อนุมัติมาตรการ Easy E-Receipt ลดหย่อนภาษีสูงสุด 5 หมื่นบาท
ครม. อนุมัติ Easy E-Receipt 2.0 ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 5 หมื่นบาท
หลังจากที่คณะรัฐมนตรีได้มีการประชุม ครม. เกี่ยวกับนโยบายกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยได้มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังได้เสนอมาเกี่ยวกับมาตรการต่างๆ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม้ 2568 และหนึ่งในมาตรการที่ถูกนำมาเป็นของขวัญปีใหม่นั่นก็คือมาตรการลดหย่อนภาษี หรือ Easy E-Receipt 2.0 เป็นมาตรการที่ออกมาเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อของประชาชน หรือที่เรียกกันว่า Easy E-Receipt 2.0 นั่นเอง
ประชาชนที่อยู่ในเกณฑ์ที่ต้องชำระภาษี เพื่อนำไปจับจ่ายใช้สอยนั่น ทางร้านค้าที่ออกใบกำกับภาษี หรือ ใบรับในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบ E-Tax Invoice & E-Receipt ด้วยวงเงิน 50,000 บาท เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2568 ไปจนถึง กุมภาพันธ์ 2568 โดยประชาชนที่ต้องการลดหย่อนภาษีสามารถนำใบกำกับภาษีไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปีภาษี 2568
หลักเกณฑ์และเงื่อนไข มาตรการ Easy E-Receipt
- สำหรับใช้จ่ายสินค้าทั่วไป โดยกำหนดเงินลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 30,000 บาท
- สำหรับการใช้จ่ายร้านวิสาหกิจ ชุมชน SME และ ร้านค้า OTOP ลดหย่อนภาษีได้ตั้งแต่ 20,000 บาทไปจนถึง 50,000 บาท
ทางด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับโครงการ Easy E-Receipt ในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ร้านค้าที่เข้ามาอยู่ในระบบภาษีเพิ่มขึ้น 20% ทั้งนี้วิสาหกิจชุมชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการ สามารถทำการลงทะเบียนเข้าระบบภาษีมูลค่าเพิ่มได้ โดยระยะเวลาในการลงทะเบียนจะเปิดให้เพียง 1 สัปดาห์ ทางกระทรวงการคลังได้ออกมาตรการดังกล่าว ว่าจะทำให้ช่วยกระตุ้นเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 70,000 ล้านบาท และทำให้รัฐสูญเสียการจัดเก็บรายได้ประมาณ 10,000 ล้านบาท
เปิดรายละเอียดค่าสินค้า หรือ บริการ ที่สามารถหักลดหย่อนภาษีได้ไม่รวมถึง
- ค่าซื้อสุรา, เบียร์ และ ไวน์
- ค่ายาสูบ
- ค่าซื้อรถยนต์, รถจัรกรยานยนต์ หรือ เรือ
- ค่าน้ำมันและก๊าซ, ค่าบริการประจุไฟฟ้า สำหรับเติมยานพาหนะ
- ค่าสาธารณูปโภค, ค่าน้ำประปา, ค่าไฟฟ้า, ค่าบริการสัญญาญโทรศัพท์, ค่าบริการสัญญาณอินเทอร์เน็ต, ค่าบริการสำหรับบริการที่มีข้อตกลงในระยะยาว ที่เริ่มต้นก่อนวันที่ 15 มกราคม 2568 หรือ สินค้าหลังวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 แม้ว่าจะจ่ายค่าบริการระหว่างวันที่ 15 มกราคม 2568 ไปจนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 ก็ตาม
- ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย โดยหลักเกณฑ์ วิธีการ และ เงื่อนไขๆ เป็นไปตามที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด