ยื่นภาษีครึ่งปี นิติบุคคล ภ.ง.ด. 51 กรมสรรพากร

กรมสรรพากร ย้ำเตือนกันอีกครั่งสำหรับ การยื่นภาษี นิติบุคคล ครึ่งปีหลังกับ ภ.ง.ด. 51 เปิดกำหนดการยื่นภาษีล่าสุด ใกล้สิ้นสุดซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนกันยายน 2568 สามารถยื่นได้ 2 แบบ แบบกระดาษ ที่สำนักงานสรรพากร พื้นที่สาขา หรือ ยื่นแบบออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.rd.go.th หากไม่ยื่นจะถูกปรับ 2,000 บาท แนะนำให้รีบดำเนินการด่วน สำหรับบริษัทห้างหุ้นส่วน, SME หรือ Start up

ย้ำเตือนกันอีกครั้งสำหรับผู้ประกอบการ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่มีหน้าที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคล สำหรับครึ่งรอบระยะเวลาบัญชี หรือ ภ.ง.ด. 51 ซึ่งครอบคลุมรายได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 ไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568 โดยสามารถยื่นได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ไปจนถึง 1 กันยายน 2568 ถ้าหากว่าเลยกำหนดจะมีบทลงโทษตามที่กฎหมายกำหนด

ภ.ง.ด. 51 คืออะไร

ภาษีครึ่งปีหลัง หรือ ภ.ง.ด. 51 คือการยื่นภาษีเงินได้นิติบุคคลล่วงหน้า สำหรับ 6 เดือนแรกของปี เพื่อรายงานรายได้และ คำนวณภาษี ที่คาดว่าจะต้องทำการจ่าย โดยกฎหมายกำหนดให้ผู้ประกอบการที่มีรายระยะเวลาบัญชี 12 เดือน ยื่นแบบภายใน 2 เดือน นับจากวันสุดท้ายของครึ่งรอบระยะเวลาบัญชี

ใครมีหน้าที่ยื่น ภ.ง.ด. 51

ผู้ที่มีหน้าที่ยื่น ภ.ง.ด. 51 จะเป็นกลุ่มผู้ประกอบการ ที่มีหน้าที่ยื่นภาษีครึ่งปี แบ่งออกเป็น 2 ประเภทด้วยกัน

  • บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลทั่วไป เช่น กิจการซื้อมาขายไป, ธุรกิจ SME หรือ Start up ที่ต้องจัดทำประมาณการกำไรสุทธิ หรือ ขาดทุนสุทธิ เพื่อใช้ในการคำนวณและชำระภาษี โดยยื่นภาษีจากครึ่งหนึ่งของประมาณการกำไรสุทธิ
  • บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์, ธนาคารพาณิชย์, บริษัทเงินทุน และ อื่นๆ กลุ่มนี้จะคำนวณและชำระภาษีจากกำไรสุทธิจริง ของรอบระยะเวลา 6 เดือนแรก

ยื่น ภ.ง.ด. 51 ยังไง ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง?

ผู้ประกอบการสามารถเลือกยื่นแบบได้ 2 ช่องทาง

  • ยื่นแบบกระดาษ สามารถยื่นได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่ สาขาได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ไปจนถึง 1 กันยายน 2568 โดยไม่ต้องแนบเอกสารใดๆ ยกเว้นกลุ่มที่เสียภาษีจากกำไรสุทธิจริง ต้องแนบงบแสดงสถานะการเงินและหนังสือของผู้ตรวจสอบบัญชี
  • ยื่นผ่านอินเทอร์เน็ต สามารถยื่นได้ผ่านทางเว็บไซต์ e-Filing ของกรมสรรพากร จะได้รับสิทธิยื่นนานกว่าคือวันที่ 8 กันยายน 2568

หากไม่ยื่นตามกำหนด มีบทลงโทษ

ถ้าหากไม่ยื่น หรือ ยื่นเกินกำหนดเวลา ผู้ประกอบการจะต้องเสียค่าปรับไม่เกิน 2,000 บาท และถ้าหากมีภาษีต้องชำระจะต้องเสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 20 ของภาษีที่ต้องชำระ เพราะฉะนั้นอย่ารอช้า แนะนำให้รีบตรวจสอบและดำเนินการยื่นภาษีให้เรียบร้อยก่อนหมดเขต เพื่อหลีกเลี่ยงค่าปรับ และ เงินเพิ่มโดยไม่จำเป็น

 

สินเชื่อเพื่อการศึกษา เรียนก่อนผ่อนทีหลัง 2568

ทำไม “เรียนก่อนผ่อนทีหลัง” ถึงเป็นทางออกของยุคนี้?

การศึกษาถือเป็นรากฐานสำคัญของอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการเรียนในระดับมหาวิทยาลัย หรือคอร์สเสริมทักษะเฉพาะทาง อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการเรียนในแต่ละหลักสูตรมักสูงขึ้นทุกปี ทำให้หลายคนที่มีศักยภาพต้องพลาดโอกาสเพียงเพราะติดปัญหาด้านการเงิน ด้วยเหตุนี้ บริการสินเชื่อเพื่อการศึกษาแบบ “เรียนก่อนผ่อนทีหลัง” หรือ Study Now, Pay Later (SNPL) จึงได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ในปี 2568 นี้ เพราะตอบโจทย์กลุ่มนักเรียน นักศึกษา และคนวัยทำงานที่ต้องการ Upskill/Reskill แต่ยังไม่พร้อมจ่ายก้อนใหญ่ในทันที

สินเชื่อเพื่อการศึกษา เรียนก่อนผ่อนทีหลัง คืออะไร?

