บัตรเครดิตเงินคืน (Cashback) VS บัตรเครดิตสะสมแต้ม (Reward) เลือกแบบไหนคุ้มกว่ากัน?
บัตรเครดิตเงินคืน (Cashback) VS บัตรเครดิตสะสมแต้ม (Reward) เลือกแบบไหนคุ้มกว่ากัน?
ในยุคที่การใช้บัตรเครดิตกลายเป็นเรื่องปกติของการจับจ่าย หลายคนเริ่มมองหาบัตรที่ “ตอบโจทย์” ไลฟ์สไตล์ และให้ “ผลตอบแทน” ที่คุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นการคืนเงินหรือการสะสมแต้มเพื่อแลกของรางวัล แต่คำถามคือ แบบไหนดีกว่ากัน? ในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึกเปรียบเทียบบัตรเครดิตเงินคืน (Cashback) และบัตรเครดิตสะสมแต้ม (Reward) เพื่อช่วยให้คุณเลือกได้อย่างมั่นใจ
ทำความเข้าใจพื้นฐาน: Cashback กับ Reward คืออะไร?
บัตรเครดิตเงินคืน (Cashback)
คือบัตรที่ให้ผลตอบแทนเป็น “เงินสดคืน” จากยอดการใช้จ่าย เช่น ใช้จ่าย 100 บาท ได้เงินคืน 1-5 บาท (ขึ้นอยู่กับโปรโมชันของบัตร) เงินคืนจะถูกสะสมและคืนเข้าบัญชีในรอบบิลถัดไป หรือใช้ลดยอดค้างชำระ
บัตรเครดิตสะสมแต้ม (Reward)
คือบัตรที่ให้คะแนนสะสมตามยอดใช้จ่าย เช่น ใช้จ่ายทุก 25 บาท ได้ 1 คะแนน จากนั้นสามารถนำคะแนนไปแลกรับของรางวัล ไมล์สะสม เที่ยวบิน โรงแรม หรือเครดิตเงินคืนก็ได้ในบางกรณี
เปรียบเทียบชัด ๆ: เลือกแบบไหนดี?
เกณฑ์ | บัตรเครดิตเงินคืน (Cashback) | บัตรเครดิตสะสมแต้ม (Reward) |
---|---|---|
ประเภทผลตอบแทน | เงินสดคืนเข้าบัญชี | คะแนนสะสม แลกของรางวัล |
ความสะดวก | ง่าย ได้เงินคืนอัตโนมัติ | ต้องเข้าแอป/เว็บไซต์เพื่อแลกคะแนน |
เหมาะกับใคร | คนชอบความคุ้มค่าแบบทันที | คนที่ใช้จ่ายสูงหรือเดินทางบ่อย |
ระยะเวลาการได้รับผลตอบแทน | เร็ว – เดือนต่อเดือน | ช้ากว่า – ต้องสะสมแต้มก่อน |
ความซับซ้อน | ไม่ซับซ้อน | มีขั้นตอนแลกคะแนน อาจหมดอายุได้ |
ข้อดีและข้อจำกัดของแต่ละประเภท
ข้อดีของบัตรเครดิตเงินคืน
- ได้ผลตอบแทนเป็นเงินสดทันทีเมื่อถึงเกณฑ์
- เหมาะกับการใช้จ่ายประจำ เช่น ค่าน้ำมัน ค่ากิน ค่าไฟ
- ไม่มีความยุ่งยากเรื่องการแลกคะแนนหรือโปรโมชัน
ข้อจำกัดของบัตรเครดิตเงินคืน
- อัตราการคืนเงินมักถูกจำกัดตามหมวด เช่น บางบัตรให้คืนเฉพาะร้านอาหาร/ซูเปอร์มาร์เก็ต
- มีการจำกัดยอดคืนเงินสูงสุดต่อเดือน
ข้อดีของบัตรเครดิตสะสมแต้ม
- เหมาะกับการใช้จ่ายจำนวนมากหรือซื้อตั๋วเครื่องบิน
- มีของรางวัลหรือสิทธิพิเศษให้เลือกมาก เช่น ตั๋วหนัง, โรงแรม, ตั๋วเครื่องบิน
- บางบัตรสามารถโอนคะแนนไปยังโปรแกรมสะสมไมล์ของสายการบินได้
ข้อจำกัดของบัตรเครดิตสะสมแต้ม
- การใช้คะแนนมีข้อกำหนดและอาจมีวันหมดอายุ
- ต้องใช้แอปหรือเว็บไซต์ในการแลกคะแนน
- บางรางวัลต้องใช้คะแนนจำนวนมากถึงจะแลกได้
ตัวอย่างผู้ใช้งานจริง: ใครเหมาะกับแบบไหน?
ผู้ที่ใช้จ่ายทั่วไป เช่น ค่าใช้จ่ายประจำบ้าน
- เหมาะกับบัตรเครดิตเงินคืน เพราะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ตรงจุด เห็นผลทันทีทุกเดือน
ผู้ที่เดินทางบ่อยหรือใช้จ่ายสูงเป็นประจำ
- เหมาะกับบัตรเครดิตสะสมแต้ม โดยเฉพาะบัตรที่โอนคะแนนเป็นไมล์บินได้ เช่น บัตรเครดิตร่วมกับสายการบิน
สายช้อปออนไลน์หรือร้านค้าพันธมิตรเฉพาะ
- อาจเลือกใช้บัตรที่เน้นเงินคืนในหมวด e-commerce หรือบัตรร่วมกับร้านค้า เช่น Shopee, Lazada
แบบไหนคุ้มกว่ากัน?
คำตอบขึ้นอยู่กับ “พฤติกรรมการใช้จ่าย” ของแต่ละคน หากคุณเป็นคนที่ต้องการความเรียบง่ายและคุ้มค่าทันที บัตรเครดิตเงินคืนอาจตอบโจทย์ที่สุด แต่ถ้าคุณมองหาระยะยาวและยินดีสะสมเพื่อแลกของรางวัลพิเศษ บัตรเครดิตสะสมแต้มก็มีเสน่ห์เฉพาะตัว
คำแนะนำในการเลือก
- ตรวจสอบโปรโมชันแต่ละบัตรก่อนสมัคร
- เปรียบเทียบอัตราผลตอบแทน (เช่น % เงินคืน หรือ อัตราการสะสมแต้ม)
- พิจารณาค่าธรรมเนียมรายปี หากไม่มีค่าธรรมเนียมถือเป็นข้อได้เปรียบ
ไม่ว่าจะเลือกบัตรเครดิตเงินคืนหรือบัตรเครดิตสะสมแต้ม การใช้อย่างมีวินัยและชำระเต็มจำนวนทุกเดือนคือหัวใจของการใช้บัตรอย่างคุ้มค่าและปลอดภัย อย่าลืมเปรียบเทียบให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตนเอง เพื่อให้บัตรเครดิตกลายเป็นผู้ช่วยทางการเงิน ไม่ใช่ภาระระยะยาว