โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง เปิดวิธีลงทะเบียนแล้ววันนี้

โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศไทยของเรา ที่ได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนเป็นจำนวนมาก กับโครงการที่ใช้ชื่อว่า เที่ยวไทยคนละครึ่ง วันนี้มีการเปิดรายละเอียดวิธีการลงทะเบียนเที่ยวไทยคนละครึ่ง สำหรับผู้ประกอบการ และ ประชาชน สามารถเข้าสู่ระบบผ่านการโหลดแอปพลิเคชั่น Amazing Thailand ททท. จำกัด 5 แสนสิทธิ กดรับสิทธิได้ทันที โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งสามารถเริ่มเดินทางได้ตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ไปจนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2568

สำหรับรายละเอียด เช่น รายชื่อท่องเที่ยว เมืองหลัก เมืองรอง ได้รับเงินช่วยเหลือกี่บาท ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเดินเที่ยวแบบครบจบที่เดียวสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมสำหรับโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งได้ด้านล่าง

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. ได้เปิดให้ผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568 ผ่านทางเว็บไซต์ เที่ยวไทยคนละครึ่ง.com โดยประเภทผู้ประกอบการที่เปิดรับตามรายละเอียดด้านล่าง

  • ร้านอาหาร
  • ร้านขายของที่ระลึก
  • ร้านค้า OTOP
  • แหล่งท่องเที่ยว หรือ กิจกรรมท่องเทื่ยว
  • นวดเพื่อสุขภาพ
  • รถเช่า / เรือเช่า
  • โรงแรม และ ที่พัก

เอกสารที่ต้องใช้สำหรับผู้ประกอบการ

  • ใบจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ภ.พ. 20
  • ใบอนุญาตประกอบการของกระทรวงมหาดไทย
  • Rate Plan หรือ แผนราคาที่พัก
  • เอกสารอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ขั้นตอนในการลงทะเบียนเที่ยวไทยคนละครึ่งผ่านเว็บไซต์

  • เข้าสู่ระบบหน้าเว็บไซต์หลัก เที่ยวไทยคนละครึ่ง
  • เลือกประเภทผู้ใช้งานเพื่อดำเนินการต่อ
  • สำหรับการเข้าใช้งานครั้งรแกเลือก ยังไม่มีบัญชีกด สมัครสมาชิก
  • กรอกข้อมูลสมัครสมาชิก อ่านและกดยอดรับ ข้อกำหนด และเงื่อนไข และ นโยบายความเป็นส่วนตัวและกด สร้างบัญชี
  • กรอกรหัส OTP เพื่อยืนยันเบอร์โทรศัพท์แล้วกด ดำเนินการต่อ
  • กรอกข้อมูลผู้ประกอบการแล้วกด ถัดไป
  • กรอกข้อมูลกิจการแล้วกด ถัดไป
  • อ่านและกดยอมรับว่าได้ตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดแล้วกดยืนยันและส่งข้อมูล
  • ระบบรับข้อมูลการลงทะเบียนของท่านเรียบร้อยแล้ว

ขั้นตอนการตรวจสอบสถานะการลงทะเบียนเที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568 สำหรับผู้ประกอบการ

  • เข้าเว็บไซต์ เที่ยวไทยคนละครึ่ง.com แล้วกดผู้ประกอบการ
  • กรอกข้อมูลเข้าสู่ระบบ แล้วกดเข้าสู่ระบบ
  • หลังจากลงทะเบียนสำเร็จระบบจะแสดงสถานะ กำลังตรวจสอบคุณสมบัติ โดยไม่ต้องดำเนินการใดๆ กรุณารอผลการพิจาณา

ช่องทางการโหลดแอป Amazing Thailand

  • ผู้ใช้มือถือระบบ iOS: Amazing Thailand
  • ผู้ใช้มือถือระบบ Android: Amazing Thailand

อัตราดอกเบี้ยนโยบาย vs. อัตราดอกเบี้ยเงินกู้/เงินฝาก

ในโลกของการเงิน อัตราดอกเบี้ยไม่ใช่เพียงตัวเลขที่กำหนดโดยธนาคารพาณิชย์เท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการกำหนดทิศทางของเศรษฐกิจประเทศผ่านการตัดสินใจของธนาคารกลาง โดยเฉพาะ “อัตราดอกเบี้ยนโยบาย” ที่หลายคนอาจได้ยินผ่านข่าวเศรษฐกิจอยู่บ่อยครั้ง บทความนี้จะพาผู้อ่านไปทำความเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยนโยบาย อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก รวมถึงวิเคราะห์ความสัมพันธ์และกลไกที่เชื่อมโยงกันระหว่างอัตราทั้งสาม

อัตราดอกเบี้ยนโยบายคืออะไร?

อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Policy Interest Rate) เป็นเครื่องมือหลักของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการกำหนดทิศทางของนโยบายการเงิน เป็นอัตราที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ใช้เป็นเป้าหมายในการควบคุมภาวะเศรษฐกิจผ่านการควบคุมต้นทุนการกู้ยืมระหว่างธนาคาร

บทบาทของอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระบบเศรษฐกิจ

  • ควบคุมอัตราเงินเฟ้อ
  • กระตุ้นหรือลดความร้อนแรงของเศรษฐกิจ
  • รักษาเสถียรภาพค่าเงินบาท

เมื่อเศรษฐกิจชะลอตัว ธปท. อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อลดต้นทุนการกู้ยืม ส่งผลให้ประชาชนและภาคธุรกิจสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น ขณะที่ในสถานการณ์เงินเฟ้อพุ่งสูง ธปท. อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อดึงสภาพคล่องออกจากระบบ

อัตราดอกเบี้ยเงินกู้คืออะไร?

อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ (Loan Interest Rate) คืออัตราที่ธนาคารเรียกเก็บจากผู้กู้เงิน ไม่ว่าจะเป็นรายบุคคลหรือธุรกิจ โดยอัตรานี้จะสะท้อนถึงต้นทุนของธนาคารที่รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ต้นทุนการดำเนินงาน และความเสี่ยงของผู้กู้

ความสัมพันธ์กับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

โดยทั่วไป เมื่ออัตราดอกเบี้ยนโยบายปรับตัวขึ้น ธนาคารพาณิชย์มักจะปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขึ้นตาม เพราะต้นทุนของธนาคารก็สูงขึ้นเช่นกัน ส่งผลให้การกู้เงินในระบบแพงขึ้น และกิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง

ในทางตรงกันข้าม หากอัตราดอกเบี้ยนโยบายลดลง ธนาคารอาจทยอยลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ตาม ทำให้ผู้ประกอบการหรือบุคคลทั่วไปสามารถขยายกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ง่ายขึ้น

ตัวอย่างประเภทของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้

  • MLR (Minimum Loan Rate): สำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี
  • MOR (Minimum Overdraft Rate): สำหรับสินเชื่อเบิกเกินบัญชี
  • MRR (Minimum Retail Rate): สำหรับลูกค้ารายย่อยทั่วไป

อัตราดอกเบี้ยเงินฝากคืออะไร?

อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก (Deposit Interest Rate) คือผลตอบแทนที่ธนาคารจ่ายให้แก่ผู้ฝากเงิน เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ธนาคารใช้ในการบริหารสภาพคล่อง โดยอัตรานี้จะเปลี่ยนแปลงตามต้นทุนของธนาคารและการแข่งขันในตลาด

การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากตามนโยบาย

เมื่อธปท. ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ธนาคารก็จะมีแรงจูงใจในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเพื่อรักษาฐานเงินฝากเดิมและดึงดูดเงินฝากใหม่ แต่ในหลายกรณี ธนาคารอาจไม่ปรับขึ้นในทันที เพราะอาจต้องพิจารณาความคุ้มค่าด้านผลตอบแทนและต้นทุนที่สูงขึ้นด้วย

กลไกการเชื่อมโยง: ดอกเบี้ยนโยบายส่งผลต่อเศรษฐกิจอย่างไร?

กลไกของอัตราดอกเบี้ยนโยบายไม่ได้จบแค่การตัดสินใจของ กนง. แต่จะถูกส่งผ่านไปยังตลาดการเงิน ผ่านอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคาร ก่อนจะส่งผลต่ออัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ในด้านเงินกู้และเงินฝาก ซึ่งในที่สุดจะส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้บริโภค การลงทุนของภาคเอกชน และการบริโภคของครัวเรือน

ผลกระทบโดยรวมของการปรับดอกเบี้ย

  • การขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย = การกู้ยืมแพงขึ้น → ลดการใช้จ่าย → ควบคุมเงินเฟ้อ
  • การลดดอกเบี้ยนโยบาย = การกู้ยืมถูกลง → กระตุ้นเศรษฐกิจ

ข้อสังเกต: อัตราดอกเบี้ยนโยบายไม่ใช่คำตอบสุดท้าย

แม้ว่าจะมีความเชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ แต่อัตราดอกเบี้ยนโยบายไม่ใช่สิ่งเดียวที่กำหนดทิศทางอัตราดอกเบี้ยในตลาดเสมอไป ปัจจัยอื่น เช่น สภาพคล่องในตลาด การแข่งขันระหว่างธนาคาร ความเสี่ยงด้านเครดิต และนโยบายภาครัฐ ก็ล้วนมีบทบาทในการกำหนดระดับดอกเบี้ยเช่นกัน

เข้าใจเพื่อวางแผนการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ

การเข้าใจกลไกของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และความสัมพันธ์กับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝาก เป็นเรื่องสำคัญสำหรับทั้งผู้บริโภคและนักลงทุน เพราะช่วยให้สามารถวางแผนการใช้เงิน การกู้ยืม และการออมได้อย่างเหมาะสมในภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน

ประกาศสภาพอากาศวันนี้จนถึงเย็นวันพรุ่งนี้ ฝนตก 70%

ตามประกาศจากกรมอุตุฯ ประเทศไทยที่ได้แจ้งก่อนหน้านี้ว่าประเทศไทยจะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ล่าสุดได้ออกมาแจ้งเกี่ยวกับพื้นที่เสี่ยงภัยฝนฟ้าคะนองสูงสุดในวันศุกร์ที่ 27 มิถุนายน 2568 กรมอุตุฯ ได้ออกมาเตือนล่าสุดอีกว่าให้ระวังน้ำท่วมฉับพลัน, น้ำป่าไหลหลาก, ดินถล่ม ซึ่งฝนจะตกหนักถึง 70% ของพื้นที่ ประกาศรายชื่อล่าสุด 49 จังหวัดโดนพายุฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ โดนเต็มๆ

กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกมาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงช้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักและมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกสะสม ซึ่งอาจจะทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และ ดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ในส่วนของภาคเหนือ มีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบน และ ประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉี่ยงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน, ประเทศไทย และ อ่าวไทยที่มีกำลังปานกลาง

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย มีกำลังปานกลางโดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทย ตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 2 เมตร

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยเวลา 06.00 น. ถึง 06.00 น. วันพรุ่งนี้