หลักการของสินเชื่อประเภทนี้ คือสถาบันการเงินหรือผู้ให้บริการสินเชื่อ จะสำรองจ่ายค่าเทอม/ค่าเรียนให้กับสถาบันหรือโรงเรียนแทนผู้เรียนก่อน แล้วผู้เรียนจะทยอยผ่อนจ่ายคืนทีหลังแบบเป็นงวด ๆ ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ เช่น เริ่มต้นผ่อนหลังเรียนจบ หรือระหว่างเรียนก็ได้ ทำให้ลดภาระการจ่ายก้อนใหญ่ และเปิดโอกาสให้สามารถเลือกหลักสูตรที่ต้องการได้อย่างอิสระมากขึ้น

รูปแบบสินเชื่อ เรียนก่อนผ่อนทีหลังที่พบในปี 2568

  • สินเชื่อผ่อนชำระแบบ 0%: ผ่อนค่าเรียนเป็นงวด ๆ โดยไม่คิดดอกเบี้ยในช่วงเวลาที่กำหนด (6 เดือน – 2 ปี)
  • สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ: ดอกเบี้ยพิเศษสำหรับกลุ่มผู้เรียน เช่น ดอกเบี้ย 2-5% ต่อปี
  • เริ่มผ่อนหลังเรียนจบ: มีระยะเวลาผ่อนผัน (Grace Period) เช่น 6-12 เดือนหลังเรียนจบ จึงเริ่มผ่อนจริง

ใครเหมาะกับสินเชื่อเพื่อการศึกษาแบบนี้?

ใครที่เหมาะกับ Study Now, Pay Later? กลุ่มเป้าหมายหลักจะเป็นนักเรียน-นักศึกษาในระดับอุดมศึกษา หรือผู้ที่ต้องการเรียนหลักสูตรระยะสั้นเพื่อเพิ่มทักษะการทำงาน เช่น คอร์สภาษาอังกฤษ ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง โปรแกรมเมอร์ หรือหลักสูตรที่ต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูง (เช่น แพทย์, MBA, วิศวะ) รวมถึงกลุ่มพ่อแม่ที่ต้องการสนับสนุนบุตรหลานแต่ยังไม่พร้อมจ่ายก้อนใหญ่

ข้อดีของสินเชื่อเพื่อการศึกษา เรียนก่อนผ่อนทีหลัง

  • ไม่ต้องจ่ายค่าเรียนเต็มจำนวนในทันที
  • ช่วยวางแผนการเงินระยะยาวได้ง่ายขึ้น
  • บางธนาคารให้เลือกผ่อน 0% หรือดอกเบี้ยต่ำ
  • เพิ่มโอกาสเข้าถึงการศึกษาคุณภาพดี
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการ Upskill/Reskill ในยุคเปลี่ยนงานบ่อย

อัปเดตสินเชื่อเพื่อการศึกษา เรียนก่อนผ่อนทีหลัง ปี 2568

ปี 2568 ธนาคารพาณิชย์และ FinTech หลายรายออกโปรแกรม Study Now, Pay Later แข่งขันกันสูง ทั้งในกลุ่มธนาคารใหญ่ เช่น กสิกรไทย, กรุงศรี, ไทยพาณิชย์ และกลุ่ม FinTech อาทิ HURT, WisePay, Xpresso รวมถึงแพลตฟอร์ม EdTech ต่าง ๆ ก็ร่วมมือกับผู้ให้สินเชื่อมากขึ้น

ตัวอย่างสินเชื่อและโปรแกรมเด่น

  • KBank SNPL: ผ่อนชำระค่าเรียน 0% สูงสุด 18 เดือน สำหรับสถาบันพันธมิตร
  • SCB Education Loan: วงเงินสูงสุด 600,000 บาท ดอกเบี้ยต่ำ ผ่อนนาน 5 ปี
  • Krungsri GoLearn: เลือกผ่อน 0% หรือเริ่มผ่อนหลังจบได้ในบางหลักสูตร
  • FinTech SNPL: สมัครง่าย รู้ผลไว ไม่ต้องใช้ผู้ค้ำประกัน (บางเจ้า)

ขั้นตอนการสมัครและเอกสารที่ใช้

การสมัครสินเชื่อเพื่อการศึกษาแบบเรียนก่อนผ่อนทีหลังมักไม่ซับซ้อนเท่ากับสินเชื่อประเภทอื่น ๆ โดยทั่วไปมีขั้นตอนดังนี้:

  1. เลือกหลักสูตรหรือสถาบันที่ต้องการ
  2. ติดต่อสอบถามฝ่ายการเงินหรือเจ้าหน้าที่ Admissions ว่ารองรับโปรแกรม SNPL หรือไม่
  3. เตรียมเอกสารส่วนตัว เช่น บัตรประชาชน สลิปเงินเดือน/หนังสือรับรองรายได้ หลักฐานการลงทะเบียนเรียน
  4. สมัครผ่านธนาคาร/FinTech หรือผ่านสถาบันโดยตรง
  5. รออนุมัติและเซ็นสัญญา จากนั้นเริ่มเรียนได้ทันที

ข้อควรระวังและเงื่อนไขที่ต้องอ่านให้ละเอียด

  • ตรวจสอบเงื่อนไขดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม
  • ดูระยะเวลาผ่อนผันและยอดผ่อนต่องวด
  • เช็กว่าต้องใช้ผู้ค้ำประกันหรือไม่
  • อย่าลืมอ่านเงื่อนไขกรณีเรียนไม่จบ หรือลาออกกลางคัน

คำแนะนำสำหรับผู้สนใจสินเชื่อเพื่อการศึกษาในปี 2568

การขอสินเชื่อเพื่อการศึกษาไม่ต่างจากการวางแผนอนาคตด้านการเงิน การเปรียบเทียบข้อเสนอจากธนาคารและ FinTech ต่าง ๆ อย่างรอบคอบ สำคัญมาก เลือกโปรแกรมที่เหมาะกับรายได้ และวางแผนการผ่อนชำระให้สอดคล้องกับศักยภาพของตนเอง หากไม่มั่นใจควรขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญหรือสอบถามฝ่าย Admissions ของสถาบันโดยตรง เพื่อป้องกันปัญหาทางการเงินระยะยาว

เรียนก่อนผ่อนทีหลัง คือโอกาสทางการศึกษาในยุคใหม่

ในยุคที่ต้นทุนการศึกษาสูงขึ้นเรื่อย ๆ และตลาดแรงงานเปลี่ยนเร็ว สินเชื่อเพื่อการศึกษาแบบเรียนก่อนผ่อนทีหลังจึงกลายเป็นทางเลือกสำคัญที่ช่วยให้ทุกคนเข้าถึงการเรียนได้โดยไม่สะดุด เป็นอีกหนึ่งวิธีที่เปิดประตูสู่อนาคตที่ดีกว่าในปี 2568 อย่างแท้จริง

ทําบัตรเครดิตกรุงศรี ดีไหม เช็คสิทธิประโยชน์ 2025

บัตรเครดิตกรุงศรี (Krungsri Credit Card) ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดนิยมของคนไทยที่ต้องการความคล่องตัวทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้ใช้ทั่วไป คนทำงานประจำ หรือสายช้อปปิ้งที่ต้องการสิทธิพิเศษเพิ่มเติมในการใช้จ่าย วันนี้เราจะพาไปเจาะลึกข้อมูลสำคัญก่อนตัดสินใจ ทําบัตรเครดิตกรุงศรี ไม่ว่าจะเป็นประเภทบัตร เงื่อนไขสมัคร สิทธิประโยชน์ และข้อควรระวัง เพื่อช่วยให้คุณเลือกบัตรได้ตรงกับไลฟ์สไตล์ที่สุด

ประเภทของบัตรเครดิตกรุงศรียอดนิยม

1. บัตรเครดิต Krungsri Platinum

เหมาะสำหรับคนทำงานทั่วไป รายได้เริ่มต้นเพียง 15,000 บาท/เดือน มีสิทธิประโยชน์ครบทั้งรับเครดิตเงินคืน ผ่อนสินค้า 0% และคะแนนสะสม Krungsri Point

2. บัตรเครดิต Krungsri JCB Platinum

สายเที่ยวญี่ปุ่นไม่ควรพลาด ด้วยสิทธิพิเศษที่ครอบคลุมร้านค้าในญี่ปุ่นและทั่วเอเชีย พร้อมโปรโมชันเฉพาะจาก JCB

3. บัตรเครดิต Krungsri Signature

สำหรับผู้ที่มีกำลังซื้อสูง และต้องการสิทธิพิเศษเหนือระดับ เช่น ห้องรับรองสนามบิน ประกันการเดินทาง และคะแนนสะสมที่เร็วกว่า

4. บัตรเครดิต Krungsri First Choice Visa

เป็นบัตรสำหรับสายผ่อนจ่ายหรือผู้ที่เน้นการบริหารเงินแบบแบ่งชำระ ด้วยดอกเบี้ยพิเศษและโปรโมชันผ่อน 0% ทุกรายเดือน

สมัครบัตร Krungsri ออนไลน์รับกระเป๋าเดินทางฟรี

เงื่อนไขการสมัครบัตรเครดิตกรุงศรี

คุณสมบัติผู้สมัคร

  • อายุ 20-65 ปี สำหรับผู้ถือบัตรหลัก
  • มีรายได้ประจำขั้นต่ำ 15,000 บาท/เดือน (บางบัตรอาจต้อง 20,000 บาทขึ้นไป)
  • มีโทรศัพท์ที่ติดต่อได้ และมีที่อยู่ชัดเจนในประเทศไทย

เอกสารประกอบการสมัคร

  • สำเนาบัตรประชาชน หรือสำเนาพาสปอร์ต
  • สลิปเงินเดือนล่าสุด หรือหนังสือรับรองเงินเดือน
  • สำเนาสมุดบัญชีธนาคารย้อนหลัง 3-6 เดือน
  • สำหรับเจ้าของกิจการ: เอกสารการจดทะเบียนธุรกิจและรายการเดินบัญชี

สิทธิประโยชน์เด่นจากบัตรเครดิตกรุงศรี

คะแนนสะสม Krungsri Point

  • ทุกยอดใช้จ่าย 25 บาท รับ 1 คะแนนสะสม สามารถนำไปแลกของรางวัล บัตรกำนัล หรือไมล์สะสมสายการบินพันธมิตร

ผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 10 เดือน

  • เลือกผ่อนสินค้าไอที เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือแม้แต่ท่องเที่ยว ได้ง่าย ๆ ด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ

รับเครดิตเงินคืน และส่วนลดร้านค้า

  • สิทธิพิเศษจากร้านค้าชั้นนำ ห้างสรรพสินค้า สายการบิน และร้านอาหาร พร้อมเครดิตเงินคืนตามเงื่อนไขการใช้จ่าย

สิทธิประโยชน์ด้านการเดินทาง

  • บัตรระดับพรีเมียม เช่น Signature หรือ JCB มอบสิทธิ์เข้าใช้ห้องรับรองสนามบิน ประกันอุบัติเหตุระหว่างการเดินทาง และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินทั่วโลก

จุดเด่นของการทําบัตรเครดิตกรุงศรี

  • มีบัตรให้เลือกหลายแบบ ครอบคลุมทั้งผู้มีรายได้น้อยจนถึงระดับพรีเมียม
  • โปรโมชั่นร่วมกับแบรนด์ชั้นนำมากมาย ทั้ง Lazada, Shopee, Grab, Agoda ฯลฯ
  • มีระบบ Krungsri Mobile App ที่ช่วยตรวจสอบรายการใช้จ่าย, วงเงิน, และแลกคะแนนได้สะดวก

ข้อควรระวังและคำแนะนำ

1. วางแผนใช้จ่ายอย่างมีวินัย

แม้บัตรเครดิตจะช่วยให้การใช้จ่ายคล่องตัว แต่หากไม่มีวินัยในการชำระเงินเต็มจำนวน อาจส่งผลให้เกิดภาระดอกเบี้ยสะสม

2. ตรวจสอบโปรโมชั่นที่ร่วมรายการเสมอ

เพื่อให้ได้รับสิทธิ์สูงสุด ควรอ่านรายละเอียดเงื่อนไขให้ครบถ้วน เช่น ยอดขั้นต่ำ หรือวัน-เวลาที่ร่วมรายการ

3. เปรียบเทียบบัตรให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์

บัตรที่เหมาะกับสายช้อปออนไลน์ อาจไม่ตรงกับคนที่เน้นเดินทางหรือต้องการสิทธิประโยชน์เรื่องประกันชีวิตและสุขภาพ

ทําบัตรเครดิตกรุงศรี เหมาะกับใคร?

การทําบัตรเครดิตกรุงศรีเหมาะกับคนที่ต้องการเครื่องมือทางการเงินที่ยืดหยุ่น มีโปรโมชั่นครอบคลุมหลายไลฟ์สไตล์ และสามารถควบคุมวินัยการเงินได้ดี หากคุณกำลังมองหาบัตรที่มีระบบสะสมแต้ม ใช้จ่ายง่าย และมีระบบออนไลน์จัดการสะดวก บัตรเครดิตกรุงศรีก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าไม่น้อยในปี 2568 นี้

เปิดบริการต่อภาษีรถออนไลน์ผ่านแอปเป๋าตัง

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม แจ้งการเปิดตัวการให้บรริการต่อภาษีรถออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกรมการขนส่งทางบก และ ธนาคารกรุงไทย จำกัดมหาชน โดยประชาชนสามารถใช้บริการได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

การพัฒนาบริการต่อภาษีรถออนไลน์ผา่นแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง เป็นอีกหนึ่งนโยบายยกระดับหน่วยงานภาครัฐด้วยเทคโนโลยีเพื่อขับเคลื่อนประเทศสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ทางกระทรวงคมนาคม ได้มีการมอบหมายให้ ขบ. พัฒนาและนำเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพเข้ามาใช้เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานรวมถึงขยายความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆทั้งภายในและภายนอกกระทรวงคมนาคม ในส่วนพิธีการเปิดให้บริการต่อภาษีรถออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวเป็นผลลัพธ์ที่เห็นผล ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง ขบ. และ ธนาคารกรุงไทย ในการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่ต้องการชำระภาษีรถยนต์ประจำปี ยกระดับการให้บริการประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม และช่วยลดภาระด้านเวลา และ ค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาแถมยังสอดรับกับนโยบายของรัฐบาลและกระทรวมคมนาคมอีกด้วย

ดอกมะลิราคาขึ้นรับวันแม่แห่งชาติ หลังตกต่ำมานาน

เปิดเผยข้อมูลจากทางด้านรองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร แจ้งว่ามะลิปลูกจำหน่ายเป็นการค้า เช่น มะลิลา มีดอกสีขาว กลิ่มหอมออกดอกตลอดปี โดยดอกจะออกมามากในช่วงฤดูร้อน ตั้งแต่เดือนมีนาคม ไปจนถึงเดือนมิถุนายน และ ฤดูฝน ตั้งแต่เดือน กรกฎาคมไปจนถึงเดือนตุลาคม ปัจจุบันประเทศไทย มีเกษตรกร ผู้ปลูกมะลิประมาณ 929 ราย มีเนื้อที่เก็บเกี่ยวมะลิ 1,845 ไร่ สำหรับแหล่งผลิตที่สำคัญได้แต่ จังหวัดนครปฐม, นครสวรรค์, กำแพงเพชร และ พิจิตร มีปริมาณผลผลิตเฉลี่ยในปี 2567/2568 ประมาณ 500-600 กิโลกรัม ต่อไร่ เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา อัตราการเติบโตในด้านปริมาณผลผลิตเฉลี่ยลดลงร้อยละ 43.59 เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวน และปัญหาเรื่องโรคและแมลง

กรมส่งเสริมการเกษตร ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการรักษาเสถียรภาพของผลผลิตมะลิในระยะยาว และสอดคล้องกับเป้าหมายของการพัฒนาเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน ได้ดำเนินโครงการทดสอบและถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มผลผลิต การผลิตมะลิอย่างต่อเนื่องตลอดปี 2568 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มผลผลิตและคุณภาพของดอกมะลิให้สามารถรับมือกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดจนลดการระบาดของโรค และ แมลงศัตรูพืช สำหรับการผลิตดอกมะลิในช่วงเทศกาลสำคัญ จากข้อมูล 2567/2568 พบว่าราคาดอกมะลิมีความผันผวนตามฤดูกาล โดยในช่วงเดือนพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ 2567 ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 500-1000 บาท ต่อกิโลกรัม เนื่องจากเป็นช่วงที่ผลผลิตน้อย ส่วนในช่วงเดือนมีนาคม – กรกฎาคม และ เดือนกันยายน – ตุลาคม เฉลี่ยอยู่ที่ 200 – 500 บาทต่อกิโลกรัม เมื่อเทียบกับปี 2566/2567 ราคาเฉลี่ยในช่วงเดือนดังกล่าวต่ำลงคิดเป็นร้อยละ 26.32 คาดว่าในช่วงเดือนสิงหาคมเป็นช่วงเทศกาลวันแม่แห่งชาติ ทำให้ดอกมะลิจะปรับตัวสูงขึ้นช่วงระยะเวลาสั้นๆ เนื่องจากตลาดมีความต้องการสูงกว่าปกติ

