แบงก์ชาติสั่งแบงก์ คุมโอนเงิน-ชำระเงิน ไม่เกิน 5 หมื่นต่อวัน
แบงก์ชาติคุมเข้ม สั่งแบงก์คุมโอนเงิน-ชำระเงินไม่เกิน 5 หมื่นต่อวัน
มาตรการใหม่ล่าสุด สดๆร้อนๆจากทางแบงก์ชาติ ที่ได้ออกมาตรการ สกัดมิจฉาชีพหลอกให้โอนเงิน ด้วยแนวโน้มการถูกมิจฉาชีพ หรือ แก็งคอลเซ็นเตอร์ หลอกลวงให้โอนเงินต่างๆยังอยู่ในระดับที่สูง และเพื่อเป็นการป้องกันความเสียหายจากการที่ประชาชนถูกหลอกลวงจากมิจฉาชีพ ในการหลอกให้โอนเงินผ่านบัญชีม้า มาตรการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะทำให้ระยะข้างหน้าคือการจำกัดความเสียหายจากการโอนเงิน ก่อนที่เหยื่อหรือผู้โอนจะรู้ตัว
ธนาคารแห่งประเทศไทย ออกมาตรการ จำกัดวงเงินการโอนเงินหรือการชำระเงิน
- จำกัดไม่ให้มิจฉาชีพ สามารถโอนเงินออกจากบัญชีได้ครั้งละจำนวนมากๆ เพื่อป้องกันไม่ให้มิจฉาชีพถ่ายโอนเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดได้เร็ว ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสที่จะกักเงินของผู้เสียหายไว้ได้ทัน
- จำกัดความเสียหายของประชาชนที่อาจจะตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ โดยเฉพาะกลุ่มเด็ก และ กลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของมิจฉาชีพ โดยธนาคารจะพิจารณากำหนดวงเงินการโอนและชำระเงินต่อวันให้เหมาะสมกับความเสี่ยง และ พฤติกรรมการทำธุรกรรมในอดึตของลูกค้า โดยวงเงินเริ่มต้นอยู่ที่ไม่เกิน 50,000 บาทต่อวัน
การจำกัดการโอนเงิน และ การชำระเงินนั้น จะถูกจับตาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น อายุที่เกิน 65 ปี และ เด็กที่อายุต่ำกว่า 15 ปี ที่จะมีการจำกัดการโอนเงิน เพื่อช่วยป้องกัน ไม่ให้ตกเหยื่อหรือ เมื่อตกเป็นเหยื่อและมีการโอนเงินออกไปแล้ว ไม่ให้เสียหายมากไปกว่าเดิม การจำกัดการโอนเงิน หรือ ชำระเงินต่อวันลดลง สำหรับลูกค้าบางคน จะต้องขึ้นอยู่กับความเหมาะสม และ การทำธุรกรรมของลูกค้าแต่ละคนด้วย และการจะไปกำหนดวงเงินไม่ให้ออกจากบัญชี เกิน 5 หมื่นบาท เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ที่แบงก์จะต้องดูตามความเหมาะสม
หากเป็นลูกค้าที่ไม่เคยเปิดบัญชีมาก่อน กลุ่มนี้แบงก์อาจจะกำหนดการโอนเงินขั้นต่ำไว้ก่อนไม่เกิน 5 หมื่นบาทต่อวัน สำหรับทุกกลุ่ม แต่หากไปใช้สักพัก และ แบงก์มองว่าเป็นลูกค้าปกติอาจจะให้กลุ่มนี้ออกจากกลุ่มเสี่ยงที่ต้องวงสัยได้ อาจจะกำหนดวงเงินขึ้นไปเพิ่มเติมได้ และถ้าหากเป็นลูกค้าที่อยู่ในกลุ่ม M หรือ กลุ่ม L การโอนเงินออก อาจจะทำได้มากกว่าขั้นต่ำที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดเอาไว้ เช่น อาจจะมากกว่า 2 แสนบาทเป็นต้น
มาตรการลดวงเงิน การโอนเงินนั้นธนาคารจะเป็นผู้แจ้งให้กับลูกค้าทราบล่วงหน้า ซึ่งการกำหนดวงเงินการโอนเงิน และ ชำระเงินจะขึ้นอยู่กับ ดุลพินิจของแบงก โดยจะดูจากพฤติกรรมและ ธุรกรรมทางการเงินในอดึตร่วมด้วย หากเป็นคนที่เคยโอนเงินปกติ ในระดับดังกล่าว แบงก์อาจจะขยายวงเงินการโอนเงินเพิ่มขึ้นได้ โดยอาจจะไม่ต้องโทรหา Call Center เพื่อขยายวงเงิน หรือ ขอเอกสารเพิ่มเติม แต่บางกลุ่มที่ต้องการขยายวงเงินขึ้นต่ำที่กำหนด อาจจะต้องมีการติดต่อ Call Center เพื่อขยายวงเงินชั่วคราว หรือ แบงก์อาจจะขอเอกสารเพิ่มเติม ถึงความเป็นไปได้ในการโอนเงิน
ในส่วนของแนวโน้มในการถูกทุจริตทางการเงิน พบว่าความเสียหายจากการถูกหลอกโอนเงินไปยังต่างประเทศ ยังอยู่มในระดับสูง โดยยังไม่ได้ลดลงหากเทียบกับอดีต โดยเฉพาะการถูกหลอกให้โอนเงินให้มิจฉาชีพ ที่พบว่าความเสียหายในไตรมาส 2 อยู่ที่ 6,000 ล้านบาท และ เฉลี่ยตกเดือนละ 2,000 ล้านบาทต่อเดือน ลดลงจากไตรทาส 2/2567 มูลค่า 5,890 ล้านบาท
เดือนกรกฎาคม 2568 สามารถระงับบัญชีม้าได้ถึง 3 ล้านบัญชี คิดเป็นรายชื่อบัญชีม้า 1.77 แสน รายชื่อ ทั้งนี้หากดูข้อมูลความเสียหายจากการหลอกลวงในเดือนมิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ตัวเลขจำนวนความเสียหายจะอยู่ที่ 24,500 เคส คิดเป็นตัวเลขจำนวนเงินที่เสียหายให้กับมิจฉาชีพไปประมาณ 2,800 ล้านบาท เฉลี่ย 114,000 บาทต่อเคส โดยยอดโอนเงินสูงสุดอยู่ที่ 4.9 ล้านบาท และหากดูธุรกรรมที่เหยื่อโอนเข้าบัญชีม้าล่าสุด จะสูงกว่า 5 หมื่นบาท โอนเงินภายใน 3 นาที ประมาณ 50% ของมูลค่าความเสียหาย โดยที่เหยื่อจะแจ้งข้อมูลเข้ามาในระบบ 19-25 นาที