  • สภาพอากาศภาคเหนือ มีฝนตกร้อยละ 70% ของพื้นที่ และ มีฝนตกหนักบางแห่ง
  • สภาพอากาศภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนตกร้อยละ 60% ของพื้นที่ และ มีฝนตกหนักบางแห่ง
  • สภาพอากาศภาคกลางมีฝนตกร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
  • สภาพอากาศภาคตะวันออก มีฝนตกร้อยละ 60% ของพื้นที่ และ มีฝนตกหนักบางแห่ง
  • สภาพอากาศภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกร้อยละ 60% ของพื้นที่ ส่วนมากที่จังหวัดระนอง พังงา ตรัง และ สตูล
  • สภาพอากาศกรุงเทพและปริมณฑล มีฝนตกร้อยละ 60% ของพื้นที่

 

สิทธิประกันสังคมล่าสุด เงินบำนาญชราภาพ 7,500 โอนแล้ว

ประกันสังคมแจงสิทธิประกันสังคมล่าสุด sso.go.th ส่งเงินสมทบกี่เดือนถึงจะได้รับสิทธิบำเหน็จ-บำนาญ สำหรับผู้สูงอายุที่ลงทะเบียนแล้ว เงินบำนาญชราภาพ 3,000 – 7,500 บาท โอนล่าสุดของเดือนมิถุนายน 2568 โอนเรียบร้อยแล้ว สำหรับผู้ประกันตน เกษียณอายุ 55 ปีได้รับเงินสูงสุดตลอดชีวิต สำหรับข้อมูลที่ไม่ควรพลาดเกี่ยวกับเงื่อนไขการรับเงินบำนาญชราภาพ รวมไปถึงสูตรคำนวณเงินบำนาญที่จะได้รับสูงสุด 7,500 บาทต่อเดือน

เงินเข้าวันไหน สำหรับเงินบำนาญชราภาพ มิถุนายน 2568

ผู้ประกันตนที่ได้รับเงินบำนาญชราภาพ สำนักงานประกันสังคม จะทำการโอนเงินเข้าบัญชีผู้รับเงินภายในวันที่ 25 ของทุกเดือน ซึ่งในเดือนมิถุนายน 2568 นั้นได้ทำการโอนเงินเข้าบัญชีผู้ที่ได้รับสิทธิไปแล้วในวันที่ 25 มิถุนายน 2568 ในส่วนของรายละเอียดหากวันที่ 25 ของเดือนนั้นๆ ตรงกับวันหยุดราชการ เสาร์-อาทิตย์ หรือ วันหยุดนักขัตฤกษ์ ทาง สปส. จะเลื่อนการจ่ายเงินเป็นวันทำการก่อนวันหยุดแทน เพื่อให้ผู้ประกันตนได้รับเงินอย่างต่อเนื่อง สำหรับการยื่นสิทธิประกันสังคมเมื่อไหร่ นั้นสำหรับผู้ที่กำลังจะยื่นขอสิทธิเงินบำนาญชราภาพ หากจะยื่นขอรับสิทธิจะแนะนำให้ทำภายในวันที่ 7 ของเดือนจะได้รับสิทธิในงวดเดือนนั้นทันที หากยื่นหลังวันที่ 7 ของเดือน จะได้รับสิทธิในเดือนถัดไป รวมงวดเดือนปัจจุบัน อย่างไรก็ตามหากเป็นเงินบำเหน็จชราภาพ หรือที่เรียกว่าเงินก้อน จะได้รับภายใน 7-10 วันทำการ หลังจากได้รับการอนุมัติส่วนเงินบำนาญชราภาพ หลังจากได้รับการอนุมัติแล้วเงินจะโอนเข้าบัญชีภายในวันที่ 25 ของเดือนถัดไป

คุณสมบัติผู้ที่มีสิทธิรับเงินบำนาญชราภาพ 2568

  • ต้องมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์
  • สิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตน ความเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 พนักงานบริษัท หรือมาตรา 39 ผู้ประกันตนโดยสมัครใจ ต้องสิ้นสุดลง

การได้รับเงินบำเหน็จเงินก้อนหรือเงินบำนาญ รายเดือนตลอดชีวิต ขึ้นอยู่กับระยะเวลาการส่งเงินสมทบ

  • ส่งเงินสมทบน้อยกว่า 180 เดือน หรือ 15 ปี จะได้รับเงินบำเหน็จ เป็นเงินก้อนครั้งเดียว
  • ส่งเงินสมทบทั้งแต่ 180 เดือนขึ้นไป จะได้รับเงินบำนาญ เป็นรายเดือนตลอดชีวิต

สูตรคำนวญเงินบำนาญชราภาพ 2568 จ่ายสูงสุด 7,500 บาทต่อเดือน

ประกันสังคมได้กำหนดสูตรการคำนวญเงินบำนาญชราภาพ โดยเงินบำนาญจะคำนวณจากร้อยละของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย ก่อนเกษียณ ซึ่งอัตราเงินบำนาญจะแตกต่างกันไปตามระยะเวลาการส่งเงินสมทบตามรายละเอียดด้านล่าง

  • ส่งเงินสมทบ 15-20 ปีจะได้รับประมาณ 3,000 – 4,125 บาทต่อเดือน
  • ส่งเงินสมทบ 21-25 ปีจะได้รับประมาณ 4,350 – 5,250 บาทต่อเดอน
  • ส่งเงินสมทบ 26-30 ปีจะได้รับประมาณ 5,475 – 6,375 บาทต่อเดือน
  • ส่งเงินสมทบ 31-35 ปีจะได้รับประมาณ 6,600 – 7,500 บาทต่อเดือน

สำหรับใครที่มีคำถามหรือสงสัยเกี่ยวกับรายละเอียด เงินบำนาญชราภาพ สามารถโทรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 1506 สายด่วน 24 ชั่วโมง

 

 

สำนักงานประกันสังคม เปิดให้ผู้ประกันตน ใช้สิทธิรักษา ยุติการตั้งครรภ์ ไม่ผิดกฎหมาย