เพื่อให้พี่น้องเกษตรกรได้รับผลตอบแทนอย่างเป็นธรรม และผู้บริโภคสามารถเข้าถึงผลผลิตทางการเกษตรได้ในราคาที่เหมาะสม กรมส่งเสริมการเกษตร ได้ส่งเสริมให้เกษตรกรเข้าถึงการเชื่อมโยงตลาดระหว่างแหล่งผลิตกับตลาดกลางและตลาดต่างจังหวัดเพื่อปรับสมดุลของราคา โดยเกษตรกรผู้ปลูกมะลิมีช่องทางจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น เช่นตลาดชุมชน หรือ จุดจำหน่ายเฉพาะในบางพื้นที่ ประกอบกับการเพิ่มช่องทางจำหน่ายของเกษตรกร เพื่อให้ผู้บริโภคมีทางเลือกเข้าถึงผลผลิตทางการเกษตรได้หลากหลายช่องทางในราคาที่เหมาะสม

 

Chat GPT-5 ประกาศเปิดตัวปัญญาประดิษฐ์รุ่นใหม่ล่าสุด

OpenAI ประกาศเปิดตัวโมเดลปัญญาประดิษฐ์ รุ่นใหม่ GPT-5 ถูกยกให้เป็นการอัปเกรดครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เปิดตัว ChatGPT สำหรับตัวล่าสุดมีความโดดเด่นในเรื่องการเขียนโค้ด, งานเขียนเชิงสร้างสรรค์ และ การใช้เหตุผลกับโจทย์ที่ซับซ้อนพร้อมรองรับการโต้ตอบที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น และลดโอกาสให้ข้อมูลผิดพลาดลง

CEO ของ OpenAI แซม อัลท์แมน พยายามอธิบายให้คนทั่วไปเห็นภาพความแตกต่างของความสามารถแต่ละเวอร์ชั่น ChatGPT ผ่านการเปรียบเทียบกับระดับการศึกษา โดย GPT-5 เปรียบเสมือนกับผู้เชี่ยวชาญปริญญาเอกในกระเป๋า สามารถให้คำตอบเชิงลึกครอบคลุม และใช้เหตุผลได้เกือบทุกเรื่อง เมื่อเทียบกับเวอร์ชั่นก่อนหน้า GPT-4o ที่เปรียบเสมือนกับนักศึกษามหาวิทยาลัย และ GPT-3.5 จะเทียบเท่ากับระดับมัธยมปลาย

ถึงแม้ GPT-5 จะถูกพัฒนาให้เก่งขึ้นเยอะมาก แต่ยังไม่ถึงกับเป็นปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป หรือ AGI ที่หลายๆคนเรียกกัน เพราะว่าโมเดลยังขาดความสามารถบางเช่น ยกตัวอย่างเช่น การเรียนรู้แบบต่อเนื่องในขณะที่ถูกใช้งาน

ใครสามารถใช้งาน GPT-5 ได้บ้าง

ทาง OpenAI ได้ออกมายืนยันว่า ทุกคนสามารถใช้งาน ChatGPT ได้ แต่เงื่อนไขจะแตกต่างกันตามประเภทของบัญชี

  • ผู้ใช้ฟรีจะใช้ GPT-5 ได้แค่รุ่นพื้นฐาน และมีข้อจำกัด ยกตัวอย่างเช่น จำนวนครั้งที่ถามต่อวัน หรือ ต่อชั่วโมง
  • ผู้สมัครแบบจ่ายเงิน หรือ Pro ได้สิทธิ์ฟีเจอร์เต็ม และ มีโควต้าในการใช้งานสูงกว่า

จากการรายงานหลายสำนักแจ้งว่าราคาแพ็กเกจก Pro ยังอยู่ที่ราวๆ 200 ดอลลาร์ต่อเดือน ซึ่งจะให้สิทธิ์เข้าถึงฟีเจอร์ขั้นสูง และ ปริมาณการใช้งานที่มากกว่า นอกจากทาง OpenAI เผยถึงตัวเลขล่าสุดว่า ChatGPT มีผู้ใช้งานประจำสัปดาห์เกือบ 700 ล้านคน และมีธุรกิจหลายล้านรายจ่ายเงินใช้บริการ ทำให้การอัปเกรดครั้งนี้เข้าถึงผู้ใชจำนวนมหาศาลทันทีที่เปิดให้ใช้งาน

ความสามารถใหม่ล่าสุด เขียนโค้ดสร้างเว็บได้ในนาทีเดียว

เป็นความสามารถที่โหดสุดๆ สำหรับ AI ตัวล่าสุดนี้ จากการทดสอบภายใน GPT-5 พบว่าโมเดลใหม่นี้มีอัตราการเกิดความผิดพลาดในข้อมูล หรือที่เรียกกันว่า hallucinations คือการสร้างข้อมูลผิดขึ้นมา ลดลงเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนๆ มีรายงานออกมาอีกด้วยจากแหล่งข่าวว่า GPT-5 ลดอัตราข้อผิดพลาดลง 45% เมื่อเทียบกับ GPT-4o ในการทดสอบที่เปิดใช้งานเว็บค้นหา บางรายงานระบุว่าตัวเลขของข้าผิดพลาด เมื่อเทียบกับรุ่นเก่ากว่าเช่น o3 นั้นมีมากกว่า OpenAI เปิดเผยว่าข้อมูลภายใน GPT-5 สามารถใช้โทรเคนหรือหน่วยคำที่ใช้คิดน้อยลงแต่กลับได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและแม่นยำขึ้น

การเขียนโค้ด GPT-5 สามารถสร้างเว็บไซต์ หรือ แอปพลิเคชั่นที่ซับซ้อนได้จากเพียงคำสั่งเดียว หรือที่เรียกว่า prompt เช่น การสาธิตทีมวิจัยสร้างเว็บสอบภาษีฝรั่งเศสที่มีแฟลชการ์ด เกม และ แบบทดสอบเสร็จภายในไม่กี่นาที โดยโค้ดที่ได้ ดูและง่าย และ แก้ Bug ได้เร็วขึ้น

