จ่ายบัตรเครดิตช้าได้กี่วัน? เข้าใจให้ถูกก่อนเสียค่าปรับโดยไม่รู้ตัว
สามารถจ่ายช้าได้กี่วัน ก่อนโดนคิดค่าปรับหรือดอกเบี้ย?
สำหรับผู้ถือบัตรเครดิต หลายคนอาจเคยเกิดคำถามว่า ถ้าจ่ายค่าบัตรเครดิตช้า จะมีผลอะไรไหม? หรือ สามารถจ่ายช้าได้กี่วัน ก่อนโดนคิดค่าปรับหรือดอกเบี้ย?” เพราะบางครั้งเราอาจติดภารกิจ, ลืมวันครบกำหนด, หรือมีปัญหากระแสเงินสดจนต้องเลื่อนการจ่ายออกไป
บทความนี้จะพาคุณมาทำความเข้าใจว่า การจ่ายบัตรเครดิตช้าได้กี่วัน จึงจะไม่เสียหาย และมีวิธีไหนบ้างที่จะป้องกันผลกระทบหากจำเป็นต้องชำระล่าช้า
กำหนดวันครบกำหนดชำระของบัตรเครดิต คืออะไร?
วันครบกำหนดชำระ (Payment Due Date)
-
คือวันที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินกำหนดให้คุณต้องจ่ายยอดเงินตามใบแจ้งหนี้
-
ปกติจะห่างจากวันตัดรอบบัญชีประมาณ 15-25 วัน แล้วแต่เงื่อนไขของแต่ละธนาคาร
-
ถ้าชำระหลังวันครบกำหนด จะถูกนับเป็นการ ชำระล่าช้า (Late Payment) ทันที
ถ้าบัตรคุณตัดรอบทุกวันที่ 10 และกำหนดชำระวันที่ 30 ของเดือน ถ้าคุณจ่ายในวันที่ 31 เป็นต้นไป จะถือว่า “ชำระล่าช้า” แล้ว
จ่ายบัตรเครดิตช้าได้กี่วัน โดยไม่เสียค่าปรับ?
ไม่มี “ระยะผ่อนผัน” อย่างเป็นทางการ
ความเข้าใจผิด ที่พบบ่อย คือบางคนคิดว่า “จ่ายช้าสัก 1-2 วันคงไม่เป็นไร” แต่ในความเป็นจริง ธนาคารส่วนใหญ่ไม่มีนโยบายให้ จ่ายล่าช้าแม้แต่ 1 วัน
หากเลยกำหนดวันชำระแม้เพียง 1 วัน จะเกิดผลกระทบทันที เช่น:
-
ถูกคิดค่าธรรมเนียมชำระล่าช้า (Late Payment Fee)
-
ถูกคิดดอกเบี้ยจากยอดที่ค้างทั้งหมด ย้อนหลังตั้งแต่วันใช้จ่าย
-
มีผลกระทบต่อประวัติเครดิตกับเครดิตบูโรในระยะยาว
บางธนาคารอาจมี “การยืดหยุ่น” 1 วันในระบบ แต่ไม่ใช่สิทธิที่การันตีได้ และไม่ควรเสี่ยงรอให้เลยวันครบกำหนด
ผลเสียที่เกิดจากการจ่ายบัตรเครดิตช้า
1. โดนค่าธรรมเนียมและดอกเบี้ยทันที
-
ค่าธรรมเนียมชำระล่าช้าอาจอยู่ที่ประมาณ 100-500 บาท ต่อเดือน
-
ดอกเบี้ยจะถูกคิดจากยอดค้างทั้งหมดในเรตที่สูง เช่น 16-20% ต่อปี
2. เสียประวัติเครดิต
-
หากจ่ายล่าช้าเกิน 30 วัน จะถูกบันทึกประวัติไม่ดีในเครดิตบูโร
-
ส่งผลเสียเมื่อต้องการขอสินเชื่อ เช่น กู้ซื้อบ้าน, รถ หรือบัตรเครดิตใบใหม่ในอนาคต
3. เสียสิทธิ์โปรโมชั่นต่างๆ
-
อาจเสียสิทธิ์คะแนนสะสม, เครดิตเงินคืน, หรือโปรแกรมผ่อน 0% ในบางกรณี
วิธีป้องกันการจ่ายบัตรเครดิตช้า
1. ตั้งระบบหักบัญชีอัตโนมัติ (Auto Debit)
-
เลือกตั้งหักเฉพาะยอดขั้นต่ำ หรือยอดเต็มจำนวนตามที่สะดวก
-
ป้องกันการลืมจ่าย และมั่นใจว่าการชำระจะทำตรงเวลาเสมอ
2. ตั้งแจ้งเตือนวันครบกำหนดในมือถือ
-
ใช้ฟีเจอร์ Reminder หรือ Calendar ตั้งเตือนล่วงหน้า 3-5 วันก่อนวันครบกำหนด
-
ช่วยให้คุณมีเวลาเตรียมเงินให้พร้อม
3. ชำระผ่าน Mobile Banking หรือแอปของธนาคาร
-
ชำระด้วยแอปฯ ช่วยให้โอนเงินสะดวกในไม่กี่นาที
-
ตรวจสอบสถานะการจ่ายได้ทันที ลดความผิดพลาดเรื่องเวลา
ถ้าจ่ายช้าแล้วควรทำอย่างไร?
อย่ารอ! รีบดำเนินการดังนี้
-
รีบชำระให้เร็วที่สุด แม้เลยวันครบกำหนดไปแล้ว
-
โทรแจ้งธนาคารหากมีเหตุสุดวิสัย เช่น อุบัติเหตุ, เจ็บป่วย เพื่อขอผ่อนผันค่าปรับ (บางกรณีธนาคารอาจพิจารณาลดให้)
-
ตรวจสอบยอดดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมในรอบถัดไปอย่างละเอียด
-
พยายามจ่ายเต็มจำนวนในรอบถัดไปเพื่อรีเซตสถานะ
จ่ายบัตรเครดิตต้องตรงเวลา อย่าเสี่ยงแม้แต่วันเดียว
แม้ว่าหลายคนอาจเข้าใจว่า “จ่ายช้าแค่วันเดียวไม่เป็นไร” แต่ความจริงคือ “เลยวันครบกำหนดแม้แต่วันเดียวก็ถือว่าชำระล่าช้า และมีผลทันที”
หากคุณต้องการรักษาประวัติการเงินที่ดี
-
วางแผนการเงินล่วงหน้า
-
ชำระตรงตามวันครบกำหนด
-
ใช้ตัวช่วยเช่น Auto Debit หรือ Mobile Banking
เพราะการรักษาวินัยทางการเงินวันนี้ จะช่วยเปิดโอกาสทางการเงินที่ใหญ่กว่าในอนาคต