่อง ในระบบการเงิน และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเป็นหลัก การกระตุ้นแบบใหม่อาจช่วยให้มีการกระจายเม็ดเงินเข้าสู่ฐานราก ไปยังภาคส่วนที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจ และ ชุมชนโดยตรง
บทสรุปของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ จะออกมาในรูปแบบไหน ต้องมาตั้งคำถามกันว่าตอนนี้ ด้วยกลไก และ บริบ รวมไปถึงแหล่งเงินทุนที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ระหว่าง 2 ยุคสมัยนี้ รวมไปถึงมาตรการที่ใช้กระตุ้นเศรษฐกิจในปัจจุบัน มันให้ความคุ้มค่า จริงรึเปล่า? รัฐบาลจะต้องมีมาตรการควบคุมประสิทธิภาพในการเบิกจ่าย และ บริหารจัดการโครงการรวมไปถึงการป้องกันการรั่วไหลอย่างละเอียด นอกจากนี้ยังต้องติดตามผลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การใช้จ่ายในงบประมาณ 1.57 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นเงินภาษีของประชาชน ได้ถูกใช้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และสร้างผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจได้ตามที่คาดการณ์เอาไว้
5 ธนาคารใหญ่แจ่งปิดระบบ กระทบทั้งประเทศ
แจ้งเตือนการปิดระบบ ครั้งใหญ่จาก 5 ธนาคารชั้นนำ ทำให้ไม่สามารถเข้าใช้บริการแอปธนาคาร, ตู้ ATM, โอนเงินต่างประเทศ, จ่ายบิล หนักสุดปิดนาน 9 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีการแจ้งเตือนการปิดสาขาให้บริการอีกด้วย
ธนาคารไทยแจ้งปิดปรับปรุงระบบครั้งใหญ่ กระทบทั้ง 5 ประเทศ สำหรับบริการที่ใช้งานไม่ได้มีหลากหลายบริการ ยกตัวอย่างเช่น ระบบแอปของธนาคาร, ตู้ ATM, การโอนเงินต่างประเทศ, การจ่ายบิล ซึ่งแจ้งว่ามีการปิดปรับปรุงระบบ 5 ธนาคารดังกล่าว ได้ออกมาแจ้งเตือนลูกค้าธนาคาร ตามรายละเอียดด้านล่าง
- ธนาคารกรุงไทย
- ธนาคารออมสิน
- ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย
- ธนาคารเกรียรตินาคินภัทร
- ธนาคารแลนด์ แอด์ เฮ้าส์
ธนาคารกรุงไทย ปิดระบบแอป Krungthai Care
ธนาคารกรุงไทย แจ้งผ่าน Krungthai Care ระบุว่า เพื่อเป็นการยกระดับการให้บริการธนาคารจะปิดปรับปรุง เพื่อพัฒนาระบบแอป Krungthai NEXT ในวันพุธที่ 21 พฤษภาคม 2568 เวลา 01-00-06.00
ธนาคารออมสิน ปิดระบบแอป MyMo by GSB
ธนาคารออมสิน แจ้งผ่าน GSB Society ปิดปรับปรุงระบบงานบางส่วนชั่วคราว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การบริการให้ดียิ่งขึ้น ทำให้ลูกต้าไม่สามารถเข้าใช้บริการได้ในวันและเวลาด้านล่าง
- ช่วงที่ 1 วันที่ 24 พฤษภาคม 2568 เวลา 00.30-09.30 น.
- ช่วงที่ 2 วันที่ 25 พฤษภาคม 2568 เวลา 00.30-09.30 น.
ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ปิดระบบแอป ibank Application
ธนาคารอิสรามแห่งประเทศไทย แจ้งผ่าน Islamic Bank of Thailand – ibank โดยระบุว่า ไอแบงก์แจ้งปิดปรับปรุงบริการ ibank Application บนแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ
- บริการตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษาภาคม 2568 เวลา 23.00 น. ถึงวันศุกร์ที่ 23 พฤษภาคม 2568 เวลา 05.00 น.
ธนาคารเกียรตินาคินภัทร ปิดระบบแอป KKP Mobile
ธนาคารเกียรนาคิภัทร แจ้งผ่าน Kiatnakin Phatra ระบุว่าธนาคารเกียรตินาคินภัทร แจ้งปิดระบบเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการให้บริการให้ดีขึ้นในวันเสาร์ที่ 24 พฤษภาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 01.00-02.00 น. โดยมีระบบที่ไม่สามารถให้บริการได้ตามรายละเอียดด้านล่าง
- การโอนเงินต่างธนาคารทุกช่องทาง
- การจ่ายบิลทุกช่องทาง
- แอปพลิเคชั่น KKP Mobile
- KKP BIZ-eBanking
ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ แจ้งปิดสาขาให้บริการ พื้นที่ภาคอีสาน และ ภาคใต้
ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ แจ้งผ่าน LHBank ระบุว่าธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ สาขา โลตัส สมุย จะปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป
- ในวันที่ 30 มิถุนายน 2568 สาขาโลตัส สมุย จะเปิดให้บริการถึง 15.00 น.
- ลูกค้าที่ต้องการใช้บริการ สามารถเข้าไปใช้บริการของธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮาส์ ได้ที่สาขา สุราษฎร์ธานี, Internet Banking หรือ ทำธุรกรรมออนไลน์ผ่าน Application LHB You
SCB First คืออะไร?