ระบบคิดอัตโนมัติ และโหลดตัวเลือกบุคลิก

ข้อแตกต่างของ GPT-5 ก็คือระบบคิดอัตโนมัติ ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องตัดสินใจเองว่าจะใช้โมเดลแบบ reasoning ที่เหมาะกับงานคิดวิเคราะห์เชิงลึก หรือ โมเดลทั่วไปที่ตอบเร็วกว่า เพราะระบบจะประเมินคำถามและเลือกวิธีคิดที่เหมาะสมให้โดยอัตโนมัติ เพื่อให้ได้คำตอบที่แม่นยำและใช้ทรัพยากรที่คุ้มค่า OpenAI ยังเพิ่มความยืดหยุ่นด้านโทรการสนทนากด้วยการาให้เลือก บุคลิก หรือ Present Personalities ของ Chatbot ได้ 4 แบบด้วนกัน

  • โทรประชดแบบ Cynic
  • โทนตรงและมีประสิทธิภาพแบบ Robot
  • โทนอบอุ่นพร้อมรับฟังแบบ Listener
  • โทรเน้นข้อมูลเชิงลึกแบบ Nerd

GPT-5 ไม่ได้เพียงปรับแค่เชิงเทคนิค แต่ยังปรับสไตล์การตอบให้เข้ากับเนื้อหาและอารมณ์ของผู้ใช้ทำให้ประสบการณ์ใช้งานใกล้เคียงกับการคุยกับคนจริงมากขึ้น นอกจากนี้ GPT-5 ยังถูกออกแบบให้เข้าใข้งานได้หลากหลายรูปแบบทั้งการพิมพ์ข้อความและการส่งภาพ รวมไปถึงการสั่งงานด้วยเสียง อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อกับบริการอย่าง Gmail, Google Calendar และ รายชื่อติดต่อได้เมื่อผู้ใช้อนุญาตเพื่อช่วยจัดการตาราง, นัดหมาย และ ติดตามอีเมลได้อย่างสะดวก

 

 

แพ็กเกจเยียวยา ผลกระทบภาษีทรัมป์จากรัฐบาล

หลังจากที่ประเทศไทยได้มีการเจรจาภาษีกับสหรัฐอเมริกา ทำให้ได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่าประเทศไทย จะถูกเก็บภาษีตอบโต้ หรือ Reciprocal Tariff ที่อัตรา 19% ลดลงจากเดิมที่จะต้องจ่ายในอัตรา 36% โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2568 โดยมีเงื่อนไขสำคัญในการเปิดตลาดนำเข้าสินค้าจากสหรัฐอเมริกาในอัตรา 0% นับหมื่นรายการ รวมถึงมีการเปิดตลาดให้นำเข้าสินค้าเกษตร รวมถึงการเพิ่มโควต้าในการนำเข้าสินค้าเกษตรบางรายการที่มีความอ่อนไหวกับสหรัฐอเมริกา ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการหารือในรายละเอียดเพิ่มเติม ก่อนจะส่งลิสต์สินค้าที่ต้องแก้ไขภาษีศุลกากรให้กับที่ประชุมสภาฯเพื่อพิจารณา อาจจะต้องใช้เวลาอีกหลายเดือน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้เปิดเผยข้อมูลว่ารัฐบาลมอบหมายให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหาข้อสรุปแนวทางการเยียมยาผลกระทบจากภาษีทรัมป์ เพื่อกลับมาเป็นแนวทางที่เหมาะสม แต่ละธุรกิจได้รับผลกระทบที่แตกต่างกันออกไปเช่นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์, อาหารสำเร็จรูป และ เครื่องใช้ไฟฟ้า

3 มาตรการเยียวยาผลกระทบจากภาษีทรัมป์

สำหรับมาตรการที่ถูกออกมาเพื่อเยียวยาภาษีทรัมป์นั้น ออกมาเพื่อ 3 กลุ่มเป้าหมายหลักๆได้แก่ พี่น้องเกษตรกร, ผู้ส่งออก และ SME ในซัพพลายเชนการส่งออกตลาดสหรัฐ

  1. มาตรการทางภาษี สนับสนุนผู้ประกอบการปรับตัวช่วงเปลี่ยนผ่านภาษี 19% ด้วยการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล และ การลดภาษีเงินได้นิติบุคคล หรือ การให้เครดิตภาษี
  2. มาตการ Soft Loan ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ 200,000 ล้านบาท ประสานธนาคารพาณิชย์ร่วมให้ Soft Loan ระยะแรก และให้ Soft Loan กับผู้ประกอบการที่ขาดเงินสด พิจาณาใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจที่เหลืออีก 24,000 ล้านบาท เพื่อชำระหนี้คืน ธ.ก.ส., EXIM Bank เพื่อให้ปล่อยกู้ได้มากขึ้น
  3. เงินอุดหนุนจากภาครัฐ เบื้อต้นดำเนินการผ่าน 2 กองทุน กองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขับของประเทศ สำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย คณะรัฐมนตรีอนุมัติงบประมาณเพิ่ม 10,000 ล้านบาท แนวทางการช่วยเหลือให้เงินลงทุนปรับปรุงเครื่องจักรเป็ฯดิจิทัลมากขึ้น และ จัดทำ Business Matching ให้ผู้ประกอบการเช่น Supply Chain ของ EV นอกจากนี้ยังมีกองทุนช่วยเหลือเพื่อการปรับตัวของภาคการผลิต และ ภาคบริการที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้ากองทุน FTA

