ดอกเบี้ยบัตรเครดิตคิดยังไง? เข้าใจให้ถูกก่อนจะจ่ายแพง
เปิดรายละเอียด ดอกเบี้ยบัตรเครดิตคิดยังไง?
หลายคนใช้บัตรเครดิตในชีวิตประจำวันเพราะความสะดวกสบาย ไม่ว่าจะซื้อของออนไลน์ จ่ายค่าน้ำมัน หรือรูดค่าของใช้ แต่กลับไม่เคยเข้าใจเลยว่า “ดอกเบี้ยบัตรเครดิต” คิดยังไงกันแน่ จึงทำให้หลายคนตกหลุมพรางทางการเงินโดยไม่รู้ตัว บทความนี้จะพาคุณเข้าใจการคำนวณดอกเบี้ยบัตรเครดิตแบบง่าย ๆ เพื่อช่วยให้คุณใช้บัตรได้อย่างชาญฉลาด และไม่ต้องจ่ายแพงแบบไม่จำเป็น
ดอกเบี้ยบัตรเครดิตคืออะไร?
คำจำกัดความของดอกเบี้ยบัตรเครดิต
ดอกเบี้ยบัตรเครดิต (Credit Card Interest) คือค่าธรรมเนียมที่ธนาคารเรียกเก็บจากผู้ถือบัตร หากคุณไม่สามารถชำระยอดเต็มตามใบแจ้งหนี้ภายในระยะเวลาที่กำหนด ธนาคารจะเริ่มคิดดอกเบี้ยจากยอดที่คุณยังค้างอยู่ ซึ่งอัตราดอกเบี้ยนี้มักสูงถึง 16-20% ต่อปี และในบางกรณีอาจสูงกว่านี้หากมีการผิดนัดชำระหรือจ่ายล่าช้า
การคิดดอกเบี้ยแบบ “รายวัน”
สิ่งที่หลายคนมองข้ามคือ ดอกเบี้ยของบัตรเครดิตมักจะ คิดเป็นรายวัน ไม่ใช่รายเดือน ซึ่งหมายความว่ายิ่งคุณปล่อยยอดค้างไว้นานเท่าไหร่ ดอกเบี้ยที่คุณต้องจ่ายก็จะสูงขึ้นเท่านั้น
การคำนวณดอกเบี้ยบัตรเครดิตแบบง่าย ๆ
กรณีที่ 1: ชำระยอดเต็มภายในกำหนด
หากคุณใช้บัตรเครดิตแล้ว ชำระเต็มจำนวน ตามใบแจ้งหนี้ภายในวันครบกำหนด จะไม่มีการคิดดอกเบี้ยเลย ซึ่งถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการใช้บัตรเครดิตแบบไม่มีต้นทุน
กรณีที่ 2: จ่ายขั้นต่ำหรือไม่ครบ
หากคุณเลือก ชำระขั้นต่ำ หรือชำระเพียงบางส่วนของยอดที่ใช้ ดอกเบี้ยจะถูกคิดจากยอดเงินที่ยังไม่จ่าย ตั้งแต่วันแรกที่มียอดใช้จ่าย และไม่ใช่แค่ยอดคงค้าง ยังรวมถึงรายการใหม่ที่ใช้ในรอบถัดไปด้วย
ตัวอย่างการคิดดอกเบี้ยแบบคร่าว ๆ
สมมุติว่าคุณรูดบัตรเครดิตซื้อของ 20,000 บาท ในวันที่ 1 มีนาคม และต้องชำระภายใน 25 มีนาคม หากคุณจ่ายขั้นต่ำแค่ 2,000 บาท ในวันที่ครบกำหนด
-
ยอดที่ยังค้าง = 18,000 บาท
-
สมมุติดอกเบี้ย = 18% ต่อปี หรือประมาณ 0.0493% ต่อวัน
-
ถ้าคุณยังไม่จ่ายส่วนที่เหลือจนถึง 10 เมษายน ดอกเบี้ยที่คุณต้องจ่ายจะเท่ากับ:
18,000 x 0.0493% x 16 วัน (26 มี.ค. – 10 เม.ย.) ≈ 141.82 บาท
ซึ่งนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของดอกเบี้ย หากคุณยังใช้บัตรในเดือนถัดไป ดอกเบี้ยจะยิ่งทบซ้อนเรื่อย ๆ
ดอกเบี้ยทบต้นคืออะไร?