SCB First คือบริการระดับพรีเมียมจากธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ที่ออกแบบมาเพื่อดูแลลูกค้าที่มีสินทรัพย์ลงทุนสูง พร้อมทั้งมอบสิทธิพิเศษในด้านการเงิน การลงทุน ไลฟ์สไตล์ และการดูแลสุขภาพอย่างครบวงจร บริการนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกสบาย ความรวดเร็ว และการดูแลเฉพาะบุคคลจากทีมผู้เชี่ยวชาญ
คุณสมบัติของผู้สมัคร SCB First
การเข้าร่วมโปรแกรม SCB First ไม่ใช่สิ่งที่เปิดให้ทุกคนสมัครได้ทันที ผู้ที่ต้องการเป็นสมาชิกต้องมีคุณสมบัติตามเกณฑ์ต่อไปนี้
เกณฑ์ด้านทรัพย์สิน
- มีเงินฝากและ/หรือเงินลงทุนรวมใน SCB ตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป
- หรือมีสินทรัพย์รวมเฉลี่ยย้อนหลัง 6 เดือนในระดับที่กำหนดโดยธนาคาร
ประเภทบัญชีที่นับรวม
- บัญชีเงินฝากออมทรัพย์/ฝากประจำ
- บัญชีกองทุนรวม
- บัญชีเงินลงทุนในตราสารหนี้ หรือพันธบัตร
สิทธิประโยชน์ SCB First ที่น่าสนใจ
เมื่อเป็นสมาชิก SCB First จะได้รับสิทธิประโยชน์ที่ครอบคลุมทั้งด้านการเงินและไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียม ดังนี้
1. ที่ปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคล (First Investment Consultant)
- ให้คำแนะนำในการวางแผนการเงิน การลงทุนระยะสั้นและระยะยาว
- บริการวางแผนมรดก และบริหารความเสี่ยงจากทีมผู้เชี่ยวชาญ
2. สิทธิพิเศษด้านไลฟ์สไตล์
- บริการห้องรับรอง Lounge ที่มีชื่อว่า First Lounge อยู่ที่สาขา SCB ที่ร่วมรายการ
- สิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรมพิเศษ เช่น งานสัมมนาการลงทุน เวิร์กช็อปไลฟ์สไตล์
- ส่วนลดร้านอาหาร โรงแรม หรือบริการสุขภาพที่ร่วมรายการ
3. การดูแลสุขภาพ
- แพ็กเกจตรวจสุขภาพประจำปีจากโรงพยาบาลพันธมิตร
- บริการให้คำปรึกษาทางการแพทย์เบื้องต้นผ่านแอปพลิเคชัน
4. สิทธิพิเศษด้านการเดินทาง
- บริการ Fast Track ที่สนามบินที่กำหนด
- ส่วนลดค่าบริการเช่ารถ หรือโรงแรมในต่างประเทศ
เปรียบเทียบบริการ SCB First กับบริการทั่วไป
หลายคนอาจสงสัยว่า SCB First แตกต่างจากลูกค้าทั่วไปอย่างไร ด้านล่างนี้คือตัวอย่างเปรียบเทียบที่เห็นได้ชัด
รายการ | ลูกค้าทั่วไป | SCB First |
---|---|---|
บริการที่ปรึกษาการเงิน | ไม่มี | มีผู้เชี่ยวชาญดูแลเป็นรายบุคคล |
ห้องรับรองที่สาขา | ไม่มี | มี First Lounge สำหรับพักผ่อน/นัดหมาย |
สิทธิประโยชน์ไลฟ์สไตล์ | ทั่วไป | สิทธิพิเศษในร้านค้า โรงแรม และกิจกรรม VIP |
ค่าธรรมเนียมบางรายการ | คิดตามปกติ | บางรายการได้รับการยกเว้น |
SCB First เหมาะกับใคร?
บริการนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีสินทรัพย์ทางการเงินระดับสูง และต้องการการดูแลในรูปแบบ Personal Banking โดยเฉพาะกลุ่มคนที่
- มีเป้าหมายการลงทุนระยะยาว เช่น การวางแผนเกษียณ หรือมรดก
- ต้องการคำแนะนำด้านการเงินจากผู้เชี่ยวชาญที่มีใบอนุญาต
- ชอบความสะดวกสบาย และไลฟ์สไตล์แบบพรีเมียม
วิธีสมัครใช้บริการ SCB First
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อสมัครได้ที่:
- SCB สาขาที่ร่วมรายการที่มี First Lounge
- เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลบัญชี (RM) ที่รับผิดชอบ
- เว็บไซต์ SCB หรือแอป SCB EASY เพื่อกรอกแบบฟอร์มเบื้องต้น
SCB First ไม่ได้เป็นเพียงแค่บริการธนาคารทั่วไป แต่คือระบบการดูแลลูกค้าแบบครบวงจรในระดับพรีเมียม ที่ช่วยให้การเงินและการใช้ชีวิตของสมาชิกมีความสะดวกสบาย มั่นคง และมีโอกาสเติบโตทางทรัพย์สินได้มากยิ่งขึ้น หากมีเงินลงทุนที่ตรงตามเกณฑ์และต้องการการดูแลระดับพิเศษ SCB First คือทางเลือกที่ควรพิจารณา