ภาคเอกชนต้องการความช่วยเหลือที่แตกต่างกันออกไป

ข้อมูลจากทางด้าน รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี แจ้งว่ามาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่รัฐบาลได้เตรียมออกมาได้หารือกับผู้ประกอบการมาอย่างต่อเนื่อง โดยดูเป็นรายกลุ่มสินค้าที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งผู้ประกอบการแต่ละกลุ่มมีความต้องการที่แตกต่างกันออกไป สำหรับกลุ่มผู้ส่งออกอัญมณี และ เครื่องประดับ มีการหารือภาระภาษีนำเข้าของสหรัฐที่เพิ่มขึ้น โดยในช่วงแรกผู้นำเข้าอาจรับภาระจากภาษี 40% ของมูลค่าภาษีนำเข้าทั้งหมด และ 40% ขอให้รัฐช่วยแบ่งจ่าย ส่วนอีก 20% อาจส่งต่อให้ผู้บริโภคในสหรัฐหรือการขึ้นราคาสินค้ากับผู้นำเข้าสหรัฐทั้งนี้กลุ่มผู้ส่งออกอัญมณี และเครื่องประดับอาจขอเวลาปรับตัว 1-2 ปี โดยอาจจะขอเป็นมาตรการทางภาษี เช่น การขอลดหย่อนภาษี แทนการขอ Soft Loan และช่วยระหว่างนี้รัฐจะหากลไกอื่นในการเก็บภาษีคืนควบคู่กันไป

กลไกองทุนเพิ่มขีดความสามารถที่ผ่านมาได้รับการอนุมัติวงเงินไป 10,000 ล้านบาท เป็นหนึ่งในแนวทางที่ช่วยให้ผู้ประกอบการปรับเปลี่ยนภาคการผลิตให้สามารถแข่งขันได้ในช่วงที่มีการเปลี่ยนผ่านภาษีครั้งนี้ ในส่วนของการเจรจาข้อตกลงร่วมค้าระหว่างไทย กับสหรัฐ หรือ Join Agreement ซึ่งตอนนี้ทีมไทยต้องไปเจรจาในรายละเอียดสินค้ากว่า 10,000 รายการที่ต้องเปิดตลาดให้กับสหรัฐ รวมถึงสินค้าเกษตรบางรายการที่มีกลไกในการดูแลเกษตรกรในประเทศก่อนเช่น ข้าวโพด จะรับซื้อผลผลิตในประเทศทั้งหมดก่อนที่จะพิจารณนำเข้า พร้อมประกาศราคารับซื้อผลิตในราคานำตลาดเพื่อการันตีว่าผลผลิตที่มีในประเทศจะได้รับการรับซื้อทั้งหมด

 

กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งสภาพอากาศวันที่ 8 สิงหาคม 2568

เปิดเผยข้อมูลล่าสุดจากทางด้าน กรมอุตุนิยมวิทยา เกี่ยวกับสภาพอากาศวันที่ 8 สิงหาคม 2568 แจ้งเตือนว่ามีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมทั่วประเทศไทย ทำให้มีฝนฟ้าคะนองในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งประมาณ 60% ของพื้นที่ และยังมีการประกาศรายชื่อ 41 จังหวัดทั่วประเทศให้เฝ้าระวังพายุฝนล่าสุด ส่วนทะเลอันดมัน อ่าวไทย มีคลื่นสูง 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง

ลักษณะอากาศทั่วไปวันที่ 8 สิงหาคม 2568 มีแนวโน้มฝนตกหนัก

พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบนและประเทศเวียดนามตอนบนประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และ อ่าวไทย

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทย มีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามัน และอาวไทยยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

พยากรณ์อากาศสำหรับประทเศไทย เวลา 06.00 น. วันนี้ถึง 06.00 น. วันพรุ่งนี้

  • สภาพอากาศภาคเหนือ มีฝนตกร้อยละ 40% ของพื้นที่
  • สภาพอากาศภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนตกร้อยละ 30% ของพื้นที่
  • สภาพอากาศภาคกลาง มีฝนตกร้อยละ 40% ของพื้นที่
  • สภาพอากศภาคตะวันออก มีฝนตกร้อยละ 60% ของพื้นที่
  • สภาพอากาศภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนตกร้อยละ 40% ของพื้นที่
  • สภาพอากศภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกร้อยละ 40% ของพื้นที่
  • สภาพอากาศกรุงเทพ และ ปริมณฑล มีฝนตกร้อยละ 60% ของพื้นที่

 

สมัครประกันเดินทาง MSIG Travel Easy

หากคุณกำลังวางแผนเดินทางต่างประเทศในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว พักผ่อน หรือดูงาน สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือการทำประกันเดินทางที่ช่วยคุ้มครองทั้งอุบัติเหตุ เจ็บป่วย และเหตุไม่คาดฝันต่าง ๆ ซึ่งหนึ่งในแผนที่ได้รับความนิยมสูงจากผู้เดินทางชาวไทยคือ MSIG Travel Easy บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับรายละเอียดของแผนประกัน พร้อมวิธีสมัคร และข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อ

MSIG Travel Easy คืออะไร?

MSIG Travel Easy เป็นแผนประกันเดินทางต่างประเทศที่ออกแบบมาเพื่อให้ความคุ้มครองครอบคลุมทั้งสุขภาพและเหตุฉุกเฉินระหว่างการเดินทางในต่างประเทศ โดย MSIG เป็นบริษัทประกันภัยระดับโลกที่ได้รับความเชื่อถือจากผู้ใช้บริการทั่วโลก ให้บริการประกันทั้งรายเที่ยวและรายปี

  • นักท่องเที่ยวที่เดินทางระยะสั้น (รายเที่ยว)
  • นักธุรกิจที่เดินทางบ่อย (รายปี)
  • นักเรียน นักศึกษาที่ไปเรียนต่อต่างประเทศ
  • ผู้ที่ต้องการความอุ่นใจระหว่างเดินทางทุกประเภท

จุดเด่นของประกัน MSIG Travel Easy

  • คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลต่างประเทศ สูงสุด 4 ล้านบาท (ขึ้นอยู่กับแผน)
  • คุ้มครองการยกเลิก/เลื่อนการเดินทาง เที่ยวบินล่าช้า หรือกระเป๋าหาย
  • ครอบคลุม COVID-19 ตามเงื่อนไขกรมธรรม์
  • บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม. ทั่วโลก
  • เคลมง่าย ผ่านออนไลน์หรือแอป MSIG SpeeDi