สำนักงานประกันสังคม เปิดให้ผู้ประกันตน สามารถใช้สิทธิรักษา ยุติการตั้งครรภ์ ไม่ผิดกฎหมาย ที่สถานพยาบาลตามสิทธิ สำหรับสถานพยาบาลกับกรมอนามัย ทำแท้งได้ถูกกฎหมาย เปิดเผยข้อมูลจากสำนักงานประกันสังคม ได้รับทราบข้อมูล ว่าสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้รับการจัดสรรงบประมาณ สำหรับการดูแลการให้บริการยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัยในส่วนของงบประมาณส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคและงบประมาณบริการผู้ป่วยใน ซึ่งเป็นการจ่ายให้คนไทยทุกสิทธิการรักษา

ผู้ประกันตนที่มีสัญชาติไทย สามารถใช้สิทธิบริการยุติการตั้งครรภ์ได้ 2 ลักษณะ

  1. เข้ารับบริการที่สถานพยาบาลที่ขึ้นทะเบียนกับกรมอนามัยสามารถใช้สิทธิได้เช่นเดียวกับผู้ที่มีสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
  2. การเข้ารับบริการที่สถานพยาบาลตามสิทธิ กรณีสถานพยาบาลตามสิทธิ ไม่สามารถให้การรักษาได้ ให้ทำการส่งต่อไปยังสถานพยาบาลตามที่กรมอนามัยกำหนด หรือ หากส่งต่อไปยังสถานพยาบาลศักยภาพสูง หรือ สถานพยาบาลอื่น ให้สถานพยาบาลตามสิทธิรับผิดชอบค่าบริการทางการแพทย์ให้กับผู้ประกันตน ส่วนผู้ประกันตนที่ไม่ใช่สัญชาติไทย ให้เข้ารับบริการพยาบาลตามสิทธิ

ในส่วนของกรณีสถานพยาบาลตามสิทธิ ไม่สามารถให้การรักษาได้ ให้ส่งต่อไปยังสถานพยาบาลตามที่กรมอนามัยกำหนด หรือ หากส่งต่อไปยังสถานพยาบาลศักยภาพสูง หรือ สถานพยาบาลอื่น โดยให้สถานพยาบาลตามสิทธิรับผิดชอบค่าบริการทางการแพทย์ให้กับผู้ประกันตน

 

อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 2568 ธนาคารไหนให้ผลตอบแทนดีที่สุด?

ในยุคที่อัตราเงินเฟ้อและสภาพเศรษฐกิจยังไม่แน่นอน การเลือกฝากเงินแบบประจำยังคงเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและมั่นคงสำหรับผู้ที่ต้องการเก็บออมเงินโดยไม่เสี่ยง การฝากประจำไม่เพียงให้ผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ยที่แน่นอน แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ดีสำหรับการวางแผนการเงินในระยะกลางถึงยาว โดยในปี 2568 นี้ หลายธนาคารมีการปรับอัตราดอกเบี้ยให้สอดคล้องกับนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย ทำให้ผู้ฝากควรติดตามข้อมูลอัปเดตอย่างสม่ำเสมอ

อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำคืออะไร?

เงินฝากประจำ (Fixed Deposit) คือเงินฝากที่ผู้ฝากตกลงจะไม่ถอนออกก่อนครบกำหนดเวลาที่กำหนด โดยธนาคารจะจ่ายดอกเบี้ยตามอัตราที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ซึ่งมักจะสูงกว่าเงินฝากออมทรัพย์ทั่วไป ระยะเวลาฝากมีตั้งแต่ 3 เดือน 6 เดือน 12 เดือน ไปจนถึง 36 เดือนหรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับธนาคาร

แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในปี 2568

ปี 2568 เป็นอีกปีที่น่าจับตาในด้านการเงิน เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจโลกมีความผันผวน ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทยยังคงใช้นโยบายดอกเบี้ยแบบระมัดระวังเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยเงินฝากจึงยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ยช่วงก่อนโควิด โดยเฉพาะเงินฝากประจำที่หลายธนาคารแข่งขันกันออกโปรโมชั่นดอกเบี้ยสูงเพื่อดึงดูดเงินฝาก

ธนาคารพาณิชย์ที่เสนออัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำสูงในปี 2568

  • ธนาคารออมสิน: ฝากประจำ 24 เดือน ดอกเบี้ยสูงสุดอยู่ที่ 2.80% ต่อปี
  • ธนาคารกรุงไทย: ฝากประจำ 12 เดือน สำหรับลูกค้าดิจิทัล รับอัตราดอกเบี้ยสูงถึง 2.55% ต่อปี
  • ธนาคารกสิกรไทย: มีโปรโมชั่นฝากประจำ 6 เดือน ที่ดอกเบี้ย 2.30% ต่อปี สำหรับลูกค้าบัญชีออนไลน์
  • ธนาคารกรุงเทพ: เสนออัตราดอกเบี้ยพิเศษ 2.40% ต่อปี สำหรับเงินฝากประจำ 12 เดือน

วิธีเลือกเงินฝากประจำให้คุ้มค่า

การเลือกบัญชีเงินฝากประจำที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่า ไม่ได้พิจารณาเพียงแค่อัตราดอกเบี้ยเท่านั้น แต่ยังต้องคำนึงถึงความถี่ในการจ่ายดอกเบี้ย เงื่อนไขการถอนเงินก่อนกำหนด และภาษีหัก ณ ที่จ่ายอีกด้วย

ปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณา

  1. ระยะเวลาฝาก: ระยะเวลาฝากที่ยาวมักให้ดอกเบี้ยสูงกว่า แต่ควรมั่นใจว่าไม่จำเป็นต้องใช้เงินในช่วงเวลาดังกล่าว
  2. ดอกเบี้ยทบต้น: บางธนาคารเสนอการทบต้นรายเดือน ทำให้ผลตอบแทนสูงขึ้นในระยะยาว
  3. โปรโมชั่นพิเศษ: ธนาคารบางแห่งมีโปรฝากประจำที่จำกัดเวลา เช่น โปรช่วงเทศกาลหรือเปิดบัญชีผ่านแอป
  4. ภาษีดอกเบี้ย: ดอกเบี้ยที่ได้รับอาจถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% ควรพิจารณาส่วนนี้ในการคำนวณผลตอบแทนสุทธิ

เปรียบเทียบผลตอบแทน: ฝากประจำเทียบกับเครื่องมือออมอื่น

แม้เงินฝากประจำจะมีผลตอบแทนที่แน่นอนและปลอดภัย แต่เมื่อเทียบกับเครื่องมือออมอื่น เช่น พันธบัตรรัฐบาล กองทุนตราสารหนี้ หรือแม้แต่กองทุนรวมตลาดเงิน บางกรณีอาจให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า โดยเฉพาะหากผู้ลงทุนสามารถรับความเสี่ยงได้บ้าง ดังนั้น ควรพิจารณาเงินฝากประจำเป็นเพียงส่วนหนึ่งของแผนการออม และกระจายความเสี่ยงไปยังสินทรัพย์อื่นด้วย

เงินฝากประจำยังเหมาะกับใครในปี 2568?

เงินฝากประจำยังคงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นคง ไม่ชอบความเสี่ยง และมีเป้าหมายทางการเงินชัดเจน โดยเฉพาะผู้ที่วางแผนออมเงินไว้ใช้ในอนาคต เช่น เก็บเงินแต่งงาน ซื้อบ้าน หรือเตรียมเกษียณ ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยยังค่อนข้างสูงในปี 2568 นี้ ถือเป็นจังหวะดีที่ควรใช้ประโยชน์จากโปรโมชั่นและเงื่อนไขที่ธนาคารเสนออย่างเต็มที่

ก่อนตัดสินใจเปิดบัญชีเงินฝากประจำ ควรศึกษารายละเอียดแต่ละธนาคาร เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย และเลือกช่วงเวลาฝากที่เหมาะกับแผนการเงินส่วนตัวให้มากที่สุด อย่าลืมพิจารณาความยืดหยุ่นในการถอนเงินล่วงหน้า และผลกระทบจากภาษีดอกเบี้ยด้วย

อยากลดภาระหนี้บัตรเครดิต ต้องเจรจากับธนาคาร ยังไงถึงได้ผล

การมีหนี้บัตรเครดิตจำนวนมากอาจสร้างความกดดันทางการเงินและจิตใจได้ไม่น้อย แต่ข่าวดีคือ ผู้ถือบัตรสามารถ “เจรจากับธนาคาร” เพื่อหาทางออกที่ดีกว่าได้ หากทำด้วยวิธีที่ถูกต้อง ไม่ใช่แค่ช่วยลดภาระรายเดือน แต่ยังอาจลดอัตราดอกเบี้ยลงได้ด้วย

ทำไมต้องเจรจากับธนาคาร?

ธนาคารมีนโยบายให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่มีปัญหาด้านการชำระหนี้ เช่น การปรับโครงสร้างหนี้ หรือการขอผ่อนผันชั่วคราว เพราะหากลูกค้าไม่สามารถชำระได้เลย จะกลายเป็นหนี้เสียที่ส่งผลเสียต่อทั้งสองฝ่าย การเจรจาจึงเป็นทางเลือกที่เป็นประโยชน์ทั้งผู้ถือบัตรและธนาคาร

เตรียมตัวอย่างไรก่อนเจรจา?

1. ประเมินหนี้และสถานการณ์ของตนเอง

  • รวมยอดหนี้บัตรเครดิตทั้งหมด
  • ประเมินรายได้ รายจ่ายต่อเดือน และกำหนดจำนวนเงินที่สามารถผ่อนชำระได้จริง
  • ตรวจสอบประวัติการชำระหนี้ของตนเองจากเครดิตบูโร เพื่อใช้ประกอบการเจรจา

2. รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือจากธนาคาร

ปัจจุบันหลายธนาคารมีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ เช่น

  • ปรับลดอัตราดอกเบี้ย (จาก 18% เหลือ 10-12% ต่อปี)
  • ขยายระยะเวลาการชำระหนี้ (สูงสุดถึง 60 เดือน)
  • เปลี่ยนหนี้บัตรเป็นสินเชื่อส่วนบุคคลแบบผ่อนรายเดือน

3. เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน

สิ่งที่ธนาคารมักขอ ได้แก่

  • สำเนาบัตรประชาชน
  • สลิปเงินเดือนหรือหลักฐานรายได้ล่าสุด
  • รายการเดินบัญชีย้อนหลัง 3-6 เดือน
  • เอกสารแสดงภาระหนี้อื่นๆ (ถ้ามี)

วิธีเจรจาอย่างมืออาชีพ

1. ใช้ภาษาที่สุภาพและตรงประเด็น

การเจรจาไม่ใช่การต่อรองแบบเอาชนะ แต่คือการขอความช่วยเหลือ ควรใช้ภาษาที่แสดงความรับผิดชอบ เช่น “ขอเจรจาเพื่อขอลดดอกเบี้ยและผ่อนชำระตามความสามารถจริง”

2. อย่าใช้อารมณ์หรือต่อว่าเจ้าหน้าที่

เจ้าหน้าที่เป็นเพียงผู้ประสานงาน ไม่สามารถตัดสินใจขั้นสุดท้ายได้เอง ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงคำพูดที่ก้าวร้าว เช่น “จะไม่จ่ายแล้ว” หรือ “ธนาคารเอาเปรียบ”