ดอกเบี้ยที่เกิดจากการปล่อยยอดค้าง
เมื่อคุณไม่ได้จ่ายยอดเต็ม ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยจากยอดค้างเดิม และเมื่อดอกเบี้ยถูกเพิ่มเข้าไปในยอดค้าง ดอกเบี้ยในรอบถัดไปก็จะถูกคิดจากยอดรวมที่สูงขึ้น นี่คือสิ่งที่เรียกว่า ดอกเบี้ยทบต้น (Compound Interest)
ผลกระทบของดอกเบี้ยทบต้น
หากคุณปล่อยให้ยอดหนี้คงค้างและจ่ายแค่ขั้นต่ำทุกเดือน ในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน ยอดหนี้ของคุณอาจเพิ่มขึ้นเป็น เท่าตัว ทำให้คุณต้องจ่ายเงินมากกว่าที่ใช้จ่ายจริง ๆ อย่างมาก
ทำไมการรูดก่อน จ่ายทีหลังถึงต้องระวัง?
มองเห็นเงินแต่ไม่ได้วางแผน
บัตรเครดิตทำให้คุณสามารถใช้จ่ายได้โดยไม่ต้องจ่ายทันที ซึ่งอาจทำให้รู้สึกว่าตนเอง “ยังมีเงินเหลือ” ทั้งที่ในความเป็นจริงคุณกำลังสร้างภาระผูกพันทางการเงินในอนาคต หากไม่มีการวางแผนใช้จ่ายและควบคุมตัวเอง
ความเข้าใจผิด: “จ่ายขั้นต่ำก็ไม่เป็นไร”
หลายคนเข้าใจว่าการจ่ายขั้นต่ำทุกเดือนจะช่วยประคองสถานการณ์การเงินได้ ซึ่งจริงในระยะสั้น แต่ในระยะยาวคุณจะต้องจ่ายมากกว่าเดิมหลายเท่า และอาจกลายเป็นหนี้เรื้อรังได้
วิธีหลีกเลี่ยงดอกเบี้ยบัตรเครดิตอย่างชาญฉลาด
1. ชำระยอดเต็มทุกเดือน
นี่คือวิธีที่ง่ายและปลอดภัยที่สุด ถ้าคุณสามารถจ่ายยอดเต็มภายในกำหนด จะไม่มีดอกเบี้ยเลยแม้แต่บาทเดียว
2. ตั้งระบบแจ้งเตือนหรือหักอัตโนมัติ
เพื่อไม่ให้ลืมวันครบกำหนด ควรตั้งระบบแจ้งเตือนผ่านแอปธนาคาร หรือสมัครบริการหักบัญชีอัตโนมัติ เพื่อให้ชำระทันทุกเดือน
3. หลีกเลี่ยงการใช้บัตรในช่วงที่ยังมีหนี้ค้าง
หากยังมีหนี้คงค้างจากรอบบิลก่อน ควรหลีกเลี่ยงการใช้บัตรเพิ่มเติม เพราะรายการใหม่ ๆ ก็จะถูกคิดดอกเบี้ยทันทีเช่นกัน
4. วางแผนค่าใช้จ่ายรายเดือน
การรู้ว่าคุณใช้จ่ายกับอะไรบ้างในแต่ละเดือนจะช่วยให้คุณควบคุมการใช้บัตรเครดิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ใช้เกินกำลัง และลดความเสี่ยงในการเป็นหนี้