แผนประกัน MSIG ที่มีให้เลือก

แผน ค่ารักษาพยาบาลต่างประเทศ อุบัติเหตุส่วนบุคคล สัมภาระหาย เบี้ยประกัน (เริ่มต้น)
Travel Easy Eco 1,000,000 บาท 1,000,000 บาท 20,000 บาท เริ่มต้น 250 บาท
Travel Easy Plus 2,000,000 บาท 1,500,000 บาท 30,000 บาท เริ่มต้น 390 บาท
Travel Easy Premier 4,000,000 บาท 2,000,000 บาท 50,000 บาท เริ่มต้น 520 บาท

ขั้นตอนการสมัครประกัน MSIG Travel Easy

1. เลือกแผนที่เหมาะกับการเดินทาง

ตรวจสอบประเทศปลายทาง และระยะเวลาการเดินทาง เพื่อเลือกแผนคุ้มครองที่เหมาะสม เช่น ถ้าเดินทางหลายประเทศ หรือมีกิจกรรมผจญภัย อาจต้องเลือกแผนที่ครอบคลุมเป็นพิเศษ

2. สมัครผ่านช่องทางออนไลน์

สามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ www.msig-thai.com แล้วเลือกเมนู “ประกันเดินทาง” จากนั้นกรอกข้อมูลส่วนตัว กำหนดวันเดินทาง และเลือกแผนที่ต้องการ ระบบจะแสดงราคาและรายละเอียดความคุ้มครองให้ตรวจสอบก่อนชำระเงิน

3. ชำระเงินและรับกรมธรรม์

เมื่อชำระเงินเสร็จ ระบบจะส่งกรมธรรม์เข้าทางอีเมลทันที และสามารถโหลดไฟล์ PDF เพื่อใช้แสดงต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (กรณีจำเป็น) หรือใช้ยื่นขอวีซ่าบางประเทศได้

4. ดาวน์โหลดแอป MSIG SpeeDi

แนะนำให้ดาวน์โหลดแอป SpeeDi เพื่อใช้ดูข้อมูลกรมธรรม์, ติดต่อขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน หรือยื่นเคลมผ่านแอปได้สะดวกในระหว่างเดินทาง

สมัครประกันเดินทาง MSIG Travel Easy รับส่วนลดพิเศษ

ข้อควรรู้ก่อนสมัครประกันเดินทาง MSIG

  • อายุที่รับประกันอยู่ระหว่าง 1 – 75 ปี (แผนบางประเภทมีข้อยกเว้นเพิ่มเติม)
  • ควรสมัครล่วงหน้าก่อนวันเดินทางอย่างน้อย 1 วัน
  • ไม่ครอบคลุมการเจ็บป่วยจากโรคประจำตัว หรือการตั้งครรภ์
  • ไม่คุ้มครองเหตุที่เกิดจากการดื่มสุราหรือยาเสพติด
  • สามารถใช้ยื่นขอวีซ่าชengen, ญี่ปุ่น หรือประเทศที่ต้องการประกัน

MSIG Travel Easy ดีไหม

MSIG Travel Easy เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการประกันเดินทางที่คุ้มค่า ครอบคลุม และเชื่อถือได้ มีให้เลือกหลายแผนตามงบประมาณและลักษณะการเดินทาง การสมัครก็สะดวกผ่านระบบออนไลน์ พร้อมบริการช่วยเหลือทั่วโลก 24 ชั่วโมง ทำให้คุณมั่นใจได้ตลอดการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นทริปสั้นหรือยาว MSIG ก็มีแผนให้คุณเลือกอย่างยืดหยุ่น

วันหยุดพิเศษเพิ่มเติม สิงหาคม 2568

เดือนสิงหาคม 2568 เป็นเดือนที่มีการค้นหา และ ถูกพูดถึงเกี่ยวกับวันหยุดยาวในเดือนสิงหาคม 2568 ค่อนข้างเยอะมาก เนื่องจากในเดือนสิงหาคม 2568 นั้นมี วันแม่แห่งชาติ เป็นวันหยุดราชการ วันหยุดธนาคาร ใครที่กำลังวางแผนจะเดินทางไปเที่ยว แนะนำเช็คปฎิทินเอาไว้เลย ว่าจะลาเพิ่ม เพื่อไปเที่ยวต่างประเทศ หรือ จะเที่ยวในประเทศดี สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถดูได้ด้านล่าง

วันหยุดเดือน สิงหาคม 2568

สำหรับวันหยุดเดือนสิงหาคม 2568 และเป็นช่วงวันหยุดยาว

  • วันจันทร์ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดเพิ่มกรณีพิเศษ หยุดทั้งข้าราชการ และ ธนาคาร
  • วันอังคารที่ 12 สิงหาคม 2568 วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง และวันแม่แห่งชาติ หยุดทั้งข้าราชการ และ ธนาคาร

จากวันหยุดดัวกล่าว จะทำให้เดือนสิงหาคม 2568 จะมีวันหยุดยาวถึง 4 วันติดต่อกัน ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 9 สิงหาคม 2568 ไปจนถึงวันอังคารที่ 12 สิงหาคม 2568 อย่างไรก็ตาม สำหรับวันที่ 11 สิงหาคม พนักงานบริษัทเอกชน ต้องรอการประกาศจากบริษัทก่อนว่า วันจันทร์ที่ 11 สิงหาคม 2568 จะเป็นวันหยุดหรือไม่ ถ้าบริษัทไหนมีมาตรการว่าไม่ให้เป็นวันหยุด อาจจะต้องใช้วันลาเพื่อลาหยุดในวันจันทร์ที่ 11 สิงหาคม 2568 ถ้าต้องการจะหยุดยาว 4 วันติด