3. เสนอแนวทางที่เป็นไปได้

เช่น “สามารถชำระได้เดือนละ 3,000 บาท หากลดดอกเบี้ยลงมาบ้าง จะสามารถรักษาวินัยการชำระได้ต่อเนื่อง” ซึ่งช่วยให้ธนาคารเห็นความตั้งใจ

ตัวเลือกที่ธนาคารอาจเสนอ

1. ปรับโครงสร้างหนี้

ธนาคารอาจรวมยอดหนี้ทั้งหมดของคุณแล้วเปลี่ยนเป็นสินเชื่อใหม่ที่มีดอกเบี้ยต่ำลง เช่น 10-12% และให้ผ่อนเป็นงวดรายเดือนตามระยะเวลา 36-60 เดือน

2. โครงการไกล่เกลี่ยหนี้ของ ธปท.

สำหรับผู้ที่มีหนี้หลายสถาบัน การเข้าร่วมโครงการของธนาคารแห่งประเทศไทยอาจเป็นทางเลือกที่ดี โดยสามารถขอเจรจาผ่านช่องทางกลางที่มีความเป็นธรรม

3. รีไฟแนนซ์หนี้บัตร

บางธนาคารมีบริการรวมหนี้บัตรมาไว้ที่เดียว พร้อมเสนอเงื่อนไขดอกเบี้ยต่ำกว่า เช่น 8-10% ต่อปี หากคุณมีเครดิตดีและมีรายได้มั่นคง

ข้อควรระวังในการเจรจา

  • อย่ารับเงื่อนไขที่เกินความสามารถ แม้จะดูเหมือนเป็นข้อเสนอที่ดี
  • ขอรายละเอียดเป็นลายลักษณ์อักษรเสมอ และตรวจสอบก่อนลงนาม
  • อย่าหยุดจ่ายหนี้โดยไม่ได้รับการยืนยันจากธนาคารก่อน เพราะจะกระทบเครดิตบูโร

การเจรจากับธนาคารไม่ใช่เรื่องน่ากลัว หากมีการเตรียมตัวที่ดีและสื่อสารอย่างมีวุฒิภาวะ ผู้ถือบัตรเครดิตที่มีภาระหนี้สูงสามารถขอความช่วยเหลือและลดภาระลงได้อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้อย่าลืมรักษาวินัยทางการเงินและไม่สร้างหนี้ใหม่ระหว่างที่อยู่ในกระบวนการเจรจา

กระทรวงสาธารณสุขแจ้งเรื่องการควบคุมกัญชา 2568

ประกาศการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับกัญชาเสรี เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงซึ่งเปิดขึ้นภายหลังการลงนามประกาศ กระทรวงสาธารณสุข เรื่องสมุนไพรควบคุม กัญชา 2568 โดยสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวง สาธารณสุข เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา โดยการประกาศนี้จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันถัดไป หลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา ในส่วนหัวใจสำคัญของการประกาศครั้งนี้ ก็คือ การควบคุมไม่ให้นำช่อดอกกัญชาไปใช้ผิดวันถุประสงค์ โดยจะจำกัดการจำหน่ายให้เฉพาะผู้ที่มรใบสั่งจ่ายจากผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์เท่านั้น สามารถใช้ได้ไม่เกิน 30 วันตามความจำเป็นในการรักษา

ภายใต้กฎระเบียนใหม่ล่าสุดนี้ ผู้ที่ต้องการซื้อ ช้อดอกกัญชา เพื่อการแพทย์ จะต้องมีใบสั่งแพทย์ หรือ ใบรับรองแพทย์เท่านั้น นอกจากนี้ ผู้จำหน่ายกัญชาจะต้องมีแพทย์ประจำร้าน และ ผู้ประกอบการรายใหม่ที่ต้องการขออนุญาต หรือผู้ที่ต้องการต่อใบอนุญาตก็ต้องปฎิบัติตามกฎกระทรวงเท่านั้น การใช้กัญชาในการแพทย์แผนไทย ซึ่งมีการใช้มาตั้งแต่โบราณก็จะต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย และจำเป็นต้องมีใบรับรองสั่งยาจากแพทย์ไทยด้วยเช่นกัน การประกาศครั้งนี้ มุ่งหมายให้เกิดความชัดเจนและโปร่งใสในการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์อย่างแท้จริง

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ประเทศไทยได้ถอดกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดประเภท 5 ในเดือนพฤศจิกายน 2564 ซึ่งในตอนนั้นยังไม่มีการประกาศควบคุมการใช้อย่างชัดเจนว่าให้ใช้เพื่อการแพทย์เท่านั้น ในส่วนของสถานการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้เกิดการเปิดร้านจำหน่ายกัญชากันเป็นจำนวนมาก มีมากกว่า 1 หมื่นแห่งทั่วประเทศโดยมีการระบุว่ามีสถานประกอบการกิจการกัญชาที่ขึ้นทะเบียนแล้วประมาณ 18,000 แห่ง แต่เป็นสถานพยาบาลเพียง 19 แห่งเท่านั้น

ปัญหาดังกล่าวได้นำไปสู่การร้องเรียนอย่างต่อเนื่อง เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรี ได้ส่งสัญญาญอย่างชัดเจนว่า กัญชาต้องเป็นไปเพื่อการแพทย์เท่านั้น โดยมีการสื่อสารว่าการออกประกาศครั้งนี้ ไม่ใช่เกมการเมือง แต่เป็นการแก้ไขปัญหาเรื้อรัง ที่มีประชาชนร้องเรียนเข้ามา การปรับเปลี่ยนกฎระเบียนครั้งล่าสุดนี้ ยังรวมถึงการเตรียมปรับแก้บทลงโทษให้รุนแรงขึ้น สำหรับร้านค้าที่ลักลอบเปิดโดยไม่มีใบอนุญาต หรือ ไม่มีการปฎิบัติตามเกณฑ์ที่กำหนดซึ่งโทษเดิมจำคุก 1 ปี หรับไม่เกิน 20,000 บาท จะเพิ่มเป็นจำคุกมากกว่า 2 ปี และปรับมากกว่า 200,000 บาทในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

จากการประกาศใช้ดังกล่าว มีการเข้าจับกุมผู้ประกอบการกัญชา ที่ไม่ปฎิบัติตามกฎหมายหลายราย เช่น ร้านค้าที่ยังไม่ได้รับใบอนุญาต แต่จำหน่ายไปก่อน รวมไปถึงการฝ่าฝืนเงื่อนไข เช่น การอนุญาตให้สูบในร้าน หรือ ไม่มีการทำรายงาน, การขาย, รวมถึงผลิตภัณฑ์อย่าง เจลลี่ผสมกัญชา ซึ่งถือว่าผิดกฎหมายของสำนักงานคณะกรรมการอาหาร และ ยา ความท้าทายอีกอย่าง ในส่วนของภาครัฐ และ ภาคเอกชน โดยเฉพาะสำหรับผู้ประกอบการได้ลงทุนไปแล้วภายใต้กฎระเบียนเดิม การที่กฎหมายใหม่กำหนดให้ผู้ประกอบการรายใหม่หรือผู้ที่ต่อใบอนุญาต ต้องมีแพทย์ประจำร้าน และการซื้อขายจะต้องมีใบสั่งแพทย์เท่านั้น จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการคือการหาทางออกที่เหมาะสม สำหรับผู้ที่ประกอบการเหล่านี้ รวมถึงการรักษาไว้เจตนารมณ์ของการใช้ประโยชน์จากกัญชา เพื่อการแพทย์แผนไทย และ การวิจัยเป้าหมายคือการทำให้กัญชาสามารถอยู่บนพื้นที่ ที่ถูกควบคุมอย่างถูกต้อง

 

 

 

สวัสดิการค่าเล่าเรียนบุตร ใครเบิกได้บ้าง?

กรมบัญชีกลาง ได้ออกมาตอบข้อสงสัย เกี่ยวกับสวัสดิการค่าเล่าเรียนบุตร ใครสามารถเบิกได้บ้าง สำหรับข้าราชการ และ ลูกจ้างประจำราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาบุตร

ค่าเล่าเรียนบุตร เป็นสวัสดิการที่รัฐบาลจัดให้กับกลุ่มบุคคลากรภาครัฐ เพื่อเป็นการช่วยเหลือ และ แบ่งเบาค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา โดยทางกรมบัญชีกลางได้มีการปรับปรุงพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาบุตร 2562 ที่มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา และ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน 2562 เป็นต้นมา ทางกรมบัญชีกลาง ออกมาตอบชัดเจนเกี่ยวกับสวัสดิการบุตรว่าใครสามารถเบิกได้บ้าง

  1. ข้าราชการ หรือ ลูกจ้างประจำ ที่รับเงินเดือนหรือค่าจ้างจากเงินงบประมาณรายจ่ายงบบุคลากรของกระทรวง ทบวง กรม
  2. ลูกจ้างชาวต่างชาติ ที่มีหนังสือสัญญาจ้าง
  3. ผู้ได้รับบำนาญปกติ หรือ ผู้ที่ได้รับบำนาญพิเศษเหตุทุพพลภาพ

ผู้ที่ไม่ได้รับสิทธิ

  • ข้าราชการการเมือง
  • ข้าราชการตำรวจชั้นพลตำรวจที่อยู่ในระหว่างเข้ารับการอบรมในสถานศึกษาของกรมตำรวจ ซึ่งเป็นการศึกษาอบรมก่อนเข้าปฎิบัติหน้าที่ราชการประจำ

บุตรของผู้ที่มีสิทธิเบิกเงินค่าเล่าเรียน จะได้รับสิทธิกี่คน

บุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งมีอายุครบ 3 ปี แต่ไม่เกิน 25 ปี ลำดับที่ 1 ถึง 3 โดยนับเรียงตามลำดับการเกิดก่อนหลัง ทั้งนี้ไม่ว่าเป็นบุตรที่เกิดจากสมรสครั้งไหน หรือ อยู่ในอำนาจปกครองของตนหรือไม่ สำหรับใครที่ไม่มีบุตร หรือ มีบุตรไม่ถึง 3 คน แต่ต่อมาเป็นบุตรแฝด ทำให้รวมแล้วมีบุตรเกิน 3 คน ให้สามารถเบิกค่าเล่าเรียนบุตรแฝดได้ทุกคน และถ้าบุตรคนใดคนหนึ่งเสียชีวิต พิการ ไร้ความสามารถ ก่อนอายุ 25 ปี บริบูรณ์ให้ลดจำนวนสิทธิ์ลงจนเหลือไม่เกิน 3 คน ถึงจะมีสิทธิเบิกค่าเล่าเรียนบุตรเพิ่มได้อีก

 

เหนือระดับกับ บริการพิเศษจาก AMEX ที่คุณอาจไม่เคยรู้

American Express (AMEX) เป็นชื่อที่หลายคนรู้จักในฐานะผู้ออกบัตรเครดิตระดับพรีเมียม แต่สิ่งที่ทำให้ AMEX แตกต่างจากบัตรเครดิตทั่วไปไม่ได้อยู่ที่วงเงินหรือการสะสมคะแนนเพียงอย่างเดียว หากแต่รวมถึง “บริการเบื้องหลัง” ที่ออกแบบมาเพื่อยกระดับประสบการณ์ชีวิตของผู้ถือบัตรให้พิเศษยิ่งขึ้น ซึ่งในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับบริการเหนือความคาดหมายจาก AMEX ที่หลายคนอาจยังไม่เคยรู้

บริการ Concierge ส่วนตัว 24 ชั่วโมง

ผู้ช่วยที่พร้อมดูแลคุณทั่วโลก

หนึ่งในบริการเด่นที่มักสงวนไว้สำหรับผู้ถือบัตรระดับสูง เช่น Platinum Card® หรือ Centurion Card® คือบริการ Concierge ส่วนตัว ที่พร้อมช่วยเหลือคุณตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นการจองร้านอาหารระดับ Michelin Star, หาตั๋วคอนเสิร์ตที่ขายหมดแล้ว หรือจัดเซอร์ไพรส์วันเกิดให้คนพิเศษในต่างประเทศ ทุกอย่างสามารถวางใจให้ AMEX จัดการได้

สมัครบัตร American Express Platinum

 

สิทธิประโยชน์ในสนามบินระดับ VIP

สิทธิ์เข้าเลานจ์และ Fast Track

AMEX มอบประสบการณ์การเดินทางที่ราบรื่นและสะดวกสบายผ่านสิทธิ์ เข้าใช้ห้องรับรองพิเศษ (Airport Lounge) กว่า 1,400 แห่งทั่วโลกในเครือ Priority Pass, Centurion Lounge, และพันธมิตรสายการบินอื่น ๆ

นอกจากนี้ บัตรระดับสูงยังให้สิทธิ์ Fast Track ในหลายสนามบิน ซึ่งช่วยให้คุณผ่านขั้นตอนตรวจคนเข้าเมืองได้รวดเร็วขึ้น ลดความเหนื่อยล้าในการเดินทางได้มาก

ประกันภัยและบริการคุ้มครองระดับพรีเมียม

ครอบคลุมตั้งแต่ทริปเดินทางไปจนถึงการช้อปปิ้ง

สิ่งที่ผู้ถือบัตร AMEX หลายคนอาจยังไม่ทราบคือ บัตรระดับ Platinum หรือ Centurion มาพร้อม ประกันภัยการเดินทาง ที่ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาล กรณีเที่ยวบินล่าช้า หรือกระเป๋าหายโดยไม่ต้องซื้อประกันเพิ่มเติม

ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีบริการ Purchase Protection ที่คุ้มครองสินค้าที่ซื้อด้วยบัตรจากความเสียหายหรือการถูกขโมยภายในระยะเวลาที่กำหนด และ Extended Warranty ที่ขยายการรับประกันสินค้าให้นานขึ้นโดยอัตโนมัติ

Fine Hotels & Resorts: ประสบการณ์โรงแรมระดับโลก

อัปเกรดห้อง / Late Check-Out / เครดิตใช้ในโรงแรม

บริการ Fine Hotels & Resorts (FHR) เปิดโอกาสให้ผู้ถือบัตรได้พักในโรงแรมหรูระดับโลก พร้อมสิทธิพิเศษ เช่น:

  • อัปเกรดห้องพักอัตโนมัติ (ขึ้นอยู่กับจำนวนห้องว่าง)
  • Early Check-in / Late Check-out
  • อาหารเช้าฟรี 2 ท่านต่อคืน
  • เครดิตมูลค่า 100 USD สำหรับใช้ในโรงแรม

นี่คือบริการที่ทำให้ AMEX กลายเป็นตัวเลือกแรกสำหรับนักเดินทางบ่อย

Member-Only Event และ Private Shopping

ประสบการณ์พิเศษที่สงวนไว้เฉพาะสมาชิก

ผู้ถือบัตร AMEX ระดับสูงจะได้รับสิทธิ์ในการเข้าร่วมกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ เช่น งานเปิดตัวสินค้าแบรนด์หรู, ชมคอนเสิร์ตแบบ Private, หรืองาน Preview สินค้าก่อนเปิดจำหน่ายจริง

ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีบริการ Personal Shopper ที่พร้อมให้คำแนะนำการช้อปปิ้งระดับลักชัวรีทั้งในไทยและต่างประเทศอีกด้วย

Membership Rewards® ที่แลกได้มากกว่า

มากกว่าการใช้คะแนนเพื่อส่วนลด

AMEX มีระบบสะสมคะแนน Membership Rewards® ที่สามารถแลกของรางวัล, ตั๋วเครื่องบิน, หรือโอนเป็นไมล์กับสายการบินพันธมิตรได้มากกว่า 20 สายการบินทั่วโลก เช่น Emirates, Singapore Airlines, Thai Airways และอื่น ๆ

นอกจากนี้ บางช่วงโปรโมชั่นยังให้มูลค่าการแลกสูงกว่าปกติถึง 30%-50% ซึ่งคุ้มค่ากว่าการแลกคะแนนทั่วไปอย่างมาก

AMEX ให้มากกว่าแค่บัตรเครดิต

แม้ AMEX จะเป็นที่รู้จักในฐานะบัตรเครดิตพรีเมียม แต่เบื้องหลังยังเต็มไปด้วยบริการที่ออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกและยกระดับไลฟ์สไตล์ในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง การช้อปปิ้ง หรือแม้แต่กิจกรรมเฉพาะกลุ่ม ที่ทั้งหมดนี้สะท้อนว่า AMEX ไม่ใช่แค่ “บัตรเครดิต” แต่คือ “ผู้ช่วยส่วนตัวระดับโลก” ที่อยู่กับคุณทุกจังหวะสำคัญของชีวิต